บทที่ 869 ให้กำลังใจตัวเอง
แม้ว่าเฉิงเฉิงจะกังวลว่าน้องสาวของเขาอาจจะถูกพ่อพรากไปจากแม่ แต่เขาก็ไม่อยากเห็นพ่อถูกคุมขัง อีกทั้งยังเป็นเพราะคดีของยาย
“หยางหยาง หยุด!” กู้ฮอนตะคอกใส่ และก้าวไปสองสามก้าวเพื่อดึงตัวหยางหยางออกไป “นายคิดว่าสองวันที่ผ่านมานี้สร้างความเดือดร้อนยังไม่พอรึไง”
เฉิงเฉิงถือโอกาสนี้ รีบบันทึกข้อมูลในทันที จากนั้นก็ปิดคอมพิวเตอร์ลง
ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย “หยางหยาง นอกจากนายจะดูแลน้องได้แล้ว ยังทำอะไรดีๆได้อีกบ้าง พ่ออาจจะต้องถูกคุมขัง ฆาตกรที่ทำให้ยายตายก็อาจจะลอยนวลไป และเรื่องนี้ก็จะทำให้แม่ต้องเจ็บปวดไปตลอดชีวิต ทำไมนายถึงไม่รู้จักใช้สมองคิดให้มันดีๆ ว่าเรื่องไหนควรหรือไม่ควร!”
หยางหยางหน้าตาบูดบึ้งก้มศีรษะโดยไม่พูดจา ในความคิดของเขา เฉิงเฉิงทำไปก็เพื่อจุดประสงค์ที่จะช่วยพ่อออกมา
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า แม้ว่าตัวเองจะพูดอะไรออกไป ก็คิดว่าไม่มีใครเข้าข้างตัวเอง
ครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มรู้สึกผิด ดวงตาก็คลอไปด้วยน้ำตา
กู้ฮอนมองไปที่หยางหยางแบบนี้ ในใจก็อ่อนโยนขึ้น เธอดึงหยางหยางมาข้างๆตัวเอง ยื่นมือไปช่วยเช็ดน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา………
เฉิงเฉิงเฝ้าดูแม่ที่ดึงตัวหยางหยางมาไว้ในอ้อมแขน ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงมีความอิจฉาเล็กๆอยู่ภายในใจ
ในแต่ละวันหยางหยางได้ทำเรื่องที่ไร้สาระได้มากมาย และก็อาจจะทำให้แม่อยากจะยกมือขึ้นตีเขา
แต่ยังรู้สึกได้ว่าความรู้สึกของแม่ที่มีต่อหยางหยาง ดีกว่าตนเอง
เมื่อเทียบกับตัวเขาเองหรือจิ่วจิ่วแล้ว ในความเป็นจริงมุมของแม่นั้นหยางหยางสำคัญที่สุด
ความรู้สึกระหว่างกู้ฮอนและหยางหยางนั้น ก็เหมือนกับความรู้สึกที่พ่อแม่หลายๆคนมีต่อเด็กดื้อซน ทั้งรักทั้งชัง
เมื่อเฉิงเฉิงเกิดความอิจฉา กู้ฮอนก็พาเขาเข้ามาไว้ในอ้อมแขน อยู่ใกล้ด้วยกันกับหยางหยาง
“ลูก แม่รู้ว่า พวกนายสองคนเป็นเด็กดี เพียงแต่ว่าบางครั้งพวกนายยังไม่เข้าใจวิธีใช้ความรักนี้ ก็เหมือนกับหยางหยาง ที่กลับยังคงสร้างปัญหาเพิ่ม” สองมือของกู้ฮอน ใช้มือแต่ละข้างลูบหัวลูกชายตัวน้อย
ฝาแฝดคู่นี้ เหมือนกับดาวแฝด ไม่มีด้านดีและด้านชั่ว แต่ทั้งสองมีบุคลิกที่แตกต่างกัน ก็คือเงียบและร่าเริง“แม่ น้องสาวจะต้องห่างแม่ไปเพราะเหตุผลจากเรื่องนี้จริงเหรอ ที่จริงผมอยากจะหาเพื่อนสักคนให้แม่มาก ไม่อย่างนั้นเมื่อแม่แก่ลง ไม่มีผมอยู่ข้างๆแม่ ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนแม่ คงจะต้องเหงามากเลย” ในใจของหยางหยางจริงๆแล้วเข้าใจเรื่องนี้ดี สำหรับแม่แล้วมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อเทียบกับตนเองและเฉิงเฉิงแล้ว จิ่วจิ่วดูจะได้ใช้เวลาอยู่กับแม่สั้นที่สุด
เอาใจเขามาใส่ใจเรา ตอนตัวเองอยู่ที่บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงทุกๆวันใช้ชีวิตอย่างหรูหราสุขสบาย แต่กลับขาดการดูแลเอาใจใส่จากแม่
เฉิงเฉิงก็เช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับตนเองเขาอายุน้อยกว่าตนเองเพียงไม่กี่ปี
เขารู้ดีอยู่แก่ใจ ตัวเองทำผิดแบบนี้จะร้ายแรงเพียงใด แต่ตอนนี้เรื่องต่างๆก็เกิดขึ้นแล้ว แต่กลับทำอะไรไม่ได้แล้ว
“ลูก แม่รู้ ว่าลูกเป็นเด็กที่มีจิตใจดี ทั้งลูกและเฉิงเฉิงต่างก็เป็นเด็กดีมากทั้งคู่ แม่อยากจะบอกพวกนายว่า ไม่ว่าจะพบเจอกับปัญหาอะไร พวกเราก็ต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างเข้มแข็ง อย่าทำสิ่งที่จะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น และจะต้องแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองรู้ไหม”
กู้ฮอนไม่อยากให้เพราะเรื่องแบบนี้ นำไปสู่การปลูกฝังแนวคิดที่ผิดๆให้กับเด็กๆ แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเลวร้ายที่สุด นี่เป็นเพียงแค่ตนเองต้องสูญเสียจิ่วจิ่วไป
แต่นี่ไม่ใช่การจากตาย ก็ยังมีโอกาสที่จะได้เจอหน้ากัน
“แม่ พรุ่งนี้ผมจะบอกกับพ่อว่า ไม่ให้พ่อพาน้องสาวไปจากแม่” เฉิงเฉิงเงยหน้าขึ้น มองเห็นใบหน้าของแม่ที่ทำอะไรไม่ถูก
กู้ฮอนยิ้มเล็กน้อย “ขอบใจนะลูก จริงๆแล้วเรื่องนี้แม่ก็มีส่วนผิดเหมือนกัน สุดท้ายแล้วก็เป็นแม่เองที่ปิดบังเรื่องจิ่วจิ่วมาตลอด แต่พวกนายวางใจเถอะ แม่ก็จะไม่หนีไปไหน แม่จะคุยกับพ่อของพวกนายด้วยเหตุผล นอกจากนี้แม่ของพวกนายก็เป็นทนายความคนหนึ่ง จะไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อนอีก ที่ไม่สามารถช่วยหยางหยางได้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ กู้ฮอนก็ถอนหายใจยาวๆ ราวกับว่าคำพูดนี้เป็นกำลังใจให้กับตัวเอง ตอนนี้อารมณ์ที่ขุ่นมัวอยู่ ก็รู้สึกสว่างไสวขึ้นมาในทันที
หลังจากที่เธอพาเด็กทั้งสองคนไปนอนที่ห้องใต้หลังคา กู้ฮอนก็กลับไปยังชั้นล่าง ผลักประตูเข้าไปในห้องของตัวเอง
ห้องนอนไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ แสงจันทร์ด้านนอกได้ส่องผ่านเข้ามาที่เตียงในห้องนอน
ในผ้าห่มมีร่างน้อยของจิ่วจิ่ว เธอนอนหลับอย่างสบาย…….
กู้ฮอนมองดูจิ่วจิ่วที่กำลังนอนหลับอย่างอ่อนหวาน และเธอยังไม่ได้เปิดไฟในห้องนอน
เธอค่อยๆนอนลงข้างๆจิ่วจิ่ว ยื่นมือออกไปลูบผมของจิ่วจิ่วเบาๆ
เวลาที่ใช้ร่วมกับลูกสาวก็เหลือน้อยลงเรื่อยๆ และเธอรู้ดีว่าเป่หมิงโม่คงจะไม่ยอมยุติเรื่องราวแบบนี้แน่
ถ้าเขาต่อต้านศาลเหมือนครั้งที่แล้ว กู้ฮอนคิดว่าตนเองก็คงห้ามเขาให้ทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว
จิ่วจิ่วนอนหลับในอ้อมกอดของเธออย่างสบาย
วันรุ่งขึ้น เมื่อจิ่วจิ่วขยี้ตาและลงมาชั้นล่าง ก็เห็นเฉิงเฉิงและหยางหยางแต่งตัวเรียบร้อยอยู่ที่ชั้นล่าง
“พี่เฉิงเฉิง พี่หยางหยาง……เมื่อวานฉันฝัน ฝันว่าเห็นหม่ามี๊กลับมาแล้ว แล้วก็นอนอยู่กับฉันด้วย…..”
ทันทีที่เธอพูดออกไป ก็ได้ยินเสียงจานดังมาจากในห้องครัว
เธอขยี้ตาแรงๆอีกครั้ง เห็นเฉิงเฉิงและหยางหยางต่างมองมาที่ตัวเองพร้อมรอยยิ้ม เธอจึงรีบวิ่งไปที่ห้องครัว เห็นแต่เพียงแม่ยืนหันหลังให้ตนเองกำลังยุ่งอยู่ที่หน้าเตา
“หม่ามี๊ กลับมาแล้วจริงๆด้วย อย่างนั้นความฝันเมื่อวานก็เป็นจริงเหรอ” จิ่วจิ่วรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ และก็ตื่นเต้นมาก
กู้ฮอนหันไปมองเธอ “ทารกน้อย รีบไปเปลี่ยนชุดเร็วเข้า เดี๋ยวจะได้มากินข้าวแล้ว”
ที่โต๊ะอาหาร พวกเด็กๆนั่งลงอย่างเรียบร้อย ตรงหน้าของพวกเขาแต่ละคนมีจานสีขาววางอยู่ ด้านในมีแซนด์วิชที่กู้ฮอนเตรียมไว้อย่างดีให้กับพวกเขา ด้านข้างของจานยังมีแก้วนมวางอยู่คนละแก้ว
“พวกเธอรออะไรกันอยู่ ยังไม่รีบกินข้าวอีก” กู้ฮอนยิ้มและมองไปที่เด็กสามคนที่กำลังมองตัวเองอยู่
เฉิงเฉิงกินแซนด์วิชแล้วพูดว่า “แม่ วันนี้น้าเฉียวเฉียวพวกเขาจะกลับมารึยัง ผมอยากจะเห็นทารกน้อย”
หยางหยางและจิ่วจิ่วก็พยักหน้าด้วย “ใช่ ใช่”
เมื่อพวกเขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงรถดังเข้ามาจากนอกบ้าน และมีเสียงกุญแจเปิดประตูตามมา
“ฮัลโหล…….”
เสียงที่ดังเข้ามาคือเสียงของลั่วเฉียว
พวกเด็กๆต่างวางอาหารที่อยู่ในมือ กระโดดลงจากเก้าอี้และวิ่งไปที่ประตู
“น้าเฉียวเฉียว…..”
ได้เห็นเด็กทารกถูกห่อด้วยผ้าห่มสีฟ้าขนาดเล็กอยู่ในอ้อมแขนของลั่วเฉียว และคนที่ประคองตัวเธออยู่ด้านข้างก็คือแอนนิ
ฉิงฮั่วถือของบางอย่างตามหลังพวกเธอ
“เอ้…….พวกเธอเบาๆหน่อย ทารกน้อยกำลังหลับอยู่ อย่าเสียงดังเดี๋ยวเขาตื่น” แอนนิกระซิบบอกพวกเด็กๆ
เด็กทั้งสามคนพยักหน้าอย่างระวัง แต่สายตาของพวกเขายังคงจับจ้องอยู่ที่อ้อมแขนของลั่วเฉียวอย่างไม่ละสายตา
“ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอจะกลับมาเร็วขนาดนี้ ยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม” กู้ฮอนก็เดินออกมาจากห้องอาหาร
“กู้ฮอน เธอไม่ต้องกังวลเรื่องพวกเรา วันนี้เธอมีธุระไม่ใช่เหรอ พวกเรากินมาจากโรงพยาบาลแล้ว” แอนนิรีบพูดอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เธอได้ประคองลั่วเฉียวไปนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก
“ไหน ฉันดูเจ้าหนูน้อยหน่อยสิว่าเหมือนใคร” กู้ฮอนพูดจบก็ยื่นมือออกไปและดึงผ้าห่มออกเบาๆ เผยให้เห็นใบหน้าของทารกน้อยที่อยู่ข้างใน
“โอ้……เจ้าหนูน้อยน่ารักน่าชัง อ้วนอ้วนขาวขาว เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย”
“เป็นเด็กผู้ชาย หมอบอกว่า เขามีสุขภาพดีและแข็งแรงกว่าเด็กคนอื่นๆ” ฉิวฮัวพูดขัดจังหวะ
“แฮะๆ ดูไม่ออกเลย ทำไมเจ้าหนูน้อยถึงได้ออกมาน่ารักขนาดนี้ ฉันดูลักษณะของเจ้าหนูน้อยแล้ว เทียบกับตอนที่ฉันคลอดเจ้าตัวแสบน่ารักกว่าตั้งเยอะเลย” กู้ฮอนพูดพลางหัวเราะ
เมื่อแม่พูดแบบนั้น หยางหยางก็รู้สึกไม่พอใจ เขาขมวดคิ้ว “แม่ แสดงว่าพวกเราเกิดออกมาขี้เหร่เหรอ”……..
“นายคิดว่าพวกนายจะน่ารักขนาดนั้นเหรอ หน้ายับยู่ยี่อย่างกับคนแก่ จะมีลูกบ้านไหนที่โตมาแล้วจะน่ารักขนาดนี้” กู้ฮอนยิ้มไปพูดไป
เฉิงเฉิงได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หยางหยางไม่พอใจอยู่บ้าง เขายังคงหลงตัวเองอยู่ “พวกเราโตมาแบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะพ่อเหรอ ที่ทำหน้าดุทั้งวัน พวกเราจะไปดีได้ยังไงล่ะ”
“ฮ่า ถ้าเป็นอย่างที่นายพูด อย่างนั้นลูกของฉันก็ไม่ควรจะโตมาเป็นแบบนี้ นายดูลักษณะของลุงฮัวสิ….” ลั่วเฉียวจงใจหยอกล้อหยางหยาง และเพ่งเล็งไปยังฉิงฮัวอีกครั้ง
ใบหน้าของฉิงฮัวก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที คำพูดนี้ทำให้เขารู้สึกอายเล็กน้อย แสดงว่าลักษณะแบบนี้ของเขาไม่ควรจะมีลูกออกมาแบบนั้นเหรอ
“เฉียวเฉียว เธออย่าพูดแบบนั้นสิ บอกได้แค่ว่าลูกเธอจะต้องโตขึ้น ขอแค่เพียงสืบทอดลักษณะของเธอ รูปร่างก็ได้รับมาจากฉิงฮัว เมื่อโตขึ้นจะต้องเป็นผู้ชายที่รูปงามสมบูรณ์แน่นอน” เมื่อเห็นท่าทางของฉิงฮัว แอนนิจึงรีบพูดแก้อย่างรวดเร็ว
พูดถึงตรงนี้ กู้ฮอนก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา “สายแล้ว ฉันจะต้องไปศาลแล้ว เจ้าเด็กน้อยทั้งสามคนของฉันต้องรบกวนพวกเธอดูแลหน่อย”
“แม่ ผมอยากจะไปกับแม่ด้วย” เฉิงเฉิงรีบพูดอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเฉิงเฉิงไปผมก็อยากจะไปด้วย…..” หยางหยางพูดตามอย่างไม่ยอมแพ้
เฉิงเฉิงเหลือบมองไปที่หยางหยาง “ฉันไปทำธุระ นายจะตามไปทำไม”
“ทำไม นายคิดจะฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่รึไง แล้วก็เอาความดีความชอบไว้คนเดียวใช่ไหม ของพวกนี้ฉันเป็นคนเจอก่อนไม่ใช่เหรอ ไม่อย่างนั้นตอนนี้นายคงจะทำอะไรไม่ได้” หยางหยางพูดจิกกัดอย่างชัดเจน
เมื่อเห็นว่าเวลาเริ่มสายแล้ว “เอาล่ะเอาล่ะ ฉันจะพาพวกนายไปทั้งสองคนเลย แต่เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วต้องฟังคำสั่งของฉันเข้าใจไหม” กู้ฮอนพูด
“หม่ามี๊ ฉันก็อยากไปด้วย……” เมื่อเห็นแม่ตกลงที่จะพาพี่ชายทั้งสองคนไปด้วย เธอก็รู้สึกอยากออกไปเที่ยวเล่น จึงอยากที่จะตามไป
“ทารกน้อย แม่กับพี่ชายทั้งสองคนจะไปธุระกัน เธอก็อยู่บ้านดีๆกับคุณน้าแอนนิ และยังมีน้าเฉียวเฉียวอยู่ด้วยดีไหม พวกเราทำธุระเสร็จจะรีบกลับมา” กู้ฮอนนั่งยองๆบนพื้น ปลอบโยนจิ่วจิ่ว
เฉิงเฉิงและหยางหยางทั้งสองคนรีบวิ่งกลับไปที่ห้องใต้หลังคาของตัวเอง หลังจากที่หยิบสิ่งของที่เตรียมเอาไว้เมื่อวานแล้วก็ลงมาข้างล่าง
ในตอนนี้ กู้ฮอนได้โอ๋จิ่วจิ่วเรียบร้อยแล้ว
“คุณหนู งั้นพวกเราไปกันเถอะ เรื่องของเจ้านายผมไม่ไปไม่ได้” ฉิงฮัวพูด
“จะดีเหรอ เฉียวเฉียวเพิ่งจะคลอดลูก ร่างกายยังอ่อนแอมาก จะพึ่งแอนนิคนเดียวได้อย่างไรกัน” กู้ฮอนรู้สึกว่าถ้าให้ฉิงฮัวไปด้วยในเวลานี้ เป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง