ตอนที่ 814 ระบายความในใจ
เขาได้ยินคำพูดของถางเทียนจื๋อแล้วก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันที “คุณอาบิวตี้ คุณจะพาผมไปที่ไหนหรือครับ”
ถางเทียนจื๋อยิ้มบางๆ “เธอจะรู้เองเมื่อถึงที่นั่น”
ภายใต้ความมืดมิดยามค่ำคืน รถเก๋งสีขาวคันหนึ่งเคลื่อนตัวผ่านรถราและฝูงชนไปอย่างคล่องตัว หลังจากอ้อมผ่านหัวมุมถนนไปหลายมุมแล้ว รถยนต์ก็จอดอยู่ในลานจอดรถด้านข้างถนนสตรีทพาร์ค
“เอาล่ะ หยางหยางลงจากรถกันเถอะ พวกเราถึงที่นี่แล้ว” ถางเทียนจื๋อเอ่ยพูดพลางช่วยเขาถอดเข็มขัดนิรภัยออก จากนั้นตัวเองก็ลงจากรถ
หยางหยางที่ลงมาจากรถแล้วก็มองไปรอบด้าน นอกจากแสงไฟนีออนที่ทำให้เขาตาพร่าก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรพิเศษ
“คุณอาบิวตี้ ผมยังนึกว่าคุณจะพาผมไปที่สนุกๆอะไรพวกนี้เสียอีก ที่แท้ก็เป็นที่นี่นี่เอง รอบๆที่นี่นอกจากตึกสูงใหญ่แล้วก็มีแค่เหล่าคุณป้าผู้ชราที่มาเต้นแอโรบิกในสวนสาธารณะกลุ่มหนึ่ง” หยางหยางมองสภาพรอบด้านอย่างรู้สึกผิดหวัง
ถางเทียนจื๋อยิ้มน้อยๆ มองไปที่หยางหยางแล้วส่ายหน้าเบาๆ พลางเอ่ยว่า “มองสิ่งต่างๆอย่ามองแต่เพียงภายนอก ต้องเชี่ยวชาญในด้านการขุดค้นเบื้องหลังของสิ่งนั้นๆด้วย บางทีเธออาจจะค้นพบสิ่งใหม่ได้”
หยางหยางหันหน้ากลับไปมองถางเทียนจื๋อ เขาเกาศีรษะ “คุณอาบิวตี้ ดูเหมือนว่าคำพูดที่คุณพูดนั้นลึกซึ้งมากจริงๆ”
“มา ตามฉันไปดูด้านใน” ถางเทียนจื๋อเอ่ย ชี้นิ้วไปที่สตรีทพาร์ค
สถานที่แห่งนี้ในยามราตรีนั้นไม่เหมือนกับเวลากลางวันที่มองแค่ครั้งเดียวก็เห็นทุกอย่างหมดแบบนั้น มีเพียงแค่แสงไฟถนนสลัวๆสองข้างทางเป็นตัวที่ส่องให้เห็นถนนเส้นเล็กๆเส้นหนึ่งที่มุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะ
พวกเขาเดินไปตามทางก็สามารถมองเห็นคนสองสามคนกำลังเดินเล่นอยู่ที่นี่
ค่อยๆเดินจากเส้นถนนที่เหล่าคุณป้าผู้ชราที่มาเต้นแอโรบิกในสวนสาธารณะไป เสียงเอะอะวุ่นวายของเมืองนั้นค่อยๆเงียบลงไป รอบด้านเริ่มเต็มไปด้วยความเงียบสงบ
“หยางหยาง พบการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างไหม” ถางเทียนจื๋อเอ่ยถามต่อ
ตอนนี้เองที่หยางหยางพยักหน้า “ผมรู้สึกว่าตอนนี้ที่นี่เงียบมาก ดูเหมือนว่าใจจะไม่สับสนวุ่นวายแล้วด้วย คุณอาบิวตี้ ที่นี่คือที่ไหนกันแน่ครับ ทำไมแต่ก่อนผมถึงไม่เคยมาที่นี่”
ถางเทียนจื๋อยื่นมือออกมาลูบผมของหยางหยางเบาๆ “ที่นี่ก็คือสตรีทพาร์ค แต่จากความเห็นของฉัน ที่นี่เป็นสถานที่พักฟื้นจิตใจแห่งหนึ่งจริงๆ”
***
“สถานพักฟื้นหรือ ผมรู้แล้ว ผมเคยเห็นในโทรทัศน์ คุณปู่กับคุณย่าจะพักผ่อนอยู่ข้างใน สถานที่เลี้ยงดูผู้สูงอายุ แต่ผมเห็นว่าที่นี่นอกจากเดินผ่านคุณป้าผู้ชราที่มาเต้นแอโรบิกในสวนสาธารณะกันเมื่อครู่นี้แล้วก็ไม่เห็นมีคนอื่นๆเลยนะครับ อีกทั้งกระทั่งบ้านหลังหนึ่งก็ไม่เห็นเลยด้วย มีแต่ป่าสีดำมืดสนิทแถบหนึ่ง” หยางหยางมองไปทางถางเทียนจื๋ออย่างสงสัย เขายากที่จะเข้าใจการเปรียบเทียบแบบนี้
“หยางหยาง พวกเราไปนั่งตรงนั้นสักพักหนึ่ง” ถางเทียนจื๋อชี้ไปยังม้านั่งตัวยาวที่อยู่ใต้ดวงไฟถนนด้านหน้า
หยางหยางพยักหน้า เดินตามเขาไป
หลังจากที่ทั้งสองคนนั่งลงแล้ว ถางเทียนจื๋อก็มองไปที่หยางหยาง “หยางหยาง ตอนนี้เธอสามารถบอกฉันว่าทำไมเธอถึงได้วิ่งออกจากบ้านมาได้แล้วสินะ”
เมื่อหยางหยางถูกถามถึงเรื่องนี้ เขาก็ก้มหน้าลง ใบหน้าปรากฏความรู้สึกน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด “คุณอาบิวตี้ ถ้าหากว่าผมพูดกับคุณแล้ว คุณคงจะไม่ตำหนิผมเหมือนกับคุณพ่อและคุณแม่แบบนั้นหรอกนะครับ”
ถางเทียนจื๋อยิ้มบางๆ “เธอยังไม่พูดกับฉันเลยว่าเรื่องอะไร ฉันจะตัดสินใจได้อย่างไรกัน เธอก็เป็นลูกผู้ชายแล้วนะ ตอนแรกได้ยินเธอพูดว่าเธอกับคุณแม่เผชิญหน้ากับคนชั่วร้ายสองคน เธอก็ไม่กลัว ทำไมตอนนี้ความกล้าถึงได้หดลงเสียล่ะ”
หยางหยางเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยว่า “วันนี้โรงเรียนของพวกเราสอบปลายภาค ผมสอบได้ 295 คะแนน ลำดับที่สามของทั้งชั้นปี”
“อ่อ นี่เป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่งนะ ทำไมถึงได้ทำให้พวกเขาโกรธได้กันล่ะ” ถางเทียนจื๋อเลิกคิ้ว นี่ทำให้เขาไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย
หยางหยางยื่นมือออกไปอยู่ด้านหน้าให้ถางเทียนจื๋อดู “นั่นก็เป็นเพราะว่าสิ่งนี้”
ถางเทียนจื๋อยื่นมือออกไปจับมือเล็กของหยางหยางเบาๆ อาศัยแสงสลัวในการมอง มือของเขานั้นมีตัวอักษรและสูตรเขียนเบียดเสียดกันเต็มไปหมด
เขาดูเหมือนว่าจะเข้าใจอะไรขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็ยังอยากฟังหยางหยางอธิบายเรื่องนี้ “ฉันเห็นแล้ว น่าจะเป็นเพราะพวกมันที่สร้างเรื่องวุ่นวายให้กับเธอสินะ”
หยางหยางพยักหน้า เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อคุณอาบิวตี้เห็นตัวอักษรพวกนี้แล้วจะไม่มีท่าทีแบบนั้นเหมือนกับคุณพ่อคุณแม่
หัวใจที่ตึงเครียดของเขาดวงนั้นก็ค่อยๆผ่อนคลายลง “คุณพ่อและคุณแม่ กระทั่งเฉิงเฉิง ล้วนคิดว่าผมโกงข้อสอบในครั้งนี้ แต่ว่าที่จริงแล้วผมเปล่า”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงได้เขียนสิ่งเหล่านี้ไว้บนมือกันล่ะ”
“ที่จริงแล้ว……ที่จริงแล้วผมก็เคยคิดว่าจะโกง นั่นก็เป็นเพราะผมกังวลว่าคะแนนของตัวเองจะไม่ดีพอ ผมกับคุณพ่อ ยังมีจ้าวจิ้งอี๋พนันกันเอาไว้ว่า การสอบปลายภาคครั้งนี้ ผมจะต้องอยู่ในสามลำดับแรกของทั้งชั้นปีได้อย่างแน่นอน เขียนสิ่งเหล่านี้ไว้บนมือก็เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นใจว่าจะไม่มีวันพลาด” หยางหยางเล่าความคิดที่แท้จริงทั้งหมดของตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบให้กับถางเทียนจื๋อฟัง
ตอนนี้ เขารู้สึกว่าบนโลกใบนี้มีเพียงแค่คุณอาบิวตี้และโล่ฮานสองคนนี้ที่สามารถเข้าใจตัวเองได้
เพียงแต่ว่าตอนนี้มีเพียงแค่คุณอาบิวตี้ที่อยู่ที่นี่
ใบหน้าของถางเทียนจื๋อนั้นแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าตั้งใจฟัง ทั้งยังพยักหน้าอยู่บ่อยๆ “หยางหยาง พูดต่อไปสิ”
“หลังจากที่ผมลอกคำถามพวกนี้ลงบนมือแล้ว ในใจก็มีความมั่นใจอยู่บ้างแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาสอบ ผมก็ยังคิดว่าตัวเองรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง เพียงแต่ผมก็นึกถึงคำพูดที่คุณพ่อพูดให้ฟังตอนส่งผมมาสอบได้ประโยคหนึ่ง นั่นก็คืออาศัยความสามารถของผมในตอนนี้ เผชิญหน้ากับการสอบแบบนี้น่าจะไม่ยากอะไร คำตอบของคำถามก็เหมือนกับวางไว้อยู่เบื้องหน้าอย่างไรอย่างนั้น จนกระทั่งสอบเสร็จ ผมสาบานเลยว่าไม่ได้แอบมองสิ่งที่เขียนอยู่บนมือเลย คุณอาบิวตี้ คุณจะเชื่อว่าผมไม่ได้โกงไหมครับ”
***
หยางหยางพูดจบแล้วก็มองถางเทียนจื๋อ แววตานั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะได้รับการยอมรับ
ถางเทียนจื๋อมองไปที่หยางหยาง ที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพียงแต่สำหรับหยางหยางที่ยังเด็กขนาดนี้นั้นยังถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างเห็นได้ชัด
เขาพยักหน้าให้กับหยางหยางอย่างจริงจัง “หยางหยาง ฉันเชื่อว่าตอนที่เธอสอบนั้นไม่ได้โกง”
หยางหยางที่ได้ยินคำพูดของถางเทียนจื๋อแล้ว นัยน์ตาก็ปรากฏร่องรอยความยินดีหลังถูกคนยอมรับออกมา “คุณอาบิวตี้ ขอบคุณในความไว้วางใจที่คุณมีต่อผม ถ้าหากว่าคุณพ่อคุณแม่และเฉิงเฉิงเหมือนกับคุณก็ดีน่ะสิ”
ถางเทียนจื๋อนั้นเข้าใจแล้ว “เธอกำลังจะพูดว่าพวกเขานึกว่าเธอโกงข้อสอบ จากนั้นเธอก็วิ่งออกมาใช่ไหม”
หยางหยางพยักหน้า
“หยางหยาง เธอรู้ไหม ตอนที่ฉันเรียนอยู่นั้นไม่ได้ฉลาดเหมือนเธอแบบนี้ ดังนั้นฉันยังเคยโกงครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเพื่อที่จะสอบให้ได้คะแนนดีมาก คุณพ่อคุณแม่ของฉันเห็นแล้วก็ดีใจมาก แต่ว่าฉันกลับดีใจไม่ออก ไม่ว่าจะไปที่ไหนล้วนรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองฉันอยู่ มีคนพูดลับหลังฉันว่า ‘ดูนั่น เด็กที่อยู่ข้างหน้าคนนั้นโกงการสอบล่ะ’”
หยางหยางมองไปทางถางเทียนจื๋ออย่างตะลึงเล็กน้อย “คุณอาบิวตี้ ที่แท้ตอนเด็กๆ คุณก็เรียนไม่เก่ง แล้วสุดท้ายเป็นอย่างไรครับ”
ถางเทียนจื๋อยิ้มน้อยๆ “ภายหลังฉันก็เป็นฝ่ายไปยอมรับความผิดกับคุณครูและคุณพ่อคุณแม่เอง”
“อ่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเขาตีคุณ ว่าคุณไหมครับ”
ถางเทียนจื๋อพยักหน้า “สุดท้ายแล้วคุณครูก็ให้โอกาสฉันสอบใหม่อีกครั้ง เพื่อการนี้ฉันก็ทบทวนบทเรียนดีๆอีกรอบหนึ่ง สุดท้ายแล้วก็สอบออกมาได้คะแนนดีมากๆ หยางหยาง สิ่งที่ฉันจะบอกเธอก็คือ ขอเพียงแค่กล้าที่จะยอมรับความผิด ก็จะได้รับความเข้าใจและการให้อภัยจากคุณครูและคนในครอบครัว ปัญหาของเธอในวันนี้ แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจผิดเธอ เป็นความผิดของพวกเขา แต่เธอไม่ได้เป็นฝ่ายพูดความจริงออกมา นั่นก็คือความผิดของเธอแล้ว”
หยางหยางพยักหน้า “คุณอาบิวตี้ ผมเข้าใจเหตุผลที่คุณพูด เพียงแต่ว่าพวกเขาปฏิบัติกับผมแบบนี้ ในใจของผมเป็นทุกข์มาก”
“หยางหยาง ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอในตอนนี้ เรื่องนี้ก็ถือว่าผ่านไปแล้วดีหรือไม่ อีกสักครู่ฉันจะให้คุณแม่ของเธอมารับเธอกลับบ้าน ครอบครัวเดียวกันไม่มีเรื่องอะไรที่จะคุยกันไม่เข้าใจ เธอดูสิ นั่นคืออะไร” ถางเทียนจื๋อยื่นมือชี้ไปที่ด้านหน้าทางหนึ่ง
หยางหยางก็มองตาม เห็นเพียงแค่สถานที่ที่ถือว่าอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก มีที่ดินว่างเปล่าเล็กๆที่หนึ่ง
ที่นั่นมีไฟถนนสี่ดวง ด้านล่างไฟถนนมีนกพิราบฝูงหนึ่งที่บ้างก็บิน บ้างก็เดินอย่างเป็นอิสระ
“เธอไปเล่นกับพวกมันสักพักเถอะ ในไม่ช้าอารมณ์เธอก็จะดีเอง”
หยางหยางพยักหน้า “ครับคุณอาบิวตี้ เพียงแต่รออีกสักครู่ค่อยเรียกพวกคุณแม่นะครับ ตอนนี้ผมยังโกรธพวกเขาอยู่”
ถางเทียนจื๋อยิ้มบางๆ พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ได้สิ”
*
ภายใต้ค่ำคืนอันมืดมิด รถเก๋งอีกคันหนึ่งค่อยๆขับผ่านรถราที่วิ่งขวักไขว่ กู้ฮอนและเฉิงเฉิงที่อยู่ในรถนั้นมองซ้ายมองขวามองคนที่อยู่สองข้างทาง
พวกเขาหาที่ใกล้ๆบ้านใหญ่แล้วก็ไม่พบแม้แต่เงาของหยางหยาง คราวนี้นั้นทำให้พวกเขาร้อนรนแล้วจริงๆ
ในเวลานั้นเองที่โทรศัพท์ของกู้ฮอนดังขึ้นมากะทันหัน
“เฉิงเฉิง ลูกช่วยแม่ดูหน่อยว่าเป็นโทรศัพท์จากใคร” กู้ฮอนพูด เพราะเธอรู้สึกว่าหยางหยางหนีไป เป่หมิงโม่ก็ต้องส่งคนไปตามหา บางทีนี่คงเป็นเขาที่โทรศัพท์มาบอกตัวเองว่าหาหยางหยางเจอแล้ว
แต่เมื่อเฉิงเฉิงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าของคุณแม่ เบอร์ที่โทรศัพท์เข้ามานั้นเป็นเบอร์โทรศัพท์แปลกหน้าเบอร์หนึ่ง “คุณแม่ครับ ผมไม่รู้จักเบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้ จะรับไหมครับ”
***
กู้ฮอนหักรถตัวเองเข้าไปจอดข้างทาง จากนั้นก็พยักหน้าให้กับเฉิงเฉิง
เฉิงเฉิงยื่นโทรศัพท์ให้กับกู้ฮอน
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือใครคะ”
ถางเทียนจื๋อที่ได้ยินเสียงของกู้ฮอน บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มน้อยๆ “ฮอน นี่ผมเอง Noton”
กู้ฮอนก็ฟังออกในทันที สภาพจิตใจของเธอในตอนนี้นั้นร้อนรนกระวนกระวาย เมื่อได้ยินเสียงของถางเทียนจื๋อ ในใจก็ยิ่งร้อนรน
เพียงแต่ว่าตอนนี้ลูกอยู่ข้างกายตัวเองจึงไม่สะดวกที่จะแสดงอาการโมโห ดังนั้นเธอจึงเอ่ยอย่างอดทนว่า “ตอนนี้ฉันยังมีธุระต้องทำ คงไม่คุยกับคุณไปมากกว่านี้แล้ว”
เธอเอ่ยแล้วก็จะกดวางโทรศัพท์
“เฮ้ๆฮอน ผมรู้ว่าคุณไม่อยากได้ยินเสียงโทรศัพท์ของผม แต่ผมก็รู้ว่าตอนนี้คุณกำลังตามหาหยางหยางอยู่ใช่หรือไม่”
ประโยคนี้ของถางเทียนจื๋อทำให้กู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะตะลึงค้าง “คุณรู้ได้อย่างไรกัน”
ถางเทียนจื๋อยิ้มบางๆ “นั่นก็เป็นเพราะว่าตอนนี้เขาอยู่ข้างๆผม แต่ว่าคุณวางใจเถอะ ตอนนี้อารมณ์ของเขาดีมาก ไม่จำเป็นต้องกังวล”
กู้ฮอนนั้นปรารถนาที่จะหาลูกชายให้พบ “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้”
“ยังคงเป็นที่เดิมสตรีทพาร์ค กลางคืนขับรถช้าหน่อย ความปลอดภัยสำคัญกว่า”
“ขอบคุณ” กู้ฮอนเอ่ยจบก็วางโทรศัพท์ จากนั้นก็พูดกับเฉิงเฉิงว่า “หาหยางหยางเจอแล้ว พวกเราจะไปรับเขากลับบ้านเดี๋ยวนี้”
เฉิงเฉิงในตอนแรกที่ได้ยินน้ำเสียงของคุณแม่ก็เหมือนจะรู้ว่าคนที่โทรศัพท์มาคือใคร อีกทั้งดูเหมือนว่าคุณแม่จะรังเกียจคนคนนี้เล็กน้อย
คนที่ทำให้คุณแม่รังเกียจได้ นอกจากคุณพ่อแล้วยังมีคนอื่นอีกด้วยหรือ
ตอนนี้ไม่มีเวลามาคิดอะไรมากมายแล้ว ยังคงต้องไปรับหยางหยางก่อน