ตอนที่ 801 อยากเจอพวกเด็กๆ
หวีหรูเจี๋ยฟังเข้าใจแล้ว: “กู้ฮอน นั่นคงจะเป็นโม่โม่ที่ซ่อนรูปนี้ไว้แน่ๆ แถมป้ายังแน่ใจว่าต้องเป็นแบบนั้น โม่โม่คงต้องชอบหนูด้วยใจจริงแล้วแน่ๆ ไม่งั้น คนอย่างเขา คนไม่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับรู้เรื่องส่วนตัวเขาเป็นอันขาด ถึงแม้ระหว่างพวกหนูจะมีอุปสรรค. แต่ว่าป้ารู้สึกว่าพรหมลิขิตระหว่างพวกหนูนั้นยังตัดไม่ขาด เหมือนกับที่เขาพูดกัน เนื้อคู่ ไม่ว่าจะห่างไกลกันสักแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็ต้องได้พอเจอและอยู่ด้วยกัน”
กู้ฮอนมองไปที่หวีหรูเจี๋ย และก็มองไปที่โม้จิ่งเฉิง แล้วก็พูดด้วยความซนเหมือนเด็กๆ : “ป้าหรูเจี๋ย หนูว่าป้าคงไม่ได้พูดถึงแล้วมั้ง แต่กำลังพูดถึงป้ากับพ่อบุญธรรมสินะ หลายปีที่ผ่านมาพ่อบุญธรรมไม่ยอมแพ้เรื่องของป้า ระหว่างพวกป้าแบบนี้ถึงเรียกว่าพรหมลิขิต”
“ห้ะ ยัยเด็กคนนี้ ไปเรียนรู้ที่จะถอนหงอกพวกเราสองคนมาตั้งแต่เมื่อไหร่” โม้จิ่งเฉิงรู้สึกเฮฮาเพราะกู้ฮอน และเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างไม่อาย แล้วไปนั่งลงข้างๆ หวีหรูเจี๋ย ยื่นมือออกไปโอบเธอเข้าแนบอก: “แต่ว่าที่พูดมาก็ไม่ผิด พรหมลิขิตของฉันกับหรูเจี๋ยยังไงก็ตัดไม่ขาด”
***
ขณะนั้นหน้าของหวีหรูเจี๋ยก็เริ่มแดง เธอดิ้นเบาๆ อยู่ครู่ และบ่นอย่างเขินอาย: “คุณนี่เล่นตลอดเลย ไม่กลัวเด็กๆ จะล้อด้วย”
โม้จิ่งเฉิงไม่สนอย่างเห็นได้ชัด
เขากระตุกคิ้ว และพูดอย่างตรงไปตรงมา: “พวกเราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แถมฉันยังแต่งงานกับเธอที่เมืองซาบาห์อีก” เขาพูดพลางหันไปมองกู้ฮอน: “กู้ฮอน ฉันเห็นหนูเป็นเหมือนลูกสาวของฉันแล้ว ถึงแม้โม่โม่แต่ก่อนจะปฏิบัติกับหรูเจี๋ยไม่ค่อยดี แต่ว่าเขาก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของเธอ แถมที่หรูเจี๋ยแอดมิทครั้งนี้ ฉันมองออกว่าตอนนี้เขาไม่ค่อยต่อต้านเธอเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะงั้นพวกเราในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ก็ยังคงมีความปรารถนาอีกอย่าง ก็คือเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา ถ้าหนูกับโม่โม่สามารถลงเอยกันได้ ถึงแม้พวกหนูจะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว แต่ก็ยังไม่นับว่าเป็นครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตา”
“พอแล้วจิ่งเฉิง เรื่องของลูกๆ ก็ปล่อยให้พวกเขาไปจัดการเอาเองเถอะ มีอยู่หลายเรื่องที่พวกเราผู้ใหญ่ไม่เหมาะที่จะยื่นมือเข้าไป ลูกๆ หลานๆ ก็มีความสุขของพวกเขาเอง” หวีหรูเจี๋ยรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นจะต้องพูดต่อไปแล้ว เธอรู้นิสัยของลูกชายของเธอดี และก็เข้าใจอารมณ์ของกู้ฮอน คงต้องปล่อยพวกเขาไปตามธรรมชาติ ตราบใดที่ยังมีลูกๆ เป็นสายเชื่อมโยง พวกเขาคงแยกจากกันไม่ขาด
โม้จิ่งเฉิงเข้าใจความหมายของหวีหรูเจี๋ย เขาก้มหน้าดูเวลา: “นี่ก็สายแล้ว กู้ฮอนหนูก็รีบกลับเถอะ ครั้งหน้าพาเด็กๆ มาด้วยนะ แล้วก็หาโอกาสบอกกับแม่หนูเรื่องของจิ่วจิ่วด้วย พวกเราจะอยู่ข้างๆ คอยออกหน้าแทนหนูให้ ฉันคิดว่าเธอคงไม่แย้งอะไร สำหรับทัศนคติของเธอที่มีต่อโม่โม่ ฉันเชื่อว่าไม่นานเธอคงจะเปลี่ยนไปบ้าง”
*
ลั่วเฉียวขับรถออกมาขับไปทางบ้านของลั่วเฉียว พลางคิดในสิ่งที่ป้าหรูเจี๋ยพูด เธอควรจะบอกกับแม่เรื่องของจิ่วจิ่วสักที
ระหว่างทางกลับ เธอก็ตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันหยุด เธอจะพาลูกๆ ทั้งสามคนไปเยี่ยมแม่กับป้าหรูเจี๋ย
คิดถึงตรงนี้ เธอเชื่อมบูลทูธในรถ และโทรไปหาเฉิงเฉิง: “ลูกรัก พวกหนูกำลังทำอะไรอยู่จ๊ะ? ”
เฉิงเฉิงถือโทรศัพท์ และเหล่มองหยางหยางซึ่งกำลังนอนอยู่บนโต๊ะและเรียนอย่างหนัก จากนั้นก็พูด: “ผมกำลังทำการบ้านกับหยางหยางฮะ”
ได้ยินว่าพี่น้องสองคนกำลังช่วยกัน ในใจของกู้ฮอนก็รู้สึกชมเชย
เธอเคยรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของพี่น้องคู่นี้ ถึงแม้ปกติแล้วไปมาหาสู่กันไม่ใช่ว่าจะน้อย แต่ก็ยังรู้สึกว่าเหมือนยังขาดอะไรไป
เพราะเหตุนี้ เธอจึงคิดว่าเป็นเพราะเด็กสองคนนี้ไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน สภาพแวดล้อมที่โตมาต่างกัน แถมนิสัยก็ต่างกัน
เธอก็หนักใจเช่นกัน เธอไม่สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อเด็กๆ ได้ แต่มันก็ต้องพยายาม
คิดไม่ถึงว่าการตัดสินใจของเป่หมิงโม่คนนั้นกับหยางหยาง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
พอคิดถึงพ่อของลูก ก็คิดถึงรูปที่เป่หมิงโม่ให้เธอดูอย่างไม่รู้ตัว:
คนนึงเป็นเด็กชายตัวน้อยๆ ส่วนอีกคนก็ทำสีหน้ารังเกียจ ในมือก็ยังทารกอยู่อีกคน……
หน้าของเธอก็เริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้ง
“แม่ฮะ?” ขณะนั้นเฉิงเฉิงที่อยู่ในสาย ไม่ได้ยินเสียงของกู้ฮอน ก็เลยลองเรียกดูอีกครั้ง
กู้ฮอนถูกเฉิงเฉิงดึงสติกลับมา และแอบด่าตัวเองว่าคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
“ลูกรัก แม่มีเรื่องจะบอกลูก แม่อยากพาพวกหนูไปหาคุณย่าพรุ่งนี้”
***
“คุณย่า?” เฉิงเฉิงรู้สึกประหลาดใจ พวกเขารู้ว่าคุณย่าในตอนนี้ไม่ใช่คุณย่าแท้ๆ ของเขา แถมได้ยินมาว่าคุณย่าแท้ๆ ของเขาได้เสียไปแล้ว งั้นจะมีคุณย่าโผล่มาจากไหนอีก?
“ลูกรัก หนูไม่ต้องคิดมากนะ พอถึงเวลาหนูจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดเอง อีกอย่าง แม่ยังจะต้องพาน้องสาวลูกไปด้วย” สุดท้ายกู้ฮอนก็ได้ตัดสินใจ ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดเรื่องอะไร ก็ต้องเปิดตัวจิ่วจิ่ว
“แม่ฮะ งั้นพ่อล่ะ? ……” เฉิงเฉิงถามด้วยความกังวล
“ฝั่งพ่อก็ยังต้องเก็บเป็นความลับต่อไป” กู้ฮอนพูดดักไว้
ขณะนั้นหยางหยางก็ได้หยุดงานในมือ เขาหันไปหาเฉิงเฉิง เขารู้ว่าเฉิงเฉิงกับกำลังคุยกับแม่เรื่องความลับอะไร เขาค่อยๆ ย่องเข้าไปอย่างระมัดระวัง แล้วพูดกับเฉิงเฉิงเสียงเบา: “นายคุยอะไรกับแม่อ่ะ?”
เฉิงเฉิงย้ายสายตาไปที่ประตูห้องนอน หยางหยางก็เข้าใจในทันที เขาค่อยๆ เดินเข้าไป แล้วค่อยๆ เปิดประตูแล้วชะโงกหัวเล็กๆ ออกไปมองรอบๆ
ทางเดินมีไฟเปิดอยู่ แต่ว่าไม่มีใครอยู่สักคน จากนั้นเขาก็ปิดประตูลงอีกครั้ง แล้วล็อกมัน ขณะนั้นก็ทำมือOKเป็นสัญญาณให้เฉิงเฉิง
รอจนหยางหยางกลับมาอยู่ข้างๆ เขา เขาก็พูดกับหยางหยาง: “พรุ่งนี้แม่จะพาเราไปเยี่ยมคุณย่า แถมน้องสาวก็จะไปด้วย”
หยางหยางก็สับสนพอๆ กับเฉิงเฉิง: “คุณย่าไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกเหรอ พวกเรายังจะต้องไปเยี่ยมคุณย่าที่ไหนอีก? สรุปแล้วพวกเรามีคุณย่ากี่คนเหนี่ย?”
ทันใดนั้นเฉิงเฉิงก็ทำท่าทางให้หยางหยางหยุดพูด จากนั้นก็พูดกับคนในสาย: “แม่ฮะ พรุ่งนี้จะมารับเราเมื่อไหร่ฮะ?”
“พรุ่งนี้เช้าแปดเก้าโมงประมาณนี้ ไปรับพวกลูกก่อน จากนั้นค่อยไปรับน้องสาว”
เฉิงเฉิงพยักหน้า: “แม่ฮะ พวกเราเข้าใจแล้ว ตอนนี้แม่กำลังขับรถไปที่บ้านของป้าเฉียวเฉียวใช่มั้ยฮะ ขับรถระวังนะครับ”
กู้ฮอนยิ้มอ่อน: “เป็นเด็กดีจริงๆ เลย เอาล่ะแม่วางก่อนนะ บ๊ายบาย”
เฉิงเฉิงวางสาย: “พรุ่งนี้เช้าแม่จะมารับเรา จากนั้นก็ไปเยี่ยมคุณย่า คนไหนฉันก็ไม่แน่ใจ แม่บอกว่าพรุ่งนี้เราก็จะรู้เอง”
หยางหยางฟังเข้าใจครึ่งไม่เข้าใจครึ่ง จากนั้นก็หันกลับไปที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้วทำการบ้านต่อ เขารู้สึกว่าตอนนี้เรื่องพวกนี้มีแม่กับเฉิงเฉิงอยู่ด้วย ตัวเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือทำยังไงให้ได้คะแนนสูงสุด 3 อันดับแรกของปีนี้
นี่คือเป้าหมายของหยางหยางในตอนนี้ และก็เป็นงานของเฉิงเฉิงและโล่ฮานด้วยเหมือนกัน
หลังจากที่หยางหยางเล่าเรื่องให้โล่ฮานฟัง โล่ฮานก็ไม่ได้แปลกใจอะไร แต่กลับรู้สึกสนุก
*
ไม่นาน กู้ฮอนก็กลับถึงบ้านของลั่วเฉียว อย่างแรกที่เธอถามแอนนิ: “เฉียวเฉียวกับฉิงฮัวขึ้นไปพักผ่อนข้างบนแล้วใช่มั้ย?”
แอนนิที่นั่งอยู่บนโซฟากำลังเล่นหมากฮอสกับจิ่วจิ่วอยู่ เธอก็พยักหน้า
กู้ฮอนก็วางใจไปนิดนึง จากนั้นก็พูดกับแอนนิ: “พรุ่งนี้ฉันจะพาลูกๆ ไปเยี่ยมแม่กับพวกพ่อบุญธรรม” หลังพูดจบ ก็พูดเสริมขึ้นมาอีก: “รวมถึงจิ่วจิ่วด้วย”
หมากฮอสในมือแอนนิก็ชะงัก ถึงแม้ในห้องนั่งเล่นจะมีอยู่แค่สามคน แต่เธอก็ยังลดเสียงให้เบา: “กู้ฮอน เธอคิดดีแล้วใช่มั้ย? ถ้าหากเกิดบังเอิญเจอเป่หมิงโม่ล่ะจะทำยังไง?”
