ตอนที่ 790 เตรียมตัวเดินทาง
เสียงดังจากด้านหลังของหยางหยาง ทำให้เขาและเฉิงเฉิงทั้งคู่ตกใจ โดยเฉพาะหยางหยาง รอยยิ้มสดใสของเขาตอนนี้กลายเป็นความหม่นหมอง
ที่พวกเขาได้ยินมันนี่คือเสียงของเป่หมิงโม่
หยางหยางหันกลับมาทันที “พ่อ ผมล้อเล่นกับเฉิงเฉิงเท่านั้น ผมดีขึ้นแล้วเห็นมั้ย… ” ในขณะที่เขาพูด เขาก็ขยับขาที่บาดเจ็บ
แม้ว่าตอนนี้มันจะยังไม่หายดี แต่เพื่อออกไปเที่ยวข้างนอก เขากัดฟันทนความเจ็บปวดแล้วเดินถอยหลังตามปกติ
จากนั้นเขาก็ยืนตรงหน้าเป่หมิงโม่: “พ่อฮะ ผมปกติแล้ว พ่อพาผมออกไปเที่ยวได้นะ”
เฉิงเฉิงยืนอยู่ที่ประตูมองหยางหยางแบบนี้อยากจะหัวเราะ แต่เขาไม่กล้าที่จะหัวเราะออกมาเพราะการปรากฏตัวของพ่อของเขา
หยางหยางเป็นคนฉลาดทั่วไปที่ถูกเข้าใจผิดด้วยความฉลาด เพื่อไม่ต้องพาหมาออกไปเดินเล่น จึงคิดหาข้ออ้างที่เส็งเคร็ง แต่สุดท้ายเขาก็ต้องทนทุกข์ทรมาน
เป่หมิงโม่ดูการสาธิตของหยางหยางและพบว่ามันน่าสนใจมาก โดยปกติเขาสนใจแค่งานและไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กๆ ไม่รู้ว่าการได้อยู่กับเด็กๆจะสนุกมาก
เขายังคงพูดกับหยางหยางอย่างเข้มงวด “ตอนแรกพ่อไม่ได้ให้ลูกเลี้ยงหมาตัวนั้น แต่ลูกกลับอยากเลี้ยง ตอนนี้กลับกำลังแก้ตัวที่จะไม่พามันไปเดินเล่น แบบนี้เรียกว่ามีความรับผิดชอบไหม ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ถ้าพูดอะไรไปแล้วต้องรับผิดชอบด้วยรู้ไหม”
“พ่อฮะ ผมรู้ว่าทำผิดไปแล้ว ผมจะออกไปกับเชี่ย” หยางหยางก้มศีรษะลงและเขาก็รู้ว่าเขาทำอะไรผิด ช่วงหลายวันมานี้ไม่ค่อยสนใจมันนัก เรื่องอาหารก็ให้คนรับใช้เอาให้
หยางหยางหันหลังเดินไปที่บันได ไม่นานเขาก็มาถึงประตูที่ชั้นหนึ่ง
“’เชี่ย’ ออกไปวิ่งกันเถอะ” หยางหยางพูดพลางตบกระดานไม้ของบ้านสุนัข
“โฮ่ง… ” เบลล่ายื่นหัวออกมาและกระพริบตา มองไปที่หยางหยางอย่างเศร้าๆราวกับว่าบ่นกับหยางหยาง
หยางหยางรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยเมื่อเห็นแบบนี้ “ฉันขอโทษจริงๆที่ฉันทิ้งนายไปช่วงนี้ เชื่อฉันต่อไปฉันจะไม่ละเลยนายอีก ตอนนี้ฉันเป็นผู้ชายและฉันต้องทำในสิ่งที่ฉันพูด”
***
ถนนหน้าบ้านบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงไม่ค่อยมีรถผ่าน
บนถนนสายนี้มีสองร่าง หนึ่งคนและสุนัขหนึ่งตัว ข้างๆพวกเขามีต้นไม้เขียวขจีสองแถวและมีถนนที่ไม่สิ้นสุดอยู่ข้างหน้า
หยางหยางเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เบลล่ากระดิกหางอย่างมีความสุขและวิ่งตามหยางหยาง
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาหยางหยางพาเบลล่ากลับไปที่บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง
เมื่อพวกเขามาถึงประตูครั้งแรกมีรถคันหนึ่งขับมาฝั่งตรงข้ามและบีบแตรราวกับจะทักทายพวกเขา
หยางหยางจำได้ว่ามันเป็นรถของแม่ได้อย่างรวดเร็ว
กู้ฮอนขับรถเข้าไปในสนาม
เมื่อเธอลงจากรถหยางหยางก็จับเบลล่ามายืนข้างๆเธอ
“แม่คุณมาเร็วจัง” หยางหยางทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม
“โฮ่งๆ… ” เบลล่าเงยหน้าขึ้นและมองไปที่กู้ฮอนกระดิกหางตลอดเวลาราวกับจะทักทายเธอ
กู้ฮอนยิ้มเล็กน้อยให้พวกเขา จากนั้นก็ยื่นมือออกไปแล้วจับมือเล็กๆของหยางหยาง “ไม่นึกเลยว่าเจ้าหมูขี้เกียจตัวเล็กๆ ตื่นเช้าเป็นด้วย แถมก็ออกมาเดินเล่นสุนัขอย่างเชื่อฟังอีกด้วย”
เขาดันมือเล็กๆอีกข้างของเขาไปที่เอวของเขาอย่างภาคภูมิใจ “ฮ่าๆ วันนี้พิเศษนี่ฮะ”
กู้ฮอนยื่นมือออกมาและเกาจมูกเล็กน้อยของเขาเบาๆ “แม่เพิ่งรู้ว่าลูกตื่นเช้าได้นะเนี่ย”
พวกเขาเดินเข้าไปในบ้านที่ขณะนี้เป่หมิงโม่กำลังนำเฉิงเฉิงไปที่ห้องอาหาร
ในเวลานี้คนใช้ได้เตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว
“แม่” เฉิงเฉิงทักทายกู้ฮอน
เป่หมิงโม่ก็เห็นแม่ลูกเข้ามา เขาพยักหน้าเล็กน้อยให้เธอแล้วพูดว่า “คุณยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ย ทานข้าวด้วยกันสิ”
กู้ฮอนพยักหน้าและเดินตามพวกเขาเข้าไปในห้องอาหารพร้อมกับหยางหยาง
“ฮอนมาเหรอ” เจียงฮุ่ยซินทักทายอย่างอบอุ่นในห้องอาหาร
กู้ฮอนยิ้มและพยักหน้าให้เธอ “ป้าซิน อรุณสวัสดิ์ค่ะ” จากนั้นเธอก็นั่งตรงข้ามเจียงฮุ่ยซิน
เฉิงเฉิงและหยางหยางทั้งสองนั่งถัดจากกู้ฮอน
เป่หมิงโม่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมของเขา
“เฉิงเฉิง หยางหยาง ต้องกินให้อิ่มนะ ไม่งั้นจะไม่มีแรงเล่นนะ” เจียงฮุ่ยซินพูดกับเด็กทั้งสองด้วยรอยยิ้มที่ใจดีบนใบหน้า
เฉิงเฉิงหยิบแก้วนมและพยักหน้าให้เธอ “คุณย่า โอเคฮะ คุณย่าอายุมากแล้ว ดื่มนมเพื่อสุขภาพที่ดีนะฮะ” เขาจะซ่อนตัวเองไว้ดีมาก สำนวนและคำพูดเป็นธรรมชาติมากขึ้น
แต่เขาหันหน้าไปมองที่หยางหยาง แม้ว่าเขาจะซ่อนอารมณ์ภายในของเขาไว้ แต่เขาก็ไม่ดีเท่าเฉิงเฉิง
เขาไม่ได้พูดอะไร เลยถือแก้วนมไว้ในมือข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งใส่แซนวิชเข้าปาก
“ป้าซิน ดูหยางหยางสิคะ เขากินเหมือนหมาป่าตัวน้อย” กู้ฮอนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เป่หมิงโม่เหลือบมองหยางหยางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กินข้าวต้องค่อยๆเคี้ยว”
หยางหยางชะลอตัวลงหลังจากฟังคำพูดของเป่หมิงโม่
พูดตามตรงเขาไม่อยากกินแบบนี้ แต่เขาไม่อยากคุยกับย่าของเขา เมื่อเขานึกถึงคำพูดของย่าที่เขาเคยได้ยินก็รู้สึกโกรธในใจ เขาอยากจะเปลี่ยนความโกรธให้เป็นความอยากอาหาร
