ตอนที่ 850 ตกอยู่ในสภาพวิกฤต
เป่หมิงเฟยหย่วนเห็นว่าลูกชายไม่เป็นอะไรแล้วก็โล่งใจเช่นกัน ดูท่าว่าเขาก็แค่มีโทสะแบบเด็กๆเท่านั้นเอง
***
ระหว่างทางจากโรงพยาบาลไปยังบริษัทเป่หมิงนั้น ฉิงฮัวขับรถด้วยสีหน้าที่ไม่น่าดูนัก
“วันนี้คุณชายยี่เฟิงกระทำเกินไปแล้วจริงๆ เดิมหน้าที่ในการจัดการเรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ที่เขาพึงกระทำอยู่แล้ว ตอนนี้ทำเหมือนกับว่ากลายเป็นเรื่องของพวกเราเสียอย่างนั้น”
“คุณก็อย่าบ่นจู้จี้อีกเลย คำพูดของยี่เฟิงนั้นเกินไปอยู่บ้าง เพียงแต่เห็นแก่อาการป่วยทางจิตใจของเขาแล้วก็ให้อภัยเขาสักหน่อยเถอะ คุณไม่ได้ยินที่คุณเป่หมิงพูดหรือว่า เขาจะไม่เฝ้ามองเรื่องนี้อย่างนิ่งดูดาย”
แม้ว่าตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาล กู้ฮอนจะรู้สึกโมโหอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาบ่น ต้องเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมก่อน
*
ภายในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาล
เป่หมิงยี่เฟิงเลิกผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง
“ยี่เฟิง ลูกจะทำอะไร” หลันเนี่ยนมองเป่หมิงยี่เฟิงอย่างเคร่งเครียด
เธอเข้าใจนิสัยของลูกขาย เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยที่ยอมรับความลำบากโดยไม่ขัดขืนประเภทนั้น จึงกลัวเป็นอย่างมากว่าเขาจะทำอะไรที่เกิดความคาดหมายออกมา
“วางใจเถอะครับคุณแม่ ในใจผมรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ในเมื่อคุณพ่อไม่ใจร้ายมากพอที่จะให้บริษัทเป่หมิงถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย อย่างนั้นผมก็จะออกหน้าไปจัดการแก้ไขสักหน่อย” เขาพูดพลางสวมเสื้อโค้ทแล้วเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
*
ฉิงฮัวขับรถมาจอดบริเวณหน้าประตูบริษัทเป่หมิง
เมื่อกู้ฮอนลงจากรถแล้วเพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ก็ถูกกลุ่มนักข่าวขวางเอาไว้ที่หน้าประตู
เกือบจะเสี้ยววินาทีที่แสงแฟลชจากอุปกรณ์คู่กายของเหล่านักข่าวก็สาดเข้าสู่นัยน์ตาของกู้ฮอน ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาบังเบื้องหน้าดวงตา
“คุณกู้ ในฐานะที่คุณเป็นประธานบริษัทคนใหม่ของบริษัทเป่หมิง สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในโครงการของบริษัทเจียเม้านั้นมีมาตรการขั้นต่อไปหรือไม่คะ”
การถูกนักข่าวรุมล้อมสำหรับกู้ฮอนนั้นไม่ใช่การเผชิญหน้าเป็นครั้งแรกแล้ว มากน้อยอย่างไรก็ถือว่ามีประสบการณ์อยู่บ้าง
แต่ก่อนหน้านี้ตัวเองมีบทบาทเป็นแค่ทนายความคนหนึ่ง มาตอนนี้กลับกลายเป็นผู้รับผิดชอบของบริษัทแห่งหนึ่ง
หลังจากเปลี่ยนบทบาทก็จะมีความกดดันที่ไร้รูปร่างปกคลุมอยู่บนศีรษะ โดยเฉพาะในตอนนี้ที่เผชิญหน้ากับสื่อมวลชน เธอกลับไม่มีคำพูดที่จะนำมาตอบโต้ไปชั่วขณะ
ยังดีที่ฉิงฮัวแหวกกลุ่มคนเข้ามาถึงข้างกายกู้ฮอน
“นักข่าวทุกท่าน สำหรับเรื่องนี้ พวกเราได้เริ่มลงมือแก้ไขแล้ว ขอให้ทุกท่านโปรดวางใจ พวกเราจะหาโอกาสที่เหมาะสมมาประกาศรูปแบบวิธีการในการแก้ไขเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
ฉิงฮัวเอ่ยจบก็ยื่นมือออกมาปกป้องกู้ฮอน
“ขอให้ทุกคนเปิดทางด้วยครับ พวกเรายังมีงานอีกมากมายที่จำเป็นต้องไปสะสาง” แม้ฉิงฮัวจะพูดจาสุภาพ แต่มืออีกข้างหนึ่งกลับออกแรงเล็กน้อยเพื่อเปิดทางให้กับพวกเขา
*
หลังจากนั้นวันหนึ่ง กู้ฮอนก็เดินขมวดคิ้วแน่นเป็นปมเดินเข้ามาในห้องทำงาน
“คุณผู้หญิงครับ เมื่อสักครู่ผมได้รับโทรศัพท์แจ้งมาว่า เรื่องของบริษัทเจียเม้านั้นได้รับการจัดการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว คุณสบายใจได้แล้วครับ” ฉิงฮัวเอ่ย
“อะไรนะ แก้ไขเรียบร้อยแล้วหรือ” หลังจากที่กู้ฮอนได้ยินข่าวนี้แล้วคิ้วที่ขมวดกันเป็นปมก็คลายออกในทันที “ดูท่าว่าคุณเป่หมิงจะไม่ได้ไม่รักษาสัจจะ”
ฉิงฮัวพยักหน้า “จริงครับ เพียงแต่ว่าคุณชายยี่เฟิงเป็นคนออกหน้าจัดการเรื่องนี้ ดูท่าว่า เมื่อวานผมจะปฏิบัติต่อเขาแย่เกินไปอยู่บ้าง”
“ฉิงฮัว คุณไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองในเรื่องนี้ ตอนนั้นอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น อารมณ์ของทุกคนล้วนไม่ดีเป็นอย่างมาก มีความขัดแย้งกันบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญก็คือสามารถแก้ไขปัญหาได้ก็พอแล้ว”
กู้ฮอนถอนหายใจเสียงยาว ด่านนี้แม้จะดูเหมือนร้ายแรงแต่ก็ผ่านไปได้อย่างไม่เป็นอันตรายใดๆ
*
บนห้องใต้หลังคาในบ้านของลั่วเฉียว เฉิงเฉิงและหยางหยางยังคงไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาเช่นเคย
สองพี่น้องนั้นอยู่ในบรรยากาศตึงเครียดติดต่อกันมาเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว
***
จิ่วจิ่วกำลังเล่นอยู่กับเบลล่าอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องใต้หลังคา
เพียงแต่ว่าเธอมักจะหันกลับมามองทางพี่ชายทั้งสองบ่อยๆ
จากนั้นก็กระซิบเสียงเบากับเบลล่าอย่างจริงจังว่า “พี่เฉิงเฉิงกับพี่หยางหยาง พวกเขาสองคนไม่พูดไม่จามาหลายวันแล้ว พวกเขาไม่ได้เล่นกับหนูมานานแล้วด้วย พวกเราคิดหาหนทางกันสักหน่อยดีไหมคะ”
เบลล่ามองจิ่วจิ่วตาปริบๆ มันจะไม่อยากให้เจ้านายทั้งสองคนดีกันได้อย่างไร เพียงแต่ว่าคำพูดของมันนั้น ‘ไม่สำคัญและไร้น้ำหนัก’ นินา
“อิ๋ง…….” ดูเหมือนว่าสิ่งที่มันสามารถทำได้จะมีเพียงแค่สะบัดหางไปมา
จิ่วจิ่วมองท่าทางของเบลล่าแล้วสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา “พวกเขานั้นทำให้พวกเราลำบากใจมากจริงๆ”
