ตอนที่ 795 ลูกชายท่านประธานจะเปิดถาวเป่า
“อ้อ ไม่เป็นไร วันนี้พวกเรานำอาหารมาเอง” Brownพูดจบ ก็ถอดเอากระเป๋าเป้ที่อยู่ด้านหลังของตัวเองลงมา
ในเวลาเดียวกัน จ้าวจิ้งอี๋ก็ให้พ่อของตัวเองเอาอาหารที่พวกเขาพามาวางลงบนเสื่อปิกนิก
***
โชคดีที่เสื่อปิกนิกที่พวกเขานำมานั้นมีขนาดใหญ่เพียงพอ อาหารของทั้งสามครอบครัวที่วางอยู่ด้านบนนั้นยังมีมากมายอีกด้วย
หยางหยางแทบจะเป็นบ้า นานมากแล้วที่เขาไม่ได้กินข้าวด้วยกันกับคนจำนวนมาก
เขาหยิบถุงขนมส่งให้กับRebeccaอย่างกระตือรือร้น
และจ้าวจิ้งอี๋ก็เอาขนมที่แม่ทำด้วยตัวเองส่งให้กับเฉิงเฉิง
กู้ฮอนเฝ้าดูจากด้านข้าง ในใจอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล ลูกทั้งสองของตัวเองยังเล็กมาก คงไม่น่าจะมีแนวโน้มที่จะตกหลุมรัก…..
อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักเขาก็ทิ้งความคิดดังกล่าวออกไป
“พ่อ พ่อเอาเนื้อสดมากมายขนาดนี้มาทำอะไร” หยางหยางพลิกกล่องอาหารที่ซ้อนกันอยู่ในรถเข็นคันเล็ก
เป่หมิงโม่ลุกขึ้นยืน และหยิบเตาถ่านที่เตรียมไว้ออกมาจากรถ
เขาตั้งเตาอย่างเรียบร้อย เกลี่ยถ่านอย่างชำนาญ
“พ่อ พ่อเก่งมากเลย!” เมื่อหยางหยางเห็นว่ามีบาร์บีคิวกิน ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
วันนี้เป่หมิงโม่ทำลายข้อจำกัดของตัวเองจริงๆ กลายมาเป็นพ่อครัวด้วยตัวเอง และย่างบาร์บีคิวให้กับทุกคนที่นั่งอยู่ได้กินอย่างสุดฝีมือ
ทุกคนต่างชื่นชมฝีมือการทำอาหารของเป่หมิงโม่
เฉิงเฉิงและหยางหยางรับประทานด้วยความเอร็ดอร่อย หยางหยางพยักหน้าอยู่เรื่อย “พ่อ พ่อน่าจะไปอวดฝีมือใน ‘อาหารจีนโอชารส’ หลังจากนั้นผมและเฉิงเฉิงจะไปเปิดร้านในถาวเป่า(เว็ปไซส์สั่งของ) เอาบาร์บีคิวที่พ่อทำไปขาย”
เป่หมิงโม่หยุดกิจกรรมในมือลง หันหน้าไปมองหยางหยางด้วยใบหน้าที่เย็นชา “หรือว่าเงินในกระเป๋าของพวกเธอยังไม่พอใช้เหรอ”
เขามาสามารถที่จะยอมรับได้ ลูกชายของประธานบริษัทตระกูลเป่หมิงผู้สง่างามจะมาเปิดร้านใจถาวเป่า
ด้วยคำพูดของเป่หมิงโม่ ทุกคนที่นั่งอยู่ได้แต่เงียบลง พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าบรรยากาศในตอนนี้เหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างไม่ปกติ
แต่ในเวลานี้ พ่อของจ้าวจิ้งอี๋คิดวิธีการได้ในทันที เขายิ้มแล้วพูดว่า “สมกับที่เป็นลูกชายของประธานเป่หมิงจริงๆ อายุยังน้อยขนาดนี้แต่กลับมีหัวธุรกิจ อีกทั้ง ผมได้ยินมาว่าถาวเป่าได้รับความนิยมมาก เพียงแค่ ‘วันคนโสด’ ก็มียอดขายถึงหลายหมื่นล้าน ผมคิดว่าหากพวกเขาได้ทำขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะเป็นเรื่องดี”
กู้ฮอนยิ้มแล้วพูดว่า “คุณอะไรแบบนั้นเลย พวกเด็กๆก็ได้แต่พูดไปเรื่อยเปื่อย พวกเขาตอนนี้ยังต้องเรียนหนังสือ จะมีเวลาไหนไปทำเรื่องนี้”
คำพูดไม่กี่คำนี้ ก็ทำให้บรรยากาศที่ค่อนข้างจะเยือกเย็นผ่อนคลายลง
กู้ฮอนเหลือบไปมองหยางหยาง กระซิบลงที่ข้างหูเขา “นายนี่กินไม่หยุดปาก ช่างเป็นคนเปิดเผยจริงๆเลย”
