ตอนที่ 809 ความเปลี่ยนแปลง
“ลู่ลู่ เธอพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ไว้ฉันจะมาเยี่ยมใหม่” หวีหรูเจี๋ยพูดจบก็เดินตามโม้จิ่งเฉิงออกไปจากห้อง
*
บ้านเก่าตระกูลเป่หมิง
ในเวลากลางคืนของบ้านเก่าตระกูลเป่หมิงที่แสงไฟสว่างไสว คนรับใช้แต่ละคนต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง
ตั้งแต่หลังจากแอบติดตั้งกล้องไว้ในห้องของคุณย่าและห้องโถง เฉิงเฉิงและหยางหยางไม่ค่อยมาโผล่ที่ห้องโถงแล้ว โดยเฉพาะเฉิงเฉิง เมื่อก่อนมักมาดูทีวีเป็นเพื่อนคุณย่า แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเธออีกแล้ว
ซึ่งทำให้เจียงฮุ่ยซินรู้สึกไม่สบายใจ ดูเหมือนจะเป็นบ้านที่อบอุ่น แต่คนที่อยู่ในนั้น สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความหนาวเย็น
เป่หมิงยันโทรหาบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็เพียงแค่ทักทายทั่วไป
***
วันนี้ก็เหมือนปกติทั่วไป อาหารค่ำเจียงฮุ่ยซินรับประทานอาหารพร้อมกับเด็กๆ
เพียงแต่เมื่อพวกเขาทานข้าวเสร็จก็วิ่งขึ้นไปชั้นบน
เหลือเพียงเจียงฮุ่ยซินที่ดูทีวีเพียงลำพัง อย่างรู้สึกเบื่อหน่าย
แม้เป่หมิงโม่จะกลับมาบ้านทุกวัน แต่ก็ดึกมาก แต่หลังจากทักทายเธอแล้ว ก็จะไปห้องอ่านหนังสือของตัวเองหรือห้องนอน
ชีวิตแบบนี้ เจียงฮุ่ยซินรู้สึกว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ช่างน่าเบื่อจริงๆ
โดยเฉพาะเมื่อเธอนึกถึงวินาทีนี้ เมื่อลู่ลู่และหวีหรูเจี๋ยกำลังจับเข่าคุยกัน ในใจก็รู้สึกค่อนข้างอึดอัด
ตัวเองต้องแลกกับอะไรมากมายกว่าจะได้เข้ามาในบ้านตระกูลเป่หมิง เดิมทีคิดว่าในชีวิตนี้จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไร้ความกังวล
แต่ตอนนี้ความจริงและสิ่งที่จินตนาการไว้ห่างไกลมาก
แม้ว่าเธอจะมีบุตรให้ตระกูลเป่หมิง แต่เป่หมิงเจิ้งเทียนมีทัศนคติต่อเป่หมิงเฟยหย่วนและเป่หมิงโม่สองพี่น้อง ดีกว่าเป่หมิงยันกว่ามาก
มันไม่ใช่เรื่องความพึงพอใจ แต่ความคาดหวังในความสามารถและการปฏิบัติต่อพวกเขานั้นสูงมาก
ตอนนี้เป่หมิงเจิ้งเทียนจากไปแล้ว ตระกูลเป่หมิงได้แยกย้ายกันไป
และในตอนนี้ลู่ลู่และหวีหรูเจี๋ยก็ค่อยๆ ปรากฎตัวออกมาทีละคน
เดิมทีคิดว่าระหว่างพวกเธอทั้งสองต้องต่อสู้กันสักวัน แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเธอทั้งสองจะดีกัน
และสิ่งทีตามมาก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเป่หมิงโม่และกู้ฮอนที่ดูเฉยชา ได้มีความเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เหตุใดตัวเองเมื่อถึงวัยชรา เว้นแต่การได้รับการขนานนามว่าเป็นนายหญิงที่ดูน่าเกรงขามของตระกูลเป่หมิงแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร
และลู่ลู่และหวีหรูเจี๋ยพวกเธอกลับหาไม่เจอว่าตัวเองต้องการอะไร ลูกสาว ลูกชาย หลาน…
เหตุใดพวกเธอถึงกลับมีทั้งหมด แต่ตัวเองกลับไม่มีอะไรเลย แม้แต่ลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียวของตัวเองก็จากตัวเองไป…
