ตอนที่ 800 ทั้งสองหายไปแล้ว
“ฉันไม่เห็นด้วย!” ลั่วเฉียวพูดขึ้นทันที เธอจ้องไปที่ฉิงฮัว: “นายส่งคนไปเฝ้าที่นั่น มันก็ไม่ต่างจากเฝ้าอาชญากรหรอกนะ”
ฉิงฮัวขมวดคิ้ว สำหรับเขาแล้ว วิธีแบบนี้เขาทำมาหลายรอบแล้ว ก็ไม่มีรู้สึกว่าผิดปกติ จนถึงวันนี้ที่ลั่วเฉียวพูด เขาก็รู้สึกว่าเหมือนจะเป็นแบบนั้น ถ้าเป็นคนอื่นก็ช่างเถอะ แต่คราวนี้เป็นคุณแม่ของกู้ฮอน มันจะดีกว่าที่จะระมัดระวังมากขึ้น
“ยังไงก็ต้องส่งคนไป แต่ว่าต้องให้เงียบที่สุด อย่าให้คนอื่นรู้สึกถึงความผิดปกติจะดีที่สุด แบบนี้ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว”
กู้ฮอนพยักหน้า: “เฉียวเฉียววิธีนี้ของเธอก็โอเคนะ แต่ว่าฉันมีเรื่องจะขอ ข้างๆ ห้องผู้ป่วยของแม่ฉันนั่นก็คือห้องของแม่ของเป่หมิงโม่ ถือโอกาสคอยระวังให้เธอไปด้วยเลย”
“แหมๆ …..ไหนบอกว่าไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเป่หมิงโม่ไงคะ ดูท่าน่าจะโกหกทั้งเพ ไม่งั้นทำไมถึงได้นึกถึงความปลอดภัยของแม่สามีในอนาคตล่ะจ้ะ” ปฏิกิริยาตอบรับของแอนนิเร็ว จึงได้พูดล้อเธอขึ้นมา
“อ้าว!กู้ฮอน เธอไม่จริงใจเลย ปากก็พูดว่าไม่มีอะไรกัน แต่ว่าก็คิดถึงเขาตลอดเลยนะ รีบบอกมาเลยนะ พวกเธอไปถึงขั้นไหนกันแล้ว?” ลั่วเฉียวก็แซวตาม
กู้ฮอนโดนแซวจนหน้าแดง ที่จริงเธอแค่คิดว่าไม่อยากให้หวีหรูเจี๋ยถูกก่อกวน เพราะว่าหลี่เฉียนต้องรู้จักเธอแน่ๆ ถ้าเขาหาแม่ไม่เจอ เขาอาจจะไปหาป้าหรูเจี๋ยก็เป็นไปได้ เรื่องนี้ยังไงก็เป็นเรื่องในครอบครัวตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปเดือดร้อนคนอื่น
***
“เอาล่ะๆ พวกเราก็ไม่ต้องไปแซวกู้ฮอนแล้ว ที่เธอทำแบบนี้มันต้องมีเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นการเอาใจแม่สามีในอนาคต โอเคแล้วๆ สาวๆ พวกเราควรจะขึ้นไปนอนเพื่อความสวยได้แล้ว” สุดท้ายแอนนิพูดสรุป แล้วก็วิ่งไปทางลิฟต์
“แอนนิ……” กู้ฮอนหมดคำจะพูด
จากนั้นก็หันไปพูดกับฉิงฮัว: “ฉิงฮัว งั้นเรื่องนี้รบกวนนายแล้วนะ”
ฉิงฮัวยิ้ม: “ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมแค่ทำหน้าที่แทนเจ้านายที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่านั้นครับ”
“ใช่แล้ว เป็นเรื่องในครอบครัวเรา จะต้องเกรงใจอะไรกัน ถ้าจะขอบคุณก็ต้องขอบคุณเธอ ถ้าหากไม่ใช่เธอ เขาคงมาไม่ถึงจุดนี้” ที่ลั่วเฉียวพูดมันก็จริง
แต่กู้ฮอนไม่ได้คิดแบบนั้น เธอปัดมือ: “เฉียวเฉียว เธออย่าพูดแบบนี้เลย พวกนี้เป็นฉิงฮัวที่ติดตามเป่หมิงโม่มาหลายปีควรจะได้รับ ไม่ได้เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด”
*
ฉิงฮัวส่งคนไปคอยคุ้มกันคุณแม่ ในใจกู้ฮอนก็วางใจได้ไปเปราะนึง
หลังจากนี้อีกไม่กี่วัน เธอก็ไปเยี่ยมแม่และป้าหรูเจี๋ยแบบไม่ตรงเวลา
ลู่ลู่กับหวีหรูเจี๋ยก็ไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติของกู้ฮอน เพราะกู้ฮอนแสดงออกได้อย่างธรรมชาติมาก
ส่วนเรื่องที่ฉิงฮัวส่งคนมาแอบคุ้มกัน แม้กระทั่งกู้ฮอนก็ดูไม่ออกถึงความผิดปกติ
นี่ก็หมายความว่าคนของฉิงฮัวมีความสามารถ ทำให้กู้ฮอนวางใจได้ไม่น้อย
ขณะที่เธอกำลังคุยโทรศัพท์กับลูกๆ มีข่าวสองเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ:
เรื่องแรก หยางหยางเรียนดีขึ้น เขาไม่ได้อยากจะเล่นตลอดทั้งวันแล้ว เวลาส่วนมากใช้ไปกับการเรียน
ตอนแรกก็คิดว่าเป็นการแข่งขันของหยางหยางกับเป่หมิงโม่ที่ทำให้เป็นแบบนี้
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ การเรียนของหยางหยางก้าวกระโดด แต่เธอแค่คิดว่าเป็นเพราะการสอนของโล่ฮาน
เรื่องที่เรียนหนักตอนนี้ จากที่เธอรู้จักหยางหยาง ความพยายามแบบนี้คงมีได้ไม่กี่วัน หรือกี่อาทิตย์ เพราะว่าการเรียนอย่างขะมักเขม้นแบบนี้ สำหรับหยางหยางที่วันๆ อยากจะเอาแต่กินแต่เล่น สุดท้ายก็คงจะทนไม่ไหว
เรื่องที่สอง กู้ฮอนรู้มาจากหยางหยางว่า Notonออกจากโรงเรียนไปแล้ว แต่ว่าไปไหนนี่ ไม่มีใครรู้ แม้แต่จะบอกลาหยางหยางก็ไม่มี มันทำให้เขารู้สึกสูญเสียและโกรธ
แบบนี้ เพราะงั้นชีวิตก็กลับมาเป็นปกติสุขแล้ว
แต่กู้ฮอนก็ยังรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย เป็นเพราะเหตุผลอะไร ตัวเธอเองก็ไม่แน่ใจ
เธอรู้สึกว่า หลี่เฉียนกับNotonไม่ได้ห่างไปไหน บางทีพวกเขาอาจจะอยู่รอบตัวเธอ อยู่ในที่ที่ไม่ห่างจากตัวเธอและแม่ คอยจับตาดูพวกเธออย่างเงียบๆ
ไม่กี่วันนี้ลู่ลู่ก็กลับมาสนิทกับหวีหรูเจี๋ยเหมือนเมื่อก่อน นี่เป็นวิธีที่เธอจะลบล้างเงาที่อยู่ในใจมานานหลายปี
เมื่อเธอรู้ว่าหวีหรูเจี๋ยยังไม่เคยเห็นหลานทั้งสองของเธอ ตอนที่กู้ฮอนไปเยี่ยมก็ยังจงใจ ดูว่าตอนไหนมีเวลาที่จะพาเด็กทั้งสองไปเจอหวีหรูเจี๋ย
สำหรับเรื่องนี้แล้ว กู้ฮอนก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่เธอคนเดียว คำขอของแม่ก็เหมือนกัน อีกอย่างเธอก็มีความคิดนี้ ถ้าไม่ใช่ตอนแรกที่เธอกังวลเรื่องแม่ ตอนนี้พวกเขาคงได้เจอกันแล้ว สิ่งที่น่ากังวลมากมายไม่อยู่ในความกลัวอีกต่อไป
***
มีเพียงสิ่งเดียวที่กู้ฮอนยังคงค้างคาใจของเธอนั่นก็คือ ถึงแม้แม่จะยอมรับวีหรูเจี๋ยแล้ว แต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่ายอมรับเป่หมิงโม่
นั่นหมายความว่าเรื่องของจิ่วจิ่วอาจจะต้องรอไปก่อน
หลังจากที่เธอส่งแม่กลับไปพักผ่อนที่ห้องพักผู้ป่วยแล้ว ก็กลับมาห้องพักผู้ป่วยของหวีหรูเจี๋ยอีกครั้ง
“กู้ฮอน เธอกับหรูเจี๋ยคุยกันอยู่ที่นี่เถอะ ก็ขอออกไปเดินเล่นหน่อย” โม้จิ่งเฉิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่เขานั่งแล้วเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย เขาหาข้ออ้างออกมา เขารู้ว่าบางทีเรื่องนี้เขาอาจจะไม่เหมาะที่จะอยู่ฟัง
