ตอนที่ 823 ต้องถูกลงโทษซะแล้ว
ตอนนี้เธอต้องนิ่งไว้ จะได้ไม่เกิดเรื่อง จะทำให้แผนการและแผนกของตัวเองพังยับเยินไม่ได้
เป่หมิงยันเหมือนไม่ได้ยินคำสั่งสอนของแม่ นั่งจมอยู่กับความเสียใจในตอนนั้น:”ความจริงลุงได้เตรียมของทั้งหมดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวออกไปเร่ร่อนข้างนอกแต่ว่าตอนที่ลุงลากกระเป๋าเดินทางออกมาที่ห้องล๊อบบี้………..”
สายตาของเขามองดูรอบๆหนึ่งรอบ จากนั้นใช้นิ้วมือชี้ไปที่ที่ตัวเองกำลังยืนอยู่:”ถูกต้อง ที่นี่เลย ลุงลากกระเป๋าเดินมาถึงตรงนี้แหละ ถูกพ่อและแม่พาคนรับใช้หลายคนมาขวางทางไว้ พวกเขาแย่งกระเป๋าของลุงไป และยกลุงไปที่ห้องนอนของลุง ยิ่งไปกว่านั้นล๊อคประตูของลุงอีกด้วย ไม่ให้ลุงออกไป”
“อ๋อ ที่แท้ทำไม่สำเร็จ” หยางหยางมองหน้าเป่หมิงยันด้วยสายตาที่ดูถูกดูแคลน เหมือนกำลังพูดว่า:” ดูสิ ลุงยังสู้ผมไม่ได้เลย ยังไงซะผมยังได้ออกไปจากประตูบ้านหลังนี้”
เป่หมิงยันเป็นคนเอาหน้า:” อะไรนะทำไม่สำเร็จ นี่เค้าเรียกว่าพยายามออกจากบ้านยังไม่ถึงเป้าหมายต่างหาก เข้าใจมั้ย”
หยางหยางพยักหน้าเหมือนเข้าใจและเหมือนไม่เข้าใจ:” ความพยายามยังไม่ถึงเป้าหมาย? คำคำนี้คุ้นเคยมาก เหมือนเคยได้ยินในทีวีหรือที่ไหนมาก่อน พยายามฆ่าคนโดยไม่ถึงเป้าหมาย พยายามปล้นทรัพย์โดยไม่ถึงเป้าหมาย และยังมีพยายามข่มขืน…….. ”
เป่หมิงยันยื่นมือไปปิดปากหยางหยาง:”ไม่เข้าใจความหมายก็อย่าพูดเหลวไหลได้มั้ย ก็แค่เรื่องเล็กน้อย ถูกนายพูดซะจนไม่ได้ฆ่าคนหรือเผาไฟซะหน่อย ลุงชั่วขนาดนี้เลยรึ ยังไงลุงก็เป็นถึงดาราในดวงใจบวกกับดาราที่มีความสามารถ”
***
หลังกู้ฮอนปลอบใจจิ่วจิ่วเรียบร้อย รีบถือกระเป๋าเดินไปทางหน้าประตู
เวลานี้เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ รถยนต์ตัวเองยังจอดอยู่ที่บ้านเป่หมิง
ที่นี่เป็นที่พักชุมชนระดับสูง สามารถพักอยู่ที่นี่ทุกบ้านต่างมีรถยนต์กันทั้งนั้น ที่สำคัญรถยนต์ที่เข้าๆออกๆดูแลอย่างเข้มงวด
เพราะฉะนั้นพวกรถยนต์โดยสารพวกนี้ส่วนมากจะไม่ปรากฏอยู่ที่นี่
“ฮอน คุณรอก่อน” แอนนิถือข้าวกล่องวิ่งออกมา เธอเอาอาหารเช้าที่เตรียมเอาไว้ส่งออกมา
