ตอนที่ 824 เธอมีความลับเท่าไหร่
เจียงฮุ่ยซินมองหน้าลูกชาย เชิ๊ตเสียงเบาหนึ่งครั้ง:”แม่รู้ลูกไม่มีความกตัญญูขนาดนั้นหรอก ช่างเถอะต่างว่ากันว่าลูกสาวโตแล้วร้างไว้ไม่อยู่ ร้างไว้นานจะกลายเป็นศัตรู พอมาถึงที่แม่ ลูกชายก็ร้างไว้ไม่อยู่”
“แม่ ดูแม่พูดสิครับ พูดซะจนน่าเกลียด ผมยอมรับครั้งก่อนเป็นความผิดผมเอง ไม่ควรเถียงกับแม่ เพราะฉะนั้นแม่ดูสิครั้งนี้ผมกลับมาเยี่ยมแม่แล้วนี่ไง”เป่หมิงยันพูดอยู่ลุกขึ้นมาอ้อมมาทางโซฟา มาถึงข้างหลังของเจียงฮุ่ยซิน ใช้มือทั้งสองข้างเริ่มนวดไหล่ให้กับเธอ”
เจียงฮุ่ยซินหลับตาลงอย่างสบายๆ กำลังมีความสุขกับความกตัญญูของลูกชาย
“ยันยัน ไม่ได้อยากว่าลูกนะ เรื่องครั้งก่อนแม่ทำเพื่อลูกนะ ลูกก็โตขนาดนี้แล้ว ถ่ายหนังได้อีกนานแค่ไหนเชียว นักแสงคลื่นลูกใหม่ตอนนี้มีขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย เพราะฉะนั้นแม่จึงคิดอยู่ตลอด ลูกเป็นถึงลูกหลานตระกูลเป่หมิง บริษัทเป่หมิงควรมีส่วนหนึ่งของลูกถึงจะถูก ให้เป่หมิงโม่ควบคุมอยู่คนเดียวมันไม่ได้ แต่ว่าเราคนน้อยกำลังก็น้อย เพราะฉะนั้นจึงต้องหาคนมาร่วมมือกันจัดการกับโม่ เอาส่วนที่เป็นของลูกตั้งแต่แรกกลับคืนมา แม่แก่ลงทุกวัน สามารถช่วยลูกได้แค่นี้แหละ แม่ไม่อยากรอให้แม่ตายไปก่อนแล้วลูกยังไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แบบนี้แม่จะนอนตายตาหลับได้อย่างไร”
***
เป่หมิงยันได้ยินแม่พูดถึงเรื่องเก่าๆที่ไม่มีความหมายอีกแล้ว:” แม่อย่าเห็นผมเมื่อไหร่ก็คุยแต่เรื่องนี้ได้มั้ย ผมกลับมาเพื่อเยี่ยมแม่นะ ไม่ได้กลับมาฟังคำพูดที่ซ้ำไปซ้ำมาพวกนี้”เขาลุกขึ้นมาแบบรำคาญเล็กน้อย
เจียงฮุ่ยซินเห็นว่าลูกโกรธแล้ว ถึงแม้เธอก็ไม่พอใจบ้างนั่นก็เป็นเพราะว่าเรื่องนี้เธอทำเพื่อลูกแท้ๆ แต่ว่า ลูกชายกลับไม่เห็นดีเห็นงามด้วย
” ได้ได้ แม่ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้วก็ได้ ไม่ว่าลูกจะชอบหรือไม่ชอบ เรื่องนี้แม่ออกหน้าทำแทนเอง ใช่แล้วนายกะจะพักอยู่ที่บ้านกี่วัน?”