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เธอรู้สึกนั่งไม่นิ่งๆ รอเหมือนศพแล้ว มิฉะนั้นสิ่งเดียวที่เธอรอคือจุดจบ
เธอกลับไปถึงห้องของตัวเอง เริ่มเตรียมแผนการต่อไป
*
เวลานี้ เฉิงเฉิงกำลังสอนการบ้านให้หยางหยางอยู่ในห้อง ขณะเดียวกันหน้าจอตรงหน้าของพวกเขาก็เป็นภาพจากกล้องเหล่านั้น
จากการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เฉิงเฉิงไม่พบความผิดปกติใดๆ ของเจียงฮุ่ยซินซึ่งปกติมาก
เมื่อเวลาผ่านไป เขาเริ่มสงสัยว่าหยางหยางฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า
เพราะคุณย่ามักจะไปเยี่ยมคุณยายและคุณย่า และทุกครั้งที่ไปก็ไม่ไปมือเปล่า
*
เวลาล่วงเลยผ่านไป ชั่วพริบตาก็สอบปลายภาคแล้ว
เวลานี้หยางหยางให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะการสอบครั้งนี้ไม่เพียงพนันกับครั้งแรกกับคุณพ่อ แต่ยังพนันแข่งขันกับจ้าวจิ้งอี๋
กู้ฮอนไม่ได้พาหยางหยางไปพักที่บ้านลั่วเฉียว เพราะตอนนี้ท้องของลั่วเฉียวโตขึ้นทุกวัน
แอนนี่ที่ดูแลเธอแล้วยังต้องเลี้ยงจิ่วจิ่วก็แทบจะไม่ไหวแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นอาการของลู่ลู่ดีขึ้นมากหลังจากได้พักฟื้นเป็นเวลานาน แต่ก็ยังคงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอีกสักระยะ
เธอต้องใช้เวลาดูแลคุณแม่ให้มากขึ้นหลังจากทำงานยุ่งๆ
ตั้งแต่หลังจากหลี่เชินได้เจอกับลู่ลู่ในครั้งนั้น ในช่วงเวลานี้ก็เริ่มไปอยู่ที่โรงพยาบาลบ้างแล้ว
อย่างไรก็ตาม เวลาที่เขาเลือกเป็นเวลาที่กู้ฮอนไปทำงาน
ที่เขาทำเช่นนี้ก็เพราะกู้ฮอนบังคบไม่ยอมรับในตัวพ่อเขาคนนี้
ความจริง ในเรื่องนี้ หลี่เชินรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปในตอนนั้นมันขี้ขลาดเกินไป
***
สำหรับปีนั้นที่หลี่เชินออกไปจากลู่ลู่ วันถัดไปที่หลี่เชินมารับเธอหลังจากที่ลู่ลู่ได้เจอกันครั้งนั้น ตอนที่กู้ฮอนมาเยี่ยมเธอก็ได้พูดกับเธอไปหมดแล้ว
แน่นอนก็รวมถึงที่หลี่เชินรับเธอออกไปในตอนนั้นด้วย พูดถึงสาเหตุที่เขาทิ้งเธอไปในปีนั้น:
อันที่จริงความสัมพันธ์ระหว่างหลี่เชินและลู่ลู่
สำหรับตระกูลหลี่ที่ร่ำรวยนั้นไม่มีทางอนุญาตแน่นอน
โดยเฉพาะพ่อของหลี่เชิน เขาหวังอยากให้ลูกชายของเขาเป็น ‘นักธุรกิจป้ายแดง’
ตั้งแต่สมัยก่อน อำนาจและเงินเป็นสิ่งที่ใช้ร่วมกัน มีเพียงสองในมือถึงจะสามารถอยู่ยงคงกระพันได้
ลู่ลู่ในตอนนั้นเป็นดารายอดนิยม พ่อหลี่คิดว่าลูกชายของเขาก็แค่เล่นๆ กับเธอ ก็ช่าง
เพราะแวดวงการบันเทิงของพวกเธอนั้นซับซ้อนเกินไป หากเรื่องของทั้งสองคนถูกปล่อยข่าวออกไป จะไม่เอื้อต่ออาชีพทางการของลูกชาย
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึง มีคนถามเกี่ยวกับข่าวที่ทำให้เขารู้สึกว่าต้องตัดความสัมพันธ์ของหลี่เชินและลู่ลู่: ลู่ลู่ท้องแล้ว
เหมือนฟ้าผ่ากลางศีรษะของตระกูลหลี่
เดิมทีพ่อหลี่กำลังจะใช้มาตรการแยกพวกเขาออกจากกัน แต่ทำให้เขาชุดคิดขึ้นมาได้ว่าหากเป็นเช่นนี้ลูกชายของเขาก็ต้องแบกรับกับความอื้อฉาวเพราะทิ้งภรรยาและลูก
