บทที่ 861 ด้านหลังของเด็กนั้นลึกซึ้งมาก
แต่ว่าในใจของพิธีกร กลับถูกคุณชายใหญ่และคุณหนูของตระกูลเป่หมิงเกาะติดแน่นอยู่
เพราะว่าทั้งกอง รวมผู้กำกับแล้วนั้น ก็มีแค่เขาคนเดียวที่รู้ฐานะที่แท้จริงของทั้งสองคนนี้
มองดูบนเวที นักแสดงรับเชิญหญิงทุกคนกับ—–มีการแสดงรับส่งที่ดีต่อนักแสดงรับเชิญชายที่ขึ้นมา
ถึงแม้ว่าเด็กทั้งสองจะมีปฏิสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับนักแสดงรับเชิญชาย ถึงกระทั่งเปิดไฟเก็บพวกเขาไว้สุดท้ายด้วย
แต่ว่านักแสดงรับเชิญชายพวกนั้นก็แค่แสดงเล่นกับพวกเด็กๆเท่านั้น ไม่ได้เอามาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย และยังจับมือนักแสดงรับเชิญผู้หญิงคนอื่นๆไปทีละคนอีกด้วย
มองดูพวกเขาเดินไปเป็นคู่ๆ หยางหยางกับจิ่วจิ่วก็ไม่ได้มีความตื่นเต้นเหมือนตอนแรกๆอีกแล้ว ดูเหมือนจะผิดหวังนิดๆ
พิธีกรปลอบใจพวกเขาไม่หยุด อีกด้านในใจก็รู้สึกดีใจกับตัวเอง นั้นก็เป็นเพราะต้องเป็นแบบนี้ ถึงจะไม่ได้ไปทำให้เป่หมิงโม่ไม่พอใจ
เพราะว่าใครก็ไม่ยอมให้ลูกของตัวเอง“ไม่เอา”ตัวเอง เอาภรรยาของตัวเองเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่น นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับโดนสวมเขานะ
อีกอย่างนี้คือเป่หมิงโม่นะ ถ้าทำให้เขาโกรธแล้วนับตั้งแต่สถานีโทรทัศน์มาถึงตัวเองก็ล้วนไม่มีผลดีแน่ๆ
การถ่ายทำกว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าได้เสร็จสิ้นลงแล้ว อาจจะเป็นเพราะมีเหตุมาจากเจ้าเด็กสองคนนี้ บรรยากาศในรายการดีกว่าแต่ก่อน และอัตราความสำเร็จก็เพิ่มขึ้นหลายเปอร์เซ็นต์
*
ห้องแต่งหน้า
พิธีกรถือกระป๋องน้ำอัดลมสองกระป๋องมาวางไว้ที่ด้านหน้าของเด็กน้อยทั้งสองคน : “การแสดงบนเวทีวันนี้ของพวกคุณดีมากๆ แต่ว่าผมดูออกนะว่าพวกคุณกลับไม่พอใจ ”
หยางหยางกอดอก ปากมุ่ยพูดว่า : “พวกเราไม่พอใจแน่นอน คุณดูซิวันนี้ผมดูนักแสดงรับเชิญชายไว้ตั้งหลายคนแต่กลับเดินจูงมือไปกับคนอื่นแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป แล้วเมื่อไรพวกเราจะได้พ่อใหม่สักทีล่ะ? ”
“เรื่องนี้ก็ต้องดูโชคชะตาแล้วล่ะ พวกคุณเคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘ยิ่งรีบก็ยิ่งช้า’ไหม? ”
หยางหยางและจิ่วจิ่วส่ายหัวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