เป่หมิงยันหยิบมือถือออกมาดู:”ประมาณสามสี่วัน”
การสนทนาระหว่างเป่หมิงยันและเจียงฮุ่ยซิน คอมพิวเตอร์ของหยางหยางบนตึกได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจน
สำหรับลุงสามพักอยู่แค่สามสี่วัน เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะว่าเขารู้สึกว่าวันหยุดซัมเมอร์ครั้งนี้คงต้องผ่านไปแบบเซ็งๆ
แต่ว่าเขาได้รับข่าวใหม่ๆแล้ว คุณย่ามีการเคลื่อนไหวใหม่ๆขึ้นมาบ้างแล้ว ที่สำคัญยังเกี่ยวข้องกับคุณพ่ออีกด้วย
ฟังขึ้นไปเหมือนจะร่วมมือกับคนอื่นมาแบ่งสมบัติของตระกูลเป่หมิง
ดูท่าเรื่องนี้ต้องรอให้เฉิงเฉิงกลับมาแล้ว ค่อยพูดกับเขา
ทานข้าวเที่ยงเรียบร้อยแล้ว รถยนต์สำหรับที่นั่งเดียวของเป่หมิงโม่จอดอยู่ที่ชั้นใต้ตึกตระกูลเป่หมิง
กู้ฮอนสงสัย ทำไมไม่ขับเข้าไปจอดในชั้นใต้ดินทีเดียว
ขณะนี้ฉิงฮัวหันหน้ามาพูดกับเป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่เบาะหลังว่า:”เจ้านาย ผมว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว เราควรไปทำธุระของเราแล้ว”
จากนั้นมองหน้ากู้ฮอนที่นั่งอยู่ข้างๆเป่หมิงโม่ด้วยความเกรงใจ
ไม่รอให้ฉิงฮัวพูดขึ้นมาก่อน กู้ฮอนรู้ดีระหว่างพวกเขามีธุระต้องทำ:”ฉันลงจากรถที่นี่แหละ”
พูดอยู่เธอผลักประตูแล้วเดินลงไป
ขณะที่เธอเตรียมตัวเดินไปที่ตึกใหญ่ เป่หมิงโม่พูดกับเธอผ่านกระจกหน้าต่างรถยนต์ว่า:”เย็นวันนี้ผมอนุญาตให้คุณพักผ่อน ไม่ต้องทำงานแล้ว อยากทำอะไรก็ไปทำเถอะ”
หลังพูดจบ ฉิงฮัวได้ขับรถยนต์ออกไปไกลแล้ว
กู้ฮอนยืนอยู่หน้าประตูบริษัทเป่หมิง ตอนนี้เธออิสระแล้ว ตอนเย็นไม่ต้องทำงานแล้ว
แต่ว่าจะทำอะไรหล่ะ? ช่างเถอะ ทำงานของวันนี้ให้เรียบร้อยก่อนเถอะ
เธอไม่อยากรอให้เป่หมิงโม่กลับมา ถ้าหากเขาต้องการฟังรายงานในการดำเนินการของเธอทุกๆวันทำไงดี
เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นว่าให้วันหยุดไปแล้วรึเปล่า ดูแค่ว่างานของวันนี้เสร็จเรียบร้อยหรือยัง
กู้ฮอนคิดถึงตรงนี้ ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นหันหลังเดินไปในตึกบริษัทเป่หมิง
ฉิงฮัวขับรถพาเป่หมิงโม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หลังสองชั่วโมง รถยนต์ห่างจากเมืองAมีสักระยะทางแล้ว
ทั้งสองข้างของรถยนต์มีป่าไม้ปรากฏขึ้นมา อยู่ที่ข้างถนน มีทางเข้าออกที่มีขอบหยักและรถยนต์สามารถผ่านไปได้แค่นึงคันเท่านั้น ทางโค้งไปโค้งมาผ่านเข้าไปในป่าไม้ลึกๆ
ฉิงฮัวหมุนพวงมาลัยเล็กน้อย รถยนต์ขับเข้าไปทางที่มีขอบหยัก
รถยนต์ที่นิ่งมาตลอดทาง ตอนนี้เริ่มเด้งขึ้นมาแล้ว ต้นไม้ทั้งสองข้างอยู่ใต้ลมที่เป่าออกมาทำให้เกิดเสียง’ซาซา’ดังออกมา
หลังขับไปอีกสิบนาที รถยนต์ก็ได้แคล่วคล่องขึ้นมาอย่างกะทันหัน ที่นี่เป็นที่ที่อยู่ในป่าไม้
รอบๆเป็นกำแพงสูงที่สร้างขึ้นมาจากอิฐแดง
“ปี๊ดปี๊ด…….”
