ตอนที่ 806 แอบฟังเสียงละเมอ
อีกสองตัวอยู่ในห้อง ในหนึ่งภาพมีเตียงว่างเปล่า
อีกด้านเป็นภาพดำ เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย เห็นว่าหยางหยางไม่ได้ติดตั้งกล้องไว้ในตำแหน่งที่ดี? หรือกล้องมีปัญหา?
ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ตอนที่เตรียมให้หยางหยางไปติดตั้ง ได้ตรวจสอบเรียบร้อยดี ไม่มีทางมีปัญหา
หรือเจ้านี่ยังติดตั้งไม่สำเร็จ คุณย่าก็กลับมาถึงแล้ว
แต่ก็ช่างเถอะ มีตัวหนึ่งติดตั้งไว้ในห้องนอนก็น่าจะพอแล้ว
สิ่งต่อมาที่ต้องคำนึงถึงก็คือ ตกลงเจ้าหยางหยางไปซ่อนตัวอยู่ไหนแล้ว?
เฉิงเฉิงจ้องหน้าจอไม่ละสายตา ในภาพเจียงฮุ่ยซินเพียงแค่จัดห้องของตัวเองอย่างง่ายๆ ก่อนที่จะถอดเสื้อคลุมวางไว้ในตู้เสื้อผ้า
จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้อง
เธอหมุนตัวเดินเข้าไปห้องน้ำก่อน ไม่ถึงสิบนาทีเธอก็เดินกลับมานั่งบนเตียงอีกครั้ง
ขณะนี้เธอก้มตัวลงเปิดลิ้นชักฝั่งซ้ายของหัวเตียง หยิบของบางอย่างออกมาจากข้างใน เหมือนจะรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เธอนำของที่หยิบออกมาวางไว้บนโต๊ะลิ้นชัก จากนั้นก็นอนตะแคงข้างลงบนเตียง แล้วเอื้อมมือดึงผ้าห่มมาห่มบนตัว
เฉิงเฉิงในตอนนี้รู้สึกเริ่มใจร้อนขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าหยางหยางซ่อนอยู่ที่ไหน
อีกอย่างเขารู้สึกว่าหากยิ่งอยู่ในห้องของคุณย่านานมากเท่าไหร่ ก็จะมีความเสี่ยงที่จะถูกจับได้มากขึ้นเท่านั้น
หลังจากผ่านไป10นาที เขาเห็นว่าตอนนี้คุณย่าน่าจะหลับสนิทแล้ว เพราะในภาพเธอไม่ขยับตัว และได้เปิดเสียงกล้อง ก็ไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นแต่อย่างใด
ตอนนี้ เขาได้พบความประหลาดใจ ตรงข้างล่างเตียงของคุณย่า ผ้าปูเตียงที่ห้อยลงมาขยับเล็กน้อย
เจ้าหยางหยางคงไม่ได้ซ่อนอยู่ใต้เตียงของคุณย่าหรอกนะ
เขาก็ได้ยืนยันความคิดนี้ เพราะศีรษะของหยางหยางโผล่ออกมา ตามมาด้วยสองมือพร้อมกับครึ่งตัวบน
เจ้าหยางหยางคนนี้กำลังจะทำอะไร? เบื่อที่ต้องซ่อนตัวอยู่ในนี้จึงอยากออกมางั้นเหรอ?
แต่ตอนนี้นั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเลย
เพราะเฉิงเฉิงรู้ว่าคุณย่าตื่นตัวง่าย แค่มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็ทำให้ตื่นได้
***
เฉิงเฉิงมองร่างเล็กๆ ของหยางหยางที่ค่อยๆ คลานออกมาจากใต้เตียง แต่ตัวเองก็ไม่สามารถไปเตือนเขาได้
ขณะนี้ ได้พบบางอย่างบนจอที่ทำให้เฉิงเฉิงเหงื่อซึมฝ่ามือ: เห็นคุณย่ากำลังขยับตัว เหมือนกำลังพลิกตัว
ตอนนี้เหมือนว่าหยางหยางก็ได้ยินการเคลื่อนไหว เดิมทีร่างกายที่คุกเข่าคลานอยู่ก็ต้องรีบหมอบลงทันที จากนั้นก็ค่อยๆ ถอยหลังเข้าไปใต้เตียง
เพราะคุณย่าไม่ได้ตื่นจากความเคลื่อนไหวของหยางหยาง เหมือนว่าวินาทีนี้ทุกการเคลื่อนไหวของหยางหยางระมัดระวังตัวมากขึ้น
ผ่านไปสักพัก หยางหยางเริ่มลองเป็นครั้งที่สอง
ครั้งนี้เขาคลานออกมาจากใต้เตียงอย่างชำนาญ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือระยะทางที่เว้นช่วงห่างจากเตียงใหญ่ไปถึงภายนอกห้องนอนค่อนข้างไกล และช่วงระยะทางนี้ไม่มีอะไรสามารถปิดบังร่างกายของตัวเองได้
กล่าวได้ว่าหากเขาทำเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อย ต้องถูกคุณย่าจับได้แน่นอน
วินาทีนี้ใจของเฉิงเฉิงเหมือนของหยางหยาง ที่รู้สึกได้ถึงจุกตรงคอ
โชคดีที่พื้นห้องนอนของคุณย่าเป็นปูพรม ซึ่งเงียบกว่าพื้นกระเบื้องหรือพื้นไม้มาก
หยางหยางเคลื่อนตัวไปด้านนอกอย่างช้าๆ เฉิงเฉิงเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของคุณย่าที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่ละสายตา
ระยะทางนี้หากเดิน ใช้เวลาไม่ถึง10วินาที แต่ตอนนี้ใช้เวลานานหลายเท่า
แต่ในที่สุดหยางหยางก็คลานออกมาจากห้องนอนได้อย่างปลอดภัย จากนั้นร่างเล็กพิงกำแพงแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
เขายังคงชะโงกหน้าไปมองคุณย่าอย่างระมัดระวัง สุดท้ายจึงยืนยันได้ว่าทุกอย่างยังปกติดี
ต่อไปทุกอย่างก็ง่ายขึ้น เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ค่อยๆ ก้าวไปตรงประตูทีละก้าว
ในที่สุดก็เปิดประตูออกเบาๆ ได้อย่างราบรื่น จากนั้นเขาก็รีบออกไป จากนั้นก็ปิดประตูลงเบาๆ
รู้ว่าในวินาทีนี้เฉิงเฉิงถือได้ว่าสามารถโล่งอกแทนหยางหยาง
เขารีบลุกขึ้นเดินไปที่ประตูห้องนอนแล้วเปิดประตูออก ชะโงกหัวออกไปดูหยางหยาง จากนั้นก็กวักมือรัวๆ ซึ่งหมายถึงให้เขารีบกลับมา
หลังจากที่หยางหยางกลับมาถึงห้องของเฉิงเฉิงอย่างปลอดภัยแล้ว เขาก็พูดประมาณว่า: “ตกใจแทบตาย”
และพูดด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น: “น่าตื่นเต้นมาก ฉันรู้สึกเหมือนเจมส์บอนด์ ที่เข้าไปอยู่ในหมู่ศัตรู หลังจากประสบความยากลำบากอันตรายทุกรูปแบบในที่สุดก็สำเร็จภารกิจ แล้วได้เกษียณออกมา…”
เฉิงเฉิงกรอกตาบนให้เขา: “นานอย่ามาโอ้อวดแถวนี้ ภารกิจของนายยังไม่ถือว่าสำเร็จ”
หยางหยางขมวดคิ้วมองเฉิงเฉิงและพูดว่า: “ฉันทำไม่สำเร็จตรงไหน? ติดตั้งกล้องทุกตัวแล้วไม่ใช่เหรอ”
“นายมาดูนี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เฉิงเฉิงพูด แล้วดึงหยางหยางไปที่หน้าจอ แล้วชี้ไปทางหน้าจอดำ
หลังจากหยางหยางมองดูสักพัก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สนใจว่า: “ก็นี่ไง ฉันรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ ดังนั้น…”
“ดังนั้นนายจึงนำกล้องกลับมาด้วย?” เฉิงเฉิงพูดต่อเติม
หยางหยางโบกมืออยู่ตรงหน้าของเฉิงเฉิงไปมา: “NONONO ฉันติดกล้องไว้ใต้เตียงของคุณย่า ฉันรู้สึกว่า ที่อื่นมีหมดแล้ว มีเพียงใต้เตียงที่ยังไม่มี เกิดคืนวันไหนท่านพูดละเมอล่ะจะทำยังไง”
เฉิงเฉิงรู้สึกหมดคำพูดกับหยางหยางที่คิดว่าตัวเองฉลาด: “ใครเขาจะเหมือนนายกันที่พูดละเมอตอนกลางคืน”
***
ในเมื่อหยางหยางได้ทำเช่นนี้แล้ว หากเฉิงเฉิงจะตำหนิเขาอีกก็ไม่มีประโยชน์
เวลานี้ ทันใดนั้นหยางหยางก็ถามขึ้นมาหนึ่งคำถามใหม่ว่า: “ช่วงที่เราอยู่บ้านเราสามารถตรวจสอบคุณย่าได้ตลอดเวลา แต่ตอนที่เราไปเรียนล่ะ? ไม่ควรโดดเรียนบ่อยหรอกนะ” พูดเขา ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา
เฉิงเฉิงแค่มองก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่แน่ๆ : “นายอย่าคิดโดดเรียนเพื่อเรื่องนี้ ผลการเรียนของนายเพิ่งจะดีขึ้นมา อย่าละทิ้งความพยายาม”
หยางหยางเบ้ปาก เขารู้สึกอับอายที่มีคนรู้ทันได้อย่างง่ายดาย
อันที่จริงในหลายๆ ความคิดของเขาไม่ค่อยมีใครรู้ทัน แต่กลับต้องมาถูกเปิดเผยที่เฉิงเฉิง
เฉิงเฉิงพูดต่อ: “ฉันได้คิดวิธีไว้แล้ว ฉันได้อัปโหลดโปรแกรมไปยังอินเตอร์เน็ตแล้ว รูปภาพจะถูกอัปโหลดไว้บนอินเตอร์เน็ตแบบนี้เมื่อเราไปโรงเรียนก็ไม่ต้องกังวลอะไรหลังจากกลับมาบ้านก็แค่ดาวน์โหลดก็ได้แล้ว”
*
ตึกบริษัทเป่หมิง ตั้งอยู่ในห้องทำงานบนสุดของท่านประธาน
กู้ฮอนนั่งอยู่ประจำที่ของตัวเอง นิ้วเรียวยาวที่ขาววางอยู่บนแป้นพิมพ์เบาๆ
ขมวดคิ้วแล้วจ้องที่หน้าจอ
ตั้งแต่เธอเริ่มเขียนหนังสือเล่มที่สองมาจนถึงตอนนี้ได้เขียนไปมากแล้ว แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเริ่มเอือมระอากับตัวเอกในหนังสือแล้ว
ในความเป็นจริงสาเหตุนั้นง่ายมาก: นั่นก็คือเป่หมิงโม่ที่เป็นแบบอย่างของชีวิตได้เริ่มเปลี่ยนไป ซึ่งพบว่าไม่ค่อยเกลียดเขาแล้ว และยังมีความรู้สึกต่อเพื่อนมนุษย์มากขึ้น
เช่นมีความคิดเริ่มพาเด็กๆ ออกไปเที่ยวเล่น และยังพาคุณป้าหวีหรูเจี๋ยไปส่งโรงพยาบาล และตอนนี้เขาได้ส่งมือเทียมให้คุณป้าหวีหรูเจี๋ย
ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ความเปลี่ยนแปลงของเขาแม้ว่าจะไม่สามารถพูดได้ว่า’ พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ’ แต่ก็สามารถใช้คำสรรเสริญเพื่อประดับประดาได้ เช่น “ผู้ชายกลับตัว”
แต่แบบนี้ ไม่ค่อยทำให้รู้สึกดีต่อเป่หมิงเอ้อเท่าไหร่สำหรับกู้ฮอน ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก
หลังจากการถอดถอนที่วุ่นวายในช่วงเริ่มต้น ภายหลังก็มาสรรเสริญ
สิ่งที่เธอต้องการเขียนไม่ใช่หนังสือแนวนี้ เธอต้องการวิเคราะห์อดีตของเป่หมิงเอ้อและคนที่คล้ายๆ กับเขาออกมาให้ผู้อ่านอย่างละเอียด ต้องการให้ผู้มีประสบการณ์เหมือนกับเธอหรือพี่น้องที่มีประสบการณ์คล้ายๆ กันตระหนักได้ทันที และถอยห่างจากหน้าผา