***
พิธีกรมองเจ้าเด็กน้อยทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็หัวเราะอย่างจนปัญญาออกมาอีกครั้ง : “ความหมายของประโยคก็คือ ไม่ต้องไปรีบหาบทสรุป ไม่อย่างงั้นจะไปไม่ถึงจุดมุ่งหมาย ตอนนี้พวกคุณยังเด็ก ความหมายที่แฝงอยู่ในนี้ก็อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่ว่าผมเชื่อว่ารอให้พวกคุณโตอีกสักหน่อยก็จะเข้าใจเอง ”
หยางหยางพยักหน้าอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แล้วถามว่า : “งั้นพรุ่งนี้พวกเราต้องมาถ่ายอีกตอนไหนล่ะ? ”
“พรุ่งนี้? ” พิธีกรตกตะลึง
“ใช่ซิ รายการของพวกคุณไม่ใช่ฉายสองวันติดเหรอ ที่ถ่ายวันนี้ถ้าฉายพรุ่งนี้แล้ว งั้นมะรืนที่จะต้องฉายก็ต้องถ่ายวันพรุ่งนี้ซิ ” หยางหยางพูดอย่างจริงจัง
พิธีกรได้ยินอย่างนี้ สีหน้าก็หยุดชะงักทันที เขาไม่อยากจะให้เจ้ามันเทศร้อนสองคนนี้อยู่ที่นี่อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ไม่ดีต่อตัวเองแน่นอน
เขายิ้มเล็กๆ : “เจ้าเด็กน้อย เนื่องจากสถานการณ์ของพวกคุณค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นพวกเราเลยให้พวกคุณถ่ายแค่ฉากเดียว แต่ว่าคุณวางใจ พวกเราจะเอาข้อมูลของแม่ของพวกคุณแทรกเข้าไปในรายการด้วย อีกอย่าง ถ้าพวกเราได้รับข่าวว่ามีคนสนใจยอมที่จะคบกับแม่ของคุณ ก็จะรีบบอกพวกคุณทันทีเลยดีไหม? ”
ยังไงหยางหยางก็เป็นเด็ก หลอกค่อนข้างง่าย เขาพยักหน้า : “งั้นก็ได้ มีข่าวอะไร พวกคุณรีบมารายงานพวกเราเป็นคนแรกเลยนะ ”
พิธีกรเห็นว่าเรื่องได้ประสบความสำเร็จแล้ว ก็แอบดีใจขึ้นมา แล้วก็รีบพยักหน้าแล้วพูดว่า : “ได้ๆ พวกคุณวางใจเถอะ ลุงไม่หลอกพวกคุณแน่นอน ”
พูดจบ รีบยกมือขึ้นเรียกพนักงานทำงานโทรทัศน์ ให้เขารับผิดชอบไปส่งหยางหยางและจิ่วจิ่ว
เห็นเด็กๆถูกคนไปส่งแล้ว พิธีกรถึงได้ถอดหายใจออกมายาวๆ
ในเวลานี้ หลังจากที่ผู้กำกับรายการไปวางแผนจัดวางคนในฉากเรียบร้อยแล้วนั้น ก็เดินอย่างดีใจไปหาพิธีกร : “วันนี้ผลการถ่ายทำผ่านไปอย่างดีเยี่ยม ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเด็กๆเพิ่มความโดดเด่นให้กับรายการไม่น้อย พรุ่งนี้ก็ต้องใจทำงานต่อไปนะ ”
พูดเสร็จ ผู้กำกับก็กวาดสายตามองไปหนึ่งรอบ : “เอ๊ะ? ทำไมไม่เห็นเด็กสองคนนั้นแล้วล่ะ? ”
สีหน้าของพิธีกรเข้มขรึมแล้วพูดว่า : “คุณยังอยากจะให้เด็กสองคนนั้นถ่ายรายการต่อเหรอ? คุณเป็นผู้กำกับได้ยังไงเนี่ย ถึงแม้ได้ยั่วยุสร้างปัญหาแล้ว คุณก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรตามมา ”