*
บาร์บีคิวรสเด็ดของเป่หมิงโม่ในมื้อกลางวัน ทำให้ทุกคนกินแล้วต่างพึงพอใจ
ในช่วงครึ่งวันบ่ายที่เหลือ พวกผู้ใหญ่รวมตัวอยู่ด้วยกัน โดยมีเป่หมิงโม่เป็นแกนหลัก พูดคุยกันเกี่ยวกับธุรกิจด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างผ่อนคลาย
พวกเด็กๆทั้งสี่คนมองหาเครื่องเล่นอื่นๆที่น่าสนใจ
จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน พวกเขาก็กลับไปหาพ่อแม่ของตัวเอง
“คุณเป่หมิง คุณกู้ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีช่วงเวลาดีๆด้วยกันกับพวกคุณ หวังว่าคราวหลังคงจะมีโอกาสเช่นนี้อีก” Brownพูดพร้อมกับยื่นมือออกมา จับมือกับเปิหมิงโม่และกู้ฮอนตามลำดับ
จากนั้นพ่อแม่ของจ้าวจิ้งอี๋ ก็พูดบางอย่างกับพวกเขาเช่นกัน
สำหรับพวกเขาแล้ว บุคคลสำคัญของแวดวงห้างสรรพสินค้าของเป่หมิงโม่คงจะไม่สามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา
หลังจากการได้ติดต่อกันสั้นๆในวันนี้ ก็ทำให้เขาได้รับประโยชน์มากมายเช่นกัน
เขาจับมือของเป่หมิงโม่ไว้แน่น “ประธานเป่หมิง หวังว่าพวกเราคงจะมีโอกาสร่วมมือกันในอนาคต”
เป่หมิงโม่กลับก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือหันหน้าหนี เขาชี้ไปยังกู้ฮอนที่อยู่ด้านข้าง “หากวันข้างหน้ามีความร่วมมืออะไรก็ติดต่อเธอนะ เธอเป็นผู้ช่วยพิเศษของผม”
***
คำพูดของเป่หมิงโม่ทำให้ต้องตกตะลึง
กู้ฮอนหันไปมองเขาด้วยความไม่พอใจ มีใครจะเหมือนเขาอีก ออกมาเที่ยวยังจะหาเรื่องมาให้เธออีก
ระหว่างเดินทางกลับ หยางหยางและเฉิงเฉิงดูจะตื่นเต้นมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาพอใจกับการท่องเที่ยวครั้งนี้มาก
ในตอนเย็น เป่หมิงโม่ขับรถกลับไปถึงบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง เจียงฮุ่ยซินหัวเราะชอบใจออกมาต้อนรับ “โม่ กู้ฮอนพวกเธอกลับมาแล้ว”
พูดจบก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะเฉิงเฉิงและหยางหยาง “หลานรัก วันนี้ได้ไปเล่นสนุกไหม”
เฉิงเฉิงยิ้มให้เจียงฮุ่ยซิน “คุณย่า วันนี้พวกเราเล่นสนุกมากเลย พวกเราได้เจอกับเพื่อนอีกสองคน ตอนเที่ยง พ่อทำบาร์บีคิวให้ผมกินกับมือเลย”
“ฮี่ๆ ดูหมือนว่าครั้งนี้จะเป็นการเดินทางที่คุ้มค่า ตอนนี้พวกเธอคงจะหิวกันแล้วสิ อาหารเย็นเตรียมไว้พร้อมแล้ว เป็นของที่พวกเธอชอบกินทั้งนั้นเลย รีบไปล้างมือกินข้าวเร็ว” เจียงฮุ่ยซินพูดกับพวกเขาอย่างร่าเริง
เฉิงเฉิงและหยางหยางรู้สึกเหนื่อยมาก เมื่อได้เห็นอาหารที่มากมายตรงหน้าพวกเขาก็กินกันอย่างอร่อย
ในที่สุดก็กินกันอิ่มแปล้ หยางหยางได้คลายกางเกงของตัวเองออก
กู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เมื่อมองไปยังท่าทีที่ตะกละของหยางหยาง
หลังอาหารค่ำ กู้ฮอนก็กลับรถกลับไปยังบ้านของลั่วเฉียว
*
สองวันนี้หยางหยางดูจะยุ่งมาก ออกไปเที่ยวอยู่หนึ่งวัน จากนั้นก็ยังทานอาหารเย็นอย่างเต็มที่อีก
ในตอนกลางคืน เขาก็ไม่มีแรงจะไปทำอย่างอื่นอีกแล้ว
ล้มตัวลงบนเตียงนอนแล้วหลับไป
การนอนนี้ เมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงแล้ว
เขายืดตัวขึ้นอย่างพอใจ
ในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น เขารีบลุกลงจากเตียง และคิดว่าคงเป็นสายจากเฉิงเฉิง
แต่เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เป็นสายเรียกเข้าของRebecca “หยางหยาง ตอนนี้ว่างไหม พวกเราไปดูหนังกันเถอะ ช่วงนี้มีหนังเรื่อง 《เต่านินจา》 ดูแล้วน่าดูมากๆเลย”
ครู่หนึ่งหยางหยางก็รู้สึกตัว “โอเค อีกแป๊บฉันไปพบพวกนายที่โรงหนัง”
หยางหยางมีความสุขมาก สัปดาห์อันน่าเบื่อนี้มีอะไรให้ทำอีกแล้ว
ไม่นานนัก เขาก็มาอยู่ที่โถงชั้นหนึ่ง
“หยางหยาง เดี๋ยวก็ถึงเวลากินข้าวเที่ยงแล้ว ลูกจะไปไหน” เจียงฮุ่ยซินเห็นหยางหยางแต่งตัวเรียบร้อย และเหมือนจะกำลังออกไปข้างนอก
“วันนี้ผมมีนัด ข้าวเที่ยงไม่กินที่นี่แล้ว” หยางหยางพูดจบ ก็เดินออกมาที่ประตูและเปลี่ยนรองเท้า
“โม่ ดูหยางหยางสิ ข้าวเช้าเขาก็ไม่กิน ข้าวเที่ยงก็ไม่กินจะออกไปข้างนอก” เจียงฮุ่ยซินมองไปยังเป่หมิงโม่ที่กำลังพาเฉิงเฉิงกลับมาจากเดินเล่นที่สวนด้านหลัง
เฉิงเฉิงเดินมาถึงหน้าหยางหยาง “นายจะไปดูหนังกับRebeccaเหรอ”
หยางหยางก้มลงและผูกเชือกรองเท้า “ใช่ เมื่อวันนัดกันไว้ นายลืมไปแล้วเหรอ”
“แต่ตอนนี้กำลังจะถึงเวลากินข้าวเที่ยงแล้ว”
หยางหยางสวมรองเท้าเรียบร้อย ไม่มีสีหน้าใดๆ “ฉันออกไปกินกับRebeccaก็ได้แล้ว” พูดจบ เขาก็เหลือบไปมองเป่หมิงโม่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล และไม่พูดอะไร”
ในกระเป๋าของเขาไม่มีเงินอยู่เลย เป็นกระเป๋าที่ว่างเปล่า
เป่หมิงโม่เข้าใจความต้องการของเขาดี จงเดินไปตรงหน้าของหยางหยาง หยิบบัตรเอทีเอ็มออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้กับหยางหยาง “นี่เป็นบัตรเสริม ข้างในมีเงินมากพอให้เธอใช้”
หยางหยางยื่นมือมารับบัตร และดูมีความสุขเกินคำบรรยาย
ไม่คาดคิดว่าพ่อจะใจดีขนาดนี้
***
“ขอบคุณพ่อ” หยางหยางพูดจบก็เก็บบัตรใส่กระเป๋า
เป่หมิงโม่มองไปยังหยางหยางแล้วพูดว่า “เมื่อนายกลับมาฉันจะตรวจสอบจำนวนเงินในบัตร และนายต้องบอกด้วยว่าเอาเงินไปใช้อะไรบ้างและใช้ไปเท่าไหร่”
หยางหยางขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน ใจจริงเขาแทบอยากจะเอาบัตรนั้นคืนกลับไป แต่เขากลับรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจ
เป่หมิงโม่ก้มหน้าลงและมองไปยังเฉิงเฉิงอีกครั้ง “ไปเถอะ พวกเราไปกินข้าวกัน” จากนั้นก็หันหลังเดินไปยังห้องอาหาร
ก่อนที่เฉิงเฉิงจะเดินไป ก็รู้สึกขึ้นมาว่าต้องย้ำเตือนหยางหยาง
“นายเก็บบัตรไว้ดีแล้ว ก็อย่าใช้เงินสิ้นเปลืองล่ะ”
หยางหยางตบลงบนกระเป๋าเสื้อที่ใส่บัตรไว้ “เรื่องนั้นนายไม่ต้องกังวล” ขณะที่พูดเขาก็เหลือบมองไปยังเป่หมิงโม่ที่กำลังเดินไป
