ตอนที่ 833 ปิดบัง
แต่ก็ไม่ได้หมายความตัวเองไม่ใส่ใจพวกเขา เพราะเขายังต้องติดตามความเคลื่อนไหวของเป่หมิงยัน
เป่หมิงยันมักจะอัปเดทการเดินทางใน FACEBOOK ของเขา นี่ถือได้ว่าเป็นการควบคุมการเคลื่อนไหวของเด็กทางอ้อม
“ลูกๆไปเที่ยวกับอาสามเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ฮ่าๆ แน่นอนว่าดีมากเลย แต่พวกเรารู้สึกเสียดายอยู่นิดหน่อยครับคุณพ่อ”หยางหยางในตอนนี้ไม่ได้ระวังเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่เลิกคิ้ว“ได้ไปเที่ยวเกือบครึ่งเดือนแล้วยังมีอะไรให้เสียดายอีกล่ะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามควรอยู่ในความพอเหมาะพอดีนะ ”
***
หยางหยางหัวเราะแห้งๆ“ผมว่าคุณพ่อเข้าใจผิดแล้ว ที่ผมหมายถึงคือเพราะคุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่ ก็ไม่นับว่าเป็นครอบครัวสิ”
นับว่าหยางหยางเป็นเด็กหัวไวที่ตอบกลับอย่างหัวชนฝา
ในตอนนี้เองเขาได้ยินเสียงของเป่หมิงยันเล็ดลอดเข้ามา“หยางหยาง อาเป็นอาสามของเรานะ ทำไมถึงไม่นับว่าเป็นครอบครัวละ”
“แน่นอนว่าไม่นับสิ พวกเรามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แม้ว่าอาจะเป็นอาสามของพวกเรา แต่เราไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลย……เฮ้ๆ อาสามอย่าแย่งโทรศัพท์ไปสิ……”
จากนั้นได้ยินเสียงเซ็งแซ่ดังออกมาจากลำโพงที่คาดว่าเป็นเสียงของทั้งสองคนที่กำลังยื้อแย่งกันอยู่
เป่หมิงโม่เอาโทรศัพท์ออกห่างจากตัวเองเล็กน้อย
เขาขมวดคิ้วแอบถอนหายใจ เมื่อสองหนุ่มเป่หมิงยันกับหยางหยางอยู่ด้วยกัน ทำไมถึงดูไม่น่าไว้ใจแบบนี้
กู้ฮอนไม่ได้ยินว่าเด็กๆพูดอะไรในโทรศัพท์ แต่แค่เห็นสีหน้าที่หลากหลายของเป่หมิงโม่ก็เดาว่า 80% คนที่โทรเข้ามาคือหยางหยาง
“เด็กๆสบายดีกันไหม”
เป่หมิงโม่ได้ยินเสียงในโทรศัพท์ยังคงเอะอะโวยวายกันเหมือนเดิม บางครั้งก็มี2-3ประโยคจากหยางหยางดังออกมา บ้างก็เป็นเสียงพูดของเป่หมิงยัน
“พวกเขาสบายดี แต่ทีหลังให้พวกเขาคลุกคลีกับเจ้าสามให้น้อยกว่านี้จะดีกว่านะ”
กู้ฮอนได้ยินอย่างนั้น แน่นอนว่าเธอรู้ดีอยู่แล้ว
นั่นคือความรู้สึกที่ติดตรึงของกู้ฮอน คนในตระกูลเป่หมิงล้วนแตกต่างจากคนทั่วไป
“พ่อครับ”ตอนนี้เสียงเฉิงเฉิงดังออกมาจากลำโพงของโทรศัพท์
ในที่สุดโทรศัพท์ก็กลับมาเป็นปกติ เป่หมิงโม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง“เฉิง เวลาอยู่ข้างนอกต้องดูแลหยางดีๆนะ อย่าให้เขาเรียนรู้ทุกอย่าง เข้าใจไหม”
เฉิงเฉิงออกแรงพยักหน้า“คุณพ่อสบายใจได้ครับ จริงด้วย คุณแม่กับคุณยายสบายดีกันใช่ไหมครับ”
“อืม คุณแม่ของลูกสบายดีมากๆ ส่วนคุณยายเธอ……”เป่หมิงโม่ลังเลเล็กน้อย ไม่รู้จะบอกเรื่องนี้กับลูกอย่างไร
เขาหันหน้ามองไปที่กู้ฮอน เห็นเธอยกมือป้องปาก เมื่อครู่เธอได้ยินว่าเด็กๆถามถึงคุณยาย
แค่เพียงนึกถึงเรื่องที่แม่จากไป เธอก็แทบจะทนไม่ไหว
ในช่วง2-3เดือนมานี้ เด็กๆผ่านช่วงเวลาของการพรากจากมากเกินไปแล้ว
คุณป้าฟาง คุณพ่อ……และตอนนี้ก็คุณยายอีก