แต่ว่าก็โดนกู้ฮอนห้ามไว้: “พ่อบุญธรรม พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ยังมีความลับอะไรที่บอกไม่ได้ล่ะ มันก็จริงที่หนูมาหาป้าหรูเจี๋ยเพื่อปรึกษา พ่อบุญธรรมอยู่ด้วยพอดีงั้นก็ช่วยหนูออกความคิดเห็นหน่อยค่ะ”
โม้จิ่งเฉิงได้ฟัง ก็หันหลังกลับมา ลากเก้าอี้ลงมานั่งอีกครั้ง
ไม่รอให้กู้ฮอนเอ่ยปาก หวีหรูเจี๋ยก็พูดขึ้น:” กู้ฮอน ไม่กี่วันนี้ที่ฉันกับแม่หนูได้คุยกัน แม่หนูคำสองคำก็เอาแต่พูดถึงเฉิงเฉิงกับหยางหยาง ไม่ได้พูดถึงจิ่วจิ่ว ฉันไม่รู้ว่าหนูได้คุยกับเธอเรื่องนี้มั้ย เพราะงั้นฉันถึงไม่กล้าพูด”
กู้ฮอนมองไปที่หวีหรูเจี๋ยและส่ายหน้าเบาๆ : “ป้าหรูเจี๋ย ที่จริงแล้วเพราะเรื่องนี้หนูถึงอยากจะปรึกษากับป้า ช่วยหนูออกความเห็น ป้าหรูเจี๋ยคะ พูดแบบไม่ปิดบัง ตอนแรกที่เป่หมิงโม่จัดการให้แม่ของหนูมาพักที่โรงพยาบาลนี้ แม่รู้เรื่องสถานะของเขาแล้วก็บอกว่าไม่ให้หนูติดต่อกับเขาแล้ว เพราะว่าเขาเป็นคนตระกูลเป่หมิง จากนั้นแม่ก็รู้ว่าหนูมีลูกกับเขาแล้วสองคน เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจแม่ไม่น้อย เพราะงั้นหนูถึงได้ปิดบังเรื่องของจิ่วจิ่วไว้ เพราะหนูกลัวว่าแม่จะได้รับผลกระทบต่อจิตใจอีกเป็นครั้งที่สองที่สาม ตอนนี้ ถึงแม้ป้ากับแม้จะคืนดีกันแล้ว แต่หนูก็ยังไม่แน่ใจว่าแม่ของหนูจะยอมรับความจริงที่ว่าหนูกับเป่หมิงโม่ยังมีลูกอีกคนได้มั้ย”
หลังจากได้ยินที่กู้ฮอนพูด หวีหรูเจี๋ยกับสบตาโม้จิ่งเฉิงอยู่ครู่ จากนั้นพวกเขาก็ขมวดคิ้ว
หลังจากที่กู้ฮอนเห็นสีหน้าของพวกเขา ก็รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่ง่ายๆ หรือพูดได้ว่าอาจจะยุ่งยากมากๆ
หวีหรูเจี๋ยหลังจากคิดอยู่ครู่ ก็เงยหน้ามองกู้ฮอนแล้วพูดว่า: “กู้ฮอน ฉันคิดว่าหนูควรบอกเรื่องของจิ่วจิ่วกับเธอ ฉันเป็นเพื่อนกับแม่เธอมาหลายปี ฉันรู้จักอารมณ์ของเธอดี ยิ่งปิดบังเธอไปนานๆ เธอจะยิ่งโกรธ จะดีกว่าถ้าเธอบอกเรื่องทั้งหมดออกไป ถึงแม้เธอจะว่าหนูบ้าง แต่ถ้าเห็นหลานแล้ว ก็คงจะเลิกบ่นเอง จากไม่กี่วันนี้ที่ได้คุยกับเธอ ฉันคิดว่าสภาพจิตใจตอนนี้ของเธอเย็นลงมาก เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน บางทีมันอาจเป็นเพราะหลายปีที่ผ่านมาอย่างยากลำบากนี้ได้ฝึกฝนเธอ”
พูดจบ เธอก็ถอนหายใจ: “อคติที่ลู่ลู่มีต่อโม่โม่ ในความเป็นจริงมันเป็นความผิดของฉันที่ทำในตอนนั้น หนูรู้อะไรมั้ยในตอนนั้นแม่ของหนูก็ชอบโม่โม่นะ ยังจำรูปถ่ายรวมพวกเราสามคนพี่น้องได้มั้ย ที่จริงวันนั้นพวกเราถ่ายมาสี่รูป รูปนึงเป็นรูปรวม รูปสองใบก็คือรูปครอบครัวของหนู และอีกใบเป็นรูปของป้ากับโม่โม่ ส่วนรูปสุดท้าย ก็คือรูปคู่ของหนูกับโม่โม่ แต่เพราะว่ามันผ่านไปนานมาก รูปใบนั้นเอาไปวางไว้อยู่ที่ไหนป้าก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน”
พูดถึงตรงนี้ บนหน้าของหวีหรูเจี๋ยก็มีรอยยิ้มบางๆ : “กู้ฮอน ที่จริงแล้วมีความลับอยู่เรื่องนึงที่ป้ากับแม่หนูไม่ได้บอกให้หนูรู้ ก็คือปีที่มีต้องท้องหนู ก็ได้มีคำมั่นสัญญาไว้”
***
โม้จิ่งเฉิงฟังถึงตรงนี้ ก็ยิ้มแล้วสบตากับหวีหรูเจี๋ย
กู้ฮอนมองพวกเขาสองคน เห็นที่คำมั่นสัญญานี้นอกจากหวีหรูเจี๋ย แม้แต่พ่อบุญธรรมก็ยังรู้
ตัวเองที่เป็นเจ้าของเรื่อง ก็โดนปิดทางอีกครั้ง
“พ่อบุญธรรม ป้าหรูเจี๋ย สรุปแล้วในปีนั้นป้ากับแม่สองคนให้คำมั่นอะไรกันไว้คะ? ” ทันใดนั้นกู้ฮอนก็ยิ่งมีความอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้หวีหรูเจี๋ยพูดถึงคำมั่นสัญญา รอยยิ้มก็กลับมาอยู่บนหน้าของเธออีกครั้ง: “นั่นเป็นคำมั่นสัญญาที่ตอนนี้ดูแล้วจะเป็นเรื่องของคนหัวโบราณ ในตอนนั้นโม่โม่ก็โตกว่านิดหน่อย ป้ากับแม่ของหนูได้ให้คำมั่นไว้ว่าถ้าหากได้ลูกชาย ก็จะให้มาเป็นพี่น้องกับโม่โม่ แบบเหมือนเป็นพี่น้องแท้ๆ แต่ถ้าได้ลูกสาว นั่นก็จะมาเป็นภรรยาของโม่โม่ ตอนนั้นเป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายชายจะอายุเยอะกว่าฝ่ายหญิง มีแม้กระทั่งแก่กว่าสิบกว่ายี่สิบปีก็มี”
ขณะนั้นโม้จิ่งเฉิงก็พูดขึ้นเสริมหวีหรูเจี๋ย:” หลังจากที่หนูเกิดมาแล้ว เห็นว่าเป็นลูกสาว เพราะงั้นจึงได้จับคู่หนูสองคนไว้แล้ว เมื่อกี้ป้าหรูเจี๋ยของหนูพูดถึงรูปคู่ของหนูกับโม่โม่สองคน ที่จริงแล้วก็นับว่าเป็นรูปงานหมั้น ฮ่าๆ ”
“แต่แค่ตอนนั้นหนูอายุยังน้อย ป้ากับแม่ของหนูเลยตัดสินใจว่าให้พวกหนูค่อยๆ คบกันไปตั้งแต่เด็กๆ รอจนโตแล้วค่อยบอกเรื่องนี้กับพวกหนู แต่พระเจ้าก็ไม่เป็นใจ หลังจากที่ถ่ายรูปนั้นได้ไม่นาน ป้าก็ทำหนูหายไป……” หวีหรูเจี๋ยพูดถึงตรงนี้ เธอดูเหมือนจะยังติดอยู่ในความทรงจำที่เจ็บปวดของช่วงเวลานั้น
ความทรงจำก็แบบนี้ ในความสวยงามก็มีความเศร้าแทรกอยู่ และในความเศร้าก็มีความสุขแทรกอยู่ด้วย ทั้งสองความรู้สึกผันกันไม่หยุด จนมาถึงชีวิตปัจจุบันนี้
กู้ฮอนฟังถึงตรงนี้ หน้าของเธอก็เริ่มแดงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าหลังจากภาพใบนั้นก็ยังมีความทรงจำแบบนี้อยู่ด้วย
“ป้าหรูเจี๋ย ที่จริงแล้วรูปใบนั้นที่ป้าพูดถึงหนูเคยเห็นมัน”
หวีหรูเจี๋ยมองกู้ฮอนอย่างไม่น่าเชื่อ: “กู้ฮอน หนูหมายถึงรูปไหนที่เคยเห็น? ”
“ก็คือ รูปคู่ของหนูกับเป่หมิงโม่ใบนั้นที่ป้าบอก” กู้ฮอนพูดถึงตรงนี้ก็เริ่มเกรงใจ แม้ว่าเธอจะมีประสบการณ์มากมายในชีวิต แต่เธอก็ยังไม่ได้ลบความใสซื่อของตัวเองออกไปทั้งหมด และความใสซื่อนี้ ไม่ใช่คิดอยากจะแอ๊บก็จะแอ๊บได้