บทที่ 865 ถูกโจมตีอย่างคาดไม่ถึง
“น้าเฉียวเฉียว ผมไม่ได้แช่งนะ ผมแค่เป็นห่วงแทนคุณ ” หยางหยางขมวดคิ้วพูด แล้วรีบเอามือน้อยๆของตัวเองขึ้นมาจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง
กู้ฮอนตลกหยางหยางแล้วพูดออกมาหนึ่งประโยค : “นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เลี้ยงคุณเป็นเรื่องที่นับว่าทำให้แม่ปวดหัวมากที่สุดแล้ว ถ้ารู้แต่แรก ก็จะไม่คลอดคุณออกมาแล้ว ”
หยางหยางก็รู้ว่าที่แม่พูดก็แค่แกล้งเท่านั้น เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริง เขาเอามือเล็กๆเท้าสะเอว : “เชอะ……แม่ ที่แม่คลอดผมคิดทีไรก็มีแต่ความสุขล่ะซิ ”
กู้ฮอนมองบนใส่เขา : “คลอดคุณมีข้อดีอะไร ตั้งแต่เช้าจรดเย็นทำให้แม่เป็นห่วงตลอด วันนี้ยากที่จะมีเวลา ฉันได้ยินว่ามีรายการทีวีรายการหนึ่งได้รับกระแสตอบรับดีมาก ชื่ออะไรนะ 《วาสนารัก》”
“โอ๊ย แม่ แม่ก็พูดแล้วว่ายากที่จะได้พักผ่อน งั้นก็รีบขึ้นบ้านไปพักผ่อนเถอะ ” ถึงแม้ว่าหยางหยางจะอยากดู โดยเฉพาะตอนนี้ใกล้เวลาที่จะถ่ายทอดเข้าไปทุกทีแล้ว
แต่ว่าเขาไม่อยากดูกับแม่ ไม่อย่างนั้นก้นน้อยของเขาต้องถูกตีจนกลายเป็นดอกไม้บานแน่ๆ
ท่าทางที่ผิดปกติของหยางหยาง กู้ฮอนก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย
เธอหรี่ตา แล้วใบหน้าก็เข้มขรึมขึ้นมาทันที : “กู้หยางหยาง บอกแม่มาตรงๆ ว่าตอนที่แม่ไม่อยู่บ้านฉวยโอกาสแอบทำเรื่องที่ไม่ดีมาใช่ไหม? ”
“ฮอน ฉันว่าคุณก็เครียดเกินไป หยางหยางแค่เป็นห่วงคุณก็แค่นั้น อยากให้คุณพักผ่อน ในเมื่อคุณอยากจะดูทีวีเป็นเพื่อนพวกเขาล่ะก็ งั้นก็ดูเถอะ แต่ว่า 《วาสนารัก》อะไรนั้น ก็ไม่ได้น่าสนใจอะไรสักเท่าไร ”
แอนนิลุกขึ้นมาช่วยหยางหยางพูด
อย่างนี้ อารมณ์ของกู้ฮอนถึงได้ผ่อนคลายลงมาบ้าง “เหอะ ปกติฉันก็เห็นว่าพวกคุณก็ดูอะไรตลกๆพวกนั้น ”
“เฮ้ย งั้นเป็นเพราะว่าพวกเราไม่มีอะไรจะดู ถึงดูพวกนั้นฆ่าเวลา ได้ยินมาว่าMango TVมีรายการแม่ลูกที่ไม่เลวเลยนะ ลูกของฉันใกล้ออกมาแล้ว ถือโอกาสศึกษาเรียนรู้สักหน่อยกก็ดี อร๊ายอร๊าย คุณอย่าเพิ่งไป มาดูด้วยกันก่อน ไม่ว่ายังไงคุณก็เป็นพ่อของเด็กนะ ยังไงก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย ” ลั่วเฉียวก็พูดร่วมมือกับแอนนิ แล้วก็เรียกฉิงฮัวมาด้วย
ฉิงฮัวรู้สึกเคอะเขินอย่างเห็นได้ชัด ที่จริงเขาดูทีวีน้อยมาก โดยเฉพาะสถานการณ์อย่างนี้
ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ชายที่นี่ แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นกู้ฮอนหรือว่าเฉิงเฉิง หยางหยางหรือจิ่วจิ่ว ตำแหน่งฐานะของพวกเขาก็สูงกว่าเขา
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว เด็กน้อยจะออกมาแล้ว คู่พ่อแม่มือใหม่อย่างพวกคุณก็ต้องเรียนรู้ว่าจะสื่อสารและปฏิบัติกับลูกยังไง ถึงแม้ว่าจะเร็วไปหน่อย แต่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร วันนี้พวกเราก็จะดูเป็นเพื่อนพวกคุณสองคนเอง ” กู้ฮอนพูด แล้วเดินอ้อมไปหน้าโซฟาแล้วนั่งลง แล้วก็หยิบรีโมตขึ้นมาเปิดทีวีขึ้น
แอนนิส่งสายตาไปให้หยางหยาง : “หยางหยาง จิ่วจิ่ว พวกคุณก็ไปนั่งข้างๆแม่เถอะ เดี๋ยวป้าขึ้นไปเรียกเฉิงเฉิงให้ลงมาดูกับพวกเรา ”
หยางหยางเห็นเรื่องเป็นอย่างนี้แล้ว ก็ทำได้แค่พยักหน้า แล้วก็พาจิ่วจิ่วไปนั่งข้างกู้ฮอน
***
กู้ฮอนยากที่จะมีเวลาดูทีวีกับลูกๆ แต่ว่าเธอกลับยังรู้สึกจิตใจวุ่นวายอยู่
ไม่ใช่เรื่องที่ถังเทียนจื๋อมาปรากฏตัวที่บริษัทเป่หมิง แต่เป็นเพราะศาลจะเปิดศาลแล้ว
“หม่ามี๊ คิดอะไรอยู่คะ? ” ถึงจิ่วจิ่วจะเป็นเด็กน้อย แต่ก็มีความใส่ใจมากกว่าหยางหยาง เธอมองเห็นว่าแม่มีจิตใจที่ไม่สงบสุขอย่างเห็นได้ชัด
ทุกคนก็มองไปทางกู้ฮอน ในใจของเขาพวกเขารู้กันดี ช่วงนี้ความดันของเธอนั้นหนักมากพอสมควร
กู้ฮอนก้มหน้าแล้วยิ้มให้เธอ : “ลูกรัก ไม่เป็นไร หม่ามี๊แค่คิดเรื่องบางอย่าง ”
ในเวลานั้นหยางหยางก็พูดออกมาหนึ่งประโยค : “แม่ เพราะพรุ่งนี้จะต้องขึ้นศาลกับพ่อใช่ไหม? ”
คำพูดที่ปลุกคนในฝันให้ตื่น ที่จริงไม่เพียงกู้ฮอน แอนนิกับลั่วเฉียว หรือแม้กระทั่งฉิงฮัวพวกเขาก็ล้วนรู้ดี
เพราะฉะนั้นพวกเขาเลยไม่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะว่ากลัวที่จะไปมีผลกระทบต่อจิตใจของกู้ฮอน
คำพูดนี้ออกมาจากปากของหยางหยาง ทำให้กู้ฮอนรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย
ลูกๆล้วนยังเล็ก เธอไม่พูดเรื่องนี้กับพวกเขาแน่นอน ถึงแม้ว่าเฉิงเฉิงกับหยางหยางจะอายุเท่ากัน เวลามีเรื่องอะไรพูดกับเขา ก็เป็นเพราะความคิดของเฉิงเฉิงมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าหยางหยางมาก
อีกอย่าง นับตั้งแต่ที่หยางหยางไปใช่ชีวิตกับเป่หมิงโม่ เฉิงเฉิงก็นับว่ากลายเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านแล้ว
“หยางหยาง เรื่องนี้คุณก็ไม่ต้องไปสนใจนะ ”
*
ในเวลาเดียวกัน เหมือนกับกู้ฮอน ดวงตาเย็นชาคู่นั้นจ้องมองหน้าจอทีวีอย่างไม่ละสายตา
นั้นก็คือเป่หมิงโม่
เขาถูกขังอยู่ที่นี่ไม่มีอิสระ แต่กลับรู้สึกถึงความผ่อนคลายกับการใช้ชีวิต แต่ว่าวันนี้เขากลับรู้สึกจิตใจพะว้าพะวังไม่เป็นสุข
ใจของเขาล้วนคิดถึงช่องของรายการคืนนี้ตลอด เขาเย้ยหยันรายการบันเทิงนี้อยู่ตลอด 《วาสนารัก》
แต่ต้องรู้ให้ได้ ว่าลูกชายที่ทำให้กังวลอยู่ตลอดเวลาจะเล่นกลอุบายอะไร และรวมกับเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเขาคนนั้นคือใครกันแน่
ไม่ง่ายเลยที่จะอดทนข้ามผ่านมาถึงตอนกลางคืนได้ เขาล็อกช่องทีวีไว้ที่รายการ 《วาสนารัก》
หลังจากที่นักแสดงรับเชิญผู้หญิงเข้าไปในฉากเรียบร้อยแล้วนั้น เด็กทั้งสองคนก็ถูกนำมากลางเวที
เพราะว่านี้คือการบันทึกเทป พิธีกรและผู้กำกับได้ทำการแก้ไขอย่างรอบคอบ อีกอย่างพวกเขารู้แล้วว่าเด็กสองคนนี้ล้วนเป็นลูกของเป่หมิงโม่
ถ้าเกิดเอาใบหน้าของพวกเขาออกไป ก็อาจจะทำให้เป่หมิงโม่โกรธได้ แต่ว่าพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะเสี่ยง
ไม่ใช่เป็นเพราะอย่างอื่น เป็นเพราะเรื่องลำดับการดูรายการทีวีเดวิด คอปเปอร์ฟิลด์และเรตติ้งการดูของทั่วประเทศค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ก็คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดู
ในเมื่อเป่หมิงโม่เขาสามารถเรียกลมเรียกฝนได้สามารถครอบงำธรรมชาติได้ แต่ว่าในตอนที่จับพวกเขามาถามละก็ ก็สามารถแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็ได้
สำนวนพูดว่า : “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ได้รับโทษ ” ไม่ว่าในใจของเป่หมิงโม่จะมีความโกรธสักเพียงใด แต่ก็ไม่มีทางที่จะทำอะไรพวกเขาได้
พวกเขาตัดเอาส่วนที่ไม่สำคัญของเด็กๆตัดทิ้งหมด เก็บไว้แต่ตอนสนทนากับพิธีกรที่มีความน่าสนใจไม่น้อย และยังมีตอนมากมาย ที่จะสามารถเพิ่มยอดเรตติ้งได้
หนึ่งประโยค : “ที่ผมกับน้องสาวมาวันนี้ เพื่อที่จะมาหาพ่อใหม่ของพวกเรา ” เหมือนตะบอง ที่ตีเข้ามาที่หัวใจของเป่หมิงโม่อย่างแรง
ดวงตาของเป่หมิงโม่จ้องมองจิ่วจิ่วที่ยืนอยู่ข้างหยางหยางอย่างไม่ละสายตา
คำพูดของหยางหยางที่พูดว่า ‘น้องสาว ’ ก็คงหมายถึงเด็กน้อยผู้หญิงคนนั้น เด็กน้อยผู้หญิงคนนี้เป็นลูกของเขากับกู้ฮอนหรือเปล่านะ?
