บทที่ 852 ข้อพิพาทสงบลง
ในเมื่อพูดถึงเรื่องของคุณแม่ อาจจะถึงเวลาที่จะต้องทำให้ตัวเองหายข้อสงสัย
เธอได้เดินมายังข้าง ๆ พี่ชายทั้งสอง “พี่ชาย ฉันมีคำถามที่จะถามพวกคุณ”
“น้องสาวเรา มีเรื่องอะไรหรือ ? หากฉันไม่รู้ ก็จะยังมีเฉิงเฉิง พี่น้องกันจะต้องช่วยกันสิ”
“ฉันรู้ว่าพวกคุณจะต้องเอาปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ทิ้งไว้ให้ฉัน ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันกับคุณมีความแค้นอะไรนักหนา ทำไมจะต้องมาอะไรกับฉัน” เฉิงเฉิงรู้สึกมีท่าทีที่อาลัยอาวรณ์ต่อหยางหยาง ซึ่งได้เอาคำพูดที่ควรพูด ก็พูดหมดแล้ว
หยางหยางไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดที่เสียดสีของเฉิงเฉิงเอาเก็บไว้ในใจ และยังยิ้มต่อไปว่า “แหะ ๆ ใครให้คุณเป็นพี่ใหญ่ล่ะ” พอพูดถึงตรงนี้ ก็ยังเรียนเพลงที่ชื่อว่า《Onlyyou》 ที่เรียนใน 《ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน》”ทำใส่ร้ายฉัน จะส่งคุณไปตาย คุณทำเพื่อคนในบ้าน แม้นสละชีวิตก็ยังยอม นโมอมิตตพุทธ โอ้ เยยย”
สำเนียงของหยางหยาง ทำให้เฉิงเฉิงเริ่มจะเซ็งมากไปกว่าเดิม เขานั้นเหมือนกับซุนหงอคงอยากจะเกลียดน้องของตัวเองสักครั้งหนึ่ง
เกิดจากแม่เดียวกัน แต่ออกมามองโลกห่างกันไม่กี่นาที ทำไมนิสัยมันต่างกันขนาดนี้
แต่ หยางหยางทำให้เฉิงเฉิงยอมรับในประโยคหนึ่งคือ “ใครให้คุณเป็นพี่ใหญ่ล่ะ”
ก็จริง คนเป็นพี่ใหญ่จะต้องมีหน้าที่ที่หนักกว่าคนอื่น ก็จะต้องช่วยน้องชายน้องสาวที่ไม่อาจจะทำเสร็จให้เสร็จ
เขาหันมามองน้องสาว
หากเปรียบเทียบกับการช่วยหยางหยางแล้ว เขารู้สึกว่ามีความสุขในการช่วยน้องสาวมากกว่า
หากพูดไปแล้วล่ะก็ จิ่วจิ่วไม่ค่อยมาขออะไรให้เขาช่วยเลย
“น้องสาว มีอะไรก็ถามเถอะ”
จิ่วจิ่วคิดแล้วคิด แล้วก็มามองเฉิงเฉิง “พี่ชายเฉิงเฉิง ฉันเห็นพวกคุณชอบพูดถึงคุณพ่อ แต่จิ่วจิ่วเกิดออกมาก็ไม่เคยเจอพ่อเลย พวกเราเป็นพ่อคนเดียวกันไหม”
เฉิงเฉิงเห็นจิ่วจิ่วที่มีท่าทางธรรมชาติเช่นนั้น แล้วยิ้มบอกไปว่า “พวกแน่ต้องมีพ่อคนเดียวกันสิ สำหรับเรื่องที่เราจะเจอพ่อตอนไหน ก็ต้องดูว่าคุณพ่อว่างตอนไหน แต่ตอนนี้ไม่อาจจะเจอเขาได้นะ”
ในใจของเขาชัดเจนมากมาย เพราะอะไรคุณแม่ไม่บอกเรื่องคุณพ่อให้กับน้องสาว เพราะไม่อยากให้รู้ถึงการมีอยู่ของคุณพ่อ
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที เพราะอะไรหยางหยางคิดแต่จะให้คุณแม่ไปถ่ายทำรายการหาคู่
…….
