บทที่ 862 ในที่สุดก็พูดออกมาแล้ว
“เรื่องส่วนตัว? ” สายตาของเป่หมิงโม่ก็เลื่อนไปที่หวีหรูเจี๋ยที่ยืนอยู่ด้านหลังของโม้จิ่งเฉิง
โม้จิ่งเฉิงพูดต่อว่า : “พวกเรารู้ว่าคุณต้องได้รับความไม่เป็นธรรมแน่นอน และพวกเรายังรู้อีกว่า เพราะว่าคุณได้รับผลกระทบที่ไปเกี่ยวข้อง……”
“ผมไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรกับใครทั้งนั้น ถ้าที่พวกคุณมาครั้งนี้เพื่อที่จะมาขอโทษหรืออะไรก็ตาม งั้นตอนนี้ก็เชิญกลับไปเถอะ ” ไม่รอให้โม้จิ่งเฉิงพูดจบ เป่หมิงโม่ก็รีบพูดแทรกออกมา ดูก็รู้ว่าอารมณ์ของเขาก็ไม่ดีสักเท่าไร
ในตอนนั้น ในที่สุดหวีหรูเจี๋ยก็ทนไม่ไหวเปิดปากพูดออกมา : “โม่ คุณเคียดแค้นฉันที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ใช่ไหม ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันไม่สามารถให้คำตอบที่สมบูรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดแก่คุณได้ แต่ว่าสิ่งที่ฉันอยากจะบอกคุณก็คือ ฉันไม่เคยคิดที่จะอยากทำร้ายคุณหรือลู่ลู่เลยนะ ”
หวีหรูเจี๋ยพูดถึงตรงนี้ ก็หันไปสบตาโม้จิ่งเฉิงพร้อมกับน้ำตา เหมือนกับว่าทำการตัดสินใจอะไรบางอย่าง : “โม้ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะฉัน งั้นก็ควรเป็นฉันที่จะรับผิดถึงจะเหมาะสมมากที่สุด ” พูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินออกประตูไป
“หรูเจี๋ย คุณจะไปไหน? ” โม้จิ่งเฉิงยังไม่ทันตั้งตัว เขารีบเดินก้าวเข้าไปขว้างทางที่เธอจะเดิน แล้วก็ดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด : “คุณจะไปหาตำรวจแล้วยอมรับว่าคุณเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดเหรอ? ”
***
ร่างกายของหวีหรูเจี๋ยสั่นไปทั้งตัว เธอเงยหน้ามองโม้จิ่งเฉิง น้ำตาใสไหลลงอาบแก้มของเธอทั้งสองข้าง หยดลงที่ร่างกายของเขา
“หรูเจี๋ย คุณทำอย่างนี้คิดว่าจะช่วยเขาได้ แต่ว่าที่จริงแล้วกลับช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย พวกเราล้วนเชื่อใจโม่ว่าเขาจะไม่ทำอะไรลู่ลู่ และพวกเราก็เชื่อเหมือนกัน ว่าคุณไม่ได้ทำเรื่องนี้ ” โม้จิ่งเฉิงทนเห็นสายตาที่ช่วยอะไรไม่ได้แบบนั้นของหวีหรูเจี๋ยไม่ได้จริงๆ
“พูดได้ไม่เลว ในเมื่อคุณเข้ามาแล้ว ไม่สามารถทำให้ผมพ้นผิดไม่พอ ทำไม่ดีแล้วยังเพิ่มภาระให้ผมอีกด้วย ผมไม่อยากจะเอาเรื่องที่ไม่มีความสุขระหว่างคุณกับผมแต่ก่อนที่เพิ่งลืมได้ แล้วคุณก็ยังมาเพิ่มความทรงจำที่ไม่มีความสุขอันใหม่ให้ผมอีกนะ ” เป่หมิงโม่ลุกขึ้นมาจากโซฟา แล้วเดินมาข้างๆหวีหรูเจี๋ยกับโม้จิ่งเฉิง พูดอย่างเย็นชา
ตอนแรกที่เขาตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เจตนาเดิมก็คือไม่อยากจะให้แม่ของตัวเองมายุ่งกับคดีพวกนี้
ตำแหน่งตัวเองที่อยู่เมืองAก็นับว่าอยู่ในตำแหน่งสำคัญ ตำรวจไม่กล้าที่จะทารุณโหดร้ายต่อเขามากนัก แต่ว่าถ้าเปลี่ยนเป็นหวีหรูเจี๋ยล่ะก็ งั้นก็ยากที่จะพูดแล้ว อีกอย่างสภาพร่างกายของเธอก็ดูเหมือนไม่ค่อยจะสู้ดีนัก อยู่ข้างกายโม้จิ่งเฉิงก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
โม้จิ่งเฉิงมองไปที่เป่หมิงโม่นิดหนึ่ง เขาก็เข้าใจเป่หมิงโม่ว่านี้เป็นเจตนาที่ดี : “โม่ ผมรู้ว่านี้ไม่ได้รับความเป็นธรรมแน่นอน เบื้องหลังคดีนี้ต้องมีความจริงอื่นๆที่ปกปิดอยู่แน่นอน ผมจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีช่วยคุณให้พ้นจากความผิดในครั้งนี้ ทำให้คุณไร้มลทิน ถึงแม้ครอบครัวจะล่มจมก็ตาม ”
เป่หมิงโม่เงยหน้ามองโม้จิ่งเฉิง ใบหน้าที่เย็นชาเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมา : “ครอบครัวล่มจม? ประธานโม้ ถ้าครอบครัวคุณล่มจมแล้ว งั้นบริษัทเป่หมิงของพวกเราจะร่วมมือกับพวกคุณต่อไปยังไงล่ะ? อีกอย่าง ชีวิตที่เหลือของแม่ผมยังต้องการคนมาดูแลเธอนะ ผมไม่หวังว่าเธอจะใช้ชีวิตไม่มีเสื้อผ้าใส่ไม่มีอันจะกินนะ ”
“แม่ ” คำนี้ เหมือนกับโจมตีเข้ามาที่ใจของหวีหรูเจี๋ยอย่างแรง เธอกั้นน้ำตาไว้ หันกลับไปมองหน้าลูกชายโดยความไม่เชื่อ : “โม่ เมื่อกี้คุณเรียกฉันว่าอะไร? เรียกฉันอีกครั้งได้ไหม? ”
แน่นอน ว่าคำๆนี้เป็นคำที่เธอปรารถนาที่จะได้ยินมากที่สุดในชีวิต วันนี้ได้ยินกับหูตัวเองว่าเป่หมิงโม่พูดออกมา ราวกับได้รับรู้ถึงปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ
แต่ว่าในตอนนี้ เป่หมิงโม่กลับไม่เปิดปากพูดออกมาแล้ว แล้วยังหันตัวไปอีกทางอีกด้วย คำพูดที่เขาพูดเมื่อกี้ก็เป็นแค่พูดติดปากออกมาก็เท่านั้น ถ้าเผชิญหน้ากับหวีหรูเจี๋ย แล้วเรียกเธอว่า“แม่” เขาก็รู้สึกเปิดปากพูดไม่ออกจริงๆ
“เหอะเหอะ หรูเจี๋ย คุณอย่าไปบังคับโม่เลย หลังจากนี้ยังมีโอกาสให้เขาเรียกคุณอยู่นะ ในเมื่อเขาบอกพวกเราว่าไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้แล้ว งั้นพวกเราก็เชื่อฟังเขาเถอะ ” หลังจากที่โม้จิ่งเฉิงพูดปลอบหวีหรูเจี๋ยเสร็จแล้วนั้น ก็พูดกับเป่หมิงโม่ว่า : “โม่ ช่วงนี้มีอะไรที่ต้องการให้ผมช่วยไหม ไม่ต้องเกรงใจพูดออกมาเลย ”
เป่หมิงโม่พยักหน้า : “ตอนนี้ยังไม่มี แต่ว่าทางบริษัทเป่หมิงด้านนั้นผมให้กู้ฮอนดูแลบางส่วน และมีฉิงฮัวคอยอยู่ข้างเธอช่วยเธออีกแรง ถ้าช่วงไหนที่คุณว่างล่ะก็ ก็ช่วยไปดูเธอหน่อย แนะนำเธอหน่อย กลุ่มบริษัทใหญ่ขนาดนี้อยู่ในมือเธอ สำหรับเธอแล้วเป็นเรื่องที่ยากแน่นอนอยู่แล้ว ”
โม้จิ่งเฉิงพยักหน้า : “เรื่องพวกนี้คุณวางใจเถอะนะ พวกเราคนกันเองไม่ต้องเกรงใจ ฮอนก็เป็นลูกสาวบุญธรรมของผม ผมที่ทำหน้าที่เป็นพ่อทูนหัวก็ไม่ยอมให้เธอทุกข์ยากลำบากแน่นอน ”
พูดถึงตรงนี้ ประตูห้องก็เปิดออก ตำรวจเดินเข้ามา : “คุณเป่หมิง หมดเวลาเยี่ยมแล้วครับ ”
***
โม้จิ่งเฉิงหันไปพยักหน้าให้ตำรวจ : “โอเค พวกเราไปแล้ว ”
พูดจบ เขาก็ตบไปที่ไหล่ของหวีหรูเจี๋ยเบาๆ : “พวกเรากลับไปก่อนเถอะ โม่เขาไม่เป็นไรหลอก ”
เป่หมิงโม่พยักหน้าให้กับแม่ : “วางใจเถอะ ผมไม่เป็นไร คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ รอผมออกไป ”
*
มองดูเงาด้านหลังของโม้จิ่งเฉิงและหวีหรูเจี๋ยที่เดินจากไป ในใจของเป่หมิงโม่ก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
สถานการณ์ตอนนี้สำหรับเขาแล้วนั้น ก็ไม่ได้มีความสุขสมรื่นรมย์อะไรขนาดนั้น แต่ว่าเพื่อที่จะให้แม่วางใจ เขาก็ทำได้เพียงพูดอย่างนี้ เพราะว่ามีเพียงแบบนี้อย่างเดียวถึงจะทำให้เธอวางใจได้ ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้เธอเจ็บปวดเป็นทุกข์ใจ และยังทำให้ตัวเองรู้สึกทุกข์ไปด้วยอีก นี้ก็คงเป็นการได้อย่างไม่คุ้มเสียล่ะซิ
ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่หยางหยางกินเต็มอิ่มแล้วนั้น ก็กลับไปที่ห้องชั้นลอยของบ้านอย่างพอใจ : “Hi……ฉันกลับมาแล้ว ”
เฉิงเฉิงกลับไม่ได้สนใจเขา ยังคงจ้องมองที่หน้าจออย่างตั้งใจ
หยางหยางเอามือทั้งสองข้างยัดเข้าไปในกางเกง ท่าทางสบายๆเดินไปข้างๆโต๊ะหนังสือของเฉิงเฉิง : “คุณมีความคืบหน้าอะไรบ้างไหม? ”
เฉิงเฉิงถึงกดปุ่มหยุดเล่น แล้วก็เอนร่างกายพิงที่เก้าอี้ มือทั้งสองข้างนวดดวงตาไม่หยุด : “ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ฉันว่าเหมือนกับพวกเราจะเข้าไปผิดที่นะ เรื่องนี้จะเป็นอย่างนี้ได้ไหม : หลังจากที่พ่อเอากล่องข้าวให้คุณยายเสร็จก็จากไป ในช่วงเวลานี้จะมีคนมาลงไม้ลงมือหรือเปล่านะ? ”
หยางหยางไม่เห็นด้วยกับคำอธิบายอย่างนี้ เขาส่ายหัวน้อยๆของเขาแล้วพูดว่า : “ปกติคุณก็เป็นคนฉลาดไม่ใช่เหรอ จะมาทำผิดแบบนี้ได้ยังไง คุณเคยคิดตามวิธีคิดของคุณไหม แล้วใครกันล่ะที่จะมาเคียดแค้นคุณยาย อีกอย่างยังรอให้หลังจากที่พ่อจากไปแล้วก็วิ่งไปวางยาที่ห้องผู้ป่วย? การคาดเดาแบบนี้ไม่เป็นความจริงเลย คุณพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะช่วยคุณดูเอง ”
เฉิงเฉิงคิดแป๊บหนึ่ง ที่หยางหยางพูดมานั้นก็ถูก เขาลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจไปหนึ่งครั้ง แล้วก็ถามหยางหยางว่า : “การถ่ายทำของพวกคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ ฉันว่าท่าทางของคุณก็ดูไม่ดีมากนักนะ ”
พูดถึงเรื่องนี้ หยางหยางก็ถอดหายใจอีก : “อย่าพูดเลย ” พูดแล้ว เขาก็พูดเรื่องราวที่ไปถ่ายทำแบบย่อๆให้เฉิงเฉิงฟังรอบหนึ่ง แล้วก็พูดประโยคสุดท้ายว่า : “ฉันว่าอย่าไปคาดหวัง 《วาสนารัก》 เลย ”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าเรื่องนี้มันยาก แม่ไม่ไป พวกเขาเห็นว่าพวกคุณเป็นเด็ก ก็ไม่มีความสนใจอะไรอยู่แล้ว แต่ว่าอย่างนี้ก็ดี ตัดความคิดของคุณออกไปได้หนึ่งอย่าง ” เฉิงเฉิงพูดจบ ก็นั่งลงบนเตียงเล็กของตัวเอง เอนตัวลงนอนข้างๆ เขาควรที่จะพักผ่อนสักหน่อย
หยางหยางหันกลับไปมองเฉิงเฉิงนิดหนึ่ง ที่เขาพูดก็มีเหตุผล โลกของผู้ใหญ่เด็กๆอย่างพวกเขาทั้งสองก็เข้าไปไม่ถึงหลอก ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะแปลกประหลาดมากเกินไปแล้ว
เขาหันกลับไปมองภาพที่ค้างไว้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาหยิบเมาท์ แล้วค่อยๆกดปุ่มเล่นต่อ
ที่จริงเรื่องดูกล้องวงจรปิดนั้น หยางหยางรู้สึกเบื่อมาตั้งนานแล้ว แต่ว่าเขามักจะรู้สึกเหมือนมีอะไรที่คลุมเครืออยู่ บนตัวของย่าเลี้ยง แต่ว่าปัญหานี้อยู่ที่ไหนล่ะ?
มือของเขาสั่นขึ้นมานิดหนึ่ง เมาท์กดไปที่ปุ่มเร่งสปีด เห็นแค่ผู้คนในภาพนั้นเคลื่อนไหวเร็วขึ้นมาไม่น้อย
หยางหยางกลัวว่าเฉิงเฉิงจะรู้ เลยรีบกดปุ่มหยุดอีกครั้งทันที ในตอนนั้นเอง ภาพในจอคอมพิวเตอร์นั้น ก็ปรากฏออกมาจนทำให้เขาถึงกับต้องตะลึง
ภาพค้างอยู่ที่ห้องนอนของเจียงฮุ่ยซิน เห็นแค่สิ่งของสีดำๆบางอย่างวางอยู่บนโต๊ะของเธอ และของอันนี้ไม่เคยปรากฏในห้องของเธอมาก่อน
***
หยางหยางขมวดคิ้วขึ้นมานิดหนึ่ง พูดกับตัวเองว่า : “เอ๊ะ? สรุปอันนี้เป็นอะไรกันแน่ เหมือนกับว่าไม่เคยเห็นมาก่อนนะ ”
เฉิงเฉิงที่นอนอยู่บนเตียงข้างๆ หัวสมองเล็กๆของเขาก็หมุนอย่างรวดเร็ว เกือบจะหนึ่งวันแล้วที่ไม่มีความคืบหน้าอะไร ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางแล้ว
หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดที่หยางหยางพูดกับตัวเองแล้วนั้น ก็รีบลุกขึ้นจากที่นอนทันที แล้วก็รีบมาข้างๆหยางหยาง จ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ : “คุณค้นพบอะไร? ”
“ก็อันนี้ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ” หยางหยางยืนมือออกมาชี้ไปที่หน้าจอแล้วให้เฉิงเฉิงดู
บนโต๊ะใต้ขอบหน้าต่าง มีสิ่งของสีดำหนึ่งอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ดูไปดูมาเหมือนหม้อนะ ” หยางหยางพูด
เฉิงเฉิงมองพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากนั้นก็พยักหน้า : “ถูกต้อง เป็นหม้อ”
หยางหยางยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ : “ห้องนอนของเธอจะมีของอย่างนี้ได้ยังไง? ” แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ในทันใด : “อ๋อ! ฉันรู้แล้ว เธอต้องแอบกินอาหารอร่อยๆ ลับหลังพวกเราแน่ๆ ”
เฉิงเฉิงมองบนใส่หยางหยางไปหนึ่งที : “ถ้าเป็นคุณที่แอบกินของอร่อยๆอันเนี่ยฉันเชื่อ แต่ว่าย่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง อีกอย่าง มีอะไรอร่อยๆ ก็ล้วนเรียกพวกเรากินด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ”
“สาบานเลย ฉันไม่เคยแอบกินของอร่อยๆลับหลังแน่นอน เพราะฉันกินให้เห็นกับตาไปเลย งั้นคุณพูดมา ว่าเอาหม้อใบนี้มาวางไว้ที่นี่ทำไมกันแน่? ” หยางหยางคิดหาเหตุผลที่เหมาะสมไม่ออกจริงๆ
เฉิงเฉิงมองดูเวลาของวิดีโอแป๊บหนึ่ง แล้วถามหยางหยางว่า : “คุณกดเพิ่มสปีดใช่ไหม? ”
หยางหยางมองดู การกระทำของตัวเองถูกจับได้แล้ว รีบหัวเราะคิคิออกมาแล้วพูดว่า : “เฮ้ยเฮ้ย ยังถูกคุณจับได้อีกเหรอเนี่ย เดิมทีฉันก็จะช่วยคุณดูแหละ แต่ว่าเห็นคนในวิดีโอเดินช้ากันมากเลยเพิ่มความเร็วขึ้นมานิดหนึ่ง ”
“เฮ้ย คุณช่วยก็ช่วยซื่อสัตย์หน่อยได้ไหม ไม่ต้องแกล้งทำมาเป็นคนฉลาด ดีที่ภาพมันมาหยุดที่ตรงนี้ ถ้าตรงนี้ผ่านไปแล้ว คุณเคยคิดถึงผลลัพธ์หรือเปล่า ความไม่เป็นธรรมของพ่ออาจจะพ้นโทษไม่ได้เลยรู้ไหม ” เฉิงเฉิงพูดจบ ก็กรอวิดีโอกลับไปอีกนิดหน่อย หลังจากนั้นก็เริ่มจ้องมองความเคลื่อนไหวในภาพอย่างจริงจัง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง สีหน้าของเฉิงเฉิงและหยางหยางก็เคร่งขรึมขึ้นมา
ในตอนนั้นเอง แอนนิก็เดินมาเรียกพวกเขา : “เด็กๆ แม่ของพวกคุณกลับมาแล้ว รีบลงไปเถอะ ”
หยางหยางได้ยินว่าแม่กลับมาแล้ว เขาก็รีบวิ่งไปที่ด้านหน้าของแอนนิ แล้วถามด้วยเสียงอันเบาว่า : “คุณไม่ได้เอาเรื่องวันนี้ไปบอกเธอหลอกนะ?