เทพปีศาจผงาดฟ้า – ตอนที่ 92

ตอนที่ 92

ตอนที่ 92 กฏแห่งไม้

“พวกเจ้ามิจำเป็นต้องหันไปมองหน้ากันเช่นนั้น มิใช่ฝีมือของอสูรกายเป็นแน่.. แต่เป็นผู้ที่น่ากลัวยิ่งกว่าอสูรกายเช่นพวกเจ้ามากมาย!!” องค์ราชินีเมี่ยเอ่ยขึ้นพร้อมกับภาพนาทีแห่งชีวิตของตนก่อนหน้านี้ ก็ได้ปรากฏขึ้นในห้วงความทรงจำของนาง

“…มนุษย์งั้นรึ?” จักรพรรดิทารัสเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่มิได้ดังนัก

“จักรพรรดิอสูรกายยังคงเฉลียวฉลาดกว่าเหล่าจอมราชันย์เช่นเคย..”

องค์ราชินีเมี่ยตอบรับด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเอ่ยชมจักรพรรดิทารัส และนั่นก็ได้ทำให้เหล่าอสูรกาย และทุกคนในที่นั้นถึงกับตกอกตกใจ เว้นเพียงเท็นช่าที่รู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว

“ข้าไม่เชื่อ!!! เห็นได้ชัดว่าเจ้ากำลังโกหกพวกเรา เพื่อที่จะพยายามทำให้พวกเราหวาดกลัว และถอยทัพกลับไป! แต่น่าเสียดายที่แผนของเจ้ามิได้ผล!!” จอมราชันย์กระทิงร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าไม่เชื่อคำพูดขององค์ราชินี

“อ่อ.. นี่เจ้าคิดว่าข้าโกหกงั้นรึ?” ราชินีเมี่ยกล่าวด้วยร้อยยิ้มเศร้าสร้อย

“ไอ.. เจ้าช่วยถอดเสื้อคลุมนี่ให้ข้าที?”

ราชินีเมี่ยร้องสั่ง แล้วเด็กสาวนางหนึ่งก็กำลังเดินตรงเข้าไปหานาง เวลานี้สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องอยู่ที่ไอซึ่งกำลังถอดเสื้อคลุมให้กับองค์ราชินี

ทันทีที่ถอดเสื้อคลุมออก ทุกคนในที่นั้นต่างก็เห็นว่ามือทั้งสองข้างของนางได้หายไป ราชินีเมี่ยยืนแน่นิ่งท่ามกลางบรรยากาศเศร้าหมอรอบตัว

“นี่.. นี่มัน..”

เท็นช่าได้เห็นเช่นนั้นถึงกับพูดจาตะกุกตะกักขึ้นมาทันที เขามิได้รู้เรื่องนี้มาก่อน จึงได้แต่จ้องมองราชินีเมี่ยพร้อมกับอ้าปากหวอ

“หะ.. เหตุใด..”

แม้แต่มาซูมัสและบาล่าซึ่งกำลังนอนได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ ก็ยังถึงกับตกใจยิ่งเมื่อได้พบเห็นสภาพของราชินีเมี่ย..

“เจ้าคิดว่าข้าจะตัดแขนตัวเองเพื่อสร้างเรื่องโกหกนี้อีกหรือไม่? หวังว่าเจ้าคงจะมิโง่เขลาเช่นนั้นหรอกนะ ฮ่าๆๆ..”

หลังจากที่องค์ราชินีเมี่ยเอ่ยออกไปเช่นนั้น นางก็เริ่มหัวเราะออกมาราวกับคนคลุ้มคลั่ง..

“เจ้าหมายความเช่นใดกัน? เจ้าเล่าเรื่องของมนุษย์ผู้นั้นออกมา เพราะต้องการสิ่งใดกันแน่?”

จอมราชันย์หมีเอ่ยถามขึ้นแม้จักยังอยู่ในอาการตระหนกตกใจยิ่ง แต่เขามิสามารถเข้าใจจุดประสงค์ของราชินีเมี่ยได้จริงๆว่า เหตุใดจึงต้องกล่าวอ้างถึงมนุษย์ผู้นี้ขึ้นมา

“ข้าเพียงแค่จะบอกกับพวกเจ้าว่า ข้ามิได้ตัดมือทั้งสองของตนเองแน่ และย่อมมิใช่ฝีมือของอสูรกายเช่นกัน อีกทั้งมิใช่ฝีมือของหัวเผ่าอื่นๆด้วย เพราะพวกเขาย่อมมิแข็งแกร่งเช่นนั้นเป็นแน่ พวกเจ้าลองใคร่ครวญกันเอาเองว่า ผู้ใดจักสามารถทำให้ข้ามีสภาพเช่นนี้ได้? ข้าเองก็อยากจะรู้นักว่าอสูรกายเช่นพวกเจ้าจักมีปัญญามากเพียงใด?” องค์ราชินีเมี่ยเอ่ยถาม

“มะ.. มนุษย์รึ?” จอมราชันย์พยัคฆ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

