ตอนที่ 846 แสดงความรัก
แอนนิคิ้วขมวด เมื่อพิจารณาคำพูดของลั่วเฉียวอย่างละเอียดแล้วก็ไม่ใช่ว่าที่เธอพูดมาจะไม่มีเหตุผล
แม้ว่าลั่วเฉียวจะไม่รู้สถานการณ์ของเป่หมิงโม่ในตอนนี้ แต่ว่าแอนนิรู้
ควรจะคิดถึงปัญหาในการใช้ชีวิตของกู้ฮอนในอนาคตแทนเธอแล้ว
ในเวลานั้นเองก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากด้านนอกอย่างเลือนราง
กู้ฮอนกลับมาแล้ว ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นจิตใจตึงเครียดขึ้นมา
“เด็กๆ ไม่อนุญาตให้พวกเธอพูดเรื่องเมื่อครู่นี้ให้คุณแม่ของพวกเธอฟัง รู้หรือไม่ จะต้องปิดเป็นความลับนะ ยังมีอีก เฉิงเฉิงและหยางหยาง พวกเธอสองคนอย่าทำหน้าตาบอกบุญไม่รับแบบนั้นด้วย จะต้องทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเข้าใจไหม” แอนนิรีบกำชับเด็กๆทั้งสามคนในทันที
เฉิงเฉิง หยางหยางและจิ่วจิ่วล้วนพยักหน้า
ในไม่ช้าเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมา
“ลูกๆ แม่กลับมาแล้ว”
หลังจากกู้ฮอนเดินเข้าประตูมาก็ตะโกนออกมา นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมากที่สุดในวันหนึ่ง
เด็กๆทั้งสามคนกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปทางห้องรับแขก
แอนนิและลั่วเฉียวแลกสายตากันไปมา จากนั้นเธอก็ประคองลั่วเฉียวเดินออกมาจากข้างในห้องอาหาร
“คุณแม่ คุณแม่ หม่ามี๊……” เด็กทั้งสามคนนั้นเหมือนกับดาราตัวน้อยโดยกำเนิด ล้อมให้กู้ฮอนอยู่ตรงกลางพลางเอ่ยเรียกอย่างมีความสุข
“ลูกรัก วันนี้อยู่บ้านเป็นเด็กดีเชื่อฟังคุณป้าแอนนิไหมคะ”
เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกมา สีหน้าร่าเริงบนใบหน้าของเด็กทั้งสามคนก็เลือนหายไป พวกเขามองหน้ากันไปมา จากนั้นก็พยักหน้าพลางเอ่ยว่า “พวกเราล้วนเป็นเด็กดีครับ/ค่ะ”
“เหอะๆ ถ้าพวกลูกเชื่อฟังล่ะก็ พระอาทิตย์คงได้ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วล่ะ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น หยางหยางจะอยู่ที่บ้านเป็นเด็กดีได้หรือ” กู้ฮอนพูด โค้งตัวลงไปอุ้มจิ่วจิ่วขึ้นมาในอ้อมแขน
หยางหยางถูกเปิดโปงแล้ว คิ้วทั้งสองข้างก็เลิกขึ้นสูง จากนั้นก็แลบลิ้นเล็กๆออกมาอย่างทะเล้น
***
กู้ฮอนมองหยางหยาง “ก็รู้ว่าลูกประพฤติตัวนอกลู่นอกทาง สร้างเรื่องวุ่นวายให้กับคุณป้าแอนนิเยอะเลยใช่หรือไม่”
“หยางหยางเชื่อฟังมาก ไม่ได้สร้างเรื่องวุ่นวายอะไรให้ฉันหรอก แต่เด็กๆทั้งสามคนอยู่บ้านแล้วก็ทำให้บ้านมีชีวิตชีวาไม่น้อยเลย”
สิ้นเสียง แอนนิก็ประคองลั่วเฉียวเดินออกมา
“ฮ่า รู้ว่าเธอต้องปกป้องเขา ฉันไม่สนใจแล้วนะ ในเมื่อเธอพูดขนาดนี้แล้ว จะลำบากหรือเหนื่อย ฉันล้วนไม่ออกหน้าแทนเธอนะ” กู้ฮอนหัวเราะพลางเอ่ย
ในตอนนี้ฉิงฮัวก็เดินตามหลังเธอเข้ามา เขาเห็นว่าลั่วเฉียวก็อยู่ที่นั่นด้วยจึงรีบวางของในมือลงแล้วเดินไปถึงข้างกายเธอ
“แอนนิ ให้ผมประคองเธอเองเถอะ” เขาพูดพลางยื่นมือไปประคองลั่วเฉียวอย่างระมัดระวัง
“เฮ้ๆๆ……พวกเธอจะพอได้หรือยัง วันๆทำเรื่องพวกนี้ต่อหน้าฉันกับแอนนิจนเลี่ยนไปหมดแล้ว เพียงแต่จะว่าไป ฉันไม่ได้จะพูดสิ่งดีๆแทนฉิงฮัวหรอกนะ ลั่วเฉียวถือว่าเธอโชคดีที่ได้สามีแบบเขามา” กู้ฮอนอุ้มจิ่วจิ่วเดินเข้าไปในห้องรับแขก
ลั่วเฉียวก็ไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตัวเองด้อยกว่า “ฮอน คำพูดดีๆล้วนถูกเธอพูดไปแล้ว ถ้าหากว่าพวกเธอมองพวกเราแล้วรู้สึกอิจฉาตาร้อนแล้วล่ะก็ อย่างนั้นก็รีบหาของตัวเองแต่ละคนกลับมาได้แล้ว คุณว่าใช่ไหมคะสามี มา พวกเรามาทักทายกันแบบง่ายๆสักหน่อย มั๊วะ…….”
เธอพูดพลางยื่นริมฝีปากไปทางแก้มข้างหนึ่งของฉิงฮัว
การกระทำนี้ทำให้ฉิงฮัวหน้าแดงเข้ม เขาไม่หอมก็ไม่ใช่ จะหอมก็ไม่ใช่อีก
“อ๊ะ ไม่เหมาะสมกับเด็ก……” หยางหยางตะโกนออกมาประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือมาปิดที่ตาของตัวเอง แต่เขาก็ยังเหลือช่องว่างระหว่างนิ้วเอาไว้อย่างทะเล้น
กู้ฮอนก็รีบอุ้มจิ่วจิ่วหันไปด้านข้าง “ลั่วเฉียว เธออย่าทำเกินไปนะ ที่นี่ยังมีเด็กๆอยู่ด้วยนะ”
ลั่วเฉียวหันหน้ามาหัวเราะให้พวกเธอ “ฮิฮิ ฉันก็แค่อยากทำให้พวกเธออารมณ์ดีเท่านั้นเอง ตอนนี้ท้องฉันหิวมากเลย รีบไปทานข้าวกันเถอะ”
*
เวลาผ่านไปสองวัน สองวันมานี้กู้ฮอนล้วนออกจากบ้านแต่เช้าและกลับมาในเวลาค่ำมืด
ทำให้ฉิงฮัวยุ่งตามเธอไปด้วย
เพียงแต่ยังถือว่าราบรื่น เดิมกู้ฮอนก็เห็นว่างานของประธานบริษัทนั้นหนักเป็นอย่างมาก กระทั่งตัวเองก็แบกรับไม่ไหว
แต่หลังจากที่มีฉิงฮัวคอยให้การช่วยเหลืออยู่ด้านข้างแล้ว เธอก็ค่อยๆคลำหาเทคนิคเจอบ้างแล้ว อีกทั้งตอนแรกที่เป่หมิงโม่ให้เธอไปดูแลจัดการแผนกออกแบบ แผนกก่อสร้างและแผนกบัญชีนั้นก็มีบรรทัดฐานที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก จึงทำให้เธอสามารถปรับตัวเข้ากับงานนี้ได้ ยิ่งทำก็ยิ่งราบรื่น
ไม่เพียงแต่กู้ฮอนที่รู้สึกเหนือความคาดหมาย กระทั่งเป่หมิงเฟยหย่วน เป่หมิงยี่เฟิงก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
เพราะเป่หมิงยี่เฟิงจินตนาการเอาไว้ว่า ถ้าหากกู้ฮอนรับตำแหน่งนี้แล้วตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกให้ผู้คนในแผนกอื่นได้เห็น บางทีอาจจะสร้างความวุ่นวายขึ้นมาได้ไม่มากก็น้อย
เดิมทุกคนก็รู้สึกคัดค้านเรื่องที่เป่หมิงโม่เลือกให้กู้ฮอนมาเป็นประธานบริษัทอยู่แล้วตั้งแต่แรก ดังนั้นพวกเขาจึงมีความไม่พอใจต่อกู้ฮอนอยู่มาก เมื่อถึงเวลานั้นตัวเองก็สามารถออกแรงช่วยเธอได้
แบบนี้ก็มีส่วนช่วยเหลือให้ตัวเองมีบารมีมากขึ้นในสายตาผู้อื่นและก็ง่ายต่อการถูกนำเสนอให้เป็นประธานบริษัทเป่หมิงคนใหม่เช่นกัน
ตอนนี้ดูเหมือนว่าแผนการอันเพอร์เฟคของเขาจะถูกบดขยี้เป็นเถ้าธุลีไปแล้ว
บางทีอาจจะต้องคิดหาวิธีอะไรบางอย่างเพื่อให้บริษัทเป่หมิงเกิดความวุ่นวายขึ้นมาเล็กน้อย
ตอนที่เป่หมิงยี่เฟิงกำลังนั่งครุ่นคิดว่าก้าวต่อไปควรจะทำอย่างไรอยู่ในห้องทำงานของตัวเองนั้น เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
***
นานแล้วที่ไม่มีคนโทรศัพท์หาเป่หมิงยี่เฟิง โดยเฉพาะคนคนนั้น
เขาเคยคิดด้วยว่านับตั้งแต่ตัวเองยืนได้อย่างมั่นคงในบริษัทเป่หมิงแล้ว คนคนนั้นจะไม่ยกมือวาดเท้าสั่งให้เขาทำอะไรอีก
การบีบเป่หมิงโม่ให้ลงจากตำแหน่งนั้นเป็นเป้าหมายสุดท้ายของเขา ซึ่งสำหรับเป่หมิงยี่เฟิงแล้ว แม้ว่าคนคนนั้นจะไม่แนะนำมา เขาก็จะคิดหาวิธีอย่างสุดความสามารถอยู่ดี
แต่ทว่าตอนนี้ หลังจากที่เป่หมิงโม่ถูกจับไปไม่กี่วัน คนคนนี้กลับโทรมาหาเขาอย่างคาดไม่ถึง มีภารกิจอะไรใหม่หรือว่ามีเรื่องที่จะสั่งให้ตัวเองทำหรือ
“ฮัลโหล มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ท่าทีของเป่หมิงยี่เฟิงนั้นเกือบจะเรียกได้ว่าไม่ดีนัก แม้ว่าคนคนนี้จะเป็นผู้มีพระคุณที่เคยให้เงินทุนและช่วยให้เขาได้ตำแหน่งมาก่อนก็ตาม
“หึๆ คุณชายเป่หมิง ทำไมผมถึงได้ฟังออกว่าน้ำเสียงของคุณดูอารมณ์ไม่ดีอยู่บ้างกันนะ ถูกเป่หมิงโม่กลั่นแกล้งหรืออย่างไรกัน” ตอนนี้ถังเทียนจื๋อกำลังนั่งอยู่ในอาคารเล็กๆตรงข้ามอาคารเป่หมิง
เขาไม่ได้รับรู้เลยว่าเป่หมิงโม่ถูกจับไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งทั้งบริษัทเป่หมิงนั้นมีมาตรการปิดเรื่องนี้เป็นความลับกับโลกภายนอก
ไม่ใช่เพราะอะไร แต่ล้วนกังวลใจว่าถ้าหากเรื่องนี้ถูกประกาศออกไปแล้ว จะส่งผลเสียต่อบริษัทเป่หมิงเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ยันการทำธุรกิจก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก นอกจากนั้น เหล่าบริษัทที่จ้องตะครุบบริษัทเป่หมิงก็จะอาศัยโอกาสนี้ในการเคลื่อนไหว
ถ้าหากว่าสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ไม่ต้องพูดถึงว่ากู้ฮอนไม่มีวิธีการในการรับมือ กระทั่งเป่หมิงโม่ออกหน้าอีกครั้ง อย่างนั้นก็ยากที่จะพลิกสถานการณ์ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
