ตอนที่ 842 พี่ชายทั้งสองมาหา
รอจนกู้ฮอนเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้วจึงเห็นว่าฉิงฮัวกำลังเดินลงมาจากชั้นสองกับลั่วเฉียว โดยที่ข้างกายพวกเขายังมีทารกน้อยจิ่วจิ่วด้วย
“หม่ามี๊กลับมาแล้ว……” จิ่วจิ่วอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเรียก
เดิมกู้ฮอนมีท่าทางอารมณ์ไม่ดีเท่าไร แต่เมื่อเห็นลูกสาวก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาเต็มใบหน้า
เสียงหนวกหูจากการลากกระเป๋าสัมภาระของเฉิงเฉิงและหยางหยางที่เดินมากับแอนนิก็ลอยมาจากหน้าประตูตามมาติดๆ
***
ฉิงฮัวเห็นเฉิงเฉิงและหยางหยางล้วนกลับมาพร้อมกันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ว่าเขาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงนั้นถือได้ว่าคนจากไปชาก็เย็น เจ้านายก็คงจะไม่กลับมาภายในระยะเวลาอันสั้น
หากให้ท่านนายเป่หมิงรับผิดชอบดูแลคุณชายน้อยทั้งสองก็ดูเหมือนว่าจะทำให้เธอลำบากใจไม่น้อย
เขาประคองลั่วเฉียวให้นั่งลงบนโซฟาแล้วก็เดินไม่กี่ก้าวไปหยุดอยู่เบื้องหน้าหยางหยางและเฉิงเฉิง “คุณชายน้อยทั้งสอง ให้ผมช่วยพวกคุณถือกระเป๋าสัมภาระเถอะครับ” เขาพูด พลางโค้งตัวลงมารับกระเป๋าสัมภาระขนาดเล็กสองใบมาจากมือของพวกเขา
การจัดที่พักให้กับพวกเขานั้นทำให้ฉิงฮัวรู้สึกลำบากเล็กน้อย แม้ว่านี่จะเป็นบ้านพักของเขา แต่ก็ยังห่างชั้นจากบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงอยู่มาก
ไม่มีห้องว่างมากพอจะให้พวกเขาใช้อีกแล้ว
ระหว่างทางที่กู้ฮอนพาลูกๆกลับมาก็คิดเรียบร้อยแล้ว เธอมองใบหน้าที่เผยแววลำบากใจของฉิงฮัวก็เข้าใจชัดเจนว่าเขากำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่ “ฉิงฮัว คุณยกสัมภาระของเด็กทั้งสองคนไปไว้ที่ห้องใต้หลังคาเถอะ”
“คุณผู้หญิง อาจจะไม่ค่อยดีมั้งครับ ด้านบนนั้นไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อย ให้คุณชายน้อยทั้งสองพักอยู่ที่นั่นก็ไม่เป็นธรรมสำหรับพวกเขาไปหน่อย”
กู้ฮอนยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร เด็กๆจะเป็นอะไรไปได้ เป็นพวกแม่เราลูกที่มารบกวนการใช้ชีวิตของพวกคุณต่างหาก คุณแค่เตรียมเตียงและโต๊ะเขียนหนังสือให้กับพวกเขาคนละตัวก็พอแล้ว บางทีพวกเราอาจจะต้องรบกวนพวกคุณไปอีกพักหนึ่งเลย”
“ฮอน เธอพูดอะไรของเธอน่ะ พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ ไม่ต้องพูดว่าเธออาศัยอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน จะอยู่ไปตลอดไปชีวิตก็ยังได้ ฉันยอมไม่ได้ที่จะให้บ้านดูเงียบเหงา ตอนนี้ก็ดีแล้วที่มีคนมากมายอาศัยอยู่ หลังเจ้าเด็กนี่ลืมตาดูโลกแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะเหงา” ลั่วเฉียวนั่งอยู่บนโซฟา มือลูบไปบนท้องของตัวเองพลางเอ่ย
ฉิงฮัวถึงถือกระเป๋าสัมภาระขึ้นไปจัดการด้านบนแล้ว กู้ฮอนเดินไปถึงหน้าลั่วเฉียว ยื่นนิ้วออกมาดันไปที่หน้าผากของเธอเบาๆ “ฮ่า เดิมเธอวางแผนแบบนี้เอง วาดภาพเสียสวยหรูเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น เธอดูลุงฮัวสิ อายุอานามก็ปาเข้าไปขนาดนี้แล้ว ดีร้ายอย่างไรก็ต้องพิถีพิถันในเรื่องการให้กำเนิดลูกดีๆสักคนหนึ่งแล้วล่ะ”
“ฉิงฮัวของผู้อื่นทำไมล่ะ เขาก็แค่ดูแก่แค่ภายนอกเท่านั้นเอง ตอนเธอแต่งงานก็ไม่ได้ดูอายุของเขาเหมือนกัน เขาอายุน้อยกว่าเป่หมิงโม่ปีหนึ่งเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็เป็นคนของเขาแล้ว ยังจะมีคนแบบเธอที่พูดถึงสามีของตัวเองแบบนี้ด้วยหรือ”
กู้ฮอนกำลังพูดคุยกับลั่วเฉียว จิ่วจิ่วเห็นว่าพี่ชายทั้งสองคนมาด้วยก็ร่าเริงขึ้นมาทันที “พี่เฉิงเฉิง พี่หยางหยาง พวกพี่ล้วนมาเยี่ยมจิ่วจิ่วแล้ว”
เฉิงเฉิงและหยางหยางล้อมอยู่ด้านหน้าของจิ่วจิ่ว พวกเขาก็ไม่ได้เจอเธอมานานมากเหมือนกัน “น้องสาว เธออยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่”
จิ่วจิ่วเบะปากเริ่มออดอ้อนพี่ชายทั้งสองคน “จิ่วจิ่วอยู่ที่นี่เบื่อมากเลยค่ะ ทุกวันก็อยู่กับคุณป้าแอนนิ ทำได้แค่เล่นกับตุ๊กตาอยู่ในบ้าน ออกไปไหนก็ไม่ได้ เวลาผ่านไปนานก็ไม่สนุกแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้ดีแล้ว พวกพี่ล้วนมาเล่นกับหนูแล้ว”
หยางหยางหัวเราะอิอิ ตบไหล่เล็กๆของจิ่วจิ่ว “อิอิ พวกเราไม่ได้มาตัวเปล่านะ”
***
จิ่วจิ่วมองหยางหยางอย่างประหลาดใจ ยื่นมือเล็กๆออกมาจับมือของเขาเอาไว้ “พี่หยางหยาง พี่เอาของขวัญอะไรมาให้หนูหรือคะ รีบเอาออกมาให้หนูดูเถอะค่ะ……”
หยางหยางยิ้มๆไม่ตอบอะไร
เฉิงเฉิงมองหยางหยางแวบหนึ่ง “นายดูสิ น้องสาวร้อนใจแล้ว ยังไม่ยอมให้เธอดูอีก”
“โอเค ฉันจะเรียกมันออกมา” หยางหยางพูดแล้วหมุนตัวตะโกนไปทางประตูครั้งหนึ่ง “ ‘เชี่ย’ ออกมานี่เร็ว”
จิ่วจิ่วยื่นหน้ามองออกไปด้านนอกอย่างอยากรู้อยากเห็น “พี่หยางหยาง ‘เชี่ย’ คืออะไรหรือคะ”
“อา ‘เจ้าเชี่ย’ นี่ ไปทำอะไรที่ไหนกัน” หยางหยางเห็นว่าหน้าประตูไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆก็รีบเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
เฉิงเฉิงเห็นหยางหยางเดินไปนอกประตูแล้ว จึงเอ่ยกับจิ่วจิ่วว่า “จิ่วจิ่ว น้องอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของหยางหยางนะ นั่นเป็นเพียงแค่สุนัขตัวหนึ่งเท่านั้นเอง เดิมพี่ตั้งชื่อให้ว่า ‘เบลล่า’ น้องอย่าไปหัดเรียกชื่อมั่วๆเหมือนหยางหยางเข้าใจไหม”
เมื่อได้ยินว่ามีสุนัขตัวหนึ่งก็เกิดความสนอกสนใจขึ้นมาพอดี
“อา แกมาทำอะไรอยู่ที่นี่กันหือ ฉันเรียกแล้วทำไมไม่เชื่อฟัง ไม่อยากให้เพิ่มอาหารมื้อเย็นแล้วใช่ไหม” หยางหยางเห็นเบลล่ากำลังดมกลิ่นไปรอบนอกตัวบ้าน
จากนั้นก็ยกขาข้างหนึ่งขึ้นที่มุมของกำแพงแล้วปัสสาวะใส่
“หงิงๆ” เบลล่าเห็นหยางหยางเดินออกมาก็ส่งเสียงร้องสองสามครั้ง จากนั้นก็สะบัดหางเดินเข้าไปหา
หยางหยางเห็นการกระทำของมันแล้วก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไป พวกเราไปหาเจ้านายคนใหม่ของแกกันเถอะ” หยางหยางกวักมือให้เบลล่า
“หงิงๆ…..” เบลล่ามองหยางหยางอย่างโศกเศร้าเสียใจ ทั้งยังถูขาของเขาไปมา แสดงท่าทางอาลัยอาวรณ์มากอย่างชัดเจน
หยางหยางย่อตัวลง ยื่นมือไปเกาคางมันเบาๆ “ฉันรู้ว่าแกไม่อยากไปจากฉัน ฉันก็อาลัยอาวรณ์แกเหมือนกัน แต่ว่าเจ้านายคนใหม่ของแกก็คือน้องสาวของฉัน จากสภาพการณ์แบบนี้ พวกเรายังคงต้องพักอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่งแล้ว”
เบลล่าเงยศีรษะอย่างให้ความร่วมมือ ดวงตาหรี่ลงเป็นเส้น สะบัดหางไปมาเป็นพักๆ แสดงให้เห็นว่าเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก
ชั่วครู่หนึ่ง จิ่วจิ่วก็เห็นสุนัขอวบอ้วนตัวเล็กๆตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู เดินสะบัดหางเข้ามาอย่างเชื่องช้าภายใต้การนำของหยางหยาง
จิ่วจิ่วเห็นแล้วเผยรอยยิ้มออกมาเต็มใบหน้า
เธอเดินไปหยุดอยู่หน้าเบลล่า ก้มหน้ามองมัน “สุนัขตัวนี้ทำไมดูแล้วอ้วนเหมือนกับพี่หยางหยางเลย”
“หงิง……”
ในเวลาเดียวกันนั้น หยางหยางและเบลล่าล้วนรู้สึกหดหู่ขึ้นมาชั่วขณะโดยไม่ได้นัดหมาย
สำหรับปัญหาเรื่องรูปร่างนั้น คนหนึ่งคนกับสุนัขหนึ่งตัวล้วนดูถูกกันและกันอยู่บ้าง
เพียงแต่หยางหยางยังสามารถแก้ต่างให้กับตัวเองได้ “พี่อ้วนตรงไหนกัน น้องดูสิ ที่จริงแล้วรูปร่างของพี่กับเฉิงเฉิงนั้นก็พอๆกันนะ”
เขาพูดแล้วก็เขยิบไปอยู่ข้างๆเฉิงเฉิง เพื่อที่จะให้รูปร่างของตัวเองดูผอมลงก็ยังออกแรงแขม่วพุงน้อยๆที่ยื่นออกมาของตัวเองเล็กน้อย
แต่ว่าเบลล่าจะทำอย่างไรได้ นอกจากยืนสี่ขาแบกร่างกลมๆของตัวเองเอาไว้
ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ในฐานะสุนัขตัวเล็กตัวหนึ่งก็มีศักดิ์ศรีน้อยๆของตัวเองเช่นกัน
จะโทษก็ต้องโทษเจ้านายหยางหยางที่ให้อาหารที่ดีเกินไปกับมัน ดีจนกระทั่งไม่มีแรงต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
“ ‘เชี่ย’ นี่คือน้องสาวของฉัน หลังจากนี้ก็จะเป็นเจ้านายใหม่ของแกแล้ว แกต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอ ปกป้องเธอดีๆนะรู้ไหม” หยางหยางชี้ไปที่ร่างเล็กๆของจิ่วจิ่ว พลางออกคำสั่งกับเบลล่า
“โฮ่งๆ…..” เบลล่าแสดงออกว่าตัวเองเข้าใจแล้ว จากนั้นก็สะบัดหางไปมาอย่างแรงให้จิ่วจิ่ว
***
ในไม่ช้า ฉิงฮัวก็เก็บกวาดห้องใต้หลังคาเสร็จเรียบร้อย เขาเคลื่อนย้ายเตียงเล็กๆสองหลังขึ้นไป
นอกจากนั้นก็ยังนำโต๊ะเขียนหนังสือและตู้เสื้อผ้าอย่างละสองชุดขึ้นมาวางไว้ให้โดยเฉพาะด้วย
กระทั่งรังนอนเล็กๆของเบลล่าก็จัดเตรียมไว้ให้หนึ่งที่ด้วย
นี่สะท้อนให้เห็นถึงความคิดอันละเอียดอ่อนของเขาออกมาอย่างเหลือล้น
พูดว่าเป็นห้องใต้หลังคา แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากห้องที่อยู่ที่ชั้นล่างมากนัก การตกแต่งก็ยังประณีตงดงามมากเช่นเดียวกัน
เฉิงเฉิงและหยางหยางพาจิ่วจิ่วมาถึงที่พักใหม่ของพวกเขา
“โอ้โห ข้างในนี่ไม่เลวเลยจริงๆ ลุงหัวฟู รบกวนคุณช่วยย้ายเตียงของผมไปใต้บานหน้าต่างได้ไหมครับ แบบนี้ตอนที่ผมนอนไม่หลับจะได้นับดาวได้” หยางหยางยื่นอยู่ใต้หน้าต่างบนหลังคา
ฉิงฮัวพยักหน้า จากนั้นก็ถามเฉิงเฉิงว่า “คุณชายน้อยเฉิงเฉิง คุณยังต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับ”
เฉิงเฉิงมองเตียงหลังนั้นของตัวเอง ด้านบนไม่มีหน้าต่างบนหลังคา แต่ว่าด้านข้างมีบานหนึ่งซึ่งสามารถมองเห็นทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกลได้พอดี เขาหันหน้ากลับมามองฉิงฮัวแล้วก็ส่ายหน้า พลางเอ่ยว่า “ผมชอบตำแหน่งนี้มาก ไม่ต้องรบกวนคุณแล้วครับ”
ฉิงฮัวเคลื่อนย้ายเตียงและโต๊ะเขียนหนังสือของเขาไปตามคำขอร้องของหยางหยางอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้กู้ฮอนก็ขึ้นมาเช่นกัน ด้านหลังยังมีแอนนิกับลั่วเฉียวตามมาด้วย
“เฉิงเฉิง หยางหยาง พวกเธอรู้สึกพอใจกับที่นี่ไหม” ลั่วเฉียวยิ้มบางๆพลางเอ่ยถาม
“คุณป้าเฉียวเฉียว ที่นี่ดีมากครับ ดีกว่าบ้านคุณย่าเยอะมากเลย คุณป้าดูสิ ที่นี่สามารถมองเห็นดวงดาวที่อยู่ด้านนอกได้ด้วย” หยางหยางพูดแล้วเอนตัวลงบนเตียง ความรู้สึกพออกพอใจนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย
“แน่นอน แบบนี้ก็ดี หลังจากฟ้าสว่างแล้ว นายจะได้ไม่นอนขี้เกียจอยู่บนเตียง” เฉิงเฉิงพูดแล้วหยิบสมุดจดออกมาจากกระเป๋าหนังสือ พลางวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ
“เฉิงเฉิง ทำไมนายชอบที่จะขัดคอฉันนัก ฉันไม่ได้นอนขี้เกียจบนเตียงมานานแล้วด้วย นายอย่าใช้มุมมองล้าสมัยมามองผู้อื่น”
“พอแล้วๆ พวกลูกสองพี่น้องไม่สามารถอยู่กันอย่างสนิทสนมกลมเกลียวได้เลยหรือไง นี่ก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับน้องสาวเช่นกันไม่ใช่หรือ”
กู้ฮอนเอ่ยจบก็หันไปพูดกับฉิงฮัว “ลำบากคุณแล้วจริงๆ”
ฉิงฮัวส่ายหน้าอย่างอึดอัดเล็กน้อย “คุณผู้หญิง อย่าพูดแบบนี้ครับ เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ผมควรทำ พวกคุณแม่ลูกพูดคุยที่ข้างบนนี้สักพักหนึ่งเถอะครับ พวกเราจะลงไปด้านล่างแล้ว”
เขาเอ่ยแล้วก็เดินไปอยู่ข้างกายลั่วเฉียว ยื่นมือออกไปประคองร่างของเธอ
“ฮอน เธออย่าพูดจาเกรงใจแบบนั้นอีก พอแล้ว พวกเราจะลงไปข้างล่างกันก่อนแล้ว” ลั่วเฉียวเอ่ยจบก็เดินลงไปข้างล่างโดยมีฉิงฮัวไปเป็นเพื่อน
จิ่วจิ่วเดินไปถึงข้างกายกู้ฮอน ยื่นมือเล็กๆออกไปดึงปลายเสื้อของเธอ “หม่ามี๊ คืนวันนี้หนูไม่นอนกับหม่ามี๊แล้วนะคะ หนูอยากนอนกับพี่ๆได้ไหมคะ”
“นี่……” กู้ฮอนลังเลเล็กน้อย เพราะเธอเห็นว่าที่ด้านบนมีแต่เตียงเดี่ยว ไม่มีที่สำหรับจิ่วจิ่วเลยแม้แต่น้อย
“นี่ง่ายนิดเดียวครับ” หยางหยางลุกขึ้นมานั่งบนเตียงเหมือนปลากระโดดขึ้นมาจากน้ำ “น้องสาวนอนบนเตียงผม แล้วผมไปนอนพื้นก็ได้ครับ ที่นี่เป็นพื้นไม้ ผมเคยลองนอนแล้ว ไม่เย็นแม้แต่น้อย”
ดูไม่ออกเลยว่าหยางหยางในตอนนี้จะรู้ความมากขนาดนี้
กู้ฮอนพยักหน้า “แบบนั้นก็ได้ แม่จะไปเอาพรมมาปูให้ลูกสักหน่อย แบบนี้ตอนนอนจะได้รู้สึกสบาย”
จิ่วจิ่วเห็นแล้วก็ทำปากจู๋ “หม่ามี๊ จิ่วจิ่วอยากนอนกับพี่ชาย ไม่ใช่นอนคนเดียวค่ะ”
เฉิงเฉิงคิดอยู่สักพัก “คุณแม่ครับ คุณแม่เตรียมพรมขนาดใหญ่ให้พวกเราสักผืนก็พอแล้วครับ คืนวันนี้ผมกับหยางหยางจะนอนบนพื้นเป็นเพื่อนน้องสาวเอง”
***
จิ่วจิ่วได้ยินแล้วก็ปรบมือไม่หยุด “ดีจัง ดีจังเลย แบบนี้หนูก็จะได้นอนกับพี่ชายทั้งสองคนแล้ว”