***
การปรากฏตัวของจิ่วจิ่ว ชั่วพริบตาเดียวทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกเกิดความสงสัยขึ้นมานิดหนึ่ง ถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่กู้ฮอนไม่ได้อยู่ข้างกายเขา แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าเธอไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น
ถ้าเป็นหยินปู้ฝัน นั้นก็แค่มีแต่ชื่อไม่มีความจริงอะไรเลย
เขาอดไม่ได้ที่จะมองดูเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นบนหน้าจออย่างถี่ถ้วน หน้าตาของเธอน่ารักมากๆ
ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความอ่อนวัยน่ารัก ถึงกระทั่งยังมีเค้าร่างคล้ายๆกู้ฮอนอีกด้วย
อยู่ๆในหัวสมองของเขาก็ปรากฏภาพขึ้นมา คิดถึงเรื่องในบ้านของสวนดอกไม้ด้านหลังของบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงขึ้นมา เอารูปภาพตอนเด็กๆที่พวกเขาถ่ายรูปด้วยกันให้กู้ฮอนดู
ถึงแม้ในตอนนั้น ถึงแม้ตอนนั้นกู้ฮอนก็เป็นแค่เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาเท่านั้น แต่ว่ารูปร่างหน้าตาในตอนนั้นเหมือนกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยในทีวีนี่เป๊ะเลย
เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นลูกของกู้ฮอน อย่างไม่มีข้อสงสัยแน่นอน
เป่หมิงโม่นึกถึงตรงนี้ ดวงตาคู่นั้นก็ค่อยๆหรี่ลง พูดเสียงต่ำในปากว่า : “ลับหลังผมคุณยังแอบมีลูกอีกคน ไอ้ผู้หญิงคนนี้ คุณตายแน่……”
สายตาของเขาในขณะนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
แต่ก่อน เธอเคยซ่อนหยางหยางไว้กับตัวเอง ในวันนี้เธอยังแอบซ่อนลูกสาวอีกคนอีก
แต่ เขาก็คิดเชื่อมต่อเรื่องราวขึ้นมาได้ในทันทีตอนที่เขาโทรหาเธอนั้น เด็กผู้หญิงที่รับโทรศัพท์คนนั้น เสียงเหมือนกับในทีวีไม่มีผิด
แต่ว่าตอนนั้น เขากลับเชื่อที่กู้ฮอนพูด ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของแอนนิ
ความเชื่อใจที่เขามีต่อเธอกลับแลกมาเพียงคำพูดที่เธอโกหกเขา
ในตอนนี้ เขาไม่สนใจว่าเด็กคนนี้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองหรือไม่แล้ว
การเป็นเจ้าของที่มีมาโดยกำเนิดของผู้ชาย ทำให้เขารู้ว่า นับตั้งแต่ตอนที่ตัวเองมีกู้ฮอนนั้น ไม่ว่าสุดท้ายอนาคตตัวเองจะเดินไปกับเธอหรือไม่ เธอก็ยังคงเป็นของเขาเองตลอดไป ไม่ยอมให้ใครมารุกรานเธอได้ ถึงเธอจะเต็มใจยอมด้วยตัวเองก็ไม่ได้
การปรากฏตัวของเด็กคนนี้ ทำให้เปลวไฟที่เดิมทีมอดดับไปแล้วของเขา ได้จุดไฟขึ้นมาอีกครั้ง