“ถึงแม้จะเป็นเวลาเที่ยงแล้วก็ตาม แต่ว่าไม่ทานอะไรเลยไม่ได้”
กู้ฮอนมองหน้าแอนนิและยิ้มแย้ม:”รู้แล้วป้าแอน พูดอยู่ยื่นมือไปรับข้าวกล่องมา คุณกลับไปเถอะ”
พื้นที่ของชุมชนนี้ถือว่าไม่เล็ก ความจริงถ้าขับรถสามารถไปถึงที่หน้าประตูเร็วมาก แต่ตอนนี้เดินด้วยเท้าเปล่าก็ต้องใช้เวลานานมากขึ้น
ยังดีนะ ปกติกู้ฮอนเป็นคนรักสุขภาพ ในเวลาทำงานไม่ค่อยนั่งลิฟต์เท่าไหร่ ใช้ขาทั้งคู่วิ่งขึ้นวิ่งลง
ถึงหน้าประตูชุมชน เรียกรถโดยสารได้อย่างราบรื่น
อยู่บนรถเธอทานข้าวแบบง่ายๆ
ตอนที่ไปถึงตึกบริษัทเป่หมิง ก้มหน้าดูนาฬิกาใกล้ถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว
เดิมทีคิดว่าเลยเวลาพักเที่ยงแล้วค่อยไป แต่คิดไปคิดมาไปรายงานตัวที่ข้างบนก่อนดีกว่า
ไอ้เป่หมิงโม่คนนี้ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ถ้าหากไปตอนเย็น จะไม่ถูกเขาต่อว่าจนเสียๆหายๆเหรอ
เพราะฉะนั้น เธอถือข้าวกล่องเดินเข้าไปที่ตึกบริษัทเป่หมิง
*
เป่หมิงโม่ทำงานของตัวเองเรียบร้อย นั่งตัวตรงและหลับตาไว้หมุนคอตัวเองเบาๆ
ก้มหน้าก้มตาทำงานเป็นเวลายาวนาน ทำให้เขามีโรคอาชีพเล็กน้อย คงท่านั่งท่าเดียวที่ต้นคอเป็นระยะเวลานาน จึงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
ฉิงฮัวเห็นเขากำลังนวดต้นคอ หยิบยาหม่องออกมาจากลิ้นชักตัวเอง จากนั้นส่งไปที่โต๊ะของเขา
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เป่หมิงโม่ใช้บ่อยๆ
“ก๊อกก๊อกก๊อก………”
ประตูห้องทำงานถูกเคาะเบาๆจนดังขึ้นมา
ฉิงฮัวรีบหันหลังไปเปิดประตู นี่ก็ใกล้พักเที่ยงแล้ว ยังมีใครมาที่นี่อีกหล่ะ
ขณะที่เขาเปิดประตู เห็นว่ากู้ฮอนได้ยืนอยู่ที่หน้าประตูเรียบร้อยแล้ว
“คุณหนู”
กู้ฮอนยิ้มแย้มให้กับเขา พยักหน้า จากนั้นเดินเข้าไป
เธอก้มหน้าเอาไว้ ไม่กล้าไปมองสายตาของเป่หมิงโม่ซึ่งกำลังจ้องมองตัวเองอยู่ ขณะที่เธอนั่งลงไปที่ที่นั่งตัวเอง เปิดคอมพิวเตอร์ออกมา ยังคงรู้สึกได้ว่าเป่หมิงโม่กำลังมองตัวเองอยู่
ทันทีนั้นรู้สึกว่าแก้มมันร้อนๆ ทำไงดี ความเงียบงันของเป่หมิงเอ้อไม่ใช่ลางดีนะเนี่ย
หรือว่าเขากำลังรวบรวมคำพูดที่แหลมคมมาต่อว่าตัวเองให้เสียๆหายๆ?
ช่างเถอะ เป็นความผิดตัวเองแท้ๆ กัดฟันยอมรับโดยดีเถอะ
เธอเงยหน้าขึ้นมานิดๆ แอบมองหน้าเป่หมิงโม่ เห็นว่าเขาได้ลุกขึ้นมาจากที่นั่งเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นเดินเข้ามาหาตัวเองทางนี้
มาแล้ว มาแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้เริ่มทำให้ตัวเองลำบากใจแล้ว
เป่หมิงโม่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของกู้ฮอน ก้มหน้ามองกู้ฮอน เขาสามารถมองเห็นร่างกายเธอสั่นกระตุกเล็กน้อย
“ไปทานข้าวกับผม”
“!” กู้ฮอนยังไม่ได้สติกลับมา นี่เขาจะทำอะไร? หรือต้องการจะสั่งสอนตัวเองที่โต๊ะทานข้าวใช่มั้ย?
“ถึงเวลานั้นเขานั่งอยู่ ตัวเองยืนอยู่:” เขาทานอยู่ ตัวเองมองอยู่
ข้าวกล่องที่ แอนนิเตรียมให้กับตัวเองไม่เยอะ เป็นปริมาณสำหรับอาหารเช้าเท่านั้น ที่สำคัญตอนนั่งอยู่ในรถ เพื่อทำตัวเป็นผู้ดีหน่อย ไม่กล้ากินแบบมูมมามที่เบาะหลัง
ตอนนี้ท้องของได้เธอหิวตั้งนานแล้ว
***
กู้ฮอนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเป่หมิงโม่ เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ:”ฉันทานเรียบร้อยแล้ว ตอนเช้ามาสาย ฉันอยากใช้เวลาเที่ยงวันเรียงงานของฉันสักหน่อย
เป่หมิงโม่ยื่นมือเข้ามาเอาข้าวกล่องของเธอขึ้นมา เปิดออกมาดู ข้างในมีไข่ไก่และขนมปังหนึ่งแผ่น
” นี่เป็นอาหารเช้าที่คุณทานหรือ? แค่นี้สามารถทนได้หนึ่งวันงั้นหรือ? ผมไม่อยากให้คุณหิวจนเป็นลมอยู่ที่นี่ทำงานล่าช้า” เป่หมิงโม่พูดจบ เอาข้าวกล่องให้กับฉิงฮัว
จากนั้นเดินอ้อมจากโต๊ะมาถึงข้างกายกู้ฮอน ยื่นมือไปจับแขนของเธอ ลากตัวเธอขึ้นมาแบบเบาสบาย
กู้ฮอนผอมบางอยู่แล้ว เป่หมิงโม่ไม่ได้เสียแรงอะไรมาก
” คุณ คุณจะทำอะไร? “กู้ฮอนไม่มีแรงต่อต้านเลยสักนิด
“ไปทานข้าวกับผม” เป่หมิงโม่พูดอยู่ ยังคงไม่ปล่อยมือ พาเธอไปถึงหน้าประตู
สำหรับกู้ฮอน ถ้าจะบอกว่า’พา’บอกว่า’กระชาก’เลยดีกว่า เธอไม่ฟังอะไรทั้งนั้น
ฉิงฮัวตามหลังพวกเขาอยู่ เหตุการณ์แบบนี้เขาเห็นจนชินแล้ว
เชิงเทียนโลหะเงินวางไว้ตรงกลางที่โต๊ะยาวๆ
เป่หมิงโม่และกู้ฮอนนั่งตรงกันข้ามของขอบโต๊ะ
ฉิงฮัวยืนอยู่ข้างหลังของเป่หมิงโม่ด้วยความเคารพ
แสงไฟสีเหลืองอ่อนทำให้ห้องอบอุ่นอย่างมาก สีแดงอมม่วงและลายลูกไม้ของพรมเสริมให้บรรยากาศดูเด่นและหรูหรามากขึ้น
เร็วมาก พนักงานได้นำอาหารเที่ยงของทั้งสองคนมาเสิร์ฟ
เป่หมิงโม่หันหลังไปมองฉิงฮัวที่อยู่ข้างหลัง:”นายอย่ายืนอยู่ที่นี่เลย ทานกับเราเถอะ”
พูดจบเขาดีดนิ้วอย่างเสียงดังหนึ่งครั้งให้กับพนักงานที่อยู่ที่นี่
พนักงานพยักหน้า จากนั้นหันหลังเดินออกไป
อาหารเที่ยงของฉิงฮัวส่งมาถึงเร็วมาก วางไว้ข้างเชิงเทียน
ความจริงฉิงฮัวอยากปฏิเสธ แต่ว่าถูกเป่หมิงโม่ใช้คำสั่งด้วยการผิวปากสั่งให้นั่งอยู่ที่นี่
กู้ฮอนถือซ้อมเล็กๆเอาไว้ คนเส้นสปาเกตตี้ในถ้วยตัวเอง ไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่นิดเดียว
นั่นเป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ว่าเป่หมิงโม่เป็นอะไร พาเธอมาทานอาหารเที่ยงที่สถานที่แบบนี้ ไม่รู้จริงๆว่าเขาคิดยังไง
เป่หมิงโม่ไม่ออกเสียง ยิ่งไปกว่านั้นไม่เงยหน้าขึ้นมา มองกู้ฮอนด้วยซ้ำ กู้ฮอนเอาแต่ก้มหน้าและทานอาหารของตัวเอง
ขณะที่เธอทานจนเกือบอิ่ม วางมีดและซ้อมเอาไว้ข้างๆเบาๆ
หลังใช้กระดาษเช็ดปากเรียบร้อย ยกไวน์แดงข้างซ้ายมือขึ้นมาดื่ม ดื่มไปคำเล็กๆนึงคำ
“เมื่อคืนคุณกลับไปดึกมากเลยใช่มั้ย?”
หลังกู้ฮอนได้ยินคำนี้ ท่าทางของมือที่ถือซ้อมได้หยุดชะงักอย่างกะทันหัน
ดูท่าฉิงฮัวได้บอกเรื่องเมื่อคืนให้กับเขาฟังเรียบร้อยแล้ว
ความจริงไม่อยากนำเรื่องที่เจอเฟยเอ๋อและถังเทียนจื๋อบอกให้เขาฟัง
เหตุผลง่ายนิดเดียว เป่หมิงโม่ไม่เห็นด้วยที่ตัวเองไปสัมผัสกับถังเทียนจื๋อ
ระหว่างพวกเขามีความแค้นต่อกันอีกด้วย เป่หมิงโม่จะบังคับตัวเองไปหาถังเทียนจื๋อรึเปล่า ที่สำคัญถึงแม้เมื่อคืนตัวเองออกมาจากที่พักของเขาแล้วก็ตาม แต่ว่าความทรงจําตัวเองกลับจำอะไรไม่ค่อยได้
ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับเธอแล้ว ระหว่างความแค้นของเขาสองคน ตัวเองไม่อยากเข้าไปยุ่ง และไม่อยากเห็นระหว่างพวกเขาคนใดคนนึงเกิดเรื่องขึ้นมา
“ฉัน เมื่อวานตอนที่ฉันออกไปได้เจอกับเพื่อนสมัยเรียนฉันกับพวกเธอนั่งอยู่ข้างนอกสักพัก ที่ที่เราไปห่างจากบริษัทไม่ไกลพอดี ที่สำคัญรถของฉันยังอยู่ที่บ้าน เป่หมิงอีกด้วย เพราะฉะนั้นฉันจึงโทรศัพท์หาฉิงฮัวให้มารับฉันหน่อย”
“ขณะที่กู้ฮอนพูด แกล้งทำเป็นน้ำเสียงที่นิ่งเฉยมากๆ เธอไม่อยากให้เป่หมิงโม่จับพิรุธตัวเองได้
***
เป่หมิงโม่พยักหน้า เหมือนยอมรับคำอธิบายของเธอ:”รีบทานเถอะ เย็นแล้วเดี๋ยวจะไม่อร่อย”
กู้ฮอนโล่งใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ทานอาหารเที่ยงเรียบร้อย หยางหยางนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารและเรอออกมา
เนื่องจากว่าอาหารเช้าและอาหารเที่ยงของเขามันห่างกันไม่นาน ที่สำคัญเป่หมิงยันกลับมาทำให้เขามีความอยากอาหารมากขึ้น
เป่หมิงยันใช้กระดาษเช็ดปากตัวเองเบาๆ มองหน้าหยางหยางและยิ้มแย้มพูดว่า:”ไม่เจอกันตั้งนาน ท่าทางการทานข้าวของนายยังไม่แก้อีกเหรอ พ่อนายทนดูไหวเหรอ”
หยางหยางยักไหล่:”พ่อผมออกไปแต่เช้าและกลับมาดึกดื่นทุกวัน อย่าว่าแต่ข้าวเที่ยงเลย แม้แต่ข้าวเย็นก็น้อยมากที่อยู่ทานข้าวในบ้าน
ตั้งแต่ลูกชายกลับมา ความจริงเจียงฮุ่ยซินยังไม่ได้พูดคุยกับเขาสักคำเลย
“หลานรัก หลานไปเล่นก่อนนะ คุณย่าอยากพูดคุยกับลุงสามของหลานหน่อย เดี๋ยวค่อยให้เขาเล่นกับหลานดีมั้ย?”
หยางหยางพยักหน้า วิ่งขึ้นไปบนตึกอย่างเร็ว เขารู้ดีต่อให้ตัวเองไม่ยอม มันก็เปล่าประโยชน์
เขาคิดถึงกล้องวงจรปิดที่เฉิงเฉิงได้ติดตั้งไว้ ช่วงนี้เขากับเฉิงเฉิงไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น
ความเคลื่อนไหวของเจียงฮุ่ยซินในทุกๆวันทำให้พวกเขาเหาง่วงเหลือเกิน
ในเมื่อหาเบาะแสอะไรใหม่ๆไม่ได้ งั้นก็แอบฟังการสนทนาของลุงสามกับคุณย่าสักหน่อย น่าจะมีอะไรสนุกๆ
หลังจากหยางหยางเข้าไปที่ห้องเฉิงเฉิงปิดประตูเบาๆและล๊อกให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันคนอื่นๆผลักประตูเข้ามาจากข้างนอกอย่างกะทันหัน
หลังเฝ้ามองเรื่องของคุณย่าเป็นความลับมาโดยตลอดแม้แต่คุณแม่ก็ไม่รู้เรื่อง
เขานั่งที่โต๊ะหนังสือเฉิงเฉิง
วันนี้เฉิงเฉิงสอบ สมุดบันทึกวางไว้บนโต๊ะ
เขาเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ออกมา หน้าจอที่เป็นระเบียบแสดงออกมาตรงหน้าหยางหยางทันที
ผ่านการควบคุมของหลายวันมานี้ หยางหยางสามารถเปิดใช้กล้องวงจรปิดอย่างแคล่องมือแล้ว
หลังจากหหยางหยางขึ้นไปบนตึกเรียบร้อย เจียงฮุ่ยซินเรียกเป่หมิงยันไปที่ห้องล๊อบบี้
ที่นี่เป็นที่ที่กล้องวงจรปิดสามารถจับเฝ้ามองได้พอดี
เจียงฮุ่ยซินสั่งคนรับใช้อย่าเพิ่งมาที่ห้องล๊อบบี้ชั่วคราวคนรับใช้ก็ต่างเข้าใจว่าพวกเธอสองคนแม่ลูกมีเรื่องต้องการปรึกษาหารือกัน
“ยันยัน นายกลับมาครั้งนี้เพื่อมาเยี่ยมยายแก่คนนี้ หรือว่าเป็นเหมือนเมื่อก่อนทำธุระนิดหน่อยจากนั้นก็จากไปเลย?”
เป่หมิงยันมองหน้าคุณแม่และยิ้มแย้ม:”ผมตั้งใจมาเยี่ยมเยียนคุณแม่ครับ เพียงแต่ว่าจัดการธุระด้วย”