บทที่ 866 โมโห
แต่ก็เหมือนกับที่โจว ซิงฉือได้กล่าวไว้ในภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง หากคนไร้ซึ่งอุดมคติ อย่างนั้นจะไปต่างอะไรกับปลาเค็ม
หยางหยางเฝ้าดูเวลาที่ผ่านไปทีละนิด แม้ว่าแม่จะอยู่ดูทีวีกับพวกเขา แต่สำหรับเขาแล้วกลับเหมือนว่าตัวเองอยู่ดูทีวีเป็นเพื่อนแม่
ในที่สุด เขาก็ทนไม่ได้ หยิบรีโมทที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็เปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ
แน่นอนว่าแอนนิและลั่วเฉียวที่นั่งอยู่ด้านข้างเข้าใจความคิดเล็กๆของหยางหยางเป็นอย่างดี สายตาคอยมองเขาอยู่ห่างๆ และดูในใจ เด็กคนนี้ทำไมถึงไม่สามารถอดกลั้นความคิดเอาไว้ได้เลย หากไม่ได้ดูก็คงจะทะเยอทะยานไม่หยุดสินะ
“เดี๋ยวก่อน หยางหยางวางรีโมทลง” จู่ๆกู้ฮอนก็พูดขึ้นมา ทำให้หยางหยางวางรีโมทลงด้วยมือที่สั่นเทา
เพราะตอนที่กู้ฮอนกำลังพูดนั้น กำลังหยุดอยู่ที่รายการ《วาสนารัก》พอดี
โชคยังดี ในเวลานี้กล้องยังไม่ได้ถ่ายให้เห็นตัวของหยางหยางและจิ่วจิ่ว ในขณะนี้พิธีกรกำลังเร่งให้แขกรับเชิญผู้ชายตัดสินใจ ว่าจะพาแขกรับเชิญหญิงหมายเลขใดออกไป
เมื่อหยางหยางเห็นฉากนี้ ก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก จนถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ โชคดีที่แม่ยังไม่เห็นพวกเขา
“แม่ ไม่เห็นมีอะไรน่าดูเลย รายการหาคู่ก็มีอยู่หลายช่องไม่ใช่เหรอ” หยางหยางพูดจบ ก็คิดอยากจะเปลี่ยนช่องเร็วๆ
“เดี๋ยวก่อน เอารีโมทมาให้ฉัน ทำไมฉันถึงเห็นว่ามีเด็กอยู่ในแขกรับเชิญหญิง” หลังจากที่กู้ฮอนเห็นฉากกะพริบบนหน้าจอ พูดจบก็เอื้อมมือไปหยิบรีโมทในมือของหยางหยางมา
ฉากเมื่อกี้ กวาดมองไปรอบๆก็จะเห็นแขกรับเชิญหญิงทั้งหมดบนเวทีพอดี และตำแแหน่งที่หยางหยางและจิ่วจิ่วต่างก็ยืนอยู่นั้นก็โดดเด่นมาก ประกอบกับพวกเขาเป็นเด็กทั้งคู่ ก็ยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีก
หยางหยางและจิ่วจิ่วมองหน้ากัน และรู้ว่าจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น
เขากระโดดลงไปที่โซฟา “แม่ ผมเริ่มง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ”
ดูเหมือนว่าแม่จะต้องเจออะไรแน่ๆ และตัวเองก็แอบหนีไปเรียบร้อยแล้วก่อนที่เธอจะโกรธ
ทันทีที่เขาหันหลังกลับก็เห็นแอนนิและลั่วเฉียวกำลังมองตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
เฮ้ จริงหรือ ทำไมตัวเองไม่มีความอดทนเลยสักนิดเดียว ตอนนี้ยังดี แต่อีกเดี๋ยวอาจจะไม่สามารถปิดบังได้แล้ว
“กู้หยางหยาง!” ขณะที่หยางหยางกำลังจะออกจากห้องรับแขก ก็มีเสียงที่เย็นชาและดุดันจนทำให้ ร่างเล็กของเขาตกใจสั่น
“แม่ มีเรื่องอะไรอีกล่ะ ผมไม่พูดแล้ว ผมง่วงแล้ว อยากไปนอนแล้ว มีน้องสาว คุณน้าแอนนิและน้าเฉียวเฉียวดูทีวีเป็นเพื่อนก็ได้แล้ว”
กู้ฮอนจ้องมองไปยังหยางหยาง “ยังจะไปนอนอีก บอกฉันมาว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
เมื่อเธอเห็นหยางหยางและจิ่วจิ่วยืนอยู่บนเวทีของรายการ《วาสนารัก》 ก็โกรธขึ้นมาจริงๆ โดยเฉพาะบนป้ายที่อยู่ข้างหน้าเขา ยังเขียนชื่อตัวเองอยู่!
