ตอนที่ 844 หัวใจที่หนักอึ้งดวงหนึ่ง
มีเพียงแค่ตัวเป่หมิงโม่เองเท่านั้นที่รู้ความจริง แต่เขากลับไม่พูดมันออกมา
นอกจากนั้นแล้ว เขาก็เริ่มครุ่นคิดว่านอกจากกู้ฮอนแล้ว ยังมีใครที่สามารถรับช่วงต่อตำแหน่งประธานบริษัทของตัวเองได้อีก
หลังจากผ่านการประชุมไปแล้ว ใครเป็นคน ใครเป็นผีนั้นเขาเห็นได้อย่างชัดเจน
ถ้าจะหาบุคคลที่เหมาะสมคนหนึ่งนั้นค่อนข้างยากจริงๆ
ตอนที่เขากำลังนั่งครุ่นคิดอยู่บนโซฟานั้นก็มีนายตำรวจคนหนึ่งเคาะประตูเบาๆสองครั้ง
“เข้ามาได้” เป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาตอบรับ จากนั้นเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟา
เขารู้ว่า ตำรวจคนนี้เตรียมพาตัวเองไปยังห้องสอบปากคำ
ประตูถูกเปิดออก นายตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามา
เป่หมิงโม่มองเขาพลางเอ่ยว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
“คุณเป่หมิง ผมคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว วันนี้มีคนมาเยี่ยมคุณครับ” ตำรวจนายนั้นเอ่ยจบแล้วก็หันไปพูดทางหน้าประตูว่า “พวกคุณเข้ามาได้แล้วครับ”
เป่หมิงโม่หันหน้าไปมองหน้าประตูเล็กน้อย จากนั้นคิ้วก็ขมวดขึ้นมา “พวกลูกมาได้อย่างไร”
เมื่อเห็นฉิงฮัวเดินนำลูกชายทั้งสองคนของตัวเองเข้ามา
“คุณพ่อ” เฉิงเฉิงเห็นเป่หมิงโม่แล้วก็เอ่ยเรียก
เป่หมิงโม่พยักหน้า
“พวกคุณมีเวลาพูดคุยกันเพียงห้านาทีเท่านั้น ผมจะรอพวกคุณอยู่ที่ข้างนอก” นายตำรวจเอ่ยกับฉิงฮัวเรียบร้อยแล้วก็เดินออกไป
“เจ้านาย คุณชายคิดถึงคุณ ดังนั้นผมจึงพาพวกเขามาเยี่ยมคุณครับ” ฉิงฮัวเอ่ยตอบ
เฉิงเฉิงดึงมือหยางหยางเดินมาถึงเบื้องหน้าเป่หมิงโม่ เพียงแค่วันหนึ่งที่ไม่ได้เจอกัน แต่เฉิงเฉิงกลับรู้สึกเหมือนว่าช่วงเวลาผ่านไปนานมากอย่างไรอย่างนั้น
“คุณพ่อ คุณพ่ออยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้างครับ ผมเชื่อว่าคุณพ่อเป็นผู้บริสุทธิ์ คุณยายไม่ได้ถูกคุณพ่อฆ่าตาย” เฉิงเฉิงพูดพลางยื่นมือไปจับมือของเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่ก้มหน้ามองเฉิงเฉิง มุมปากเผยรอยยิ้มบางๆที่หาได้ยากออกมา “พ่ออยู่ที่นี่ก็ดี ขอบคุณลูกที่เชื่อพ่อขนาดนี้ เพียงแต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าอาจจะยุ่งยากเสียหน่อย เฉิง ลูกต้องรับปากพ่อ ไม่ว่าหลังจากนี้เกิดเรื่องอะไรกับพ่อ ลูกจะต้องดูแลคุณแม่และคุณย่าของลูกให้ดีเข้าใจไหม”
เฉิงเฉิงได้ยินประโยคนี้แล้ว น้ำตาก็เริ่มคลอหน่วย
ดูเหมือนว่าคำพูดแบบนี้ของคุณพ่อจะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด ไม่เพียงแต่เขา กระทั่งฉิงฮัวที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเลยน้อย
เป่หมิงโม่ล้วงมือเข้าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เช็ดเบาๆไปที่หางตาของเฉิงเฉิง “เฉิง ตอนนี้ลูกโตแล้ว ไม่ควรจะเสียน้ำตาอีกแล้วนะ”
“คุณพ่อ ผมรู้ว่าคุณพ่อถูกใส่ร้าย ผมจะต้องหาความจริงมาช่วยคุณพ่อให้ได้ ผมจะต้องช่วยคุณพ่อออกมาให้ได้ครับ” เฉิงเฉิงในตอนนี้ใบหน้าตึงเครียด สีหน้าที่มุ่งมั่นนั้นเหมือนกับเป่หมิงโม่ราวกับพิมพ์เดียวกัน
หยางหยางที่ยืนมองภาพนี้อยู่ที่ด้านข้าง แม้ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเป่หมิงโม่จะไม่ลึกซึ้งเหมือนเฉิงเฉิงขนาดนั้น แต่อย่างไรเลือดก็ยังข้นกว่าน้ำ ในใจของเขาก็รู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมาเล็กน้อย
***
สีหน้าเฉิงเฉิงและหยางหยางตอนที่ออกมาจากสถานีตำรวจนั้นดูไม่ค่อยดีเท่าไร
“คุณชายเฉิงเฉิง ขอให้คุณวางใจเถอะครับ ผมจะพยายามค้นหาความจริงให้กับเจ้านายอย่างสุดความสามารถ”
เฉิงเฉิงเงยหน้ามองฉิงฮัว “ขอบคุณครับคุณลุงฉิงฮัว”
ฉิงฮัวขับรถจากสถานีตำรวจกลับไปส่งเฉิงเฉิงและหยางหยางที่ปากทางเข้าชุมชนอีกครั้งหนึ่ง
“คุณชายเฉิงเฉิง คุณชายหยางหยาง ผมจะส่งพวกคุณถึงตรงนี้นะครับ ตอนนี้ผมต้องรีบกลับไปดูคุณผู้หญิงว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่” ฉิงฮัวเอ่ยจบก็ขับรถจากไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางกลับนั้น เฉิงเฉิงนั้นคิ้วขมวดเป็นปม ไม่พูดอะไรมาตลอด
หยางหยางเดินตามหลังเฉิงเฉิง “เฉิงเฉิง ฉันว่าสถานการณ์ของคุณพ่อในตอนนี้ร้ายมากกว่าดีนะ”
เฉิงเฉิงหันหน้ากลับมาถลึงตาใส่หยางหยาง “นายรู้จักพูดไหมเนี่ย อย่าลืมเสียล่ะว่านายก็เป็นลูกชายของเขาเหมือนกัน ฉันจะบอกนายนะว่า แม้ว่าจะยากลำบากกว่านี้ ฉันก็จะต้องช่วยคุณพ่อค้นหาความจริงให้พบแล้วช่วยเขาออกมาให้ได้!”
หยางหยางถูกสีหน้าท่าทางของเฉิงเฉิงทำให้ตกใจสั่น เพราะท่าทางแบบนี้ของเขา นั้นเหมือนกับคุณพ่ออย่างกับแกะ
เมื่อเห็นเขาก็ทำให้หยางหยางคิดถึงใบหน้าเย็นยะเยือกของคุณพ่ออย่างอดไม่ได้
*
“คุณผู้หญิง ผมกลับมาแล้วครับ” หลังจากพักกลางวัน ฉิงฮัวก็ผลักประตูห้องทำงานแล้วเดินเข้ามา
เขาเดินเข้ามาแล้วก็เห็นว่ากู้ฮอนนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอ่านเอกสารข้อมูลที่เขาเตรียมไว้ให้เมื่อตอนเช้าโดยไม่ขยับเขยื้อน
นอกจากนั้นแล้ว เอกสารที่จัดไว้อย่างเรียบร้อยบนโต๊ะทำงานของเป่หมิงโม่ก็มีร่องรอยถูกขยับ
น่าจะเป็นตอนที่กู้ฮอนจัดการกับงานในวันนี้ ใช้เพื่ออ้างอิงวิธีการจัดการของเจ้านายแต่ก่อนสินะ
เขาเดินไปถึงข้างโต๊ะของกู้ฮอน “คุณผู้หญิง คุณทานข้าวหรือยังครับ”
กู้ฮอนนั้นเหมือนกับว่าไม่ได้ยินอะไร ยังคงตั้งอกตั้งใจทำงานเช่นเดิม
“คุณผู้หญิงครับ” ฉิงฮัวพูดพลางเคาะโต๊ะทำงานเธอเบาๆ
กู้ฮอนถึงได้ดึงสติของตัวเองกลับมาจากงานอันหนักหน่วง
เธอเงยหน้าขึ้นมองฉิงฮัวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานของตัวเอง “ฉิงฮัว คุณกลับมาแล้ว ธุระของคุณจัดการราบรื่นดีไหม”
ฉิงฮัวพยักหน้า “ถือว่าราบรื่นก็ได้ครับ คุณผู้หญิง คุณทานอาหารกลางวันหรือยังครับ”
กู้ฮอนยิ้มเจื่อนๆ กวาดตามองเอกสารที่กองเต็มโต๊ะทำงาน “ยังมีเรื่องอีกมากมายให้จัดการ จะไปมีเวลาทานข้าวได้อย่างไรกัน”
ฉิงฮัวยกมือขึ้น วางอาหารจานด่วนที่เขาซื้อระหว่างทางกลับมาไว้บนโต๊ะของกู้ฮอน “คุณผู้หญิง งานค่อยๆทำครับ ตอนนี้คุณยังไม่คุ้นเคยกับมัน อีกสักครู่ผมจะช่วยคุณดูเอง คุณทานข้าวก่อนเถอะครับ ในบ้านตอนนี้ยังมีเฉิงเฉิง หยางหยาง และจิ่วจิ่ว เจ้านายตัวน้อยทั้งสามคนล้วนต้องการให้คุณดูแล ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงต้องมาก่อนครับ”
กู้ฮอนพยักหน้า
แน่นอน ตอนนี้เธอไม่ใช่ตัวคนเดียว เบื้องหลังตัวเองยังมีลูกๆตัวน้อยอีกสามคน
วันนี้ เป่หมิงโม่ถูกคุมขังตัวเอาไว้ ถ้าหากว่าเขาถูกพิพากษาแล้ว อย่างนั้นเด็กสามคนนี้ก็ต้องอาศัยตัวเองดูแลแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็เริ่มลงมือทานข้าว
ผ่านไปครู่หนึ่งหลังจากนั้น ฉิงฮัวก็เห็นว่ากู้ฮอนทานไปพอสมควรแล้ว
เขาช่วยเธอเก็บกวาดของเหลือให้เรียบร้อยแล้วก็เอ่ยกับเธอว่า “คุณผู้หญิง คุณไม่คิดจะถามผมหน่อยหรือครับว่า เช้าวันนี้ผมไปทำอะไรมา”
กู้ฮอนใช้ทิชชู่เช็ดที่มุมปากเบาๆ พลางยิ้มบางๆ “ฉันจำเป็นต้องถามเรื่องนี้กับคุณด้วยหรือ เรื่องที่คุณไปทำจะต้องเป็นเรื่องที่คุณรู้สึกว่าสำคัญมากอย่างแน่นอน”
ฉิงฮัวพยักหน้า ค่อยๆเอ่ยว่า “คุณผู้หญิง คุณพูดไม่ผิดเลยครับ เป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ”
***
ระหว่างทางที่เฉิงเฉิงและหยางหยางกำลังกลับไป หยางหยางนั้นเหมือนกับว่าถูกคำสาปอย่างไรอย่างนั้น ไม่เอ่ยพูดอะไรสักคำ เพียงแต่ในใจเขานั้นเริ่มดีดรางลูกแก้วแล้ว
คุณพ่อถูกจับขังเอาไว้ เฉิงเฉิงอยากจะไปช่วยคุณพ่อออกมา นั่นก็เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก
เดิมฝีมือของคุณพ่อก็ไม่ใช่น้อยๆ ก็ไม่ใช่ว่ายังต้องอยู่ในนั้นแต่โดยดีหรอกหรือ
*
แอนนิทำอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ก็ไปนั่งอยู่เป็นเพื่อนลั่วเฉียวที่ดูจิ่วจิ่วอยู่ ทั้งสามคนนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขกบนโซฟา
ที่ปลายเท้าพวกเธอมีเบลล่าเริ่มมีอาการง่วงเล็กน้อยหมอบอยู่
นับตั้งแต่เฉิงเฉิงและหยางหยางออกไปข้างนอกอย่างเงียบๆเมื่อเช้านี้
เมื่อจิ่วจิ่วตื่นแล้วลุกขึ้นมานั่ง ขยี้ตาไปมา พลางมองไปรอบๆเพื่อหาเงาร่างของพี่ชายทั้งสองคน
ถ้าหากไม่ใช่ว่าเบลล่าสะบัดหางไปมาใส่เธออย่างสุดความสามารถ เพื่อทักทายเธอล่ะก็
บางทีจิ่วจิ่วอาจจะนึกว่าการที่พี่ชายของตัวเองมาอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่เป็นความฝันอันยาวนานตื่นหนึ่ง
แอนนิเห็นว่าเธอตื่นแล้วก็บอกกับเธอว่า เฉิงเฉิงและหยางหยางมีธุระออกไปข้างนอก ต้องรอจนถึงช่วงกลางวันถึงกลับมา
ที่จริงแล้วจิ่วจิ่วไม่ใช่เจ้าหญิงที่ต้องมีคนอยู่เป็นเพื่อน เธอก็เข้าใจว่า พี่ชายมีธุระของตัวเอง ไม่สามารถไปรบกวนพวกเขาได้
แต่ว่าก็ยังโกรธที่พวกเขาไปโดยไม่บอกลา
รอจนช่วงกลางวันหลังจากเฉิงเฉิงและหยางหยางกลับมาแล้ว จิ่วจิ่วจึงทำหน้าแง่งอนใส่พวกเขา ปากเล็กเบะลง หันหน้าหนีไปอีกด้านหนึ่ง
“Hi…..พวกเรากลับมาแล้ว คุณป้าแอนนิเตรียมอะไรให้พวกเรากินบ้างครับ” หยางหยางที่เดินเข้าห้องมาก็เลียนแบบท่าทางของเบลล่า เงยหน้าขึ้นมา จมูกเล็กๆนั้นสูดดมกลิ่นรอบด้าน
“อืม ผมได้กลิ่นเนื้อม้วนหมักจิ้มซอสเปรี้ยว ยังมีปลาผัดซอสแดง ผัดผักอีกเล็กน้อย แล้วก็ซุปมะเขือเทศใส่ไข่อีกหนึ่งอย่าง…..”
“ฮ่า…..หยางหยาง ความสามารถของเธอเพิ่มขึ้นแล้ว หลังจากนี้พวกเราทำอะไรหายขึ้นมา ก็ไม่ต้องรบกวนเบลล่าแล้ว แค่ไปหาเธอก็พอ” ลั่วเฉียวหัวเราะฮ่าๆหยอกล้อหยางหยางเล่น
เฉิงเฉิงเข้าประตูมาก็เห็นว่าอารมณ์ของน้องสาวดูเหมือนไม่ค่อยจะดีเท่าไร เขาเข้าใจความคิดของจิ่วจิ่วได้ในทันที
เขาเดินไปถึงข้างกายจิ่วจิ่ว “น้องสาว โกรธพี่ชายใช่ไหม วันนี้ตอนเช้าพี่มีธุระต้องออกไปข้างนอก จึงไม่ได้เล่นเป็นเพื่อนน้อง ขอโทษนะคะ”
หยางหยางที่ยืนมองอยู่ด้านข้างก็เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าจิ่วจิ่ว “น้องสาว เบะปากแบบนี้บ่อยๆไม่ดีนะ ไม่อย่างนั้นเสียรูปไปแล้ว หลังจากนี้จะแต่งไม่ออกนะ จากนั้นก็จะเหมือนกับคุณป้าเฉียวเฉียวที่ต้องอยู่กับคุณลุงหัวฟูไปชั่วชีวิตนะ”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าลั่วเฉียวก็เย็นเยียบขึ้นมาในทันที เธอนั่งอยู่ข้างๆจิ่วจิ่ว ยืดตัวออกมาแล้วยื่นมือไปบิดหูของหยางหยาง “เธอ เจ้าเด็กหน้าเหม็นพูดอะไรน่ะ หรือจะบอกว่าฉันที่ยังสาวยังสวยขนาดนี้ กระทั่งจิ่วจิ่วก็ยังเทียบไม่ได้อย่างนั้นหรือ อีกอย่างนะ ลุงฮัวของผู้อื่นไม่ดีตรงไหนกัน ก็แค่หน้าตาดูแก่กว่าคุณพ่อของเธอนิดเดียวเองไม่ใช่หรือ จะบอกเธอให้นะว่า เขาอายุน้อยกว่าคุณพ่อเธออีก”
ถึงแม้ว่าเธอมักจะพูดว่าไม่พอใจฉิงฮัว แต่นั่นก็มีแต่ตัวเธอเองที่พูดได้เท่านั้น
ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นที่กล้ามาว่าฉิงฮัวไม่ดีล่ะก็ เธอจะไม่ยินยอมเลย
แอนนิเห็นท่าทางของลั่วเฉียวแล้วก็ปิดปากหัวเราะ
“ไอ้หยา……คุณป้าเฉียวเฉียว เบามือหน่อยได้ไหมครับ ผมกำลังโอ๋น้องไม่ใช่หรือครับ คุณสวยกว่าน้องสาวของผมยังไม่พอหรือครับ คุณลุงหัวฟูหล่อเหลากว่าคุณพ่อของผมอีกยังไม่พอหรือครับ…..”
หยางหยางวิงวอนไม่หยุด
เดิมลั่วเฉียวก็แค่หยอกหยางหยางเล่นเท่านั้นเอง เมื่อเห็นเขาขอให้ละเว้น ก็พอเท่านี้ก่อนแล้วกัน
***
เมื่อลั่วเฉียวปล่อยมือ หยางหยางก็เหมือนกับว่าได้เกิดใหม่อย่างไรอย่างนั้น เขากลัวลั่วเฉียวนึกเสียใจขึ้นมา จึงรีบเขยิบร่างเล็กๆออกมาจากขอบเขตการโจมตีของเธอ
จากนั้นก็ขมวดคิ้ว ออกแรงนวดไปที่ใบหูของตัวเอง “คุณป้าเฉียวเฉียว คุณป้าลงมือได้หนักมาก หูของผมถูกบิดจนแดงไปหมดแล้ว”
หยางหยางพูดแล้วก็มองไปยังท้องที่นูนออกมาของลั่วเฉียว จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย
ท่าทางแบบนี้ของเขาทำให้สีหน้าลั่วเฉียวขรึมลง “เฮ้ๆ นี่มันสีหน้าอะไรของเธอกัน”
“ตอนนี้ผมเริ่มเป็นห่วงโชคชะตาของทารกน้อยในท้องของคุณป้าแล้ว บางทีหลังจากนี้เขาอาจจะมีใบหูเหมือนกับกระต่ายคู่หนึ่งงอกออกมา” หยางหยางพูด พลางขยับร่างถอยหลังไปหลายก้าวอย่างระมัดระวัง เขาคิดว่าแบบนี้น่าจะปลอดภัยมากกว่า
เมื่อพูดออกไปแล้ว หน้าผากของลั่วเฉียวก็มีเส้นเอ็นปูดขึ้นมาในทันที “ฮ่า เธอ เจ้าเด็กหน้าเหม็น ไม่ขอบคุณในพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ฉันปล่อยเธอไปไม่พอ ยังจะมาประชดฉันอีก อย่างไรคุณแม่ของเธอก็ไม่อยู่ที่นี่ เธอไม่มีผู้ช่วยเหลือเบื้องหลังแล้ว ดูสิว่าฉันจะจัดการกับเธออย่างไร”
ลั่วเฉียวรู้ว่าตอนนี้ร่างกายของตัวเองเคลื่อนไหวไม่สะดวก ทำได้เพียงแค่นั่งอยู่บนโซฟา จึงสอดส่ายสายตาไปมาเพื่อหาว่าจะสามารถใช้อะไรมาสั่งสอนหยางหยางได้บ้าง