ผู้กำกับเลี่ยงไม่เข้าใจกับคำพูดนั้น : “ฉันเป็นผู้กำกับของรายการนี้ คุณมีสิทธิ์อะไรมาตำหนิฉัน อีกอย่าง ฉันก็แค่ให้เด็กสองคนนั้นมาร่วมรายการ จะไปยั่วยุสร้างปัญหาอะไรได้ หรือว่าจะบอกว่าด้านบนสั่งห้ามไม่ให้เด็กน้อยพวกนั้นเข้าร่วม? ”
“คุณรู้ประวัติความเป็นมาเป็นไปของเด็กสองคนนั้นไหน? ” พิธีกรย้อนถาม
คำถามนี้ทำให้ผู้กำกับเลี่ยงงงไปหมดแล้ว : “พวกเขาก็ไม่ใช่แค่จะมาหาแฟนให้แม่หลอกเหรอ? ” พูดถึงตรงนี้ เธอก็นึกอะไรขึ้นได้ทันที : “เออใช่แล้ว ตอนเริ่มรายการ คุณถามเด็กๆว่าพ่อของพวกเขาคือใคร พวกเขาไม่ได้ตอบ แต่ว่าฉันสังเกตเห็นว่าคุณกับเด็กผู้ชายตัวน้อยซุบซิบกัน เขาบอกอะไรคุณแล้วใช่ไหม? ”
พิธีกรพยักหน้า : “ถูกต้อง เด็กน้อยคนนั้นกระซิบบอกผมว่าพ่อของพวกเขาเป็นใคร และก็เป็นเพราะอย่างนี้ ผมตัดสินใจหลังจากถ่ายรายการสัปดาห์นี้เสร็จ สัปดาห์หน้าก็ไม่ให้พวกเขามาแล้ว ”
พูดอยู่ เขาก็เดินเข้าไปใกล้ๆผู้กำกับเลี่ยง แล้วมองไปรอบๆว่าไม่มีคนแล้ว และพูดเสียงเบาว่า : “พ่อของพวกเขาก็คือเป่หมิงโม่ ”
เมื่อคำพูดได้ปล่อยออกมา ก็ทำเอาร่างกายของผู้กำกับเลี่ยงสั่นไปทั้งตัว
***
ปิ่นฮอนเป่หยวน
แอนนิกำลังนั่งคุยเล่นกับลั่วเฉียวอยู่ในห้องรับแขก ในตอนนั้นเองก็เงยหน้ามองนาฬิกาบนกำแพง
หยางหยางกับจิ่วจิ่วออกไปตั้งนานแล้ว ไม่ได้รับข่าวคราวอะไรจากพวกเขาเลย
เฉิงเฉิงนอกจากจะลงมากินข้าวเที่ยงแล้วนั้น เขาก็อยู่บนชั้นลอยบนของบ้านตลอด เหมือนกับว่าเขาเห็นอะไรในวิดีโอ
“ติงตอง……” เสียงกริ่งดังขึ้น
เวลานี้ไม่มีแขกมาเยี่ยมแน่นอน เข้าออกก็ล้วนเป็นคนที่สนิทกันทั้งนั้น
แอนนิสบตากับลั่วเฉียว แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู : “ต้องเป็นหยางหยางกับจิ่วจิ่วที่กลับมาแล้วแน่ๆ ”
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ตอนที่เธอเปิดประตูไปนั้น ก็เห็นหยางหยางกับจิ่วจิ่วยืนอยู่ที่ประตู และด้านหลังของพวกเขา ยังมีผู้ชายอายุน่าจะประมาณสามสิบยืนอยู่ ในมือของเขายังถือถุงกระดาษสีแดงอีกสองถุง
“สวัสดีครับ ผมเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่สถานีโทรทัศน์ มาส่งเด็กทั้งสองคนกลับบ้านครับ ” ชายคนนั้นยิ้มเล็กๆอย่างมีมารยาทให้แอนนิ
แอนนิก็ยิ้มตอบกลับ : “รบกวนคุณแล้วจริงๆค่ะ เข้ามานั่งพักผ่อนด้านในสักครู่ก่อนไหมคะ? ”