และไม่ได้ต้องการเขียนเหมือนหนังสือลูกเป็ดขี้เหร่กลายเป็นหงส์ดังเช่นในนิทาน เพราะตอนนี้เธอไม่สามารถยืนยันได้ว่าความเปลี่ยนแปลงของเป่หมิงเอ้อเพราะกินยาผิดไปรึเปล่าบางทีอาจเป็นเพราะจุดประสงค์บางอย่างที่ทำให้เปลี่ยนนิสัย
ท้ายที่สุด เขาก็ยังต้องฉีกหน้ากากของตัวเองออก จากนั้นก็จะกินตัวเองไม่ให้เหลือสักชิ้น…
เมื่อกู้ฮอนคิดถึงตรงนี้ ก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที
ไม่เป็นไร โต๊ะของเธอก็สั่นตามเล็กน้อย และยังสั่นไปถึงแก้วบนโต๊ะ
นี่คือแก้วสีขาว ก็เหมือน “แก้วน้ำชา” ที่เห็นได้ทั่วไปในห้องประชุม
ฝาวางไว้อีกด้าน แต่ก็สั่นตามโต๊ะ แก้วกระทบกับฝาเบาๆ ทำให้เกิดเสียงแหลมคมเล็กน้อย
เป่หมิงโม่และฉิงฮัวที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการทำงานต้องหยุดการทำงาน เงยหน้าขึ้นมองไปตามเสียง
“ทำไม จะเกิดแผ่นดินไหวงั้นเหรอ?” เป่หมิงโม่มองกู้ฮอน และพูดเสียงเย็นชา
กู้ฮอนรู้สึกอับอายกับท่าทางที่เสียการควบคุมของตัวเองในเวลานี้
เธอมองเป่หมิงโม่ด้วยความอารมณ์ขอโทษ: “ขอโทษ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
***
เป่หมิงโม่มองกู้ฮอน ความจริงแล้วเมื่อครู่เขาก็ได้สังเกตเธอแล้ว
ดูออกว่าเธอกำลังคิดเรื่องบางอย่างอยู่: เรื่องอาการป่วยของแม่เธอ? การเรียนของลูก…
อย่างไร จากการสังเกตหลายวันที่ผ่านมาของเขาเขารู้สึกว่าเธอไม่ค่อยใส่ใจกับงานที่ทำอยู่
เนื่องจากที่ได้ทำงานนี้ก็เพราะแลกกับเหตุผลบางประการ และไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบ
แต่ว่า เป่หมิงโม่รู้สึกว่างานนี้จะสามารถช่วยเธอได้อย่างมาก แม้ว่าตอนนี้จะดูไม่ออก แต่สักวันจะปรากฏออกมาเอง
ยิ่งไปกว่านั้น งานนี้สำหรับเธอนั้นสบายมากไม่มีความยากเลยสักนิด หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาทำ คงจะยิ้มออกมานานแล้ว แต่มีเพียงเธอ ที่จะทำเหมือนเขาเป็นมูลสัตว์
“ฮอนเอ๋อ ช่วงนี้สถานการณ์แผนกออกแบบและแผนกวิศวกรรมเป็นอย่างไรบ้าง?” ไม่นานเป่หมิงโม่ก็มีเรื่องชวนคุย
กู้ฮอนรีบปิดต้นฉบับที่พิมพ์เพียงไม่กี่คำลง
โชคดี ที่เธอได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว
เธอได้ทำข้อตกลงกับเป่หมิงยี่เฟิง นั่นคือให้เขาส่งสำเนาของแผนกวิศวกรรมและประเด็นหลักของแผนกออกแบบและบัญชีก่อนหนึ่งวันให้เธอทุกวัน
กู้ฮอนเปิดเมล์ที่เป่หมิงยี่เฟิงได้เตรียมรายงานไว้ส่งให้เธอก่อนหนึ่งวันออกมาอย่างง่ายดาย เปิดออกจากนั้นก็ปริ๊นมันออกมา
“นี่คือความก้าวหน้าของงานของทั้งสามแผนก” กู้ฮอนพูดแล้ววางเอกสารไว้บนโต๊ะของเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่เหลือบมองเอกสารที่เพิ่งปริ๊นออกมาบนโต๊ะ เป็นใบรายงานที่ยังร้อนอุ่นๆ
เขาไม่ได้ตั้งใจอ่าน แต่ได้เงยหน้าขึ้นมองกู้ฮอนที่ยืนอยู่ตรงหน้า: ดูเอกสารพวกนี้แล้วเสียเวลา สิ่งที่ฉันต้องการคือคุณต้องย่อกระชับสั้นๆ บอกให้ผมฟัง”