หลังเสียงเตร่ดังขึ้นมาสองครั้ง ประตูเหล็กที่ปิดไว้อย่างสนิทได้ค่อยๆเปิดออกมา
หลังรถยนต์ขับเข้าไป ประตูเหล็กก็ค่อยๆปิดลงมาอีกครั้ง
ฉิงฮัวขับรถไปจอดที่ตึกสีขาวซึ่งสูงเพียงแค่สองชั้นเท่านั้น
“เจ้านายครับ เรามาถึงแล้วครับ”ฉิงฮัวพูดจบดับเครื่อง
***
หลังเป่หมิงโม่ลงจากรถ เดินเข้าไปในตึกเล็กๆโดยตรง
ฉิงฮัวก็รีบเดินตามเข้าไป
ตึกเล็กๆตึกนี้ข้างในตกแต่งอย่างง่ายๆ
ในห้องล๊อบบี้ชั้นหนึ่งมีคนใส่ชุดสูทสีดำยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบ
“เจ้านายครับ รบกวนท่านนั่งที่นี่ก่อน ผมไปแป๊บเดียวก็กลับมาครับ” ฉิงฮัวพูดอยู่ หันหน้าไปสบตาให้กับเสื้อสีดำสี่คนนั้น
พวกเขาจึงตามฉิงฮัวไปที่ชั้นสอง
ตึกเล็กๆตึกนี้อยู่ในป่าไม้ลึกๆ เงียบสงบมาก
เป่หมิงโม่มาที่นี่เป็นครั้งแรก เขานั่งอยู่ที่โซฟาสำรวจวิวสถานที่รอบๆ
เสียงเท้าเดินดังขึ้นมาจากตึกข้างบน ต่อมาเสียงเท้าเดินได้มาถึงที่ชั้นหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
ขณะนี้ฉิงฮัวเดินเข้าไปตรงหน้าเป่หมิงโม่:”เจ้านายครับ ผมพาคนมาเรียบร้อยแล้วครับ” พูดอยู่เขากวักมือเบาๆ
คนเสื้อสีดำสี่คนพาคนคนนึงมาถึงตรงหน้าของเขา
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว เพราะว่าเขาเห็นว่าคนคนนี้ถูกถุงกระดาษคลุมไว้ทั้งหัว ดูหน้าตาไม่ออก แต่ว่าสามารถดูจากรูปร่างออกว่านี่เป็นผู้หญิง
ที่สำคัญผู้หญิงคนนี้กำลังตัวสั่นๆ
“เธอคือ?”
ฉิงฮัวเอาถุงกระดาษออกจากหัวคนนั้นด้วยตัวเอง เป่หมิงโม่ดูอย่างละเอียดและยิ้มแย้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว
ไม่รอให้เป่หมิงโม่ออกคำสั่ง ฉิงฮัวก็ทำตาให้กับคนเสื้อสีดำสี่คนนั้น พวกเขาพยักหน้า จากนั้นเดินออกไปจากตึกเล็กๆ
ตอนนี้ในห้องล๊อบบี้เหลือแต่เป่หมิงโม่ ฉิงฮัว และผู้หญิงคนนั้น
ฉิงฮัวเอาผ้าปิดตาสีดำที่ปิดไว้ในตัวผู้หญิงออกมา จากนั้นเอาผ้าในปากของเธอออกมาด้วย
“เฟยเอ๋อ คิดไม่ถึงเราจะเจอกันที่นี่ คุณทำให้ผมตามหาคุณอย่างยากลำบาก” สายตาเป่หมิงโม่เย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย
ตั้งแต่เมื่อคืนเฟยเอ๋อถูกคนแปลกหน้าพาไป ตรงหน้าเธอก็มืดสนิทไปหมด
สิบชั่วโมงกว่าๆของเธอตกอยู่ในความหวาดกลัวตลอดเวลา
หลังจากตรงหน้าสว่างขึ้นมาอย่างกะทันหัน ยังปรับตัวไม่ค่อยได้เท่าไหร่
แต่ว่าหลังจากเธอได้ยินเสียงของเป่หมิงโม่ เธอรู้สึกทันทีว่าครั้งนี้เธอแย่แล้วจริงๆ
“โม่” เธอเรียกอย่างกลัวๆ นั่นเป็นเพราะว่าเธอมีพิรุธร่างกายก็กระตุกรุนแรงมากขึ้น
เป่หมิงโม่มองเธอไว้ หรี่ตานิดๆ เขาคิดยังไงก็คิดไม่ถึง เธอจะทำเรื่องชั่วๆลับหลังตัวเองได้มากขนาดนี้ ที่สำคัญยังทำร้ายคนที่สนิมที่สุดของตัวเอง
เขาลุกขึ้นมา เดินไปตรงหน้าเฟยเอ๋อ หรี่ตานิดๆจ้องร่างกายที่สั่นกระตุกของผู้หญิงตรงหน้าคนนี้
ส่วนเฟยเอ๋อก็ได้รู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของเป่หมิงโม่ และความกดดันที่พามาให้กับตัวเอง ลมหายใจของเธอเปลี่ยนไปจนตื่นเต้นและหายใจแรงมากขึ้น
เมื่อสักครู่ตั้งแต่เธอรู้ว่าตัวเองตกอยู่ในกำมือของ เป่หมิงโม่ ก็รู้สึกได้ว่าครั้งนี้ตัวเองต้องแย่แล้วแน่ๆ
เพียงแต่ว่าเธอคิดไม่ถึง ตัวเองระมัดระวังถึงขนาดนี้ ยังถูกเป่หมิงโม่จับตัวจนได้
ผิดพลาดตรงไหนกันแน่?”
เพียงแต่ว่าเธอคิดไม่ถึงเลยสักนิด คนที่ส่งเธอมาถึงมือของเป่หมิงโม่ก็คือถังเทียนจื๋อซึ่งเธอได้เจอเมื่อคืนนี่เอง
*
เมื่อคืน หลังจากถังเทียนจื๋อได้รับโทรศัพท์จากเฟยเอ๋อ ก็ตัดสินใจจะกำจัดเธอแล้ว
เพียงแต่ว่าเขายังอยากรู้ว่าที่เฟยเอ๋อหาตัวเองอย่างกะทันหันมันเกิดจากจุดประสงค์อะไร
ที่สำคัญเขารู้สึกว่าถ้าหากตัวเองลงมือกำจัดเฟยเอ๋อด้วยตัวเองแล้วละก็ มันจะทำให้เธอได้เปรียบไปแล้ว ผู้หญิงแบบนี้สมควรได้รับความทุกข์ทรมานให้มากๆ
เพราะฉะนั้นเขาจึงใช้ชื่อเท็จโทรศัพท์ให้กับฉิงฮัว เขารู้ดีเวลานี้เป่หมิงโม่ก็ต้องการลากตัวเธอออกมาอย่างใจร้อน
***
เป่หมิงโม่หันหลังกลับไปนั่งที่โซฟา:”ความจริงผมอยากฟังหลังจากออกมาจากศาล ทำไมถึงไปโดยไม่บอกลาฉัน?”
เฟยเอ๋อแสดงท่าทางแบบเกรงกลัวมากๆ แต่ว่าเธออยากเดิมพันดูอีกสักครั้ง เป่หมิงโม่อาจจะโกรธที่ตัวเองจากไปอย่างกะทันหัน มันก็ไม่แน่
เร็วมาก เธอตั้งสติดีๆและนิ่งๆ มองหน้าเป่หมิงโม่แล้วแกล้งทำเป็นสีหน้าที่น่าสงสารออกมา:” โม่ ที่ฉันไปจากคุณก็เพราะทำเพื่อคุณนะ”
“ทำเพื่อผม?” เป่หมิงโม่รู้สึกแปลกใจ ตอนนี้เขาไม่เชื่อคำพูดใดๆของเฟยเอ๋อทั้งนั้น แต่ว่าเขาก็ยังอยากฟังว่าตอนนี้เธอยังมีคำพูดจริงๆอีกสักเท่าไหร่
เฟยเอ๋อเห็นท่าทางกิริยาของเป่หมิงโม่เริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว
” โม่ เพื่อให้คำตอบกับท่านเป่หมิง และต้องการให้เขาได้รับการปลอบใจอยู่บนสวรรค์ ฉันชี้ความผิดของถังเทียนจื๋อในศาล แต่ผลสุดท้ายหล่ะ เขาก็พ้นผิดอยู่ดี ความจริงเราต่างรู้ดีแก่ใจ เพื่อการแก้แค้นถังเทียนจื๋อคนนี้ ใช้ฝีมือทุกอย่าง จัดการกับคุณยังทำถึงขนาดนี้ งั้นจัดการกับฉันหล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นฉันกับคุณเราพักอยู่ในบ้านเดียวกัน ถ้าเขาบ้าคลั่งขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นบ้านเป่หมิงอาจรักษาไว้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นฉันจึงแอบไปจากคุณ ด้านนึงเพื่อไม่ให้ถังเทียนจื๋อหาฉันเจอ อีกด้านก็เพื่อทำให้เขาไม่สามารถลงมือกับบ้านเป่หมิง”
” ถ้าเป็นอย่างนี้ ผมก็เข้าใจคุณผิดสินะ คิดไม่ถึงที่คุณต้องทนความอับอายขายหน้ามาตั้งหลายวัน ก็เพราะทำเพื่อปกป้องบ้านเป่หมิง ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอบคุณคุณให้มากๆ”ถึงแม้เป่หมิงโม่จะพูดแบบนี้ แต่ว่าในใจของเขามีไฟโกรธแค้นกำลังลุกไหม้อยู่
อะไรคือทำเพื่อบ้านเป่หมิง เธอพบว่าถังเทียนจื๋อได้พ้นผิดต่างหาก ถ้าเป็นเช่นนี้เขาต้องมาแก้แค้นตัวเองแน่นอน ที่สำคัญเธอรู้ว่าตัวเองใช้ชีวิตในบ้านเป่หมิงต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จึงเลือกซ่อนตัวเองเอาไว้ต่างหาก
เฟยเอ๋อฟังไม่ออกว่าคำพูดของเป่หมิงโม่ยังมีความหมายอื่นซ่อนอยู่ด้วย ยังคิดว่าเขาได้มองตัวเองดีขึ้นมาบ้างแล้ว
“โม่ ถึงแม้ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นคนในบ้านตระกูลเป่หมิงแล้ว ที่สำคัญอุบัติเหตุของท่านเป่หมิง ฉันปัดความรับผิดชอบไม่ได้อยู่แล้ว แต่ว่าฉันอยู่ข้างคุณนะ และอยู่ข้างบ้านเป่หมิงด้วย”
เป่หมิงโม่หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา:”อยู่ข้างผม อยู่ข้างบ้านเป่หมิง งั้นผมถามคุณ คลิปวีดีโอในอินเตอร์เน็ต ยังมีคลิปวีดีโอในมือถือของผมด้วย คุณจะอธิบายยังไง?”
คำพูดนี้ทำให้ เฟยเอ๋อรู้สึกตกใจ ตอนนั้นเธอได้ส่งคลิปวีดีโอให้กับเป่หมิงโม่จริง แต่ว่าใช้ชื่อเท็จส่งให่้กับเขาไม่มีเหตุผลที่เขาจะคิดว่าตัวเองเป็นคนทำ
” คลิปวีดีโออะไร ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องเลยสักนิด? “เป็นตายร้ายดียังไงเธอก็กัดฟันพูดว่าตัวเองไม่รู้เรื่องเรื่องนี้