ตอนที่ 835 ตื่นขึ้นมาด้วยความเศร้าโศก
“เฉิง ทุกคนต้องผ่านการเกิดแก่เจ็บตาย ลูกต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับมันอย่างเข้มแข็ง และก่อนที่พ่อจะกลับมา ลูกอย่าบอกเรื่องนี้กับคนอื่นรวมถึงหยางหยาง ตอนนี้มีแค่พ่อและแม่ของลูกที่รู้”
เฉิงเฉิงพยักหน้า “คุณพ่อไม่ต้องห่วงครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้อย่างดี ตอนนี้คุณแม่อยู่ที่ไหน”
เขาไม่ได้เห็นแม่มาหลายวันแล้วทั้งยังคิดถึงเธอมากๆ โดยเฉพาะเรื่องที่คุณยายเสียชีวิต คุณแม่น่าจะเสียใจมากเช่นกัน
“ตอนนี้เธอกำลังพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล การที่คุณยายของลูกจากไปเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอ ถ้าพรุ่งนี้พ่อไม่กลับมาลูกก็ไปหาแม่สิ ส่วนห้องพิเศษลูกไปถามอาฉิงฮัวได้”
เป่หมิงโม่พูดถึงสิ่งที่ควรอธิบายกับเฉิงเฉิงเสร็จ เขามองไปที่ลูกชายที่ตอนนี้โตแล้วอีกครั้ง
จากนั้นจึงหันไปหาตำรวจ “เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”
พูดจบ ก็เดินออกไปทางประตูใหญ่
เฉิงเฉิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมมองดูพ่อของเขาและตำรวจจากไป
ตอนนี้ในใจของเขารู้สึกอึดอัดมาก แต่ยังต้องทำตามที่พ่อของเขาบอกว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครก่อนที่เขาจะกลับมา
ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นและอยากเป็นลูกผู้ชายในบ้านนี้ให้เหมือนกับพ่อของเขา
ในตอนเช้าแสงสีทองของดวงอาทิตย์ปกคลุมคฤหาสน์เก่าของครอบครัวเป่หมิง
คนรับใช้เริ่มต้นวันที่วุ่นวายในการทำงาน พวกเขาทำเหมือนกับว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อันที่จริงแล้วเป็นคำสั่งที่สั่งไว้ก่อนแล้วของเป่หมิงโม่ เขาไม่อยากให้ทั้งครอบครัวทำเสียแผนเพราะเรื่องนี้
เฉิงเฉิงยังสงบสติอารมณ์ตามที่พ่อของเขาอธิบายไว้ตอนเขาจะไป ในระหว่างมื้ออาหารเช้า หยางหยาง เป่หมิงยันและแม้แต่เจียงฮุ่ยซินก็ไม่เห็นว่าเขามีอะไรผิดปกติ
หลังอาหารเช้าเฉิงเฉิงรู้สึกว่าเขาควรไปพบแม่ของเขา สภาพจิตใจของเธอในตอนนี้คงไม่ดีแน่นอน ในเวลานี้ต้องมีใครสักคนคอยปลอบเธออยู่ข้างๆ
“คุณยายครับ เช้านี้ผมจะออกไปข้างนอก” เฉิงเฉิงพูด
เจียงฮุ่ยซินมองไปที่เขาและยิ้มเล็กน้อย “พึ่งจะกลับมาเมื่อวาน วันนี้อยากจะออกไปแล้วหรอ”
เฉิงเฉิงพยักหน้า หาเหตุผลง่ายๆ “ตอนผมสอบเสร็จ ผมนัดกับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนเพื่อแก้ปัญหาเรื่องโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เมื่อคืนนี้เรานัดกันทางอินเทอร์เน็ตว่าจะเจอกันวันนี้ ”
เจียงฮุ่ยซินพยักหน้า “อืม งั้นหลานไปเถอะ ให้คนขับรถไปส่งไหม”
“คุณแม่ ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกครับ ผมก็จะออกไปพบเพื่อนพอดี ผมขับรถไปส่งเขาให้ก็ได้” ในเวลานั้นเป่หมิงโม่ก็พูดขัดจังหวะออกมา
“อ่า…ทุกคนมีเรื่องให้ออกไปข้างนอก เหลือผมต้องอยู่บ้าน น่าเบื่อสุดๆ อาสามทำไมไม่พาผมออกไปเจอเพื่อนของอาล่ะ” หยางหยางไม่อยากอยู่บ้านเพราะที่นี่น่าเบื่อมาก ถ้าไม่มีใครพาไปด้วยเขาอาจจะเป็นบ้าแล้วจริง
“นี่… ”เป่ยหมิงยันรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขาจะพาหยางหยางไปด้วยไม่ได้ ก็แค่ถ้าพาเขาไปเขาก็จะรู้สึกเบื่อเสียเอง
“หยางหยาง นายอยู่บ้านดีๆไม่ได้หรอ ถึงนายจะตามอาสามไป นายก็อยู่ไม่ได้หรอกถึงเวลานั้นก็ลำบากพวกเขาอีก นี่นายออกไปนอกบ้านนานกว่าครึ่งเดือนแล้ว นายควรทบทวนบทเรียนและเอาการบ้านปิดเทอมฤดูร้อนมาทำ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกรดของนายตกลง พอโรงเรียนเปิดเทอมก็จะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะได้”
***
คำพูดของเฉิงเฉิงช่วยแก้ปัญหาให้กับเป่หมิงยัน
“หยางหยาง อยู่บ้านทำการบ้านของเราไป รออาซื้อของอร่อยๆมาให้กินนะ” เป่หมิงยันพูดเสริมอย่างรวดเร็ว
หยางหยางยู่ปาก ที่เฉิงเฉิงพูดไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล ช่างเถอะ อยู่บ้านทำการบ้านก็ได้
เขามองไปที่เป่หมิงยันอย่างเศร้า ๆ “อาสาม ตอนอากลับมาต้องซื้อของอร่อยให้ผมเยอะๆนะ”
เป่หมิงยันขับรถพาเฉิงเฉิงออกไป หลังจากออกมาจากคฤหาสน์เป่หมิงใช้เวลาไม่นานก็เข้าสู่ทางจราจรของเมือง A
“เฉิงเฉิง จะให้อาไปส่งที่ไหน”
จุดหมายปลายทางของเฉิงเฉิงคือโรงพยาบาล แต่เขาไม่สามารถบอกกับเป่หมิงยันได้
เขาหาสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลและบอกกับเป่หมิงยัน เมื่อถึงเวลาเขาก็สามารถเดินไปถึงได้
หลังจากพักผ่อนมาเป็นเวลานาน ในที่สุดกู้ฮอนความเจ็บปวดที่แม่ของเธอจากไปก็ได้ทุเลาลง
ตอนเที่ยงเธอได้รับโทรศัพท์จากแอนนา น้ำเสียงของเธอจากโทรศัพท์ดูเป็นกังวลมาก “กู้ฮอน เธอรับโทรศัพท์แล้ว สองวันมานี้เธอไม่อยู่บ้าน มันทำให้ฉันกับลั่วเฉียวร้อนใจจะตายอยู่แล้วนะ”
ในเวลานี้ การได้รับความห่วงใยจากเพื่อนๆเป็นอะไรที่อบอุ่นมากอย่างไม่ต้องสงสัย
“แอนนา ขอโทษนะช่วงสองวันมานี้ฉันมีเรื่องยุ่งๆน่ะ ขอบใจนะที่เป็นห่วง” น้ำเสียงของกู้ฮอนกดต่ำ ภายในใจของเธอยังคงอดกลั้นความโศกเศร้าของตัวเองเอาไว้ไม่ไหว
“กู้ฮอน เธอเป็นอะไร ฟังดูเธอไม่โอเคเลย เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเธอเหรอ” แอนนาเป็นคนที่ไวต่อความรู้สึก ไม่นานเธอก็รู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเธอ
เมื่อพูดถึงแม่ จมูกของกู้ฮอนก็แดงขึ้น น้ำตาคลอเบ้า เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะซ่อนความเศร้าโศกของเธอ แต่กลับกลั้นเอาไว้ไม่ไหว
เธอเอามือข้างหนึ่งปิดโทรศัพท์และปิดปากด้วยมืออีกข้างหนึ่ง แต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นออกมา
“กู้ฮอน กู้ฮอน เธอเป็นอะไรกันแน่ ทำไมไม่พูด ฉันร้อนใจจะตายแล้วนะ” แอนนาถามรัวๆ
ไม่มีการตอบรับจากอีกฝ่าย ผู้คนในเวลานี้เป็นช่วงที่จะคิดไปต่างๆนาๆได้ง่ายที่สุด
