บทที่ 863 ค่อยๆเข้าไปทีละนิด
แอนนิยิ้มเล็กๆ : “คุณวางใจเถอะ เรื่องนี้ คนในบ้านนี้ล้วนไม่มีใครบอกเธอ ”
หยางหยางได้ยินอย่างนั้น ก็เหมือนกับก้อนหินหนึ่งก้อนตกลงไปที่พื้น ถ้าพูดว่า วันนี้เขาได้ช่วยแม่หาคนที่ถูกใจได้ในตอนถ่ายทำล่ะก็ งั้นต้องโดนตำหนิอย่างรุนแรงมากแน่ๆ
แต่ว่าตอนกลับมาทั้งสองมือวางเปล่า งั้นก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
“มีสำนวนพูดว่า : ไม่มีความลับใดเก็บเป็นความลับได้ตลอด ถึงแม้ว่าพวกเราไม่พูด แต่แม่ของพวกคุณก็จะไม่ดูทีวีเลยเหรอ เรื่องของพวกคุณจะช้าหรือเร็วยังไงซะเธอก็ต้องรู้ ” คำพูดอย่างนี้ของเฉิงเฉิง ก็เหมือนกับเอาน้ำเย็นๆมาราดบนหัว
แต่ว่าดูเหมือนว่าหยางหยางเหมือนจะมีความมั่นใจไม่น้อย เขาโบกมือ : “วางใจเถอะ ฉันอยู่กับแม่มาตั้งหลายปีรู้จักแม่เป็นอย่างดี เธอไม่มีทางเสียเวลาไปกับการดูรายการนัดบอร์ดหลอก ในเมื่อวันนี้พวกเราไม่ได้อะไรมา งั้นก็ถือสะว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน ”
***
เป็นเรื่องยากที่กู้ฮอนจะกลับบ้านเร็วมาในวันนี้
เธอเอาจิ่วจิ่วเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอด จุ๊บลงบนแก้มน้อยๆของเธออย่างรักและทะนุถนอม : “ลูกรัก ตอนแม่ไม่อยู่บ้านคิดถึงหม่ามี๊หรือเปล่า? ”
ยากที่จะเห็นแม่กลับมาบ้านเร็ว จิ่วจิ่วดีใจมากแน่นอน เธอเอามือน้อยๆทั้งสองข้างของเธอกอดเข้าไปที่คอของกู้ฮอนแน่น : “จิ่วจิ่วคิดถึงหม่ามี๊แน่นอน อยากให้หม่ามี๊อยู่ข้างกายเป็นเพื่อนทุกวันเลย ”
“ทำไม พวกพี่ชายอยู่บ้านไม่เล่นเป็นเพื่อนเหรอ? ”
จิ่วจิ่วส่ายหัว : “พี่เฉิงเฉิงเอาแต่นั่งดูหนังอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เล่นกับพี่หยางหยาง เขาก็มักจะชอบทำอะไรที่แปลกๆ ไม่สนุกเลยสักนิด ”
ในตอนนั้นเอง เฉิงเฉิงกับหยางหยางก็วิ่งลงมาจากบันได : “แม่……”
กู้ฮอนเห็นลูกชายสุดที่รักทั้งสอง : “วันนี้พวกคุณซนหรือเปล่า ได้ยั่วโมโหป้าแอนนิกับน้าเฉียวเฉียวให้โกรธหรือเปล่า? ”
เฉิงเฉิงกับหยางหยางสบตากัน หยางหยางยิ้ม : “ฮิฮิ แม่ พวกเราอยู่ตรงนี้แม่ยังไม่วางใจอีกเหรอ แต่ว่าก็ไม่ได้ยั่วโมโหอะไรเลยสักนิดนะ ไม่เชื่อแม่ก็ถามป้าแอนนิดู ”
กู้ฮอนยื่นมือออกไป เกาไปที่จมูกของหยางหยางเบาๆ : “ถ้าคุณเป็นคนซื่อสัตย์ละก็นะ แม่ก็ขอบคุณคุณมากเหลือเกิน เมื่อกี้น้องน้อยได้บอกสถานการณ์ของคุณกับแม่หมดแล้วนะ ”