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงทุกคนก็รับประทานอาหารเช้าเสร็จ คนรับใช้วางขวดน้ำ เสื่อปิกนิก เต็นท์และอาหารกลางวันที่เตรียมไว้ในรถของเป่หมิงโม่
“โม่ ฮอน เฉิงเฉิง หยางหยาง วันนี้พวกเราต้องสนุกมากแน่ๆ” เจียงฮุ่ยซินยืนด้านนอก โบกมือให้คนทั้งสี่ที่นั่งอยู่ข้างในขณะที่มองตาม
***
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้ากู้ฮอนและเฉิงเฉิงโบกมือให้เจียงฮุ่ยซินซึ่งยืนอยู่นอกรถ แต่หยางหยางเพียงแค่โบกมือราวกับว่าเขากำลังจัดการธุระ จากนั้นก็หันหน้าไปทันทีโดยไม่หันไปมองคุณย่าข้างรถ
รถสตาร์ทออกจากบ้านอย่างช้าๆแล้วขับเข้าสู่ทางหลวง
กู้ฮอนและเฉิงเฉิงนั่งแถวหลังส่วน หยางหยางนั่งด้านหน้า เป็นครั้งแรกเขาไม่เคยได้นั่งแถวเดียวกับเป่หมิงโม่มาก่อน
สายตาของเขาจ้องมองไปที่การเคลื่อนไหวในการขับขี่ของเป่หมิงโม่ ตอนนี้เขาเป็นแฟนรถ และมักจะออนไลน์เพื่อดูวิดีโอต่างๆเกี่ยวกับรถยนต์หลังจากทำการบ้านเสร็จ
“ลูกกำลังมองอะไร” เป่หมิงโม่ขับรถ หางตาของเขาเหลือบมองไปที่หยางหยางที่นั่งอยู่ในที่นั่งผู้โดยสาร
“ผมกำลังดูพ่อขับรถฮะ” หยางหยางตอบอย่างเรียบง่าย
เป่หมิงโม่ยิ้มที่มุมปาก “โอ้ ลูกสนใจขับรถเหรอ”
หยางหยางพยักหน้าอย่างจริงจัง “ผมคิดว่าการขับรถน่าจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ครั้งล่าสุดที่ผมเห็นการแข่งขันแรลลี่ทางอินเทอร์เน็ต คนขับรถรถแข่งสีสันหลากหลายข้ามเนินทราย โคลน หญ้า โขดหินและทะเลทรายจนมาถึงเส้นชัยในที่สุดมันเจ๋งมากฮะ ผมอยากเรียนรู้วิธีการขับรถและผมจะเข้าร่วมการแข่งขันนั้นด้วย”
กู้ฮอนนั่งอยู่แถวหลัง เมื่อได้ยินเสียงตื่นเต้นของหยางหยางที่มีการแข่งรถก็กังวลขึ้นมาทีนที
แม่ทุกคนเป็นเช่นนี้ อยากจะปกป้องลูกและให้ลูกอยู่ห่างจากอันตราย
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่า ‘ดาการ์แรลลี่’ คืออะไร แต่หลังจากได้ยินคำอธิบายง่ายๆของหยางหยางเธอก็คัดค้านทันที“ หยางหยาง ฟังแม่นะ แม่ไม่อนุญาตให้ลูกเข้าร่วมในกิจกรรมที่อันตรายแบบนี้ เช่นเดียวกับเฉิงเฉิง ตั้งใจเรียนและลูกจะมีอนาคตที่ดี”
ทันทีที่เสียงของกู้ฮอนพูดจบ เป่หมิงโม่ก็พูดอีกครั้ง “ฮอน ผมไม่เห็นด้วยกับมุมมองของคุณ มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะมีงานอดิเรกและผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องเลวร้ายที่เขาชอบแข่งรถนะ”
เป่หมิงโม่พูดแทนหยางหยางซึ่งทำให้ทุกคนในรถประหลาดใจรวมทั้งหยางหยางด้วย
ในวันปกติหยางหยางไม่ฟังเขาและบางครั้งก็มีอุปสรรคเล็กน้อยเกิดขึ้น โดยไม่คาดคิดว่าเขาอยู่เคียงข้างกับหยางหยางในเรื่องนี้
ด้วยการสนับสนุนจากพ่อของเขา หยางหยางดูเหมือนจะมีเครื่องรางของขลัง เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและพูดว่า “พ่อสอนผมขับรถหน่อยฮะ ผมเห็นพ่อขับรถพวงมาลัยไม่ขยับมากแค่เหยียบคันเร่ง รถก็เคลื่อนไปเลย ท่าทางไม่ยาก”
กู้ฮอนจ้องหยางหยางอย่างดุๆ จากนั้นมองไปที่เป่หมิงโม่ที่กำลังขับรถอยู่อย่างเคร่งเครียด
คำตอบปัจจุบันของเขาน่าจะส่งผลต่อชีวิตของหยางหยาง
เป่หมิงโม่หันศีรษะและมองไปที่หยางหยางเพียงเพื่อดูว่าดวงตาของหยางหยางเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เขาไม่พูดและรีบหันกลับไปขับรถอย่างตั้งใจ รถเงียบเมื่อครู่
“พ่อฮะ” หยางหยางถามอย่างไม่แน่ใจ
ตอนนี้เป่หมิงโม่พูดว่า “พ่อสอนลูกขับรถได้”
ประโยคนี้ทำให้หยางหยางตาสว่างขึ้นมาทันทีและเขาก็เหยียดแขนเล็กๆของเขาออก “เย้ ขอให้พ่อจังเจริญ!”
ในเวลาเดียวกันคิ้วของกู้ฮอนผูกกันเป็นปม เธอกำลังจะพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึงเมื่อเธอเห็นเป่หมิงโม่ ยื่นมือขวาออกมาและแกว่งไปมาเบาๆ กวักมือเรียกไม่ให้เธอพูด
จากนั้นเขาก็พูดต่อไปว่า “พ่อจะสอนลูกขับรถ แต่ลูกต้องสัญญาเงื่อนไขนึงกับพ่อก่อน”
***
หยางหยางตื่นเต้น “พ่อพูดออกมาเลยฮะ ฉันจะสัญญากับทุกเงื่อนไข”
เป่หมิงโม่เลิกคิ้วเบาๆ และมุมปากของเขาโค้งขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าสนใจ
เขาค่อยๆพูดว่า “เงื่อนไขของพ่อง่ายมาก นั่นคือผลการเรียนของลูกต้องอยู่ในสามอันดับแรกของทั้งปี”
หยางหยางมีความสุขเมื่อได้ยิน นึกว่าอะไรซะอีก ตอนนี้เขาอยู่ในสิบอันดับแรกของชั้นเรียนและไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะติดสามอันดับแรกของทั้งปี สามารถทำได้โดยใช้ความพยายามอีกเล็กน้อย
กู้ฮอนคิดว่านี่เป็นเงื่อนไขเหรอ นอกจากนี้เธอยังรู้ด้วยว่าผลการเรียนล่าสุดของหยางหยางก้าวหน้าไปมากและสติปัญญาของเขาจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
เฉิงเฉิงเป็นตัวอย่างที่ดีตอนนี้ ถ้าเขากลับไปเรียนชั้นประถมกับหยางหยาง นับประสาสามอันดับแรกตลอดทั้งปี ที่หนึ่งก็ไม่เรื่องยากเกินความสามารถ
“ได้ฮะ ผมสัญญากับพ่อว่าผมจะสอบติดสามอันดับแรกของชั้นเรียนสำหรับการสอบปลายภาคเรียนนี้” หยางหยางสัญญา
เป่หมิงโม่กล่าวต่อไปว่า “อย่ามัวแต่สัญญา พ่อยังพูดไม่จบ เงื่อนไขของพ่อคือลูกต้องอยู่ในสามอันดับแรกของชั้นปีจนกว่าลูกจะจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย หากลูกขาดครั้งไหนไป ไม่ต้องพูดการแข่งรถเลย แม้แต่การเรียนขับรถก็ไม่ได้ด้วย”