ดังนั้นเขาจึงมีทางเลือกอื่นนอกจากกลืนเรื่องนี้ลงไป
ในช่วงเวลานี้ พ่อหลี่ยังเคยคิดว่า: หลี่เชินเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลหลี่ หากลู่ลู่สามารถให้กำเนิดลูกชายกับเขาได้ ตระกูลหลี่ก็อาจจะยอมรับเธอเข้ามาได้
แต่มารู้ทีหลังว่าลู่ลู่ให้กำเนิดเป็นลูกสาว
สำหรับหลี่เชินแล้ว ไม่ว่าลู่ลู่จะให้กำเนิดลูกชายหรือลูกสาว เขาก็ชอบทั้งหมด และยังได้ถ่ายภาพครอบครัว ใบหนึ่งเก็ยไว้ข้างกายตัวเอง อีกใบให้ลู่ลู่
และเขายังได้บอกกับเธออย่างแน่วแน่ด้วยว่า ต้องบอกให้พ่อหลี่ ให้ลู่ลู่แต่งเข้ามาตระกูลหลี่
แต่สิ่งที่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ลู่ลู่และลูกของเขาหายไปโดยบังเอิญ
และเขาได้ส่งคนไปตามหาจำนวนไม่น้อย แทบจะพลิกหาทั่วทั้งเมือง แต่ก็ไม่พบร่องรอย
หลังจากพ่อของเขาได้แนะนำครอบครัวที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งให้ และสั่งให้เขาแต่งงานกับคนๆ นี้
ตอนนั้นหลี่เชินไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก แต่พ่อของเขาบอกว่า เขาไม่สามารถตัดสินใจกับความสัมพันธ์นี้ได้ ตอนนั้นไม่ใช่ว่าไม่ให้โอกาสกับลู่ลู่ เพียงตาเธอไม่ได้รับพรนี้
งานแต่งของเขา ไม่ใช่เรื่องของคนสองคน แต่เป็นเรื่องของครอบครัวทั้งสองครอบครัว หากผิดพลาดประการใด ก็จะส่งผลต่อครอบครัวตระกูลหลี่ ในฐานะที่เป็นลูกหลานของตระกูลหลี่จำเป็นต้องเสียสละบางอย่าง
ในท้ายที่สุดหลี่เชินจึงทำได้เพียงแต่งงานกับครอบครัวที่มีชื่อเสียง และต่อมาเขาก็ได้รับมรดกของตระกูลหลี่และได้มีอาชีพที่ทุกคนต่างพากันอิจฉา
หลังจากมีอำนาจและชื่อเสียงแล้ว เขาก็เริ่มคิดถึงช่วงเวลาดีๆ ตอนที่อยู่กับลู่ลู่
เพียงแต่ภรรยาปัจจุบันของเขา จับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด
ครั้งหนึ่งเขาก็เคยส่งคนให้ไปตามหาเบาะแสของลู่ลู่ แต่ถูกภรรยาของเธอมาแอบขวางไว้ และได้ถามคนที่ให้ไปตามหาบอกว่าลู่ลู่ออกไปจากเมืองแล้ว และได้แต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว
เมื่อหลี่เชินได้ฟังก็เสียใจมาก เมื่อนานไปเขาก็ยอมแพ้ และเริ่มฝักใฝ่ธุรกิจครอบครัว
จนกระทั่งผ่านไปยี่สิบปี หลังจากภรรยาของเธอจากไปเพราะป่วย เขาก็คิดถึงลู่ลู่ขึ้นมา และยังกลับมาสถานที่เก่าๆ
และการเดินทางครั้งนี้ ทำให้เขาได้พบกับลู่ลู่โดยบังเอิญ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่คาดคิดก็คือ ลู่ลู่ในตอนนี้กลับมีจุดจบที่เลวร้าย และดูเหมือนว่าเขายังค้นพบตัวเอง แล้วได้วิ่งหนีไปอย่างตื่นตระหนก
***
สำหรับเรื่องในอนาคต กู้ฮอนถือว่ารู้ทุกอย่างแล้ว
เพียงแต่เธอมีท่าทางพิรุธต่อสิ่งเหล่านี้ที่แม่ของเธอพูด
อย่างน้อยลู่ลู่ก็ได้เล่าเรื่องเหล่านั้นเกี่ยวกับหลี่เชิน เธอรู้สึกว่าพล็อตเรื่องนี้น่าทึ่งเกินไป เช่นเดียวกับพล็อตจากทีวีหรือนวนิยาย
อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกันกู้ฮอนได้ปฏิเสธเรื่องราวที่ดูเกินจริงเหล่านั้น กลับพบว่าคุณแม่ดูเหมือนจะเชื่อสิ่งเหล่านี้
*
เมื่อยามกลางคืน รอบๆ ที่เงียบเหงา เมื่อกู้ฮอนนอนบนเตียงคิดถึงแต่สิ่งเหล่านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของคุณแม่
เพราะเธอพบว่า หลังจากหลี่เชินปรากฏตัวอีกครั้ง ความรู้สึกของคุณแม่ที่มีต่อเขายังคงมีอยู่ แม้ว่าตอนนั้นเขาจะทำให้เธอเจ็บปวดก็ตาม
เธอรู้สึกว่าจำเป็นต้องแอบไปตรวจสอบเขา เพียงแต่เรื่องนี้ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
สุดท้าย เธอนึกถึงฉิงฮัว
*
“คุณผู้หญิง คุณหาผมมีธุระอะไรเหรอ?” ฉิงฮัวมาถึงห้องรับแขก เห็นกู้ฮอนนั่งโซฟารอตัวเองอยู่
กู้ฮอนสั่งให้ฉิงฮัวนั่งลง หลังจากนั้นก็หยิบภาพถ่ายครอบครัวออกมาจากในกระเป๋าตัวเองแล้วยื่นให้เขา: “ฉันต้องการให้คุณช่วยฉันตรวจสอบผู้ชายคนนี้ให้หน่อย เขาชื่อหลี่เชิน”
ฉิงฮัวรับภาพถ่ายมาดูแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง: “คุณผู้หญิง เรื่องนี้คุณวางใจได้เมื่อมอบให้ผมแล้ว ผมจะตรวจสอบให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด”
กู้ฮอนพยักหน้า จากนั้นก็พูดกับเขาไปว่า: “เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ”
“วางใจเถอะคุณผู้หญิง” ฉิงฮัวพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้อง
กู้ฮอนถึงจะโล่งใจได้ บางทีอีกไม่นานก็สามารถตรวจสอบถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการรู้
*
เฉิงเฉิงตื่นขึ้นมาแต่เช้า เขาล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวอย่างรวดเร็ว และหยิบกล่องดินสอเดินออกมาจากห้องของตัวเอง
จากนั้นก็เดินไปเคาะประตูห้องของหยางหยาง
ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงกุกกักหยางหยางก็เปิดประตูออกมา
“หยางหยาง ของของนายเตรียมเสร็จเรียบร้อยหรือยัง?” เฉิงเฉิงถาม
หยางหยางยกแขนขึ้น ในมือถือกล่องดินสอที่เหมือนแบบเดียวกันกับของตัวเอง: “วางใจเถอะ ไม่ให้น้อยเลยสักชิ้น”
เด็กทั้งสองคนเดินลงไปชั้นล่างไปทีละคน
เวลานี้ ในห้องครัวได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว
วันนี้เป็นวันสอบปลายภาค ทุกคนในบ้านต่างก็ยุ่งกับการทำงาน
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงในห้องอาหาร เห็นเพียงเป่หมิงโม่กำลังนั่งอยู่ข้างใน
ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เพราะพวกเขาคุ้นชินกับการที่คุณพ่อไปทำงานแต่เช้าแล้วกลับมาดึกดื่น ทุกวันยามที่พวกเขาใกล้นอนหลับเขาถึงจะกลับมา ตอนเช้าพวกเขายังไม่ตื่น เขาก็ออกไปแล้ว
ปกติก็มีแต่วันเสาร์และวันอาทิตย์ ถึงจะได้เจอคุณพ่อ
“พวกนายอึ้งอยู่ทำไม รีบกินข้าว” เป่หมิงโม่เหลือบมองสองพี่น้อง แม้ยังคงเซ้าซี้ แต่เขาก็ไม่ได้มีน้ำเสียงแข็งกร้าวเหมือนอย่างเคย
หลังทานอาหารเสร็จ เฉิงเฉิงและหยางหยางก็เตรียมพร้อมที่จะออกไปขึ้นรถที่ส่งพวกเขาไปเรียนตามปกติ
เวลานี้ เป่หมิงโม่เอ่ยปาก: “วันนี้ฉันจะส่งพวกนายไปสอบ”
ทันใดนั้นพวกเขาก็เข้าใจทันที ว่าสาเหตุที่วันนี้คุณพ่อไม่ได้ออกไปแต่เช้า ที่แท้ต้องการส่งพวกเขาไปสอบ