“นายมาหาฉันเดี๋ยวนี้แล้วบอกมาว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
เมื่อหยางหยางเห็นว่าตัวเองไม่สามารถหลบหลีกเรื่องนี้ได้ เขาก็ยังกลัวว่าแม่จะโกรธ
ในตอนนี้เมื่อจิ่วจิ่วเห็นแม่โกรธ ก็ตกใจขึ้นมา แต่เธอก็ยังไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน “หม่ามี๊ หม่ามี๊……”
“กู้ฮอน เธอใจเย็นๆก่อน เรื่องนี้หยางหยางทำเกินไปนิดหน่อย แต่เขาก็คิดจะทำเพื่อเธอไม่ใช่เหรอ ดูสิเธอทำให้เด็กตกใจหมดแล้ว” แอนนิเห็นว่ากู้ฮอนโกรธแล้วจริงๆ ก็เลยรีบลุกขึ้นมาเพื่อไกล่เกลี่ย
“ใช่ ใช่ พวกเด็กๆทำไปเพราะหวังดี ทำไมต้องไปตำหนิพวกเขาด้วยล่ะ จริงๆแล้วฉันก็เห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาทำ” ลั่วเฉียวก็ยังเข้ามาช่วย
ฉิงฮัวได้เห็นสีหน้าท่าทางของหยางหยางและจิ่วจิ่วได้แสดงออกมา ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของลั่วเฉียว “ เธอก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด”
กู้ฮอนหันไปมองที่แอนนิและลั่วเฉียวอีกครั้ง และเปลี่ยนเป็นสายตาที่นุ่มนวลเหมือนก่อนหน้า “แอนนิ เฉียวเฉียว ดูเหมือนว่าพวกเธอจะรู้เรื่องพวกเขาในทีวีมานานแล้ว บอกมา พวกเขาแอบไปตั้งแต่ตอนไหน”
“เอ่อ……” แอนนินิ่งไปชั่วขณะ
ลั่วเฉียวยื่นมือผลักฉิงฮัวออกไป แต่เธอไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เลวร้าย พูดไปอย่างไม่พอใจ “ก็เมื่อวานนี้ หลังจากที่คุณออกไป สถานีโทรทัศน์ก็มารับพวกเด็กๆไป กู้ฮอน ต้องซีเรียสขนาดนี้เลยเหรอ มันก็เป็นแค่ออกรายการทีวีรึเปล่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย หรือเป็นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกว่าต้องขายหน้า ตอนนี้มันยุคไหนแล้ว เธอยังมีความคิดแบบเดิมๆอยู่อีก”
กู้ฮอนมองลั่วเฉียว พวกเธอไม่เข้าตัวเองเลยสักนิดว่าจะต้องมากังวลอะไร อีกทั้งเรื่องนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ต่อให้จะตีหยางหยางอย่างแรงสักครั้ง ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย
“เฮ้…..แอนนิ เฉียวเฉียว พวกเธอรู้อะไรบ้าง ฉันไม่ได้บอกไปแล้วเหรอว่าพวกเขาขึ้นไปแบบนั้นมันทำให้ฉันขายหน้า ฉันยิ่งต้องเป็นห่วงที่อาจจะถูกเขาเห็น พวกเธอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ หยางหยางไปที่ตระกูลเป่หมิงเพราะอะไร คงไม่ใช่เพราะฉันยังไม่ได้บอกเขาเรื่องของหยางหยาง พวกเด็กๆก็แอบกลับมา การปรากฏตัวต่อสาธารณะแบบนี้ หากว่าโดยพบเข้า แล้วก็ต้องอารมณ์แบบนั้นของเขา ไม่เพียงแต่จะพาลูกๆไป แม้แต่ลูกสักคนเดียวก็ไม่คงเหลือเอาไว้ให้ฉัน
เมื่อได้ยินกู้ฮอนพูดแบบนี้ แอนนิก็เข้าใจเรื่องร้ายแรงนี้ได้ทันที เธอยังรู้สึกว่าเมื่อตัวเองปฏิบัติต่อเรื่องนี้ ก็ไม่ได้นึกถึงความหมายที่ลึกซึ้งอย่างนี้
“กู้ฮอน เธอจะกลัวอะไร ตราบใดที่เขาไม่พูด แล้วเป่หมิงโม่จะรู้ได้ไง นอกจากนี้ก็ถูกขังไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วจะดูทีวีได้ยังไง” ลั่วเฉียวยังคงเมยเฉย และยังมองไปที่ฉิงฮัวอย่างข่มขู่