ตอนนี้เธอได้แต่ร้อนใจจนทำอะไรไม่ได้ ความคิดบางอย่างและลางสังหรณ์ไม่ดีเพิ่มขึ้นในใจ
เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับแม่ของกู้ฮอน ไม่อย่างนั้นเธอจะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือถือโทรศัพท์และรอคำตอบจากเธออย่างเงียบ ๆ
หลังจากร้องไห้อยู่พักหนึ่ง กู้ฮอนยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าของเธอแล้วยกโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง “แอนนา แม่ของฉันจากไปแล้ว”
ในที่สุดเธอก็พูดออกมาจากปากเธอเอง
เดิมทีเธอไม่ต้องการเผชิญหน้ากับความจริงนี้ เพียงแต่สองวันมานี้เธอตระหนักได้แล้ว
อย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน ต่างกันแค่ไม่ช้าก็เร็วเท่านั้น
เธอยังเคยคิดฝันว่าหลังจากรอให้แม่หายป่วย เธอกับแม่จะพาเด็กๆไปใช้ชีวิตสงบสุขด้วยกัน
แต่ในตอนนี้ มันกลับหายวับไปในอากาศ
ตอนที่กู้ฮอนกำลังเศร้าใจอยู่นั้น ทันใดนั้นเงาของแม่ก็แวบเข้ามาในความคิดของเธอ แม่บอกกับเธอว่าอย่าเศร้าและเสียใจจนเกินไป หัวใจของพวกเขายังคงเชื่อมต่อกันไม่เสื่อมคลาย
*
หลังจากแอนนาได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เป็นไปได้ยังไง ไม่ใช่ว่าแม่เธออาการเริ่มฟื้นแล้วเหรอ ทำไมจู่ๆจากไปได้ล่ะ กู้ฮอน ฉันเสียใจที่ได้ยินข่าวนี้ ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา แค่พูดออกมาพวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเธอนะ”
***
กู้ฮอนกลั้นน้ำตาไว้ พูดด้วยเสียงสะอื้น “แอนนา ขอบใจพวกเธอมากนะ ฉันยังจัดการได้ เป่หมิงโม่เองก็จะช่วยฉัน แต่ฉันอยากขอให้เธอช่วยฉันอีกเรื่อง นั่นคือเรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกเจ้าทารกน้อยนะ”
ในเวลานี้ เธอและเป่หมิงโม่ตัดสินใจเหมือนกันนั่นก็คือพวกเขาจะไม่บอกเด็กๆเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในขณะเดียวกัน เธอเองก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกเฉิงเฉิงและหยางหยางเกี่ยวกับเรื่องนี้
ขณะที่เธอกำลังคุยกับแอนนา ประตูห้องคนไข้ของเธอก็เปิดออกและมีร่างเล็กเดินเข้ามาจากข้างนอก
เป่หมิงโม่สั่งให้ฉิงฮัวส่งคนไปเฝ้ารอบๆห้องคนไข้เพื่อรักษาความปลอดภัยของกู้ฮอน
แต่สิ่งนี้ไม่มีผลต่อการรักษาของคุณหมอ ในขณะเดียวกันก็ไม่มีผลต่อการมาของเฉิงเฉิง
เพราะลักษณะของเฉิงเฉิงและหยางหยาง ทำให้คนเหล่านี้คุ้นเคยกับพวกเขาอยู่แล้ว
กู้ฮ้อนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเฉิงเฉิง คาดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาเร็วขนาดนี้
“แอนน่า ฉันมีธุระที่นี่นิดหน่อย ไว้คุยกันวันหลังนะ”กู้ฮอนวางสายโทรศัพท์หลังจากพูดจบ
เธอไม่อยากให้เฉิงเฉิงได้ยินอะไรระหว่างที่คุยโทรศัพท์กับแอนนา
หลังจากวางสายโทรศัพท์ กู้ฮอนหันไปทางเฉิงเฉิงและพูดอย่างฝืนยิ้ม “ลูกรัก เมื่อกี้แม่คุยโทรศัพท์กับป้าแอนนาน่ะ ลูกไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่ลูกไป เจ้าทารกน้อยก็ส่งเสียงร้องจะเล่นกับลูก ลูกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกแม่ซักคำ ไปเที่ยวเล่นข้างนอกมาสนุกไหม”
เฉิงเฉิงเป็นเด็กฉลาดทั้งยังเป็นคนช่างสังเกต
แม้ว่าบนใบหน้าของแม่จะมีรอยยิ้ม แต่ยังสามารถเห็นได้ว่าดวงตาของเธอเป็นสีแดงเล็กน้อย คงเพราะเพิ่งร้องไห้ไป
เขาเดินอ้อมเตียงโรงพยาบาลมาทางด้านข้างของแม่ “ตอนอยู่ข้างนอกพวกเราสบายดีครับ เรากลับมาถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คุณแม่ร้องไห้เหรอครับ”
กู้ฮอนส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “แม่ไม่ได้ร้องไห้ เมื่อกี้คุยกับป้าแอนและพูดเรื่องตลกๆที่เจ้าตัวเล็กยังเป็นทารก หัวเราะจนน้ำตาไหลเลยล่ะ”
เฉิงเฉิงมองไปที่รอยยิ้มที่เข้มแข็งของแม่และรู้สึกเศร้าเสียใจเล็กน้อยแทนแม่ของเขา
“คุณแม่ครับ อย่าปิดบังความเศร้าไว้เลย ความจริงผมรู้ทุกอย่างแล้ว” เฉิงเฉิงพูดอย่างตรงไปตรงมา เขารู้สึกว่าการปกปิดเช่นนี้เป็นเรื่องที่ทรมานมาก ดังนั้นจึงควรพูดทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนรู้สึกดีขึ้น
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ฮอนหายไป ในใจครุ่นคิด ไม่ใช่ว่าเมื่อวานนี้เป่หมิงโม่บอกทุกอย่างกับเด็กๆแล้วนะ
เขาทำเช่นนี้ได้อย่างไรเขา เขาไม่รู้หรือไงว่าสิ่งนี้จะส่งผลร้ายต่อจิตใจของเด็ก ๆ
แต่เธอไม่แน่ใจว่าเป่หมิงโม่บอกกับเด็กๆไปมากน้อยแค่ไหน เธอจึงถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ลูกรัก ลูกรู้อะไรบ้าง”
เมื่อเห็นว่าแม่ของเขายังคงต้องการปิดบังตัวเอง เฉิงเฉิงจึงพูดตรงๆ “ผมรู้ว่าคุณยายจากไปแล้ว”
ใบหน้าของกู้ฮอนกระตุก เธอมองไปที่เฉิงเฉิง “นี่คือสิ่งที่พ่อของลูกบอกลูกเหรอ”
เฉิงเฉิงพยักหน้าจากนั้นก็ส่ายหัว “คุณพ่อไม่ได้บอกทั้งหมด คุณแม่จำครั้งหนึ่งที่พวกเราโทรหาคุณแม่แล้วคุณพ่อรับสายได้ไหมครับ”
กู้ฮอนพยายามคิดอย่างหนัก มันเป็นครั้งเดียวและนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เป่หมิงโม่ไปโรงพยาบาลกับเธอ
เฉิงเฉิงกล่าวต่อไปว่า “อันที่จริงผมได้ยินจากน้ำเสียงของคุณพ่อว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านในตอนนั้น แต่ผมไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น”
***
“อย่างนั้นลูกรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หล่ะ” กู้ฮอนมองไปที่เฉิงเฉิง
เธอรู้มาโดยตลอดว่าเฉิงเฉิงนั้นฉลาดกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก ในแง่ของการสังเกตรายละเอียดหรือในการใช้เหตุผลและการตัดสิน ดีกว่าผู้ใหญ่หลายๆคนด้วยซ้ำ
“ผมรู้เรื่องนี้จริงๆเมื่อคืน”
“เมื่อคืนเหรอ”กู้ฮอนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เฉิงเฉิงบอกกับแม่ของเขาว่าเขาเห็นอะไรเมื่อคืน
หลังจากที่กู้ฮอนได้ฟังเธอก็ประหลาดใจมาก