เสียงกำปั้นของเขาดัง ‘ก๊อปแก๊ป’ออกมา ดวงตาที่เย็นชากลับไม่ห่างไปจากเด็กสองคนนั้นบนหน้าจอทีวีเลยสักนิด
ไม่เพียงแค่นั้น หยางหยางที่ทำให้เขาโกรธขึ้นไปอีก ไอ้เด็กคนนี้เพื่อที่จะหา ‘ของมาแทนที่’อย่างเร็วที่สุด ถึงขนาด‘กินไม่เลือก ’ เปิดไฟให้คนที่หน้าตาพอใช้ได้ไปจนถึงสุดท้าย
ดีที่ คนพวกนั้นไม่ได้อะไรกับพวกเขา มีบางคนที่ถึงกระทั่งจงใจที่จะมาหยอกล้อเขาเท่านั้น แต่สุดท้ายก็เลือกผู้หญิงคนอื่นแล้วเดินจากไป
อารมณ์ของเป่หมิงโม่ในตอนนี้ใช้คำว่า ‘ขัดแย้ง’น่าจะเหมาะสมที่สุด
อีกด้านหนึ่งก็โกรธหยางหยางที่อยู่บนเวที พูดใส่ร้ายป้ายสีตัวเอง ; โกรธกู้ฮอนที่แอบตัวเองคลอดลูกสาวอีกคนอีก ถึงแม้หลังจากที่เขาได้เห็นเด็กผู้หญิงคนนี้แล้วนั้น ในใจก็รู้สึกดีมากอย่างบอกไม่ถูกก็ตาม
และอีกด้านก็โกรธคนที่ถูกหยางหยางเลือก แต่ถึงสุดท้ายผู้ชายพวกนั้นก็ไม่ได้เลือกหยางหยาง
เขาหยิ่งยโส เพราะฉะนั้นลูกๆของเขาก็ควรที่จะยิ่งยโสด้วย ไม่ควรที่จะยืนอยู่บนเวที ถูกคนหยอกล้อเล่นเหมือนตัวตลกเหมือนตอนนี้
*
ในเวลาเดียวกัน รู้สึกถึงความอึดอัดในใจเหมือนเป่หมิงโม่ไม่แพ้กัน นั้นก็คือหวีหรูเจี๋ยกับโม้จิ่งเฉิงที่อยู่ในโรงแรมแมนดาริน
พวกเขานอกจากจะตำหนิปากที่พูดไม่มีกาลเทศะของหยางหยางแล้วนั้น ก็บ่นตำหนิเป่หมิงโม่เหมือนกัน
หลังจากที่รายการได้จบลง
หวีหรูเจี๋ยมองหน้าจอแล้วส่ายหัวเบาๆ แล้วถอดหายใจออกมา : “โม่อา อย่าโทษลูกๆที่เลือกที่จะทำเรื่องแบบนี้เลย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวคุณเองที่ได้สร้างขึ้น ”
***
เป่หมิงโม่ใช้ความอดทนทั้งหมดที่เขามีดู 《วาสนารัก》
เขาแทบอยากจะเอาแก้วที่อยู่ในมือปาเข้าไปที่ทีวีอย่างแรง ถ้าอยู่ที่บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงล่ะก็ เขาต้องทำแบบนี้แน่นอน
แต่ว่าที่นี่คือสถานีตำรวจ เขาก็เลยต้องควบคุมความคิดนั้นเอาไว้
*
ตอนที่หยางหยางดูทีวีอยู่กับกู้ฮอนนั้น ในใจก็รู้สึกกระสับกระส่าย เขาไม่กลัวว่ารายการนี้จะมีคนอื่นเห็น กลัวก็แต่ว่าพ่อของเขาจะเห็นเท่านั้น
แต่ว่าเขาไม่อยากพลาดโอกาสที่ตัวเองได้ออกทีวี เขาอยากดูว่าตอนอยู่ในทีวีตัวเองจะขึ้นกล้องเหมือนตอนปกติหรือเปล่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขาจะได้เป็นดาราที่ได้รับความสนใจมากมายเหมือนกับเป่หมิงยันอาสามของเขาหรือเปล่า
เด็กที่โตพอเหมือนกับหยางหยางก็จะเป็นแบบนี้ มีความฝันมากมายเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง
ดารา นักแข่งรถ……
แต่ว่าคนส่วนมาก ในโลกนี้ : จินตนาการล้ำเลิศไปหมด แต่แสดงออกมากลับไม่เป็นอย่างนั้น