เมื่อแน่ใจว่าเป่หมิงโม่เดินจากไปแล้ว ใบหน้าของหยางหยางก็ยิ้มแสดงออกด้วยความภูมิใจ “แหะๆ นายวางใจเถอะ ฉันเก็บบัตรใบนี้อย่างดีแน่นอน น่าอิจฉาใช่ไหมล่ะ ฉันมีแต่นายไม่มี”
เฉิงเฉิงมองเมินใส่เขา และหยิบบัตรแบบเดียวกันกับที่เป่หมิงโม่ให้หยางหยางออกมาจากกระเป๋า
“บัตรนั่นเขาให้ฉันมานานแล้ว”
หยางหยางมองไปยังบัตรในมือของเฉิงเฉิง “นายปกปิดได้มิดชิดมาก ไม่เห็นเคยบอกอะไรฉันเกี่ยวกับบัตรนี่เลย ยังดีว่พวกเราเป็นพี่น้องกัน นายคงจะได้ใช้ซื้อสิ่งของดีๆมาไม่น้อยเลยใช่ไหม”
เฉิงเฉิงกลอกตาใส่เขา “สิ่งที่ฉันอยากบอกกับนาย พ่อให้บัตรใบนี้กับนายก็เพื่อจะดูว่านายจะสามารถบริหารจัดการตนเองได้ไหม หากว่าจัดการได้ดี มันก็จะอยู่กับนายตลอดไป”
“หากว่าจัดการได้ไม่ดีล่ะ” หยางหยางถาม
“อย่างนั้นพ่อก็จะเอาคืนไป และบางทีนายก็อาจจะไม่ได้เห็นมันอีกเลยในชีวิตนี้ นอกจากนี้ นายอยากรู้มากใช่ไหมว่าฉันใช้มันไปซื้ออะไร” เฉิงเฉิงชี้ไปที่ห้องนอนของเขา “สิ่งที่ฉันใช้ทั้งหมดก็ซื้อมาด้วยบัตรใบนี้ เอาหละ นายควรจะออกเดินทางได้แล้ว จะยังไงก็ลองคิดดูว่าจะใช้บัตรนั้นอย่างไร”
เฉิงเฉิงพูดจบก็หันเดินไปยังห้องอาหาร
หยางหยางยังคงยืนอยู่ที่เดิม หันกลับไปมองด้านหลังของเฉิงเฉิง ในใจของเขารู้สึกย้อนแย้งเล็กน้อย กำลังคิดว่าตัวเองควรจะใช้บัตรนี้อย่างไร
*
บนพื้นสนามหญ้าของโรงพยาบาล กู้ฮอนกำลังเข็นรถเข็นอย่างช้าๆ โดยมีลู่ลู่นั่งอยู่บนนั้น
สองแม่ลูกอาบอยู่ท่ามกลางแสงแดด พวกเธอพูดคุยพลางหัวเราะอย่างสบายใจเป็นอิสระ
เพียงแต่หลังจากนั้น มีสามีภรรยาคู่หนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเธอ
“หวีหรูเจี๋ย คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะเจอกันอีกแล้ว” ลู่ลู่ไม่ได้มีปฏิกิริยามากเท่ากับตอนพบกันครั้งก่อน จึงทักทายกันอย่างเป็นธรรมชาติ
โม้จิ่งเฉิงประคองหวีหรูเจี๋ย พวกเขายิ้มให้กับลู่ลู่ และพยักหน้า
แม้ว่าห้องผู้ป่วยของพวกเขาจะมีเพียงกำแพงกั้น แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับเธอเร็วขนาดนี้
ในทางกลับกันหวีหรูเจี๋ยกับรู้สึกถึงความสูญเสียอยู่บ้าง
โชคยังดี ระหว่างพวกเธอยังมีกู้ฮอนและโม้จิ่งเฉิง ที่สามารถทำให้บรรยากาศระหว่างกันผ่อนคลายลงได้
กู้ฮอนเป็นฝ่ายทักทายก่อน “หวีหรูเจี๋ย คุณโม้ สวัสดีค่ะ” เธอไม่ได้เรียกว่าพ่อบุญธรรม และก็ยังกังวลว่าจะเป็นการกระตุ้นความรู้สึกของแม่ที่สงบลงแล้ว
เรื่องนี้โม้จิ่งเฉิงก็รู้ดีอยู่ในใจ เขายิ้มเบาๆและพยักหน้า
จากนั้นก็มองไปยังลู่ลู่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นและพูดว่า “วันนี้สีหน้าของคุณดูดีขึ้นมาก ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆกับเหตุการณ์ในวันนั้น หากพวกเราไม่โผล่ออกมาอย่างกะทันหัน คุณก็ยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ จนกระทั่งคุณต้องมีอาการกำเริบด้านนอก”
ลู่ลู่โบกมือ “อันที่จริงพวกคุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก หวีหรูเจี๋ย อาการของคุณดีขึ้นบ้างหรือยัง”