เด็กๆจะเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขได้ยาก ดังนั้นควรจะแจ้งให้รู้เรื่องนี้ในภายหลัง
“เธอสบายดี คุณแม่ของลูกมักจะพาคุณยายออกไปเดินเล่นข้างนอก เอาล่ะ พวกเรามีธุระนิดหน่อย ยังไม่เหมาะจะคุยกับลูก จำไว้นะเวลาอยู่ข้างนอกลูกต้องระวังความปลอดภัยให้ดีๆ เที่ยวให้สนุกล่ะ”เป่หมิงโม่กดวางสายหลังจากที่พูดจบ
เมื่อถึงตอนนี้ ในที่สุดกู้ฮอนก็กลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้ไม่ไหว
เป่หมิงโม่ยื่นมือมากอดเธอไว้ในอ้อมแขน ในใจไม่สบอารมณ์เลยแม้แต่น้อย
เฉิงเฉิงวางสายโทรศัพท์ ตามหลักแล้วเขาควรจะดีใจเพราะได้รู้ว่าคุณแม่และคุณพ่ออยู่ด้วยกัน
แต่จากน้ำเสียงของคุณพ่อ ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ
“เฉิงเฉิง หลานเป็นอะไรไป ได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่แล้วไม่ดีใจเหรอ”เป่หมิงยันที่เจี๊ยวจ๊าวอยู่กับหยางหยางไปพักหนึ่งก็อุ้มขึ้นพาดบ่า เดินมาด้านข้างของเฉิงเฉิง
เขาเห็นว่าเฉิงเฉิงดูเหมือนจะมีบางอย่างอยู่ในใจ แตกต่างจากหยางหยางที่มีความสุขหลังจากได้คุยกับคนเป็นพ่อ
เฉิงเฉิงส่ายหัวเบาๆ มองไปที่เป่หมิงยัน“อาสาม ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อกี้ฟังคุณพ่อจากโทรศัพท์ รู้สึกว่าน้ำเสียงของคุณพ่อดูจะผิดปกติอยู่ตลอด ”
***
สีหน้าของเป่หมิงยันดูคลุมเครือ พูดกับหยางหยาง“80% เพราะหลานๆโทรไปผิดเวลาไง”
เฉิงเฉิงส่ายหัว“สิ่งที่ผมแน่ใจคือเห็นได้ชัดว่าเสียงของคุณพ่อตอนรับโทรศัพท์ไม่ได้โกรธ เสียงของเขาฟังดูจริงจัง อย่างกับมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นผมยังรู้สึกคุ้นๆกับน้ำเสียงนี้ เหมือนตอนที่คุณปู่เสีย คุณพ่อก็พูดแบบนี้ ”
“ครอบครัวของเรามีใครตายอย่างนั้นเหรอ?”หยางหยางพูดออกมาตรงๆ
หลังจากที่เฉิงเฉิงพูดความคิดนี้จบ ในสมองของเป่หมิงยันก็เกิดความคิดทันที เพียงแต่ว่าเขาไม่เลินเล่อเหมือนหยางหยางที่พูดเรื่องไร้สาระออกมา
เขาตีหยางหยางเบาๆ“ทำไมถึงปากไม่ดีแบบนี้ อย่าพูดเรื่องที่ไม่เป็นมงคลสิ ตอนนี้ในบ้านเราจะมีใครได้อีก นอกจากแม่ของหลานแล้วก็เหลือแค่แม่ของอา มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเราหากเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่”
“อาสาม เบามือหน่อยสิ มันเจ็บมากนะรู้ไหม”หยางหยางเหลือบมองไปที่เป่หมิงยัน
สิ่งที่เขาคิดในใจคือถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ขึ้นมาล่ะก็ยุ่งแน่ๆ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของอา บางทีโลกอาจจะสงบสุข
แต่แค่เขาพูดแบบนี้ออกไปไม่ได้ เขายังจำที่เฉิงเฉิงบอกกับเขาได้ว่าระหว่างที่กำลังสืบหาความจริง ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด
เฉิงเฉิงขมวดคิ้ว สมองน้อยๆเริ่มคิดทบทวนอย่างรวดเร็ว
“อาสาม ผมคิดว่าเราควรกลับบ้านกันได้แล้ว”
เมื่อหยางหยางได้ยินก็แสดงท่าทีคัดค้านทันที “พวกเราเพิ่งจะออกมาเที่ยวได้ไม่นานนี้เอง ที่บ้านจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ นายกังวลอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ ที่บ้านมีพ่อของหลานอยู่ มีเรื่องอะไรที่เขาจัดการไม่ได้บ้าง สบายใจเถอะ สองสามวันนี้ดาราใหญ่หลายคนที่อาสนิทด้วยล้วนมาถ่ายทำที่นี่ เดี๋ยวถึงเวลาอาจะพาพวกหลานไปที่เซ็ตฉาก”
คำพูดของเป่หมิงยันนั้นดึงดูดอย่างมาก หลังจากหยางหยางได้ฟังแววตาของเขาก็เป็นประกาย
“อาสาม ที่อาพูดจริงไหมครับ ดาราดังที่อาสนิทด้วยคือใคร ผมรู้จักทั้งหมดไหม”เขาพูดออกมาด้วยท่าทีดูตื่นเต้น
ทันใดนั้นท่าทีของเป่หมิงยันก็หยิ่งยโสขึ้นมาทันที “แน่นอนว่าพวกเขาล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในทีวีและภาพยนตร์ ด้วยตำแหน่งอาสามของนายแล้ว จะให้ไปรู้จักกับดารากระจอกๆเหรอ อาจะบอกพวกเราสองคนให้มีปิงปิง ลี่ลี่ หลิงหลิงยังมีเย่นเย่น ยังไงซะมันจะทำให้หลานๆตะลึงเลยล่ะ”
เขาพูดถึงตรงนี้ก็สบตามาที่เฉิงเฉิงอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ขยับเลยแถมคิ้วของเขาก็ยังขมวดแน่น ดูเหมือนเป่หมิงโม่ในวัยเยาว์
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเงาในวัยเด็กของเป่หมิงยัน
เมื่อเวลาผ่านไป เฉิงเฉิงได้ตัดสินใจบางสิ่ง “อาสามกับนายอยู่เล่นที่นี่กันเถอะ ช่วยผมจองตั๋วกลับบ้านพรุ่งนี้ที ผมต้องกลับบ้านไปดูสักหน่อย”
“เฉิงเฉิงนายกังวลเกินไปหรือเปล่า ไม่ต้องมาพูดว่าที่บ้านไม่ได้เกิดเรื่องอะไรนะ แม้ว่าที่บ้านจะเกิดอะไรบางอย่าง กลับไปนายก็ช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก” หยางหยางรู้สึกว่าที่เฉิงเฉิงทำอยู่มันน่าเบื่อจริงๆ
สำหรับเขาแล้วก็เหมือนที่อาสามพูด แม้ว่าฟ้าจะถล่ม ก็ยังมีพ่อของพวกเขาคอยดูแลไว้ มันจำเป็นที่พวกเขาจะต้องออกโรงเองที่ไหนกัน
ตั้งแต่ที่อาสามพูดว่าจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับดาราดัง เขายังคิดว่าจะถ่ายรูปรวมแล้วให้พวกเขาเซ็นชื่อให้ เมื่อกลับไปที่โรงเรียน เขาจะได้อวดต่อหน้าทุกคน
***
หลังจากที่ลู่ลู่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ผลการตรวจสอบสาเหตุการตายของโรงพยาบาลสรุปได้ว่าเขาเสียชีวิตด้วยพิษ
สำหรับข้อสรุปนี้ โรงพยาบาลไม่กล้าละเลยเพราะพวกเขารู้ว่าลู่ลู่และเป่หมิงโม่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น หากจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ดี ทำให้พวกเขาไม่พอใจ ผลที่ตามมาอาจเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถรับมือได้
เพราะลู่ลู่ทานอาหารในโรงพยาบาลมาโดยตลอด การตายของลู่ลู่จึงเหมือนดาบคมที่จ่อไปที่หัวของพวกเขา
ในแง่หนึ่งพวกเขาเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าอาหารที่พวกเขาให้นั้นปลอดภัย ในทางกลับกันพวกเขาต้องการผู้มีอำนาจในการออกมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาได้ข้อสรุปแล้วพวกเขาก็แจ้งตำรวจให้เข้ามาแทรกแซงทันที
สิ่งนี้ทำให้เป่หมิงโม่ไม่รู้สึกประหลาดใจ ท้ายที่สุดลู่ลู่อาจกล่าวได้ว่าเสียชีวิตอย่างกะทันหันและมีจุดน่าสงสัยหลายอย่างที่ต้องการการสอบสวนของตำรวจ