ขณะที่เฉิงเฉิงกำลังคิดว่าจะพูดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องคุณพ่อให้จิ่วจิ่วฟังดี
หยางหยางก็เริ่มมีท่าทีออกมา เขาได้เดินมายังข้าง ๆ จิ่วจิ่ว แล้วก็ยืนมือออกไปจับไหล่ของน้องสาว
“หากพูดถึงคุณพ่อ ฉันจะบอกว่าไม่ต้องรู้เยอะแยะมากมายหรอก แบบนี้อาจจะทำให้คุณไม่ต้องคิดอะไรมากมาย”
จิ่วจิ่ก็กลับมีใบหน้าที่ค่อนข้างสับสนไม่เข้าใจ “พี่ชายหยางหยาง มันหมายความว่าอะไรหรือ ? ฟังแล้วเหมือนคุณพ่อเป็นคนไม่ดีเลย”
“แน่นอนว่าเป็นคนไม่ดี ตอนที่คุณกำลังหลับฝันดีอยู่ เขาก็จะเข้ามาใกล้คุณอย่างเงียบ ๆ แล้วก็ยกตัวคุณขึ้นมา…..” หยางหยางพูดไปด้วย แล้วก็ทำท่าไปด้วย ใบหน้าที่ไม่ได้รอยยิ้มใด ๆ เลย
เรื่องนี้ทำให้จิ่วจิ่วรู้สึกตกใจ เธอเหมือนกับกำลังกลัวจริง ๆ ร่างกายของเธอกำลังเข้าใกล้เฉิงเฉิง “พี่เฉิงเฉิง คุณพ่อน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ? ”
เฉิงเฉิงไปสายตาที่น่ากลัวให้หยางหยาง “คุณนี่มันแย่จริง ๆ คุณลืมแล้วหรอว่าเขาทำดีกับคุณยังไง ? ยังพาคุณไปเที่ยว ยังหาครูมาสอนที่บ้าน ให้คุณกินอิ่ม ใส่สบาย หากรู้ว่าคุณเป็นแบบนี้ ก็ไม่น่าจะต้องมาช่วยคุณเลย”
หยางหยางเห็นเฉิงเฉิงที่มีท่าทางแบบนั้น ก็รู้ว่ากำลังทำเขาโกรธ และรู้สึกว่าพูดเกินไป
เขาก็ได้ทำการรีบอธิบาย “คุณอย่าเพิ่งโมโห ฉันก็อยากจะแกล้งน้องสาวเฉย ๆ แต่พูดเกินไปหน่อย ฉันรู้ว่าคุณพ่อไม่ได้แย่มากขนาดนั้น”
“รู้แล้วก็ยังจะทำแบบนี้กับเขาอีกหรือ หยางหยาง ฉันจะบอกให้คุณรู้ไว้นะ ที่ฉันช่วยคุณ ก็เพราะคุณแม่ แต่ไม่ใช่เพราะว่าคุณทำเพื่อแล้วก็มาทำลายคุณพ่อ ครั้งนี้จะเตือนไว้ก่อน หากมีครั้งหน้าแล้วล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ” เฉิงเฉิงโมโหจริง ๆ แล้ว
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ดูท่าทางคุณแบบนี้ ก็คงทำให้น้องสาวโกรธเหมือนกันแหละ” หยางหยางไม่อยากจะฟังต่อไปแล้ว ก็เลยพูดถึงเฉิงเฉิงขึ้นมาต่อหน้าจิ่วจิ่ว
“นี่ไม่ใช่ที่คุณทำให้โมโหหรอกหรือ ” เฉิงเฉิงพูดเสร็จ ก็ไปมองจิ่วจิ่ว ซึ่งเห็นสายตาของเธอที่มีความน่ากลัว
เขาก็เลยรีบเปลี่ยนท่าทีอารมณ์ของเขา แล้วก็ยิ้ม “น้องสาวไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่เหมือนกับหยางหยางหรอก หยางหยางเพิ่งจะไปอยู่กับคุณพ่อไม่นาน ก็เลยไม่เข้าใจคุณพ่อ ฉันกับคุณพ่ออยู่ด้วยกันมานาน เขาเป็นคนที่ดีเลยเชียวล่ะ”
จิ่วจิ่วเมื่อสักครู่นี้ตกใจจริง ๆ แต่หลังจากฟังเฉิงเฉิงแล้ว ก็ทำให้หายกลัวมากขึ้น
“พี่ชายเฉิงเฉิง คุณและพี่หยางหยางไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กเหมือนฉันหรือ ?”