“ขอให้ผู้ใหญ่ทั้งสองได้เจอหลานชายกับหลานสาว อย่างอื่นฉันก็ไม่สนใจแล้ว อีกอย่างเป่หมิงโม่คงไม่ไปโรงพยาบาลหรอก”
กู้ฮอนพูดไม่ผิด เป่หมิงโม่เป็นคนที่ยุ่งมากๆ
อีกอย่างต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคในใจ ก็ยังคงต้องใช้เวลาให้มันเข้าที่อีกสักระยะ
*
“ก๊อกๆๆ ……” ประตูห้องของเฉิงเฉิงถูกเคาะ
ทันใดนั้นเฉิงเฉิงก็นึกได้ว่าประตูห้องของตัวเองยังล็อกไว้ จึงรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู
คนที่มาเคาะตอนนี้ นอกจากพ่อแล้วก็คงไม่มีใครอื่น
เขาเปิดประตูออก ก็เป็นเป่หมิงโม่ที่ยื่นอยู่หน้าประตู
“ทำไมลูกถึงได้ล็อกประตูล่ะ ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน? เหมือนเมื่อกี้พ่อยังได้ยินเหมือนลูกคุยอยู่กับใคร” เป่หมิงโม่ก้มหน้ามองเฉิงเฉิง สีหน้าเขาดูจริงจังมากๆ
ถึงแม้ปกติแล้วประตูห้องของเฉิงเฉิงจะปิด แต่ก็ไม่เคยล็อก
เป่หมิงโม่เข้าใจเฉิงเฉิงดี เขาจะไม่ทำเรื่องที่ไม่ควรทำลับหลังคนอื่น แต่บางครั้งการกระทำของเขาทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกแปลกๆ
สมองเฉิงเฉิงแล่นเร็วมาก: “หยางหยางกำลังทำการบ้านอยู่ในห้องผมฮะ”
พูดพลาง เปิดประตูห้องออกเล็กน้อย เป่หมิงโม่มองเห็นโต๊ะเขียนหนังสือ ก็เห็นหยางหยางนั่งอยู่บนเก้าอี้ กำลังตั้งใจเขียนการบ้าน
*
ไม่กี่วันมานี้เป่หมิงโม่ก็สังเกตได้ว่าหยางหยางไม่เหมือนก่อน ตื่นเช้าทุกวันแถมไม่ติดเตียง ทุกวันหลังจากกลับมาจากโรงเรียนก็ขึ้นบ้านไปกับเฉิงเฉิง จนถึงเวลากินข้าวทั้งสองคนก็จะลงมากินข้าวพร้อมกัน จากนั้นก็ขึ้นไปใหม่
เขาคุยกับโล่ฮานสองครั้ง โล่ฮานก็พูดถึงพฤติกรรมในช่วงนี้และคะแนนของหยางหยางให้เขาฟังอย่างรวบรัด คะแนนสูงขึ้นเยอะอยู่
แถมตอนที่คุยกัน โล่ฮานก็พูดถึงเรื่องที่พนันกันเอาไว้
หลังจากที่เป่หมิงโม่ได้ฟัง ก็เลยคิดว่าหยางหยางเปลี่ยนไปเพราะเหตุนี้ การพาพวกเขาออกไปในวันนั้นมีส่วนอย่างมาก
ที่จริงแล้ว หลังจากที่เป่หมิงโม่พนันกับหยางหยางเอาไว้ กลับมาเขาก็คิดๆ ดู
บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเคร่งครัดกับเฉิงเฉิงมากเกินไป จึงทำให้เฉิงเฉิงไม่มีความสนุกเหมือนกับที่เด็กวัยนี้ควรมี
ดีที่ยังมีหยางหยาง เขาไม่อยากให้หยางหยางต้องเป็นแบบเฉิงเฉิง
ลูกไม่ใช่หุ่นยนต์เรียนหนังสือ คำที่ว่า ‘อย่าให้เด็กแพ้ก่อนที่ยังไม่ได้เริ่ม’ คำไร้สาระพวกนั้น
ชีวิตเรายาวนานนัก อะไรคือจุดสิ้นสุด? ใครก็ไม่อาจรู้ได้ ถ้าไม่มีจุดสิ้นสุด งั้นจุดเริ่มต้นมาจากไหน?
พวกคำโฆษณาพวกนี้ ไม่จำเป็นสำหรับลูกๆ ของตระกูลเป่หมิง พวกเขาได้นำหน้าคนธรรมดามาไกลแล้ว ไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งพวกนี้
แต่ว่า ตอนนี้หยางหยางเริ่มตั้งใจเรียน ก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยเขาก็ยังตามเด็กคนอื่นทัน
เขาไม่ได้ต้องการให้หยางหยางเป็นคนเก่งที่สุด แต่ก็ไม่ยอมให้หยางหยางตามหลังผู้คนมากมาย