หยางหยางได้ยินอย่างนั้น หัวใจดวงน้อยๆของเขาก็สั่นขึ้นมานิดหนึ่ง สายตาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองที่จิ่วจิ่ว หลังจากนั้นก็แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น : “แม่ แม่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับผมเลย ในบ้านนี้ ผมก็นับว่าเป็นพี่ชายที่รักทะนุถนอมน้องสาวสุดที่รักมากที่สุดเลยนะ ปกติเฉิงเฉิงก็ไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนน้อง ก็มีแค่ผมที่มาเล่นเกมที่เด็กอายุอย่างผมไม่ควรจะเล่นเป็นเพื่อนน้องอีกนะ ”
“โอเคแล้ว แม่รู้แล้ว ไม่รู้ว่าลูกไปเรียนการช่างพูดช่างจาอย่างนี้กับใครมา รีบไปล้างมือแล้วมากินข้าวเร็ว ”
*
ตอนกลางคืน หลังจากที่กู้ฮอนกล่อมจิ่วจิ่วหลับไปแล้วนั้น ก็เห็นเฉิงเฉิงกับหยางหยางยังคงอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อยู่
“ลูกสุดที่รัก ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ? ”
หยางหยางวางเมาท์ลง ขยับคอของตัวเองนิดหน่อย : “ตอนนี้พวกเราเป็นเชอร์ล็อกโฮมส์ ”
“เชอร์ล็อก โฮมส์อะไร? พวกคุณกำลังเล่นเกมกันอยู่เหรอ? ” กู้ฮอนไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่หยางหยางพูด
“แม่ คือเป็นอย่างนี้ พวกเรารู้สึกว่าพ่อไม่ได้รับความเป็นธรรม คดีของคุณยายต้องมีอะไรคลุมเครือแน่นอน เพราะฉะนั้นพวกเราเลยอยากจะช่วยตามหาความจริงให้กระจ่าง ” เฉิงเฉิงพูดอธิบายอย่างจริงจัง
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เดิมทีจิตใจที่ผ่อนคลายสบายใจนิดหนึ่งของกู้ฮอน ก็หยุดชะงักอย่างกะทันหัน เมื่อคิดถึงการเสียชีวิตจากไปที่คาดไม่ถึงของแม่ เธอก็ไม่มีรอยยิ้มอีกเลย
สำหรับเรื่องนี้ เธอก็ไม่เชื่อว่าเป่หมิงโม่เป็นคนทำ แต่ว่าหลักฐานก็กลับชี้ตัวไปที่เขา
“ลูกรัก แม่ว่าเรื่องนี้พวกคุณไม่ต้องไปหาอะไรแล้วล่ะ มีคุณลุงตำรวจ ที่จะตรวจสอบหาเรื่องนี้ให้ชัดเจนเอง อีกทั้ง ที่นั่นพวกคุณก็ล้วนไม่ได้ไป จะเริ่มหาจากตรงไหนล่ะ? ”
เฉิงเฉิงเห็นว่าแม่อารมณ์หดหู่ไร้ความหวังเล็กน้อย เขาก็รู้สึกว่าควรจะเอาเรื่องพวกนี้บอกกับเธอสักหน่อย : “การเสียชีวิตที่คาดไม่ถึงของยายก็เป็นเพราะพ่อเป็นคนเอาน้ำซุปบำรุงร่างกายไปให้ใช่ไหม? ”
กู้ฮอนพยักหน้า
“แม่ งั้นแม่รู้หรือเปล่า ว่าน้ำซุปบำรุงร่างกายที่พ่อเอาให้ยายเอามาจากไหนกันล่ะ? ”
กู้ฮอนขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เธอเข้าใจความหมายในคำพูดของเฉิงเฉิงทันที : “ความหมายของลูกก็คือ น้ำซุปพวกนั้นเป็นคนอื่นที่ทำเหรอ? ”
เฉิงเฉิงพยักหน้า : “ถูกต้อง น้ำซุปพวกนี้ต้องเป็นคนอื่นที่ทำแน่นอน และอีกอย่างคนคนนั้นแม่ก็รู้จัก ”
***
กู้ฮอนรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย คิ้วของเธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
“โอ๊ย คุณอย่าอุบแม่ไว้เลย รีบพูดเหตุการณ์ให้แม่ฟังเถอะ ไม่อย่างนั้นฉันจะพูดแล้วนะ ” หยางหยางมองท่าทางของเฉิงเฉิง เขารู้สึกทนไม่ได้แล้ว พูดเร่งเขา
ตอนนี้เฉิงเฉิงยังมีความสงสัยนิดหน่อย ควรจะเอาเรื่องนี้เล่าให้แม่ฟังก่อนดีไหม
ผ่านไปแป๊บหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจ : “แม่ ให้อภัยผมด้วย ตอนนี้ผมบอกเรื่องราวทั้งหมดให้แม่ฟังไม่ได้ เพราะว่ายังมีบางอย่างที่ผมต้องตรวจสอบ วางใจเถอะ ตอนนี้พวกเรามั่นใจในระดับหนึ่ง ที่จะพิสูจน์ได้ว่าพ่อไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ”
กู้ฮอนเห็นลูกชายไม่ยอมพูด เธอก็ไม่ได้ถามต่อ เธอรู้ว่าที่ลูกชายทำแบบนี้ต้องมีเหตุผลของเขาแน่นอน
เมื่อคิดดูดีๆแล้ว ยังมีเวลาอีกสองวันก่อนขึ้นศาล เหลือเวลาให้เด็กๆไม่เยอะแล้ว
เธอพยักหน้า : “ก็ได้ ลูกรัก ในเมื่อเรื่องนี้มีร่างคร่าวๆแล้ว งั้นก็ไม่ต้องเหนื่อยมากเกินไปนะ ยังมีเวลาอีกหนึ่งวันนะ ”
“แม่ แม่วางใจเถอะ พวกเรารู้อยู่แล้ว แม่ทำงานมาทั้งวัน คงเหนื่อยมากแน่นอน รีบไปพักผ่อนเถอะครับ ”
มองดูแม่เดินออกไป หยางหยางก็รู้สึกไม่พอใจ : “เฮ้ย ทำไมคุณไม่เล่าเรื่องทั้งหมดที่พวกเรารู้ให้แม่ฟังล่ะ? คุณไม่ได้อยากให้เธอรู้ความจริงของเรื่องนี้มากที่สุดเหรอ? ”
“ฉันอยากให้แม่รู้ความจริง แต่ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อย ถ้าหลังจากที่เธอรู้ความจริงแล้ว อาจจะทำให้มีผลไม่ดีกับเธอ ฉันยอมที่จะให้เธอรู้ช้าหน่อยก็ดี ” ตอนนี้ในใจของเฉิงเฉิงมีความสับสนอย่างเห็นได้ชัด
หยางหยางก็เข้าใจว่าที่เขาทำไปก็เพื่อเป็นผลดีกับแม่ เขาเลิกคิ้ว มองไปที่เฉิงเฉิงแล้วพูดว่า : “แต่ก่อนฉันมักจะคิดว่าคุณทำเพื่อพ่อเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยสำหรับเรื่องนี้ คุณก็คิดเพื่อแม่ไม่น้อยเลย งั้นตอนนี้พวกเราจำเป็นจะต้องตรวจสอบหาต่อไปไหม? ในเมื่อเรื่องนี้มีย่าเลี้ยงมาเกี่ยวข้องแล้ว ฉันรู้ ว่าคุณก็ไม่อยากที่จะเห็นผลลัพธ์อย่างนี้ ”
เรื่องนี้ทำให้เฉิงเฉิงมีการเลือกที่ยากขึ้นมากจริงๆ ทั้งสองฝั่งล้วนเป็นญาติของตัวเอง จากใจของเขา เขาไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับฝ่ายใดก็ตาม
หลังจากที่เขาครุ่นคิดไปแป๊บหนึ่ง ยังคงทำการตัดสินใจอย่างยากลำบาก
ในค่ำคืนนี้ มีคนมากมายที่ยังนอนไม่หลับ แต่ว่า ระหว่างพวกเขายังมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก : เป่หมิงโม่、กู้ฮอน、โม้จิ่งเฉิง、หวีหรูเจี๋ย และยังมีเฉิงเฉิงกับหยางหยาง
ในใจของพวกเขาล้วนคิดเรื่องของตัวเอง แต่ว่าเรื่องพวกนี้ก็เชื่อมโยงต่อกันอีก
*
หลังจากผ่านค่ำคืนที่นอนไม่หลับไป เช้าตรู่กู้ฮอนก็เรียกสติขึ้นมาให้ไปทำงาน เธอไม่ได้ขับรถของตัวเอง แต่กลับให้ฉิงฮัวไปส่งเธอ
เฉิงเฉิงและหยางหยางอยู่ในช่วงวันหยุด นอนหลับจนตะวันโด่งถึงได้ลุกออกจากผ้าห่ม
ค่ำคืนที่นอนไม่หลับไม่มีผลกระทบใดๆต่อเป่หมิงโม่ เขายังคงพักผ่อนอยู่ในสถานีตำรวจตามปกติ และถึงแม้การกระทำของเขาจะถูกจำกัด แต่ว่าด้านอื่นๆของเขาก็ยังคงมีอิสระอยู่
เขานั่งอยู่ที่โซฟา ดูรายการเศรษฐกิจในท้องที่
นี้นับว่าเป็นการติดตามให้ความสำคัญกับบริษัทเป่หมิง เพราะว่าถ้าบริษัทเป่หมิงมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ช่องนี้ก็จะรายงานแน่นอน
หลังจากที่ถ่ายทอดข่าวเศรษฐกิจหมดแล้ว ก็เริ่มมีโฆษณาแทรกเข้ามา
ตอนที่เขากำลังหยิบรีโมตเพื่อจะเปลี่ยนช่องนั้น ตัวอย่างของรายการหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของเขาทันที
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
***
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วจ้องมองที่หน้าจอทีวี ก็มีเสียงดังออกมาจากโฆษณา : “เด็กซุกซนที่ต้องรับหน้าที่ ดูว่าพวกเขาจะ ‘ไม่เอา ’พ่อออกไปได้ยังไง เดินขึ้นเวทีอย่างไม่ลังเล เพื่อที่จะมาหาคู่ที่เหมาะสมให้กับแม่ของพวกเขา และหาพ่อที่ดีคนใหม่ให้ตัวเอง อยากรู้ว่าพวกเขาจะทำยังไง ติดตามดูรายงาน 《วาสนารัก》 ได้ในคืนนี้สองทุ่มตรง ”
แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยสนใจรายการแบบนี้ แต่กลับถูกดึงดูดสายตาจากร่างเล็กๆที่ปรากฏบนจอทีวี
เด็กผู้ชายที่ท่าทางอวดดีอย่างนั้น ไม่ใช่หยางหยางที่ทำให้เขาต้องปวดหัวตลอดเวลาเหรอ? เด็กคนนี้ปรากฏอยู่บนเวที ทำให้คนรู้สึกคาดไม่ถึงจริงๆ
เดี๋ยวเดี๋ยว! เขาก็นึกคำพูดที่ได้ยินเมื่อกี้ขึ้นมาทันที : “ไม่เอาพ่อ” อะไร? “ช่วยแม่หาคู่ที่เหมาะสม ” ! ยังมีอะไรอีก “หาพ่อที่ดีคนใหม่ให้ตัวเอง ”……
ทำให้ดวงตาเดิมทีที่อ่อนโยนของเขา เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาอย่างกะทันหัน กระทั่งเยือกเย็นกว่าแต่ก่อนอีกมากๆ : “ฉันอยากจะดูซิ ว่าคุณเตรียมอยากที่จะ ‘ไม่เอา’ฉันออกไปยังไง ”
แต่ว่าในตอนนั้นเอง ในหัวสมองของเขาก็คิดขึ้นมาได้ เมื่อกี้เหมือนเขาจะเห็นร่างที่คลุมเครือของเด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างหยางหยาง แต่ว่านั้นก็กลับไม่ใช่เฉิงเฉิง เหมือนจะเป็นเด็กผู้หญิงด้วย เด็กกว่าเขาด้วย
เด็กคนนั้นเป็นใครอีกล่ะ?
*
เป่หมิงโม่ที่มองดูตัวอย่างในทีวีเมื่อกี้ โกรธจนกัดฟันกรอด
ในห้องทำงานของประธานบริษัทเป่หมิง ต้องเผชิญหน้ากับกองเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะทำงาน เอกสารที่รออนุมัติการอ่าน กู้ฮอนรู้สึกจิตใจสับสนนิดหนึ่ง
ปากกาที่เปิดไว้แล้ว อยู่บนเอกสารที่รอการเซ็น แต่ยังคงไม่ลงมาเซ็นสักที
ฉิงฮัวที่นั่งอยู่ตรงข้ามก้มหน้าจัดการเรื่องราวต่างๆของบริษัทGTอยู่ ก็รู้สึกถึงความรู้สึกที่ต่างไปจากปกติของห้องนี้ได้
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่กู้ฮอนที่กำลังนั่งใจลอยอยู่ที่นั่น
“คุณ? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ให้ผมเรียกรถ ส่งคุณไปดูอาการไหม? ”
ตอนนั้นเองกู้ฮอนก็เรียกสติกลับมา ยิ้มเล็กๆให้กับฉิงฮัว : “ขอบคุณ ไม่เป็นไร เมื่อกี้ฉันแค่ใจลอยไปก็แค่นั้น อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อคืนคุยกับลูกๆดึกเกินไป ฉันไปชงกาแฟก่อน เดี๋ยวอีกแป๊บหนึ่งก็ไม่เป็นไรแล้ว ”
พูดเสร็จ เธอก็ถือแก้วกาแฟเดินไปที่ห้องชงกาแฟ
*
ปิ่นฮอนเป่หยวน ในบ้านเล็กๆของฉิงฮัวกับลั่วเฉียว มีฉากที่คึกคักอยู่
หยางหยางกำลังชี้ไปที่หน้าจอทีวี พูดอย่างยโสว่า : “คุณเห็นแล้วหรือยัง เมื่อกี้มีฉันออกมาด้วยนะ เป็นยังไง ดูแล้วค่อนข้างขึ้นกล้องอยู่นะ ไม่ได้ขี้โม้นะ นี้เป็นประสบการณ์ที่อาสามสอนให้ฉันเลยนะ ”
ลั่วเฉียวมองหยางหยางแล้วเบ๊ะปาก : “ก็แค่มีหน้าออกอยู่บนทีวี มีอะไรเยอะหยิ่งล่ะ พี่สาวคนนี้ถ่ายละครและหนังมาตั้งมากมาย ก็ไม่เคยเป็นแบบคุณเลยนะ ”
ในตอนนั้นเองจิ่วจิ่วก็ขมวดคิ้วขึ้น : “ทำไมเมื่อกี้ไม่มีหนูอา? หรือว่าพวกเขาลืมหนูไปแล้วใช่ไหม? ”
แอนนิยิ้มๆแล้วปลอบเธอ : “สุดที่รัก อย่าเพิ่งรีบร้อน เมื่อกี้ไม่ได้พูดแล้วเหรอ คืนนี้สองทุ่มก็จะฉายแล้ว ”
สองทุ่ม……หยางหยางรู้สึกอดทนรอไม่ไหวแล้ว