ชายคนนั้นเอาถุงกระดาษยื่นให้ที่มือของแอนนิ : “ในเมื่อเด็กน้อยทั้งสองคนถึงบ้านแล้ว หน้าที่ของผมก็นับว่าเสร็จเรียบร้อย นี้เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆที่สถานีให้ ผมมีธุระมากมายที่จะต้องทำ ก็ไม่ขอรบกวนดีกว่าครับ ” พูดจบเขาก็หมุนตัวจากไป
หลังจากที่หยางหยางกับจิ่วจิ่วโบกมือลาชายคนนั้นแล้วนั้น ก็วิ่งหายเหมือนควันเข้าไปในบ้าน
ลั่วเฉียวเห็นพวกเขากลับมาแล้ว ก็มีชีวิตชีวากลับมา : “โอ้ ดาราดังของพวกเรากลับมาแล้ว ครั้งแรกได้ออกทีวีความรู้สึกเป็นยังไงบ้าง? ”
ร่างน้อยของหยางหยางล้มลงไปในโซฟาที่อ่อนนุ่ม ก็มีท่าทางที่ธรรมชาติโพสต์ท่าสบายๆออกมา : “วันนี้ถ่ายทำรายการ น่าจะพรุ่งนี้ถึงจะได้ฉายทีวีนะ ความรู้สึกโดยละเอียดเหรอ……ก็พอใช้ได้มั้ง ก็ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ผมแสดงละคร ”
ลั่วเฉียวเห็นท่าทางอย่างนั้น ก็เบ๊ะปาก : “ยังไม่ดังนะ ก็โพสต์ท่าวางมาดดาราแล้ว ” พูดอยู่ เธอก็เรียกจิ่วจิ่วให้มานั่งข้างๆตัวเอง : “เด็กน้อย ได้ออกทีวีสนุกไหม? ”
ใบหน้าเล็กๆของจิ่วจิ่ว ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ค่อยพอใจอย่างเห็นได้ชัด : “น้าเฉียวเฉียว พวกเราเปิดไฟไว้ให้คุณลุงหล่อตั้งหลายคน แต่ว่าสุดท้ายพวกเขาก็จูงมือไปกับคนอื่นแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเราจะต้องรอถึงเมื่อไร ถึงจะมีพ่อคนใหม่ล่ะ ”
ลั่วเฉียวได้ยินอย่างนั้น ก็เข้าใจเหตุผลโดยทันที เธอยิ้มๆแล้วลูบไปที่หัวของจิ่วจิ่วแล้วพูดปลอบใจว่า : “พวกคุณอย่าเพิ่งรีบ หลังจากนี้ยังมีโอกาสนะ พวกเขาว่าถ้ายังไม่ได้จับมือก็ยังมีโอกาสหลอกเหรอ รอถ่ายทำวันพรุ่งนี้ ก็อาจจะมีคนที่เหมาะสมแล้ว ”
“ไม่มีโอกาสแล้ว หลังจากที่พวกเราลงจากเวที คุณลุงพิธีกรพูดว่าพรุ่งนี้ไม่วางแผนให้พวกเราขึ้นเวทีแล้ว แต่ว่าเขาพูดว่า จะเอาข้อมูลของแม่ใส่ไว้ตอนที่ฉาย รอให้มีข่าวแล้วจะรายงานพวกเรา ” หยางหยางพูดเสริม
“ไม่ไปถ่ายรายการก็ดี พรุ่งนี้ก็จะได้ไม่ต้องวิ่งไปนู่นแล้ว ท้องของพวกคุณหิวแล้วใช่ไหม? ฉันเพิ่งทำอาหารว่างเล็กๆน้อยๆเสร็จพอดี อยากลองไหม? ” แอนนิพูด เอากล่องเล็กๆออกมาจากตู้เย็น ในนั้นมีขนมเค้กที่คนเห็นแล้วต้องน้ำลายไหลอยู่สองสามชิ้น แล้ววางไว้บนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านหน้าโซฟา
เห็นของกิน หยางหยางก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ยื่นมือออกไปหยิบแล้วเอาเข้าปากไปหนึ่งชิ้น แล้วก็พูดชมไม่หยุด : “ยังไงซะเค้กที่ป้าแอนนิทำก็อร่อยกว่า ข้าวกล่องของสถานีโทรทัศน์ก็เทียบไม่ได้ ”
***
ลั่วเฉียวเห็นท่าทางอย่างนี้ของหยางหยางก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ : “โอ๊ย คุณกินช้าๆหน่อย ไม่มีใครแย่งพวกคุณหลอก ”
ในเวลานั้น จิ่วจิ่วก็มุ่งเข้าไป ดูเหมือนว่าเธอก็หิว
*
ตอนที่เด็กๆกำลังกินอย่างหิวโหยอยู่นั้น เป่หมิงโม่ที่อยู่ในสถานีตำรวจก็ดูหนังสือพิมพ์รายวันอย่างสบายใจ
ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ เขาอยู่ที่นี่ นอกจากจะไม่มีอิสระในการออกไปไหนแล้วนั้น แต่ก็ยังรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก หรืออาจจะพูดได้ว่าเป็นการพักผ่อนที่ยากที่จะได้รับ
ผ่านไปแป๊บเดียว เขาก็สบายใจต่อไปไม่ได้แล้ว
“ตึงตึง……”หลังจากที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง ก็มีตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามา
“คุณเป่หมิง มีคนมาหาคุณ ”
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วไปนิดหนึ่งว่า ในเวลานี้จะมีใครที่มาหาตัวเองอีกล่ะ? ก่อนที่ตัวเองจะเข้ามาก็ไม่ได้มีคนมากมายมาหาตัวเองเยอะขนาดนี้นะ
แม้กระทั่งชูหยุนเฟิงกับป่ายมู่ซีที่ไม่ได้ติดต่อกันบ่อยยังเคยมาหาตัวเองเลย
“เชิญให้พวกเขาเข้ามาเถอะ ”
ได้รับอนุญาตจากเป่หมิงโม่แล้ว ตำรวจก็หมุนตัวเดินออกไป
ไม่นานนัก ร่างของผู้สูงอายุสองคนปรากฏอยู่ตรงหน้าเป่หมิงโม่
เป่หมิงโม่มองเห็นพวกเขา คิ้วก็เลิกขึ้นอย่างอดไม่ได้ : “พวกคุณมาได้ยังไง? ”
“มีสำนวนพูดว่า : ไม่มีความลับใดเก็บเป็นความลับได้ตลอด จะมาเป็นพันธมิตรที่ร่วมยุทธศาสตร์ไปด้วยกัน ผมต้องติดตามการเคลื่อนไหวของคุณตลอด วันนี้มาเพื่อที่จะมาดูคุณ และประเมินทางหนีที่ไล่ระหว่างสองบริษัทของพวกเราว่ามีความร่วมมือมากน้อยเพียงไหน ” โม้จิ่งเฉิงกำลังพูดอยู่
เขาเป็นคนรู้อารมณ์ของเป่หมิงโม่เป็นอย่างดี ถ้าพูดว่ามาเพื่อดูเขา ปลอบเขาล่ะก็ เขาก็จะไม่รับน้ำใจ เพราะเขาไม่ยอมให้คนรอบข้างใช้สายตาที่เห็นใจมามองตัวเองแน่นอน
เมื่อคำพูดนี้พูดออกมา เป่หมิงโม่ก็สงบสติอารมณ์ลงมาก : “คุณโม้ เรื่องนี้ขอให้คุณวางใจเถอะ ถึงแม้ว่าผมจะอยู่ที่นี่ แต่ว่าการเคลื่อนไหวของบริษัทเป่หมิงยังคงมั่นคงมาก ผมมอบหมายให้คนที่มีความสามารถเก่งมากสองคน ทำหน้าที่จัดการบริษัทเป่หมิงแทนผม ”
โม้จิ่งเฉิงพยักหน้า : “ในเมื่อประธานเป่หมิงได้วางแผนไว้ดีแล้ว งั้นผมก็วางใจที่จะร่วมมือกับพวกคุณต่อไป โอเค ตอนนี้เรื่องงานระหว่างเราก็คุยเสร็จแล้ว งั้นพวกเราก็มาคุยเรื่องส่วนตัวกันเถอะ