“โอ้.. ข้ายังคิดว่าพวกเจ้าจักต้องใช้เวลาครุ่นคิดนานกว่านี้เสียอีก ดูเหมือนจอมราชันย์อสูรกายจักมิได้โง่เขลาเบาปัญญาดังเช่นที่ข้าคิดไว้” ราชินีเมี่ยตอบกลับยิ้มๆ

“นางกล่าววาจาโกหก!! เหตุใดมนุษย์จึงต้องทำเช่นนั้นด้วย? ในอดีต.. เทียนเฉินมีสัมพันธ์ที่ดีกับเผ่าต่างๆยิ่งนัก และมนุษย์นั่นก็ต้องเป็นทายาทของเขา มิมีเหตุผลที่เขาจักต้องตัดแขนนาง เห็นได้ชัดว่านางกำลังโกหก!! ก็แค่แผนการตื้นๆที่จะทำให้พวกเราหลงเชื่อว่ามนุษย์นั้นแข็งแกร่ง พวกเราจักได้ยอมล่าถอยกลับไปเพราะความหวาดกลัว!! นางรู้ตัวว่ามิอาจจะเอาชนะเผ่าอสูรกายได้ แม้นจักระดมขุมกำลังของทุกเผ่ามาช่วยแล้วก็ตาม นางจึงยอมตัดมือทั้งสองข้างของตนเอง เมื่อพบว่ากองทัพอสูรกายกำลังบุกมาที่นี่!! ช่างเป็นแผนการที่ชั่วร้ายยิ่งนัก!!”

จอมราชันย์หมีเปิดเผยแผนการของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงภูมิอกภูมิใจยิ่ง..

เหล่าจอมราชันย์อสูรกายที่เหลือต่างก็พากันใคร่ครวญตาม และเห็นว่าคำกล่าวของจอมราชันย์หมีมีเหตุมีผล แม้แต่องค์จักรพรรดิทั้งสองยังใคร่ครวญตามอย่างอดมิได้

“เอาล่ะ.. พวกเราเสียเวลามามากแล้ว!! รอให้สังหารพวกเจ้าทุกคนเสียก่อน พวกเราจึงค่อยคิดเรื่องนี้..” จอมราชันย์กระทิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง และหยุดคิดเรื่องของมนุษย์ทันที

“ทุกท่านพร้อมสู้รบอีกครั้งหรือไม่?”

เท็นช่าร้องตะโกนถามหัวหน้าเผ่าที่เหลือ ทุกคนล้วนแล้วแต่ยืนอกผายไหล่ผึ่งอย่างห้าวหาญ และพร้อมอย่างยิ่งที่จะเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง ทั้งที่หลายคนยังนอนได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่

“แม้นกายของข้าจักมิสามารถลุกขึ้นสู้ได้อีกเพราะกระดูกหักทั่วทั้งร่าง แต่ข้าจักใช้กฏแห่งลมช่วยพวกท่าน!” บาล่าหัวหน้าเผ่าบารองเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้า และน้ำเสียงที่หนักแน่นยิ่ง

“ข้าเองก็เช่นกัน แม้นข้าจักมิสามารถลุกขึ้นยืนได้ แต่ก็พร้อมที่จะทำทุกหนทางเพื่อช่วยเหลือพวกท่าน” มาซูมัสหัวหน้าเผ่ามู่หลานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

“เวลานี้กรงเหมันต์ของข้าได้ถูกทำลาย ร่างกายของข้าได้รับการกระทบกระเทือนจนมิสามารถช่วยอะไรทุกท่านได้อีก ข้าจึงต้องกลายเป็นภาระให้กับทุกคน” ราชินีเมี่ยเอ่ยกับเท็นช่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“เอาล่ะ.. พวกเราเพียงหยิบมือต้องรับมือกับจอมราชันย์อสูรกายทั้งสิบ ช่างเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมมากทีเดียว!!” เท็นช่าเอ่ยติดตลกในขณะที่จ้องมองทุกคนซึ่งพร้อมแล้วสำหรับการต่อสู้

“ทุกท่าน.. นี่จักเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเราแล้ว!! นี่จักเป็นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด เป็นการต่อสู้เพื่อการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์ นักรบผู้กล้าทั้งหลาย.. ได้โปรดนึกถึงครอบครัวของพวกท่าน! นึกถึงสหายของพวกท่าน! นึกถึงคนที่อยู่ด้านหลัง! เพื่อปกป้องพวกเขาทุกคน พวกเราจักต้องสู้!! พวกเราจักสู้จนกว่าฝ่ายเราหรือศัตรูจะตายกันไปข้าง จักต้องมีเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้นที่เหลืออยู่!! ข้าพร้อมแล้วที่จักมอบหัวใจและวิญญาณของตนให้กับการรบครั้งนี้จนกว่าจะตาย!! แล้วพวกท่านเล่า.. จักยินดีมอบกายถวายชีวิตเพื่อการรบครั้งนี้เช่นเดียวกับข้าหรือไม่?”

เท็นช่าร้องคำรามเสียงดังก้องไปทั่วทั้งสนามรบอย่างฮึกเหิม..

