ตอนที่ 837 แจ้งเปิดประชุม
ถ้าหากว่าถามเธอเรื่องนี้ล่ะก็ ปัญหาจะต้องถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดายแน่นอน
แต่ถ้าหากเป็นแบบนั้นล่ะก็ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เขาจะใจร้ายส่งคุณแม่ไปขึ้นศาลได้อย่างไรกัน
เบื้องหน้าของเขาในตอนนี้นั้นมีทางเลือกอยู่สองทาง หนึ่งคือเข้าคุกแทนคุณแม่ แต่บริษัทเป่หมิงที่บิดาของเขาสร้างขึ้นมาอาจจะพังพินาศโดยสิ้นเชิง
อีกทางก็คือรักษาบริษัทเป่หมิงเอาไว้ แต่คุณแม่ก็ต้องได้รับโทษจำคุก
ตอนนี้อายุอานามของเธอก็ไม่น้อยแล้ว จะทนรับวิถีชีวิตแบบนั้นได้อย่างไรกัน
หลายปีมานี้ หวีหรูเจี๋ยใช้ชีวิตเกือบจะใกล้เคียงกับคำว่าสันโดษ ส่วนในโลกภายนอกนั้นเธอเสียชีวิตไปแล้ว
ไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้มีคนต้องการจะฆ่าเธอ
แม้ว่าสภาพการณ์ในตอนนั้น แม้ว่าในใจของเป่หมิงโม่ยังคงเกลียดชังเธออยู่ แต่กลับไม่ใจร้ายมากพอที่จะพูดเรื่องที่เธอยังมีชีวิตอยู่ออกไป
ตอนนั้นเขาสามารถทำแบบนั้นได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย
ช่างเป็นการเลือกที่ยากลำบากจริงๆ
เพียงแต่ เขาก็ดูเหมือนว่าจะตัดสินใจเลือกได้แล้วอย่างรวดเร็ว
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาฉิงฮัว “พรุ่งนี้เช้า นายแจ้งผู้รับผิดชอบทุกแผนกให้มาประชุมที่ห้องประชุมของโรงแรมแมนดารินด้วย ฉันมีเรื่องจะประกาศให้ทราบ”
สำหรับเรื่องราวในสองวันนี้ ฉิงฮัวนั้นรู้เพียงแค่คร่าวๆ การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของลู่ลู่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกเศร้าแทนกู้ฮอน และก็ตัดสินใจเช่นเดียวกันกับแอนนิว่า เรื่องนี้ไม่สามารถบอกลั่วเฉียวกับเด็กๆได้
แต่สำหรับเรื่องที่เป่หมิงโม่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีความนี้นั้น เขากลับไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
หลังจากเขาฟังเจ้านายสั่งงานแล้ว ก็หยั่งเชิงถามไปประโยคหนึ่งว่า “จำเป็นต้องแจ้งให้คุณผู้หญิงมาด้วยไหมครับ”
เป่หมิงโม่พยักหน้า “พรุ่งนี้เธอก็จำเป็นต้องมาเข้าร่วมประชุมเช่นกัน จำเอาไว้ว่า ต้องแจ้งทนายความของบริษัทด้วย”
ไม่เพียงแต่กู้ฮอนที่ต้องมา แม้กระทั่งทนายความก็ต้องมาด้วย เจ้านายต้องการทำอะไรกัน
การประชุมปกติทั่วไปนั้นไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจและอภิสิทธิ์ขนาดนั้น
เพียงแต่ในเมื่อมีคำสั่งแบบนี้แล้ว อย่างนั้นตัวเองก็ทำได้เพียงแค่ต้องทำตามแล้ว
ฉิงฮัววางสายโทรศัพท์แล้วก็เริ่มจัดการเรื่องการประชุมในวันพรุ่งนี้ รวมถึงแจ้งให้ผู้รับผิดแต่ละแผนกไปเข้าร่วมด้วย
*
นับตั้งแต่เป่หมิงเฟยหย่วนสองสามีภรรยาเข้ามาทำงานในบริษัทเป่หมิงแล้ว เป่หมิงยี่เฟิงก็ย้ายกลับไปอาศัยอยู่ที่บ้าน เพื่อความสะดวกในการทำงานของคุณพ่อคุณแม่
แบบนี้ทางหนึ่งก็สามารถกำหนดแผนการของตัวเองนอกเหนือจากเวลาทำงานได้ อีกทางหนึ่งก็สะดวกในการไปรับส่งคุณพ่อคุณแม่ในเวลาทำงานและเลิกงาน
กลางคืน เขาอาบน้ำเสร็จแล้วเพิ่งจะเดินออกมาอย่างสบายกาย ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเองดังขึ้น
เขาหยิบขึ้นมาอ่านก็เห็นว่าเป็นฉิงฮัวที่โทรศัพท์มาจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
***
สำหรับเขาแล้วการที่ฉิงฮัวโทรศัพท์มาหาตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องดี
นี่หมายความว่าเป่หมิงโม่มีแนวโน้มที่จะจัดการปรับปรุงบริษัทอีกครั้งหนึ่ง
จนถึงวันนี้ เป่หมิงยี่เฟิงนั้นทาบทามผู้รับผิดชอบดูแลแต่ละแผนกมาได้หลายคนแล้ว
อาศัยกำลังของเขาในตอนนี้ แม้จะไม่ถึงขั้นที่พูดได้ว่าครอบครองบริษัทเป่หมิงได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่เขาทำนั้นก็เริ่มประสบความสำเร็จไปแล้วเล็กน้อย
แน่นอนว่า สาเหตุที่เขามีแรงผลักดันมากขนาดนี้ ก็เพราะว่าเบื้องหลังเขามีบริษัทยักษ์ใหญ่ดันเขาอยู่
อ้างอิงจากสัญญาระหว่างพวกเขาในตอนแรก พวกเขาเสนอเงินช่วยให้เขามีตำแหน่งในบริษัทเป่หมิงแล้วไล่เป่หมิงโม่ลงจากตำแหน่ง จากนั้นก็รับช่วงต่อบริษัทเป่หมิงทั้งหมด
ส่วนสิ่งที่เป่หมิงยี่เฟิงจะได้รับเป็นการตอบแทนก็คือ เขาจะได้ครอบครองสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นบริษัทเป่หมิง 51%
เป่หมิงยี่เฟิงกดรับโทรศัพท์ “สวัสดีครับผู้ช่วยพิเศษฉิง ไม่ทราบว่ามีเรื่องสำคัญอะไรถึงได้โทรศัพท์มาดึกดื่นขนาดนี้กันครับ”
สำหรับคำเรียกที่เขาใช้เรียกตัวเองนั้น ฉิงฮัวมักจะรู้สึกถึงความประชดประชัน “คุณชายยี่เฟิง ขอเชิญคุณมาเข้าร่วมการประชุมที่ห้องประชุมของโรงแรมแมนดารินในวันพรุ่งนี้เช้าด้วยนะครับ ใช่แล้ว ขอให้คุณช่วยเชิญคุณชายใหญ่เป่หมิงและคุณผู้หญิงมาเข้าร่วมแทนผมด้วยนะครับ นี่เป็นการประชุมที่ผู้รับผิดชอบในบริษัทเป่หมิงทั้งหมดจะเข้าร่วมซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมาก”
“พอแล้ว ผมรู้แล้ว เรื่องที่คุณแจ้งมา ผมจะต้องพาไปอย่างแน่นอน พวกเราพบกันที่ห้องประชุมในวันพรุ่งนี้แล้วกัน” เป่หมิงยี่เฟิงเอ่ยจบแล้วก็ปิดโทรศัพท์มือถือ
เขาถือโทรศัพท์มือถือเดินออกไปจากห้องของตัวเอง แล้วก็ไปปรากฏตัวที่ห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้เป่หมิงเฟยหย่วนและหลันเนี่ยนกำลังนั่งกูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก
โต๊ะน้ำชาด้านหน้าของพวกเขามีผลไม้ น้ำชา และขนมนานาชนิดวางอยู่
“ยี่เฟิง มาทานขนมสักหน่อยลูก มัฟฟินไส้หมูหยองนี่รสชาติไม่เลวเลย” หลันเนี่ยนหันหน้ามามองลูกชาย
เป่หมิงยี่เฟิงนั่งบนโซฟาที่อยู่ด้านข้างพวกเขาอีกตัวหนึ่ง “คุณพ่อ คุณแม่ เมื่อครู่นี้ผมได้รับโทรศัพท์จากฉิงฮัว แจ้งว่าพวกเราจำเป็นต้องไปเข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุมของโรงแรมแมนดารินตอนเช้าวันพรุ่งนี้ อีกทั้งการประชุมในครั้งนี้จะมีผู้รับผิดชอบในแต่ละแผนกของทั้งบริษัทเข้าร่วมด้วย”
เป่หมิงเฟยหย่วนและหลันเนี่ยนสบตากันอย่างตะลึงชั่วครู่ จากนั้นก็หันไปมองเป่หมิงยี่เฟิงทั้งคู่ “บริษัทเป่หมิงเกิดเรื่องใหญ่อะไรหรือ ทำไมโม่ถึงได้ใช้อำนาจและอภิสิทธิ์มากขนาดนี้”
เป่หมิงยี่เฟิงยักคิ้วเล็กน้อย “อารองนั้นดำเนินการโดยพลการมาตลอด ทำอะไรเสรีโดยไม่สนใจผู้อื่น พวกเราเดาความคิดของเขาไม่ออก เพียงแต่ว่าช่างเขาเอะ คุณพ่อคุณแม่ ผมไปพักผ่อนก่อนนะครับ พวกคุณก็พักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ”
เขาเอ่ยจบก็ลุกขึ้นยืน เดินกลับไปยังห้องของตัวเอง
*
“นายแจ้งให้ทุกคนทราบแล้วหรือไม่” เป่หมิงโม่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง ในมือถือโทรศัพท์เอาไว้
“ครับเจ้านาย ผมแจ้งให้ผู้รับผิดชอบของแต่ละแผนกทราบเรียบร้อยแล้วครับ” ฉิงฮัวตอบกลับ
“อืม ถ้าอย่างนั้นก็เท่านี้แหละ” เป่หมิงโม่วางสายโทรศัพท์ คิ้วขมวดพลางยื่นมือไปหยิบปากแท่งหนึ่งจากโต๊ะทำงานมาหมุนเล่น
บางทีพรุ่งนี้ตอนที่เขาประกาศการตัดสินใจในครั้งนี้ออกไป ก็หวังว่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะสามารถช่วยบริษัทเป่หมิงให้ไม่พังพินาศเป็นเสี่ยงๆ
*
ค่ำคืนนี้สำหรับเป่หมิงโม่นั้นผ่านไปอย่างยาวนานมากเป็นพิเศษ เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนทั้งคืน
เช้าตรู่ เขาโทรศัพท์หาฉิงฮัวก่อน “วันนี้นายมารับฉันหน่อย”
ฉิงฮัวพยักหน้า “ครับเจ้านาย ผมจะถึงในไม่ช้านี้”
เขาวางสายโทรศัพท์ แล้วเอ่ยกับกู้ฮอนที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะอาหารว่า “คุณผู้หญิง ผมจะไปรับเจ้านายก่อนครับ อีกสักครู่พวกเราไปพบกันที่โรงแรมแมนดาริน”
กู้ฮอนพยักหน้า “ได้ ระหว่างทางพวกคุณก็ระมัดระวังความปลอดภัยด้วย”
รอจนฉิงฮัวจากไปแล้ว ลั่วเฉียวก็เริ่มบ่นขึ้นมา “เฮ้อ ฮอน เป่หมิงเอ้อของพวกเธอเป็นอะไรกันแน่ ไม่ใช่ว่าไม่ต้องไปส่งแล้วหรือ ทำไมถึงได้วางท่าขึ้นมาอีกแล้วล่ะ”
***
กู้ฮอนทานอาหารเช้าแล้วก็ขับรถไปที่โรงแรมโม่ต้า
หลังจากที่เธอไปถึงห้องประชุมแล้วก็เห็นว่าด้านในห้องมีคนมาถึงไม่น้อยเลย
ครอบครัวเป่หมิงยี่เฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มาถึงแล้ว
เขาเห็นกู้ฮอนเดินเข้ามาในสถานที่ประชุมก็รีบโบกมือให้กับเธอ “ฮอน มานั่งที่นี่เถอะ”
กู้ฮอนกวาดตามองไปรอบๆชั่วครู่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่ว่างแล้ว มีเพียงแค่ด้านข้างเป่หมิงยี่เฟิงที่เหลืออยู่ที่นั่งหนึ่ง
เธอจึงทำได้เพียงแค่เดินเข้าไปนั่ง
“สองวันนี้ไม่เห็นคุณไปตรวจสอบแผนกงานของผมเลย ไม่รู้ว่าอารองมอบภารกิจอะไรให้คุณทำเพิ่มอีกหรือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณกัน ถ้าหากว่าต้องการล่ะก็ ผมสามารถช่วยเหลือคุณได้สุดความสามารถ”
กู้ฮอนหันหน้ามายิ้มให้กับเขาบางๆ “ขอบคุณความหวังดีของคุณนะ ฉันยังรับมือได้อยู่ค่ะ”
ภายในห้องประชุม นอกจากเป่หมิงโม่และฉิงฮัว ทุกคนล้วนมากันครบแล้ว
เป่หมิงยี่เฟิงก้มหน้ามองนาฬิกา “ทำไมรอตั้งนานแล้วประธานเป่หมิงถึงยังไม่มาอีก ทุกคนรอกันจนร้อนรนแล้วใช่หรือไม่”
เมื่อคำพูดของเป่หมิงยี่เฟิงถูกพูดออกมา ผู้ที่นั่งอยู่ตรงนั้นทั้งหมดก็ล้วนตื่นตะลึง
ในภายหลังก็มีคนที่รับผิดชอบแผนกงานอื่นๆเริ่มมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน “ใช่แล้วๆ ประธานเป่หมิงแจ้งพวกเราว่าจะมีประชุม พวกเราก็วางงานหนักในมือไว้ก่อนแล้วมาเข้าร่วม แต่ว่าประธานเป่หมิงกลับไม่มาเสียที เฮ้อ ใครให้เขาเป็นประธานบริษัทกันล่ะ แม้ว่าจะทำให้งานล่าช้าก็ต้องให้พวกเรามาจัดการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง”
เป่หมิงยี่เฟิงได้ยินแล้ว มุมปากก็ยกขึ้นน้อยๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่อง
“ถ้าหากว่าในมือของพวกคุณมีเรื่องที่ต้องจัดการมากมายแล้วล่ะก็ ไม่ต้องมาเข้าร่วมประชุมก็ได้ หรือไม่ก็สามารถยื่นจดหมายลาออกล่วงหน้าหนึ่งฉบับ ผมจะอนุมัติในทันที”
เสียงนี้ลอยมาจากหน้าประตูใหญ่ ส่งผลให้ผู้ที่เห็นด้วยกับเป่หมิงยี่เฟิงนั้นร่างกายสั่นสะท้านไปชั่วขณะ
พวกเขาล้วนมองไปทางเป่หมิงยี่เฟิงอย่างขอความช่วยเหลือ
เพราะพวกเขาล้วนฟังออกว่า นั่นคือเสียงของเป่หมิงโม่
เมื่อสิ้นสุดเสียง เป่หมิงโม่ก็เดินเข้ามาในสถานที่จัดการประชุมพร้อมกับฉิงฮัวอย่างรวดเร็ว ด้านหลังของพวกเขายังมีทนายความของบริษัทเป่หมิงตามมาด้วย
เป่หมิงโม่เดินมาถึงหน้าที่นั่งของตัวเอง เขาไม่ได้นั่งลง แต่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วมองไปรอบๆสถานที่จัดการประชุม
ในเวลาเดียวกันนั้น นัยน์ตาหลายสิบคู่ก็เผยความรู้สึกตื่นตระหนกออกมา
สุดท้ายแล้วสายตาของเขาก็ตกลงบนร่างของกู้ฮอน เห็นเพียงแค่เธอก้มหน้าเล็กน้อย
“ผู้ช่วยกู้ เชิญคุณมาที่นี่หน่อย” เป่หมิงโม่มองไปที่กู้ฮอนแล้วเอ่ยพูดอย่างช้าๆ
ในใจของกู้ฮอนตื่นตะลึงขึ้นมาในทันที เขาต้องการจะทำอะไร
เพียงแต่ในเมื่อคำพูดของเขาเอ่ยออกมาแล้ว อย่างนั้นก็ทำได้เพียงแค่ทำตามเท่านั้นแล้ว
เธอลุกขึ้นจากที่นั่งข้างเป่หมิงยี่เฟิง จากนั้นก็ค่อยๆเดินไปถึงข้างกายเป่หมิงโม่
“วันนี้ที่เรียกผู้รับผิดชอบของแต่ละแผนกมารวมตัวกันที่นี่ ทนายความของบริษัทเป่หมิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ผมอยากจะประกาศเรื่องหนึ่งให้ทุกท่านทราบ……”
เป่หมิงโม่ที่กำลังจะพูดต่อ แต่ประตูของสถานที่จัดประชุมก็ถูกเปิดอีกครั้ง ตำรวจสองนายเดินเข้ามาจากด้านนอก
พวกเขาหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเอกสารแล้วส่งให้เป่หมิงโม่ “คุณเป่หมิง เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมคดีนั้น ตอนนี้ผ่านการพิจารณาจากสำนักงานแล้ว จำเป็นต้องนำตัวคุณกลับไปตรวจสอบเพิ่มอีก นี่คือหมายจับกุมที่จะให้กับคุณ”
“ฮือฮา……”
ประโยคนี้ของนายตำรวจทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นชุลมุนวุ่นวายขึ้นมา นี่มันเรื่องอะไรกัน
ตำรวจมาจับคนที่สถานที่จัดงานประชุม จับคนก็ช่างมันเถอะ แต่คนที่ถูกจับคือเป่หมิงโม่ผู้เป็นประธานบริษัทของบริษัทเป่หมิง!
และถูกต้องสงสัยในคดีความนั้นเป็นถึงคดีฆาตกรรมคดีหนึ่ง
ในเวลานั้นกู้ฮอนก็ตัวสั่น เมื่อวานเธอก็รู้แล้วว่าเป่หมิงโม่ได้ไปสถานีตำรวจมาแล้วครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะตัดสินแล้วว่าเขาเป็นฆาตกรได้เร็วขนาดนี้
***
“เงียบๆ ที่นี่เป็นสถานที่จัดการประชุม มีที่ให้พวกคุณพูดหรือ”
ประโยคนี้ทำให้สถานที่จัดการประชุมเงียบลงในทันที
ผู้คนล้วนหันไปมองคนพูด
ทุกคนล้วนคิดไม่ถึงเลยว่า ผู้พูดจะเป็นเป่หมิงยี่เฟิง
ตอนที่ได้ยินว่าเป่หมิงโม่เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมนั้น เป่หมิงยี่เฟิงนั้นก็ตกตะลึงเหมือนกันกับคนอื่นๆ กระทั่งไม่กล้าจะเชื่อ
สำหรับคนอื่นๆแล้ว เป่หมิงยี่เฟิงนั้นถือได้ว่าเติบใหญ่ขึ้นมาข้างกายเป่หมิงโม่
สำหรับนิสัยของเขานั้นก็เข้าใจชัดเจนยิ่งกว่าอะไร ถ้าจะพูดว่าเขาฆ่าคน นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เพียงแต่ตอนนี้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ สามารถพูดได้ว่าสวรรค์ให้โอกาสที่ดีที่สุดแก่เขา เพื่อให้ได้มีอำนาจที่แท้จริงในการควบคุมบริษัทเป่หมิง
โอกาสแบบนี้เขาต้องคว้าเอาไว้ถึงจะถูก
เขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง เดินไปถึงเบื้องหน้าของตำรวจ “คุณตำรวจ ผมคิดว่าพวกคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ อารองของผมจะฆ่าคนได้อย่างไรกัน”
“คุณคือใคร เขาฆ่าคนหรือไม่นั้น ไม่ใช่คุณพูดแล้วผู้อื่นต้องเชื่อ กรุณาอย่าเข้ามาขัดขวางการทำงานของพวกเรา”
เป่หมิงยี่เฟิงยิ้ม “ผมชื่อเป่หมิงยี่เฟิง เป็นหลานชายแท้ๆของประธานบริษัทเป่หมิง เป่หมิงโม่ สาเหตุที่ผมพูดว่าเขาไม่สามารถฆ่าคนได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าผมรู้จักเขาเป็นอย่างดี”