“ใช่แล้ว เฉิงเฉิงเกิดมาก็อยู่กับคุณพ่อ แต่ฉันอยู่กับคุณแม่ ตอนที่พวกเราเจอกันก็เพิ่งไม่กี่ปีที่ผ่านมาแค่นั้นเอง”
“อ๋อ ตอนที่ฉันอยู่เมืองบาร์ซาห์ ก็ยังมีความรู้สึกอยู่กับแม่น้อยมาก ๆ ก็ได้สนทนาทางโทรศัพท์ หากเปรียบกับฉันแล้ว พี่เฉิงเฉิงกับคุณแม่อยู่ด้วยกันก็ยังน้อยมากมาย ” จิ่วจิ่วรู้สึก พวกเราสามพี่น้องรู้สึกถึงความไม่โชคดีเลย
แต่ตอนนี้ยังดี ที่เริ่มต้นใหม่ด้วยกัน
“พี่เฉิงเฉิง คุณมีรูปของพ่อไหม ฉันไม่เคยเห็นเขาเลย อยากจะรู้ว่าเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร”
“อันนี้…….” ตามความต้องการของน้องสาว เฉิงเฉิงก็รู้สึกถึงความลำบากใจ
……
เฉิงเฉิงก็ยังมีความสงสัยอยู่
คุณแม่ไม่อยากให้เธอรู้เรื่องของพ่อ ก็เพราะเธอกลัวว่าจะเหมือนหยางหยางที่ถูกคุณพ่อพาไป
สำหรับน้องสาว ก็ไม่ควรที่จะปิดบังเธอ
เฉิงเฉิงคิดถึงตรงนี้ ก็เลยหันไปมองหยางหยาง
หยางหยางพยักหน้ากับเขา เขารู้สึกว่าให้น้องสาวเห็นพ่อก็คงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก “คุณไม่ใช่มีรูปของคุณพ่อหรอกหรือ ? เอาออกมาให้น้องสาวดูก็ไม่มีอะไรมากมายหรอก”
เฉิงเฉิงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมา แล้วก็เอารูปของเป่หมิงโม่ออกมา แล้วก็ให้จิ่วจิ่วดู “นี่คือรูปของคุณพ่อ”
จิ่วจิ่วตกใจอ้าปากค้าง กับสายตาที่เต็มไปด้วยคาวมหวัง และมีความสงสัย
อาจจะเป็นเพราะหยางหยางทำให้เธอตกใจเมื่อสักครู่นี้
เธอมัความรู้สึกงงงวย แต่ก็ตัดสินใจที่จะเอาโทรศัพท์เฉิงเฉิงมา
เพียงแต่ตอนที่เธอเห็นหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏรูปของเป่หมิงโม่
ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป ร่างกายก็เริ่มสั่น
สุดท้ายเธอก็ไม่อาจจะที่ควบคุมตัวเองได้ “โหหหหห ปีศาจแห่งสุขา” ร้องไห้ออกมาดังมาก แล้วก็เอาโทรศัพท์ทิ้งไป แล้วก็วิ่งลงไป
“น้องสาว คุณจะไปไหน” เฉิงเฉิงเรียก หลังจากนั้นก็ก้มหัวลงไปเก็บโทรศัพท์
เห็นจิ่วจิ่วไม่ได้ตอบอะไร ก็เห็นแต่รีบวิ่งไปยังชั้นล่าง
“ปีศาจสุขา น้องสาวถูกคำพูดของคุณทำให้ตกใจหรือเปล่า” เฉิงเฉิงถามหยางหยาง
หยางหยางพยักไหล่ “โดนใส่ร้ายซะงั้น เธอเห็นรูปพ่อจากโทรศัพท์ของคุณเองนะ คุณคงไม่ให้ดูรูปผิดหรอกมั้ง”
เฉิงเฉิงดูที่หน้าจอ “ไม่มีอะไรนี่ คุณดู ” พูดแล้วก็เอาโทรศัพท์ให้ดู
หยางหยางดูแล้วดูอีก ก็ไม่ได้มีอะไร
……
แอนนิกำลังพยุงลั่วเฉียวออกไปเดินเล่น ก็เห็นจิ่วจิ่วรีบออกมาจากลิฟต์ แล้วก็วิ่งไปยังห้องน้ำ
“จิ่วจิ่วเป็นอะไรไป” ลั่วเฉียวไม่เคยเห็นจิ่วจิ่วเป็นเช่นนี้เลย
แอนนิก็ได้พยุงลั่วเฉียวไปยังบนโซฟา “ฉันไปดูก่อน”
ขณะนี้ ประตูลิฟต์ก็เปิดออกมา เฉิงเฉิงกับหยางหยางก็ได้เดินออกมาด้วย
พวกเขาเห็นแอนนิก็ถามว่า “คุณน้าแอนนิ เห็นน้องสาวไหม”
“เธอไปห้องน้ำน่ะ” แอนนิพูดแล้วก็ชี้ไปทางห้องน้ำ
“นี่ หยางหยาง คุณไปพูดอะไรกับน้องสาวหรือเปล่า ทำไมฉันดูท่าทีของเธอมันแปลก ๆ ไป” ลั่วเฉียวถามด้วยความสงสัย
หยางหยางอยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา “ถูกใส่ร้าย คุณน้าลั่วเฉียว เมื่อสักครู่นี้เฉิงเฉิงก็ถามแล้ว แต่ฉันแค่บรรยายรูปร่างของคุณพ่อก็ไม่ได้ทำอะไรอีก ตอนที่น้องสาวลงมาก็คือตอนที่เฉิงเฉิงเอารูปของพ่อให้ดูนั่นแหละ”
แอนนิดึงมือของหยางหยางมา “คุณพูดอะไรนะ จิ่วจิ่วเห็นรูปของพ่อแล้วหรือ ?”