“พวกเรายินดี!!!”

นักรบคนอื่นๆต่างก็พากันร้องตะโกนเสียงดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ทุกคนต่างก็มีจิตวิญญาณแห่งนักสู้ มิว่าจักเป็นนักรบของเผ่าใด มู่หลาน บารอง เอลเฟีย และแบนชี ทุกคนต่างก็ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียว!!

“ใช้กฏแห่งไม้เพื่อเพิ่มขวัญและกำลังใจให้กับนักรบ.. ช่างเป็นกลยุทธ์ที่น่าประทับใจยิ่งนัก!”

จักรพรรดิเชนเทียนซึ่งยืนอยู่ห่างๆ จ้องมองไม้พรรณที่ปรากฏขึ้นทั่วทั้งสนามรบพร้อมกับเอ่ยชม เหล่าพรรณไม้ที่ปรากฏขึ้นนั้น ได้สร้างความรู้สึกและบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยขวัญและกำลังใจให้กับศัตรูของตนได้อย่างมาก..

“เป็นที่รู้กันดีว่ากฏแห่งไม้นั้นขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งและทรงพลังยิ่ง ชายตัวเล็กนั่นก็ใช้กฏนี้ได้อย่างคล่องแคล่วมากทีเดียว!” จักรพรรดิทารัสกล่าวกับจักรพรรดิเชนเทีย

“บุกตะลุย!!”

เท็นช่าร้องคำรามออกมาเสียงดัง และเป็นฝ่ายบุกโจมตีกองทัพอสูรกายด้วยกฏแห่งไม้ แม้ว่าจักต้องเผชิญหน้ากับกฏแห่งไฟที่แข็งแกร่ง แต่หากรู้จักเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม ย่อมต้องสามารถรับมือกับเหล่าอสูรกายได้ดีทีเดียว

หัวหน้าเผ่าคนอื่นๆก็ทำเช่นเดียวกับเท็นช่า พวกเขาได้สั่งให้เหล่านักรบของตนบุกตะลุยออกรบด้วยจิตวิญญาณที่ห้าวหาญ กองทัพอสูรกายและกองทัพพันธมิตรของเผ่าต่างๆ ร่วมกันต่อสู้อย่างดุเดือด แม้ที่ผ่านมากองทัพอสูรกายจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมาก แต่เมื่อนักรบของเผ่าเอลเฟียมาถึง ข้อได้เปรียบนี้ก็ดูเหมือนจะลดลงไปมากทีเดียว

“ว่าอย่างไรเล่า?! พวกเราจักลงมือกันได้หรือยัง? การดูพวกเขาสู้รบกันเช่นนี้ มันช่างน่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก!” จอมราชันย์พยัคฆ์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมกับจ้องมองเท็นช่าอย่างท้าทาย

“เช่นนั้นก็เชิญเจ้าลงมือได้เลย!!” เท็นช่าร้องตะโกนท้าทาย

“ซู.. ท่านอยู่ที่นี่ดูแลมาซูมัสกับบาล่า!!” เท็นช่าร้องตะโกนบอกซูพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางจอมราชันย์โครงกระดูก และจอมราชันย์กระทิง

เท็นช่ากำกับแผนการรบด้วยตนเอง จากนั้นทุกคนต่างก็พุ่งเข้าใส่ศัตรูตรงหน้า ในขณะที่เท็นช่าพุ่งเข้าปะทะกับจอมราชันย์พยัคฆ์ทันที

ไม้พรรณพลันปรากฏขึ้น และพยายามที่จะโจมตีจอมราชันย์พยัคฆ์ แต่มันก็สามารถใช้เปลวเพลิงร้อนแรงเผาทิ้งได้ทันทุกครั้งไป

“หมัดทะลวงปฐพี!” เท็นช่าร้องคำรามพร้อมกับพุ่งกำปั้นของตนออกไป

จอมราชันย์พยัคฆ์ก็พุ่งหมัดของตนออกไปเช่นกัน แต่ยังมิทันไร.. เถาวัลย์จำนวนมากก็ปรากฏขึ้น และพุ่งเข้าเลื้อยรัดข้อมือของจอมราชันย์พยัคฆ์ไว้พร้อมกับกระชากให้เปลี่ยนทิศทาง และแค่ทิศทางที่เบี่ยงเบนเพียงเล็กน้อยนั้น ก็ส่งผลให้เท็นช่าสามารถชกหมัดของตนเข้าที่ศรีษะของจอมราชันย์พยัคฆ์ได้ ร่างของมันลอยละลิ่วออกไปไกล ก่อนที่จะร่วงหล่นลงกระแทกกับพื้นอย่างจัง

จอมราชันย์พยัคฆ์ลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยฝุ่น พร้อมกับไอแค่กๆ และพ่นฝุ่นออกมาเต็มปาก มันจ้องมองเท็นช่าด้วยแววตาโกรธแค้นยิ่งนัก!!

เทพปีศาจผงาดฟ้า

เทพปีศาจผงาดฟ้า

Status: Ongoing

เทพปีศาจผงาดฟ้า เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท