บทที่ 864 ตัวอย่างรายการ
ในตอนนั้นเอง เฉิงเฉิงก็พูดเสียดสีเหมือนราดน้ำเย็นๆมาใส่เขาอีกแล้ว : “สองทุ่ม ตอนนั้นแม่ก็คงกลับมาแล้วล่ะ ” พูดจบ เขาก็เดินขึ้นไปบนชั้นลอยของบ้านอย่างสบายใจ
แน่นอน ว่าประโยคที่พูดออกมา หยางหยางก็ประพฤติตัวดีทันที
***
เฉิงเฉิงพูดถูก ถ้าแม่เห็นรายการนี้ล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรออกมานะซิ
ครั้งนี้เขาพาจิ่วจิ่วเข้าไปร่วมในรายการ และยังแอบแม่ไปอีก
ความตื่นเต้นและความกระตือรือร้นที่ใกล้จะออกทีวีในตอนแรกนั้น หลังจากที่เรื่องเมื่อกี้ผ่านไป ก็เริ่มลดลงเล็กน้อย
เขาก็เหมือนกับมะเขือยาวที่แห้งตาย หลังจากผ่านพายุในหิมะ
เห็นท่าทางของหยางหยางแล้วนั้น ลั่วเฉียวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา : “หยางหยาง ท่าทางเมื่อกี้ของคุณวิ่งหายไปไหนแล้วล่ะ? ”
แอนนิชายตามองลั่วเฉียวนิดหนึ่ง : “เฉียวเฉียว เป็นอย่างนี้แล้ว ยังจะมาซ้ำเติมอะไรอีกล่ะ ”
หลังจากนั้นเธอก็พูดปลอบใจหยางหยาง : “อย่ากังวลไปเลย แม่คุณก็ทำงานกลับบ้านดึกทุกวันไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง ถ้าแม่คุณจับได้ขึ้นมาจริงๆ พวกเราก็จะช่วยพูดแทนคุณเอง ทั้งหมดก็ไม่ใช่เป็นเพราะหวังดีกับเธอหลอกเหรอ? ”
หยางหยางที่ถูกแอนนิพูดศีลธรรมความดีนั้น ก็เหมือนกับว่าตัวเองถือเครื่องรางของขลังป้องกันไว้ในมือพอดี
สติก็เรียกคืนกลับมาได้ในทันที : “ใช่จริงด้วย ที่พวกเราทำแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี ก็เพื่อที่จะให้วันข้างหน้าของแม่มีความมั่นคง เพื่อสิ่งที่ดีต่อเธอ เฉิงเฉิงนี้ก็จริงๆเลย นอกจากจะชอบหลอกให้ผมตกใจแล้ว ก็ไม่มีความคิดดีๆอะไรเลย ”
“หยางหยาง คุณโทษเขาผิดแล้ว แต่ก่อนที่เขาช่วยพวกคุณคิดหาวิธีดีๆต่างๆ คุณลืมแล้วเหรอ? ที่เขาพูดอย่างนั้น ก็แค่อยากจะเตือนคุณว่าอย่าลืมตัวนะ ” ตอนนี้ลั่วเฉียวเริ่มเรียกร้องความไม่ยุติธรรมให้เฉิงเฉิงแล้ว
ความฉลาดเล็กๆในหัวของหยางหยาง เหมือนจะหาแพะรับบาปได้แล้ว เขายื่นมือของตัวเองออกมาตบที่สมองของเขาเบาๆ : “อ๋อใช่ ผมลืมเขาไปได้ยังไง ที่พวกเราออกทีวี เฉิงเฉิงก็มีส่วนร่วมด้วย ถึงแม้เขาจะไม่ได้ออกหน้ามา แต่ว่าก็เป็นคนที่ชอบออกความคิดเห็นที่ไร้ค่าให้แก่พวกเรา ต้องขอบคุณน้าเฉียวเฉียวที่เตือนนะครับ ”
บนหน้าผากของลั่วเฉียวและแอนนิก็ปรากฏคิ้วสีดำที่ขมวดขึ้นมา
ไอ้เจ้าเด็กหยางหยางนี้ เหลือเกินจริงๆเลย พยายามที่จะให้คนที่อยู่ในบ้านนี้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งหมดเขาถึงจะสบายใจ
ตอนนั้นเอง ตัวเฉิงเฉิงที่อยู่บนชั้นลอยของบ้าน ก็จามขึ้นมาอย่างฉับพลัน
*
บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง เจียงฮุ่ยซินกำลังขมวดคิ้วคิดเรื่องอะไรอยู่ หลังจากที่เป่หมิงโม่ถูกคุมขังเข้าไปที่สถานีตำรวจแล้ว เธอรู้สึกว่าสถานการณ์เรื่องนี้มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่เกินไป เธอต้องการที่จะวางแผนใหม่
เป่หมิงยันนอกจากจะเดินผ่านกันตอนกินข้าวแล้วนั้น ตอนอื่นๆก็ไม่อยู่บ้านแล้ว รายละเอียดว่าไปทำอะไรนั้นเจียงฮุ่ยซินยิ่งไม่รู้เข้าไปอีก
ช่างเรื่องที่ลูกชายไม่ใส่ใจเรื่องบริษัทเป่หมิงเถอะ ขอแค่มีเธอที่ลงมือบัญชาการด้วยตนเองก็พอแล้ว
เธอมีโทรไปหาเป่หมิงยี่เฟิงบ้าง ให้ฝั่งทางนั้นของเขาระวังหน่อย แต่ว่าเธอกลับรู้สึกมีเรื่องจัดการยากนิดหน่อย นั้นก็คือคนที่ค่อยช่วยควบคุมเป่หมิงยี่เฟิงนั้นเริ่มมีใช้มาตรการบางอย่าง
ดูเหมือนว่าพวกเขาก็สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นของบริษัทเป่หมิงเหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างนี้ล่ะก็ สำหรับเธอแล้วนั้น ถึงแม้ว่าจะใช้อำนาจคุกคามเป่หมิงโม่ได้แล้วนั้น แต่ว่าก็มีศัตรูคนใหม่เข้ามาอีก อีกทั้งความสามารถของศัตรูคนนี้ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเป่หมิงโม่เลยแม้แต่น้อย จากท่าทางที่เป่หมิงยี่เฟิงปฏิบัติต่อเขาแล้วนั้นก็มองเห็นได้
แต่ว่าตอนนี้ ก่อนที่จะเข้าใจเจตนารมณ์และจุดประสงค์ของคนเหล่านั้นอย่างถ่องแท้นั้น ก็คงอย่าเพิ่งทำอะไรพลีพลามไปก่อน
เรื่องพวกนี้ทำให้เธอรำคาญใจ เอื้อมมือไปหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นมา เปิดทีวี ก็มองเห็นหยางหยางอยู่ในนั้นกระทบเข้ามาในตาของเธอพอดี
***
เจียงฮุ่ยซินอดไม่ได้ที่จะสนใจไปแป๊บหนึ่ง แต่ว่าภาพนั้นเร็วมาก เธอยังมองไม่ทันเห็นอะไรมากก็ผ่านไปแล้ว
แต่ว่า เธอได้ยินเวลาที่รายการถ่ายทอดแล้ว
หรือในตอนนี้ เหลือเพียงกู้ฮอนเท่านั้นที่ยังอยู่ในความมืดมิดก็ได้
*
เวลาในวันหนึ่งผ่านไปไวเหมือนโกหก
ในจิตใจของกู้ฮอนนั้นก็ยังคงไม่นิ่ง ดีที่ยังมีฉิงฮัวที่ค่อยช่วยเหลือ งานก็เลยผ่านไปได้เป็นอย่างดี
แต่ว่าที่ทำให้เธอปวดหัว ก็คือถังเทียนจื๋อ เขาอยู่ในห้องทำงานของเธอเกือบทั้งวัน พูดให้ไพเราะน้อยก็คือรายงานงานแทนให้เป่หมิงยี่เฟิง
เวลาที่เหลือก็คือไม่มีเรื่องก็หาเรื่องมาคุยกับเธอเอง
แต่ว่าโชคดีที่ หลังจากที่ถังเทียนจื๋อกินข้าวเที่ยงเสร็จนั้น ก็ได้รับโทรศัพท์บางอย่างแล้วก็จากไป
เดิมทีฉิงฮัวยังมีความรู้สึกดีๆให้กับถังเทียนจื๋ออยู่บ้าง โดยเฉพาะตอนแรกที่เขาพากู้ฮอนและหยางหยางกลับออกมาจากป่าได้
แต่ว่ายิ่งถึงตอนสุดท้ายเท่าไร เรื่องที่เกิดขึ้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก อีกอย่างเรื่องใหญ่ๆที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเขาด้วย อีกทั้งเจ้านายยังเตือนกู้ฮอนตั้งหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้ไปยุ่งกับเขา
หลังจากนั้นความประทับใจในตัวเขาแต่ละครั้งก็ลดลงเรื่อยๆ
ในบริษัทเป่หมิงมีคนสามคนที่ไม่อยากเห็นหน้าถังเทียนจื๋อ : เป่หมิงโม่ 、กู้ฮอน、เป่หมิงยี่เฟิง และตอนนี้ก็ยังมีเขา ——ฉิงฮัว
“คุณผู้หญิง ไม่รู้จริงๆว่าคุณยี่เฟิงมองเห็นอะไรในตัวเขา ถึงได้รับเขาเข้ามาเป็นผู้ช่วย ”
กู้ฮอนเคยรู้ที่ไหนกัน แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีพลังมากพอที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หลอก
ตลอดทั้งตอนบ่าย เธอจดจ่ออยู่แต่กับเอกสารต่างๆที่แผนกของบริษัทส่งมา
ไม่ทันไร แสงพระอาทิตย์ที่อยู่นอกหน้าต่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดทั้งหมดแล้ว แสงไฟนีออนหลากหลายสีบนท้องถนนส่องสว่างทำให้เมืองตอนกลางคืนมีชีวิตชีวาขึ้น
ฉิงฮัวเก็บเอกสารที่อยู่บนโต๊ะเรียบร้อย เดินมาด้านหน้าของกู้ฮอน : “คุณผู้หญิง งานวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนเถอะ ผมว่าเมื่อวานนี้คุณเองก็ยังพักผ่อนไม่เต็มที่ วันนี้รีบกลับไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ เรื่องของเจ้านายวันพรุ่งนี้ก็ต้องขึ้นศาลแล้ว ”
กู้ฮอนได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเธอก็หยุดนิ่งไปทันที พรุ่งนี้ หลังจากที่ได้คุยกับลูกๆไปแค่นิดเดียวแล้วนั้น ยิ่งมีความมั่นใจเพิ่มไปอีกว่าเป่หมิงโม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตที่คาดไม่ถึงของแม่แน่นอน
แต่ว่า เธอกลับไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ตัวเองควรที่จะไปร่วมพิจารณาตัดสินคดีดีหรือไม่
แต่ว่าในฐานะที่เป็นสมาชิกในครอบครัวคนเดียวของเหยื่อ เธอเลยตัดสินใจที่จะไป เพราะว่าเธอรู้ ว่าวันพรุ่งนี้ฆาตกรตัวจริงจะต้องปรากฏตัวออกมาแน่นอน
ฉิงฮัวขับรถมาส่งกู้ฮอนที่บ้าน
พวกเขากลับมาเร็วแบบนี้ หยางหยางรู้สึกแปลกใจ แต่ว่าเมื่อคิดถึงคนที่อยู่ด้านหลัง มีคนมากมายที่“หนุนหลัง”ให้ตัวเอง ก็เลยไม่มีความกังวลอะไรเลย
“วันนี้พวกคุณเป็นอะไรกัน เมื่อตอนเช้าที่ฉันออกไป ก็ไม่ใช่ดีๆกันอยู่เหรอ? ” กู้ฮอนมองหยางหยางและพวกเขาอย่างแปลกใจ
“ฮอน ไม่มีอะไร วันนี้พวกเขาแค่พนันกันว่าคุณจะเลิกงานตรงเวลาหรือเปล่า คุณดูท่าทางของพวกเขาซิ ก็เป็นเพราะแพ้พนันแล้วนะซิ พอแล้วพอแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ ”
อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้กู้ฮอนเหนื่อยมากจริงๆ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ หลังจากที่กินข้าวเสร็จ เธอก็ไม่ได้เป็นเหมือนปกติ ที่จะเล่นกับจิ่วจิ่ว และดูทีวีกับแอนนิ ลั่วเฉียวพวกเธอ
แต่หลังจากออกมาจากห้องอาหาร ก็เอาจิ่วจิ่วส่งให้แอนนิ แล้วก็เตรียมตัวที่จะเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
“ฮอน ทำไมวันนี้คุณดูเหมือนไม่ค่อยมีชีวิตชีวาเลย ดูทีวีกับพวกเราแป๊บหนึ่งก่อนดีไหม ผ่อนคลายสักหน่อย? ” ลั่วเฉียวพูด
***
สำหรับคำพูดที่ไม่น่าเชื่อของลั่วเฉียว ไม่ว่าจะเป็นแอนนิหรือหยางหยาง พวกเขาต่างก็มองเธออย่างประหลาดใจ
ว่ากันว่าผู้หญิงที่ท้องจะโง่ไปสามปี คิดไม่ถึงว่าจะปรากฏในตัวเธอได้เร็วขนาดนี้
คำพูดได้ออกมาจากปากลั่วเฉียวแล้วนั้น เธอก็รู้สึกไม่น่าพูดออกไปเลย แต่ว่าได้พูดออกไปแล้วก็เอาคืนไม่ได้ เธอได้แค่เฝ้ามองท่าทางของกู้ฮอนอย่างใจจดใจจ่อ
งานช่วงนี้ สร้างความกดดันให้กับกู้ฮอนมากเหลือเกิน เธอก็อยากที่จะพักผ่อน ผ่อนคลายสักหน่อย
ดูทีวีก็เป็นคำแนะนำที่ไม่เลว ดีกว่ากลับห้องไปคนเดียวแล้วเอาหัวซุกหมอนแล้วนอนหลับไป
อีกอย่างเมื่อคิดถึงลูกๆ ว่าตัวเองไม่ได้อยู่เล่นเป็นเพื่อนลูกๆมานานแล้ว ยากที่จะกลับมาเร็วแบบวันนี้ งั้นก็อยู่เป็นเพื่อนกับพวกลูกๆดีกว่า เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็หมุนตัวกลับมา
ในตอนนี้เอง คนอื่นๆล้วนรู้สึกลุ้นระทึกตื่นเต้นขึ้นมา โดยเฉพาะหยางหยาง ใจเต้นแรงจนจะถึงคออยู่แล้ว
“ลูก ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า? ” กู้ฮอนเห็นสีหน้าของหยางหยางแปลกไป นึกว่าเขาไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า พูดไปด้วย แล้วก็ใช้หลังมือวางลงหน้าผากของเขาเบาๆ
ปฏิกิริยาของหยางหยางก็ไม่ได้ช้า เขาส่ายหัว แล้วก็ดึงสติกลับมาตามปกติดั้งเดิมอย่างรวดเร็ว : “โอ๊ย แม่ ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่ว่าวันนี้แม่จะมาดูทีวีเป็นเพื่อนพวกเรา ผมก็แค่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยน่ะ ”
กู้ฮอนมองบนใส่หยางหยางอย่างไม่พอใจ : “มีอะไรที่น่ารู้สึกแปลกใจ หรือว่าอยากจะให้แม่เหนื่อยมากเหมือนจะตายแบบทุกวัน? อีกอย่าง ที่แม่ทำแบบนี้ก็ไม่ใช่เพื่อลูกๆทั้งสามคนเหรอ ”
หยางหยางรีบฉีกยิ้ม : “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ขอบคุณฟ้าเบื้องบนเมตตาในพระคุณของแม่มากครับ ”
แอนนิและลั่วเฉียวรีบเข้ามาพูด ลั่วเฉียวชี้ไปที่ลำโพงที่อยู่ข้างทีวีแล้วพูดว่า : “ฮอน งั้นวันนี้พวกเราก็มาร้องคาราโอเกะกันเถอะ หลังจากที่ฉันท้อง ฉันก็ไม่ได้ร้องมาตั้งนานแล้ว ”
“เฉียวเฉียว ฉันว่าเอาไว้ก่อนเถอะ เสียงดังขนาดนั้น คุณไม่กลัวที่จะไปกระทบกระเทือนลูกในท้องของคุณเลยเหรอ คุณก็นั่งดูทีวีปกตินั่นแหละ แล้วก็รีบขึ้นไปพักผ่อน ฉันว่าวันครบกำหนดคลอดของคุณก็ใกล้จะมาถึงแล้วล่ะ ” กู้ฮอนมีลูกตั้งสามคน ก็พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง
ลั่วเฉียวมุ่ยปาก แกล้งทำท่าน้อยใจมองไปที่กู้ฮอน
ไม่กี่วันมานี้ เธอก็รู้สึกได้เหมือนกัน เจ้าเด็กน้อยที่อยู่ในท้องดูเหมือนจะเริ่มไม่อยู่นิ่งแล้ว
พูดตามตรง ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกหวาดกลัวกับการคลอดลูกแล้ว
“โอ๊ย ฮอน ตอนที่คุณคลอดลูกเจ็บมากๆใช่ไหมอา? ”
“แน่นอนอา ” กู้ฮอนพูด มองหยางหยาง : “โดยเฉพาะไอ้เจ้าเด็กดื้อสองคนนี้ เจ็บจนเหมือนฉันจะตายอยู่แล้ว ไม่ใช่มีคำพูดอยู่อันหนึ่งเหรอ ที่บอกว่าถูกยุงกัดนั้นแค่เจ็บในระดับหนึ่ง ผู้หญิงคลอดลูกนั้นเจ็บระดับสิบ แต่ว่าเฉียวเฉียว คุณไม่ต้องกลัวจนเกินไป เรื่องคลอดลูก กัดฟันสู้ไปเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว รอคลอดลูกน้อยออกมาแล้ว รู้จะได้ผ่อนคลายสบายมากขึ้นแล้ว ”
พูดอยู่ เธอก็เลื่อนสายตาไปมองที่ตัวของจิ่วจิ่ว แล้วก็ยิ้มอย่างปลาบปลื้มเล็กๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข
แน่นอน ว่าลูกทั้งสามคนนี้เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ฟ้าส่งมาให้เธอ
ตอนนั้นเองหยางหยางก็พูดออกมาอย่างฉับพลัน : “น้าเฉียวเฉียว รอตอนที่คุณคลอดน้องชายแล้ว ต้องให้คุณหมอปิดประตูให้ดีๆนะ ”
ลั่วเฉียวมองเขาอย่างสงสัย : “ทำไมล่ะ? ”
ทุกสายตาของคนในห้องก็มองไปที่หยางหยางเหมือนกัน
***
หยางหยางวางมาดแล้วพูดว่า : “ก็ต้องปิดประตูให้ดีๆซิ ตอนนี้เป็นฤดูร้อนมียุงเยอะ ถ้าตอนที่คุณป้าคลอดน้องอยู่ แล้วถูกยุงกัดล่ะก็ งั้นก็เจ็บถึงระดับสิบเอ็ดเลยนะ ”
คำพูดปล่อยออกมา ทุกคนที่อยู่ในห้องก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ลั่วเฉียวยื่นมือไปขยี้หัวน้อยๆของหยางหยาง : “ไอ้เจ้าเด็กดื้อคนนี้แช่งป้าเหรอ? ”