ในตอนนี้เองที่เสียงโทรศัพท์ของหยางหยางดังขึ้นมา ขณะเดียวกันก็ทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบบนห้องใต้หลังคาลงด้วย
หยางหยางรีบหยิบโทรศัพท์มือขึ้นมา บางทีอาจจะเป็นเพราะเบื่อหน่ายมากเกินไป เขาจึงแสร้งพูดสำเนียงเหมือนเสียงบันทึกการโทรว่า “นี่คือโทรศัพท์ของหยางหยางผู้มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล กรุณาทิ้งข้อความหลังจากได้ยินเสียงสัญญาณ ‘ติ๊ด’…….. ‘ติ๊ด’”
“……ฮัลโหล สวัสดีครับ ผมคือผู้กำกับรายการวาสนารักจากสถานีโทรทัศน์ XX ไม่ทราบว่าคุณกู้ฮอนอยู่ไหมครับ” เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นรู้สึกจนปัญญากับวิธีการรับโทรศัพท์แบบนี้ของหยางหยางเล็กน้อย
เมื่อหยางหยางได้ยินว่าสถานีโทรทัศน์โทรศัพท์มา ท่าทางเบื่อหน่ายก็มลายหายไปในทันที จนดูเหมือนว่าจะตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย “อ่อๆ ผมรู้จักรายการวาสนารักของพวกคุณ อีกอย่างพวกเราล้วนชื่นชอบที่จะดูด้วย ผมจำแขกรับเชิญผู้หญิงได้มากมาย ผมเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณกู้ฮอน ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับเธอหรือเปล่าครับ”
เฉิงเฉิงและจิ่วจิ่วที่ได้ยินคำพูดของหยางหยางก็มองไปทางเขาเป็นสายตาเดียว
จิ่วจิ่วพาเบลล่าวิ่งมาถึงข้างกายหยางหยาง พลางเอ่ยถามเสียงเบาว่า “พี่หยางหยาง พวกเขาโทรหาหม่ามี๊มีธุระอะไรหรือคะ”
หยางหยางส่ายหน้า จากนั้นเขาก็ทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้เงียบเสียง
ขณะนี้ก็ได้ยินเสียงจากคนที่อยู่อีกฟากของทางโทรศัพท์พูดต่อว่า “ขอบคุณพวกคุณที่ติดตามรายการของพวกเรา ไม่ทราบว่าพวกคุณลงข้อมูลเกี่ยวกับคุณกู้บนอินเทอร์เน็ตใช่หรือไม่ครับ”
หยางหยางพยักหน้าอย่างแรง “ใช่แล้วๆ ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตล้วนเป็นข้อมูลที่ผมเขียนเอง”
เฉิงเฉิงมองสีหน้าท่าทางที่บานเป็นกระด้งของเขา บวกกับสิ่งที่ได้ยินมาก็เข้าใจอยู่บ้างเล็กน้อย น่าจะเกี่ยวกับข่าวการประกาศหาคู่สมรสที่หยางแชร์ให้กับคุณแม่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้
คาดไม่ถึงเลยว่าสถานีโทรทัศน์ XX จะเป็นผู้โทรมา ท่าทางเรื่องนี้จะถูกทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้ว
หยางหยางฟังโทรศัพท์ต่อไป
“พวกเราเห็นข้อมูลของคุณกู้บนอินเทอร์เน็ต รู้สึกว่าเธอเหมาะสมกับรายการของพวกเรา ไม่ทราบว่าเธอจะมีเวลามาเข้าร่วมหรือไม่”
“ความหมายของคุณก็คือ อยากให้คุณกู้เข้าร่วมรายการวาสนารักของพวกคุณหรือ” หยางหยางพูดถึงตรงนี้แล้วบนใบหน้าก็ปรากฏความตื่นเต้นที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ขึ้นมา
“ใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณกู้จะมีเวลาว่างมาเข้าร่วมหรือไม่”
หยางหยางพยักหน้าไม่หยุด “มีเวลาครับ มีเวลาอย่างแน่นอน ไม่ทราบว่าพวกคุณจะเริ่มถ่ายทำเมื่อไรครับ”
“ถ้าหากว่าเป็นไปได้แล้วล่ะก็ พรุ่งนี้ได้ไหมครับ”
“ได้ครับ พรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
รอจนหยางหยางวางสายโทรศัพท์แล้ว จิ่วจิ่วก็ทนไม่ไหว “พี่หยางหยาง คนในโทรศัพท์โทรหาหม่ามี้ทำไมคะ ทำไมถึงมีสถานีโทรทัศน์ด้วยล่ะ”
หยางหยางยิ้มให้จิ่วจิ่วอย่างมีเลศนัย “อิอิ คุณแม่ของพวกเราจะเป็นดาราออกโทรทัศน์แล้ว ไม่แน่ว่าตอนนั้นจะหาคุณพ่อให้พวกเราด้วยคนหนึ่ง”
เฉิงเฉิงในตอนนี้อดไม่ได้แล้วจริงๆ “พอได้แล้ว คุณแม่ไม่มีทางเข้าร่วมหรอก”
***
หยางหยางมองบนเฉิงเฉิงครั้งหนึ่ง เขาเกลียดที่หยางหยางพูดให้เสียน้ำใจในตอนนี้มากที่สุด
เพราะเขาเริ่มจะคิดจินตนาการภาพของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในโทรทัศน์แล้ว
เป่หมิงซีหยางจะกลายเป็นผู้สืบทอดหลังจากเป่หมิงยันแล้ว ตระกูลเป่หมิงจะมีดาราที่เปล่งประกายเจิดจรัสในวงการภาพยนตร์อีกดวงหนึ่งแล้ว
แต่จิ่วจิ่วในตอนนี้กลับได้รับผลกระทบจากเฉิงเฉิง เธอเริ่มเป็นกังวลต่อท่าทีของคุณแม่ที่มีต่อเรื่องนี้
เธอขมวดคิ้วพลางหาที่ว่างๆแล้วนั่งลง
สำหรับเด็กน้อยอย่างเธอ ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ เธอยังไม่รู้ว่าคุณพ่อของตัวเองคือใคร ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่เคยได้ยินคุณแม่พูดถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับคุณพ่อสักเรื่องเดียว
นอกจากคุณแม่แล้ว คุณป้าแอนนิก็ไม่เคยพูดถึงมาก่อนเช่นกัน
กระทั่งช่วงเวลาที่เธอเติบโตขึ้นมานี้ก็ยังไม่รู้ว่าคุณพ่อคืออะไรกันแน่
จนในภายหลังถึงได้รู้จากโทรทัศน์ว่านอกจากคุณแม่แล้วยังมีคุณพ่อด้วย
เธอเคยลองถามคุณแมกับคุณป้าแอนนิว่า คุณพ่อของตัวเองคือใคร
แต่นอกจากพวกเธอจะตอบผ่านๆเพื่อเอาตัวรอดไป ก็ไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจนสักคำตอบเดียว
“หงิง……”
เบลล่าก็ดูเหมือนว่าจะรับรู้ความรู้สึกนั้นเช่นเดียวกัน หลังจากโบกสะบัดหางไปมาสองทีแล้วก็มีท่าทีเซื่องซึมไม่กระตือรือร้นอีก พลางขยับเข้าไปหมอบอยู่ข้างกายของจิ่วจิ่ว
ช่วงเวลาอาหารกลางวัน สามพี่น้องก็นั่งอยู่บนม้านั่งในห้องอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ด้านหน้าของพวกเขามีอาหารท่าทางน่าอร่อยส่งกลิ่นหอมลอยมาวางอยู่
แต่กลับไม่มีใครสักคนจะขยับตะเกียบ
“เฉิงเฉิง หยางหยาง จิ่วจิ่ว พวกเธอสามคนเป็นอะไรไปหรือ หรือว่าอาหารที่ป้าทำวันนี้จะไม่ถูกปากพวกเธอกัน” แอนนิมองใบทางพวกเขาด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม พลางเอ่ยถาม
ครั้งนี้เป็นจิ่วจิ่วที่เอ่ยปากก่อน “คุณป้าแอนนิ เมื่อครู่นี้พี่หยางหยางได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งบอกว่าจะให้หม่ามี๊ไปออกโทรทัศน์”
“ออกโทรทัศน์หรือ” ลั่วเฉียวได้ยินเรื่องนี้แล้วเส้นประสาทของเหมือนจะตึงเครียดขึ้นมา
นับตั้งแต่ที่เธอตั้งครรภ์แล้วก็ไม่ได้มีการติดต่อเรื่องที่เกี่ยวข้องหรือใกล้ชิดกับโทรทัศน์อีกเลย ไม่เพียงแต่เท่านั้น กระทั่งผู้ช่วยเธอก็ไม่ได้ติดต่อเช่นกัน
อย่ามองว่าปกติแล้วเธอมีท่าทางสงบนิ่ง นั้นก็เป็นเพราะว่าตอนนี้เธอใจปรารถนาแต่ไร้แรงกายแล้ว
วันนี้เมื่อได้ยินว่ากู้ฮอนจะออกโทรทัศน์ เธอก็นั่งไม่ติดอยู่บ้าง
“หยางหยาง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ รีบเล่าให้พวกเราฟังเร็วเข้า”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ หยางหยางก็มีท่าทีสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย เขากระแอมคอพลางเอ่ยว่า “เป็นแบบนี้ครับ ผมโพสต์ประกาศนัดดูตัวให้กับคุณแม่บนเว็บไซต์นัดบอดไม่ใช่หรือครับ สายโทรศัพท์ที่ได้รับในวันนี้ก็คือต้องการให้คุณแม่ไปเข้าร่วมรายการนัดดูตัวที่มีชื่อว่าวาสนารัก ของสถานีโทรทัศน์ XX ครับ”
ลั่วเฉียวที่ได้ยินก็ตาเบิกโตจนกลมเป็นไข่ห่าน “วาสนารัก รายการนี้ฉันเคยดูมาหลายตอน ยังไม่ต้องพูดอะไร รายการนี้สนุกใช้ได้ ในรายการมีหนุ่มหล่อมากความสามารถไม่น้อย อีกทั้งอัตราความสำเร็จก็ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ถ้าหากว่าฮอนสามารถหาคนที่เหมาะสมได้จากรายการนี้คนหนึ่งล่ะก็ น่าจะผ่านคืนวันไปได้ไม่เลวกว่าพวกเธอในตอนนี้ พบเจอเรื่องน่ายินดีเช่นนี้ ทำไมพวกเธอถึงไม่รู้สึกดีใจกันล่ะ”
“นั่นก็ไม่ใช่เพราะว่าเฉิงเฉิงหรือครับ พูดจาไม่น่าฟัง รู้จักแต่การพูดตัดกำลังใจ” เฉิงเฉิงโอดครวญ
“ฉันพูดตัดกำลังใจอะไรกัน รายการนั้นฉันก็เคยได้ยินมาบ้าง ตอนแรกที่ฉายมีชื่อว่า ‘รายการเรียลลิตี้’ อะไรนี่แหละ แต่ว่าผลลัพธ์ล่ะ เหล่าคนที่เข้าร่วมรายการล้วนเป็นคนที่สถานีโทรทัศน์เชิญมา ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเหล่าหญิงสาววัยรุ่นที่ให้ความสำคัญกับเงินทองเป็นอย่างมากด้วย……นายพูดมาสิว่าคุณแม่จะไปเข้าร่วมรายการที่ไม่มีความน่าเชื่อถือแบบนี้ไหม ตอนแรกที่นายลงข้อมูล ฉันก็เอ่ยคัดค้านไปแล้ว ตอนนี้ฉันยังคงยึดมั่นในความคิดของฉันเหมือนเดิม” เฉิงเฉิงยังคงเอ่ยพูดอย่างไม่เกรงใจเช่นเคย
***
สำหรับเรื่องที่เฉิงเฉิงพูด หยางหยางก็เคยอ่านเจอในอินเทอร์เน็ต เพียงแต่เขากลับรู้สึกว่าไม่สามารถยืนยันได้ทั้งหมด
เขาอยู่ข้างกายคุณแม่ตั้งแต่เล็กจนโต ตอนที่ยังไม่ได้เจอกับคุณพ่อ แม้ว่าคุณแม่จะรับรองว่าเขาไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่ในทุกๆวัน
แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ไม่คิดอะไรมากเหมือนกับที่แสดงออกไป ทั้งยังเข้าใจคุณแม่ด้วยว่าเพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตเช่นนี้ในแต่ละวันเบื้องหลังนั้นลำบากมากเพียงใด