ฉิงฮัวเข้าใจความหมายของลั่วเฉียว และรีบพูดขึ้นทันที “เรื่องนี้ผมไม่รู้อะไรเลย อีกอย่างเรื่องครอบครัวของเจ้านาย ผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยุ่งกับเรื่องนี้ แต่….” เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ และเหลือบมองไปยังลั่วเฉียว “แม้ว่าเจ้านายจะอยู่ที่สถานีตำรวจ แต่ตอนที่ยังไม่ได้รับการตัดสินคดี ก็ยังมีอิสระอยู่มาก เช่นยังดูทีวีได้”
“โอ้! ดูเหมือนว่าแม้ว่าจะตกต่ำแต่ก็เคยยิ่งใหญ่จริงๆ ขนาดถูกขังอยู่ ยังสามารถยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ แล้วจะยังไงล่ะ อีกทั้งตอนนี้คงจะไม่มีอารมณ์มานั่งดูรายการหาคู่แบบนี้ พรุ่งนี้อาจจะเริ่มพิจารณาคดีแล้ว”
กู้ฮอนส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ได้
สำหรับความสามารถของเป่หมิงโม่นั้นจะมีมากน้อยเท่าไหร่ แน่นอน ลั่วเฉียวก็ไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก
สำหรับเธอแล้ว เป่หมิงโม่ก็เหมือนกับนักธุรกิจคนอื่นๆ เป็นพวก ‘ผู้มีอิทธิท้องถิ่น’ คนหนึ่งเท่านั้นเอง
สำหรับความสามารถของเขาที่ร่ำลือกันมา เธอก็แค่คิดว่าเป็นเพียงคำเชยชมจากคนที่อยู่รอบตัว
แน่นอน ฉิงฮัวก็ไม่เคยพูดถึงคำพูดของเป่หมิงโม่เป็นการส่วนตัว ลั่วเฉียวก็ไม่ได้สนใจที่จะต้องไปทำความเข้าใจกับ ‘เจ้านาย’ คำนี้ที่สามีของตนเองพูดออกมา
เรื่องต่างๆได้เกิดขึ้นมาถึงจุดนี้แล้ว กู้ฮอนก็ได้รับรู้เพียงแค่นี้ บางทีเขาอาจจะใช้ลู่ทางอะไรบางอยู่ในตอนนี้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาหยินปู้ฝัน บางทีตอนนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถจะช่วยเหลือตนเองได้
“ว่ายังไงประธานกู้ ถึงโทรมาหาผม มีเรื่องอะไรรึเปล่า” หยินปู้ฝันเพิ่งออกกำลังกายเสร็จ มีผ้าขนหนูสีขาวพาดไว้บนบ่า มือหนึ่งถือโทรศัพท์อยู่ อีกมือข้างหนึ่งกำลังถือแก้วกาแฟร้อน
ในทุกๆวันที่กู้ฮอนออกจากสำนักงานกฎหมาย แม้ว่าจะรับคดีไม่กี่คดี ดูเหมือนว่าจะทำงานหนักอยู่บ้าง แต่ก็ล้วนเป็นคดีเล็กๆ
ในช่วงนี้พวกเขาก็ไม่ได้มีการติดต่อกันทางโทรศัพท์ เพราะคิดว่าทุกคนต่างก็ค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นจึงไม่สะดวกรบกวน
กู้ฮอนได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของหยินปู้ฝันอีกครั้ง ตอนนี้เริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย จากนั้นก็สงบลงทันที
บางทีนี่อาจเป็นเพราะเขาคือคนเดียวที่สามารถแก้ไขวิกฤตใหญ่ให้ตัวเองได้
เมื่อได้ยินแค่คำสามคำที่เขาพูดออกมาว่า “ประธานกู้” ในใจก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“ปู้ฝัน ทำไมคุณถึงมาล้อเล่นกับฉัน”
“แฮะๆ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะล้อคุณเล่นเลยสักนิด เป่หมิงโม่ให้คุณมานั่งในตำแหน่งของเขาได้ ก็แสดงว่าเขาตาถึง พูดได้ว่าในใจเขาก็ยังมีคุณอยู่”
หยินปู้ฝันพูดจบก็หย่อนก้นลงนั่งบนโซฟา หลังจากวางกาแฟไว้บนโต๊ะตรงหน้าและโยนผ้าขนหนูที่อยู่บนไหล่ของเขาออกไป
“ปู้ฝัน คุณควรจะรู้นะ ตำแหน่งของฉันตอนนี้เพิ่งจะถูกดันขึ้นมา ฉันโทรมาวันนี้ก็เพราะมีเรื่องที่อยากให้คุณช่วยฉันจริงๆ ตอนนี้คุณอยู่ใกล้ทีวีรึเปล่า เปิดไปที่รายการ 《วาสนารัก》 คุณก็จะเข้าใจแล้ว”
หยินปู้ฝันยิ้มเล็กน้อย “ทำไมเหรอ เดี๋ยวนี้คุณก็ดูรายการหาคู่แล้วเหรอ หรือว่าคุณเห็นใครที่ถูกใจในรายการแล้วจะให้ผมไปแนะนำตัวแทนคุณ” พูดจบ เขาก็หยิบรีโมทมาเปิดทีวี
เมื่อเขาหารายการ《วาสนารัก》จนเจอ หลังจากดูได้ไม่ถึงสองนาที คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
เขาเข้าใจจุดประสงค์ของกู้ฮอนขึ้นมาทันทีที่จะต้องให้ตนเองเปิดทีวีดู
“ทำไมหยางหยางและจิ่วจิ่วถึงอยู่ในทีวีทั้งคู่ พวกเขากำลังประกาศหาคู่ให้คุณเหรอ เรื่องนี้หากเป่หมิงโม่เห็นเข้าคงเกิดเรื่องใหญ่แน่”
กู้ฮอนสีหน้าเคร่งขรึม “เมื่อวานนี้พวกเขาแอบไปลับหลังฉัน วัตถุประสงค์ที่ฉันโทรหาคุณก็เพราะต้องการให้คุณหาวิธีช่วยฉัน ไม่อย่างนั้นคุณก็มารับตัวเด็กๆไปอยู่กับคุณที่นั่นสักระยะก่อน หากเป่หมิงโม่ได้ดู ฉันจะจัดการเอง”
หยินปู้ฝันขมวดคิ้วคิดแล้วคิดอีก “ดูเหมือนว่าตอนนี้ก็คงทำได้แค่นี้ คุณยังไม่ต้องไปกังวลอะไรขนาดนั้น เท่าที่รู้จักเขา เขาคงไม่มีเวลามากนักที่จะมาสนใจดูรายการนี้ พรุ่งนี้ศาลก็จะพิจารณาคดีแล้ว ตอนนี้เขาคงจะหารือกับทนายว่าทำไมอย่างไรให้พ้นผิดในวันพรุ่งนี้”
ขณะที่กู้ฮอนกำลังคุยโทรศัพท์กับหยินปู้ฝัน โทรศัพท์ของฉิงฮัวก็ดังขึ้น เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สีหน้าของเขาก็ดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
กู้ฮอนสังเกตเห็นท่าทีที่แปลกไปของฉิวฮัวในตอนนี้
ขณะที่ลั่วเฉียวที่อยู่ด้านข้างเขากำลังจะพูดอะไรขึ้นมา เขาก็ได้ทำท่าทางให้ทุกคนหยุดพูดทันที และรีบปรับเสียงทีวีให้เงียบลง
จากนั้นก็รับโทรศัพท์ “เจ้านาย”
เป่หมิงโม่ถือโทรศัพท์ น้ำเสียงเห็นได้ชัดว่าจริงจังมาก “นายอยู่ไหน”
“เจ้านาย ตอนนี้ผมอยู่ข้างนอก พรุ่งนี้ก็จะเริ่มพิจารณาคดีแล้ว ผมต้องเตรียมของอะไรนิดหน่อย คุณมีอะไรจะสั่งไหม”
“นายรู้เรื่องเกี่ยวกับรายการ《วาสนารัก》นี้ไหม โทรศัพท์ไปหาเขา ให้พวกเขาหยุดออกอากาศรายการนี้ซะ”
ทันทีที่ฉิงฮัวได้ยินว่าเป่หมิงโม่โทรมาเพราะเรื่องนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาได้เห็นเนื้อหาในทีวีที่กำลังออกอากาศอยู่ตอนนี้แล้ว
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะมีพิรุธได้ เพื่อไม่ให้เจ้านายรู้ว่าความจริงแล้วตัวเองอยู่ในห้องกับพวกกู้ฮอน
เพราะหากเป็นเช่นนี้ ดีไม่ดีเจ้านายอาจจะให้ตนเองทำอะไรที่ไม่เป็นผมดีกับคุณหนูและนายน้อยขึ้นมา
ฉิงฮัวพยักหน้า “ได้ครับเจ้านาย ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้” พูดจบก็วางสายโทรศัพท์