สภาพจิตใจของกู้ฮอนย่ำแย่มาตลอดหลังจากที่แม่ของเธอจากไป
ดังนั้นเป่หมิงโม่จึงจัดห้องคนไข้ที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลให้เธอ เพื่อเธอจะได้ปล่อยวางทุกอย่างและพักผ่อนให้เต็มที่
สำหรับหวีหรูเจี๋ยกับเจียงฮุ่ยซิน พวกเธอไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของลู่ลู่เท่านั้น แต่ยังเป็นแม่และนายหญิงของบ้านเป่หมิงด้วย
ไม่ควรบอกพวกเธอจนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
แบบนี้ยังสามารถหลีกเลี่ยงไม่ทำให้พวกเขาร้อนใจ
โดยเฉพาะหวีหรูเจี๋ย เธอเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลและไม่สามารถรับต่อสิ่งเร้าได้
นอกจากนี้เป่หมิงโม่จงใจขอให้ฉิงฮัวส่งคนไปเฝ้าประตูห้องคนไข้ที่กู้ฮอนพักอยู่
เขาไม่ได้กังวลว่าถังเทียนจื๋อจะทำอะไรเธอ ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้วว่ากู้ฮอนเป็นลูกสาวของเจ้านายของเขา
ไม่ว่าเขาจะจงรักภักดีต่อเจ้านายหรือเป็นเหมือนเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ก็ตาม อย่างไรแล้วเธอก็จะปลอดภัย
เพียงแค่ความบาดหมางระหว่างเขายังไม่ได้รับการชำระ เป่หมิงโม่ไม่ต้องการให้เขาได้เข้าใกล้กู้ฮอนอีก
เป่หมิงโม่ออกไปแต่เช้าและกลับมาในตอนดึก หนำซ้ำตอนนี้ลูกทั้งสองยังไม่อยู่บ้านอีก
คฤหาสน์เก่าตระกูลเป่หมิงก็ดูโล่งไปในชั่วขณะ โชคดีที่เจียงฮุ่ยซินเคยชินกับมันเสียแล้ว
สำหรับเป่หมิงโม่หรือเด็กๆทั้งสอง ตามความจริงในใจแล้วเธอยังไม่อยากเจอพวกเขาขนาดนั้น
เธอยังคงมีแผนของตัวเองนั่นคือเธอต้องการที่จะเอามรดกที่คุณท่านเป่หมิงไม่ได้มอบให้ลูกชายของเธอกลับคืนมา
พวกเขาล้วนแต่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ดังนั้นทำไมต้องเข้าข้างคนอื่นด้วย แม้ว่าลูกชายตัวเองจะไม่ชอบทำธุรกิจ แต่เขาก็ไม่ควรใจร้ายได้ขนาดนี้
เธอต้องการที่จะเอาสิ่งที่เป็นของเธอและลูกชายกลับคืนมา แม้ว่าวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่เป่หมิงโม่จะพาหวีหรูเจี๋ยกลับบ้านตระกูลเป่หมิง ตัวเองและลูกชายก็จะได้มีทางหนีทีไล่
แน่นอนว่าถ้าหวีหรูเจี๋ยไม่สามารถกลับมาได้มันจะเป็นทางที่ดีที่สุด เพราะอย่างนั้นเธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมไปไม่น้อย
แต่ในวันธรรมดาที่แสนน่าเบื่อนั้น กลับมีพายุโหมกระหน่ำที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตระกูลเป่หมิงมาก่อน
ช่วงบ่ายมักทำให้คนรู้สึกสบายตัว แต่ก็มีนำมาซึ่งอาการง่วงนอนเล็กน้อย
หลังจากที่เจียงฮุ่ยซินออกมาจากห้องอาหารเธอก็เดินผ่านห้องโถงและกำลังจะขึ้นไปชั้นบนเพื่อพักผ่อน
ในช่วงเช้าเธอก็ได้พบกับครอบครัวของเป่หมิงเฟยหย่วนอีกครั้ง
สิ่งที่รับรู้ได้จากปากของพวกเขาคือช่วงนี้เป่หมิงโม่ดูจะยุ่งมาก แต่ดูเหมือนที่ยุ่งจะไม่ใช่เรื่องในกรุ๊ป
นอกจากนี้กู้ฮอนดูเหมือนว่าจะหายไปด้วยเช่นกัน เป่หมิงยี่เฟ่ยก็ไม่ได้เห็นเธอมาสักพักแล้ว
อาจกล่าวได้ว่าเกิดเรื่องขัดแย้งอะไรระหว่างเป่หมิงโม่และกู้ฮอน