“ใช่แล้ว” หยางหยางพยักหน้า
แอนนิก็มีใบหน้าที่กลั้นยิ้มออกมา
ซึ่งทำให้คนในห้องอีกสามคนรู้สึกถึงความประหลาดใจ
“คุณน้าแอนนิ คุณเป็นอะไร ?” ซึ่งทำให้เฉิงเฉิงและหยางหยางรู้สึกถึงความงุนงง
แอนนิทำตามปรับอารมณ์ของตัวเอง แล้วก็สะบัดมือ “ไม่มีอะไร นี่คือแม่ของพวกคุณทำการร่ายคาถาเอาไว้”
“คุณแม่ลงคาถาให้กับจิ่วจิ่ว ?”
เฉิงเฉิงมีความสงสัยเล็กน้อย แต่หยางหยางเหมือนกับเข้าใจอะไรบางอย่างด้วยสายตาที่แวววาวขึ้นมา ซึ่งเหมือนกับได้พบทวีปใหม่
แอนนิพยักหน้า “เรื่องนี้ถ้าพูดไปก็ยาว”
……
เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว เรื่องราวมากมายก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอีกแล้ว
“ขณะตอนที่ความสัมพันธ์ของพ่อแม่คุณแย่สุด ๆ นั้น หยางหยางก็ได้ถูกตัดสินให้ไปอยู่กับพ่อพวกคุณ”
เฉิงเฉิงและหยางหยางไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่ละเอียดเป็นอย่างไร แต่รู้สึกว่าผลมันคืออะไร
“ก็เพราะเรื่องแบบนี้ คุณแม่พวกคุณก็ไม่อยากจะให้คุณพ่อรู้ว่ามีน้องสาวอีกคน ก็เลยให้เธอมาอยู่ที่เมืองซาบาห์กับน้าแอนนิไงล่ะ” เฉิงเฉิงก็เหมือนจะคิดตาม
แอนนิพยักหน้า “ความจริงมันก็คือเช่นนี้ ก็เลยปิดบังมาถึงตอนนี้ ถึงแม้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดีขึ้นมาบ้าง แต่เธอก็ยังคงรักษาความลับเอาไว้อยู่ ”
“ตอนนี้คุณพ่อพวกคุณนอกจากจะไม่รู้เรื่องการมีอยู่ของน้องสาวแล้ว เรื่องอื่น ๆ ก็เกือบจะรู้หมดแล้ว หากพูดถึงตรงนี้ คุณพ่อก็น่าสงสารมากมาย” หยางหยางพูดด้วยความรู้สึก
เฉิงเฉิงมองหยางหยางด้วยความรู้สึกนึกไม่ถึง ว่านี่คือสิ่งที่เขาพูดออกมาหรือ
ซึ่งมันชัดเจนตรงที่ว่า ขณะที่หยางหยางพูดเสร็จแล้ว ก็ได้เพิ่มอีกประโยคหนึ่ง “คนที่น่าสงสาร ก็ย่อมมีส่วนของความเกลียดผสมอยู่ด้วย”
“คุณน้าแอนนิ คุณแม่ไม่ยอมให้พ่อรู้ถึงการมีอยู่ของน้องสาว แต่ทำไมน้องสาวเห็นรูปของพ่อแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำล่ะ ? เมื่อสักครู่นี้เธอเป็นคนที่เรียกร้องออกมาเอง ” เฉิงเฉิงถาม