การต่อสู้ของบริษัทเป่หมิงนั้นเป็นการต่อสู้กันภายในเท่านั้น แต่เมื่อถึงช่วงเวลาที่บริษัทเผชิญหน้ากับช่วงวิกฤต ผู้คนทั้งหมดล้วนพร้อมใจกันรับมือกับศัตรูภายนอกแทน
นี่คือสาเหตุหนึ่งที่บริษัทเป่หมิงสามารถดำรงอยู่มาได้หลายปีขนาดนี้ ต่อให้ด้านนอกจะมีพายุฝนเช่นไร ก็สามารถยืนหยัดไม่มีวันล้ม
เป่หมิงยี่เฟิงส่ายหน้า น้ำเสียงเคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด “เขาไม่ได้ทำอะไรกับผม ตอนนี้สมองของเขาคงเต็มไปด้วยเรื่องคดีความแล้วล่ะ”
มุมปากถังเทียนจื๋อยกขึ้นเล็กน้อย เขาชื่นชอบที่จะฟัง ‘ข่าวดี’ เกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายที่เป่หมิงโม่ติดร่างแหไปด้วยจริงๆ
“คุณชายเป่หมิง ถ้าหากว่าคุณไม่รังเกียจล่ะก็ สามารถบอกกับผมได้หรือไม่ ทำให้ผมอารมณ์ดีสักหน่อย”
เป่หมิงยี่เฟิงคิดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะมีความสนใจในตัวเป่หมิงโม่มากขนาดนี้ แต่เมื่อคิดๆดูแล้ว ตอนที่พวกเขาสนับสนุนตัวเองให้ขึ้นมา ก็ไม่ใช่เพื่อบริษัทเป่หมิง แต่แค่อยากจะทำให้เป่หมิงโม่ไม่เหลืออะไรเลยไม่ใช่หรือ
แบบนี้ถึงได้ทำให้เขามีความหวังที่จะแย่งชิงบริษัทเป่หมิงกลับมาจากมือของเป่หมิงโม่
เป่หมิงยี่เฟิงคิดเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยว่า “จะว่าไปก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ สองสามวันมานี้ เขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีความหนึ่ง ตอนนี้ถูกกักขังเอาไว้แล้ว”
ถังเทียนจื๋อได้ยินแล้วก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “คุณพูดว่าเป่หมิงโม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีความคดีหนึ่งหรือ หึๆ ปีนี้เขาเป็นอะไรไปกันนะ ฟ้องร้องคดีความไปหลายต่อหลายครั้ง หรือว่าพวกคุณก็เป็นคนเปิดศาลด้วย ครั้งนี้เป็นเรื่องอะไรกัน”
“ฆ่าคนโดยเจตนา”
“ฆ่าคนโดยเจตนา…..” ถังเทียนจื๋ออดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจลึก
หลายวันมานี้เป็นเพราะหลี่เชินมีธุระ เขาจึงเดินทางไปเมืองอื่นกับเขาสองคน นี่ก็เพิ่งจะกลับมา
ถังเทียนจื๋อโทรศัพท์หาเป่หมิงยี่เฟิงก็เพื่อจะถามว่าเป่หมิงโม่มีการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รู้ข่าวแบบนี้มา
“ผู้เสียหายคือใครกัน” ถังเทียนจื๋อเหมือนว่าจะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีลางๆ
เป่หมิงยี่เฟิงพยักหน้า “ไม่รู้ว่าเป็นคน ตอนนี้ทางตำรวจยังไม่ได้เปิดเผยออกมา เพียงแต่คาดว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะมีข้อสรุปบ้างแล้ว”
***
ถังเทียนจื๋อพยักหน้า “โทษของการฆ่าคนโดยเจตนานั้นไม่เบาเลย ดูท่าว่าครั้งนี้เขาจะออกมาได้ยากแล้ว แม้ว่าเขาจะมีความสามารถมากแค่ไหน แต่รอจนเขาออกมาก็น่าจะสิบปีหลังจากนี้แล้วล่ะ อย่างนั้นผมควรจะยินดีกับคุณสักหน่อยใช่หรือไม่ ในฐานะผู้ถือหุ้นลำดับสองของบริษัทเป่หมิง ควรจะนั่งบัลลังก์ประธานบริษัทเป่หมิงได้อย่างราบรื่นสมเหตุสมผลแล้วสินะ”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ก็เหมือนแทงเข้าไปยังเรื่องที่อยู่ในใจของเป่หมิงยี่เฟิงอย่างไรอย่างนั้น เขาถอนหายใจเสียงยาว “คุณเลิกล้อเล่นได้แล้ว ตอนที่เป่หมิงโม่จะถูกจับตัวไปนั้น เขาได้กำหนดบัลลังก์ของบริษัทเป่หมิงนี้ให้กับคนอื่นแล้ว”
นี่มันเหนือความคาดหมายของถังเทียนจื๋อ
ตามแผนการ ถ้าหากเป่หมิงยี่เฟิงสามารถไล่เป่หมิงโม่ให้ลงจากตำแหน่งได้ เขาก็จะสามารถกลายเป็นประธานบริษัทคนใหม่ได้
หรือว่าในบริษัทเป่หมิงมีบุคคลที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเป่หมิงยี่เฟิงปรากฏตัวขึ้นมาคนหนึ่งกัน
“อย่างนั้นคุณชายเป่หมิง สามารถบอกกับผมได้ไหมว่าประธานบริษัทที่มารับช่วงต่อคนใหม่นี้คือใคร บางทีผมอาจจะเป็นกำลังส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือคุณอยู่ห่างๆได้”
เมื่อประโยคนี้ของถังเทียนจื๋อหลุดออกมา ก็เหมือนกับการเปิดประตูบานหนึ่งที่เต็มไปด้วยแสงแห่งความหวังให้กับเป่หมิงยี่เฟิง เขามีท่าทางมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที
“ตอนนี้ประธานบริษัทเป่หมิงก็คือผู้ช่วยพิเศษของเขา”
“คุณพูดถึงคนที่ชื่อฉิงฮัวคนนั้นหรือ” ถังเทียนจื๋อคิดถึงเขาขึ้นมาในทันที
ทั้งบริษัทเป่หมิง มีเพียงแค่ฉิงฮัวที่ใกล้ชิดกับเป่หมิงโม่มากที่สุด อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เขาล้วนมีส่วนร่วม ถ้าหากบอกว่าเขารับตำแหน่งแทนเป่หมิงโม่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
“ไม่ใช่เขา เป็นผู้ช่วยพิเศษคนใหม่คนหนึ่งของเขา และก็เป็นเจ้านายของผมชื่อกู้ฮอน” เป่หมิงยี่เฟิงพูดถึงตรงนี้ ในใจของเขาก็สั่นไหวเป็นระลอก
ถ้าหากที่ถังเทียนจื๋อพูดมาเป็นความจริง เขาสามารถช่วยเหลือตัวเองแย่งตำแหน่งประธานบริษัทนี้กลับมาได้ อย่างนั้นเขาก็จำเป็นต้องลงมือกับกู้ฮอน
สำหรับเป่หมิงยี่เฟิง เขาไม่อยากให้กู้ฮอนได้รับบาดเจ็บหรือถูกทำร้ายใดๆ เพราะว่าในส่วนลึกของหัวใจเขายังมีความรู้สึกที่มีต่อเธอไม่เคยจางหายไปเก็บเอาไว้อยู่
“กู้ฮอน!” ถังเทียนจื๋อพึมพำชื่อเธอออกมา นัยน์ตาก็เบิกโตขึ้นไม่น้อยในเสี้ยววินาที คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะกลายเป็นประธานบริษัทเป่หมิง