บทที่ 872 ฆาตกรอยู่ในพวกเรานี่แหละ
ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็ไม่ลืมที่จะทำให้ตัวเองและตระกูลเป่หมิงขายหน้าเลยจริงๆ
แม้แต่เจียงฮุ่ยซิน หลี่เชินกับถังเทียนจื๋อก็ต้องสับสนเข้าไปใหญ่ หรือว่าเรื่องนี้จะมีความลับซ่อนอยู่เบื้องหลังจริงๆ ?
***
“เป่หมิง……ซี……หยาง……” เป่หมิงโม่หรี่ตาเล็กน้อยแล้วมองไปที่หยางหยาง
เขาทนไม่ได้ที่เห็นลูกชายของตัวเองมาเล่นอะไรในสถานที่แบบนี้ ถึงแม้คนในที่นี้ส่วนมากเป็นคนกันเอง แต่เขาก็ไม่ยอมให้หยางหยางมาทำตัวขายหน้า
“ป๊อกป๊อก……” ค้อนพิพากษาถูกเคาะจนเกิดเสียงขึ้นอีกครั้ง
“คุณเป่หมิง กรุณาอย่าขัดขวางพยาน” ผู้พิพากษาพูดห้าม
เขามองไปที่เป่หมิงโม่ แล้วพูดในใจ:นายกินยาผิดมาเหรอ? ลูกชายจะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้ แต่กลับไปห้าม หรือว่านายชอบติดคุกเหรอ?
หยางหยางก็มีความคิดเดียวกับผู้พิพากษาเช่นกัน:ทำดีด้วยผิดคนจริงๆ จะมาช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้ เห็นแบบนี้ น่าจะให้ติดคุกไปหลายๆ ปีหน่อย แต่พอดึงสติกลับมาก็ยอมทิ้งความคิดนี้ไป
คิ้วเล็กๆ ของเขาขมวดเล็กน้อย แล้วแกล้งพูดกับเป่หมิงโม่: “คุณพ่อ ใจเย็นๆ ครับ หลักฐานในมือผมต้องช่วยพ่อออกมาได้แน่ ถ้าหากพ่อโดนยิงเป้า ผมกับเฉิงเฉิงไม่อยากเป็นลูกไม่มีพ่อนะ พ่อรู้มั้ยแบบนี้มันน่าเวทนานะ จะโดนคนอื่นเขาเหยียดเอา……”
ทันใดนั้นหน้าผากของผู้คนทั้งหมดก็เกิดรอยย่น
“แฮ่มๆ ……” ผู้พิพากษาฟังถึงตรงนี้ก็กระแอมเสียงแห้งขึ้น
“เจ้าหนูคนนี้ มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ตอนนี้พวกเราพยายามไม่ใช่โทษประหารแล้ว เพราะงั้นจึงมีโอกาสที่ถูกขังในเรือนจำ”
หยางหยางจึงพยักหน้าด้วยความโล่งใจ: “ ‘งั้นผมก็โล่งใจครับ เอาล่ะ กลับมาเข้าประเด็นต่อ”
เขาเลียนแบบนักเล่าเรื่องในอดีต: “ในคืนที่มืดมิดและมีสายลมแรง มีชายผู้หนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าประตูห้องผู้ป่วยห้องหนึ่งในมือเขาถือกล่องข้าวไว้ ชายผู้นั้นก็คือจำเลยในคดีนี้——พ่อของผม และคนที่อยู่ในห้องผู้ป่วยห้องนั้น ก็คือผู้ตายในคดีนี้ และก็เป็นคุณยายของผม แต่ไม่ใช่แม่ยายของพ่อผม……”
“เป่หมิงซีหยาง……พูดให้มันดีๆ หน่อย!” เมื่อเป่หมิงโม่ฟังถึงตรงนี้เขาก็ทนไม่ไหวอีกครั้ง ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดแบบนี้ยังจะเล่นเป็นเด็กอยู่นั่นแหละ เอาตัวเองไปล้อเล่น
ตอนนี้แม้แต่ผู้พิพากษาก็ทนไม่ไหวเช่นกัน ถึงแม้เป่หมิงโม่ไม่พูด เขาก็ต้องพูด
“หนูหยางหยาง หนูพูดตามปกติก็โอเคแล้ว อีกอย่างพูดถึงเรื่องที่หนูหามาได้ก็พอแล้ว เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคดีก็ไม่ต้องพูดให้มากความแล้ว”
หยางหยางทำมือ: “OK”
เฉิงเฉิงที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งผู้เข้าฟัง ก็เริ่มรู้สึกเสียใจที่ให้หยางหยางขึ้นไปอธิบายความจริง
หยางหยางกระแอม จากนั้นสีหน้าเด็กน้อยก็เปลี่ยนเป็นซีเรียส เขาพูดต่อ: “ทุกคนต่างรู้ดี ที่คุณยายของผมตาย นั่นก็เป็นเพราะกล่องข้าวที่พ่อของผมมอบให้ท่าน และเพราะเหตุนั้น พ่อของผมจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่าคุณยายผม แต่ว่าหลังจากเกิดเหตุ ผมกับผู้ช่วยผมเฉิงเฉิงก็พบว่า ทั้งคดีนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหา เพราะว่านี้มันก็เป็นแค่รูปการณ์ภายนอก พ่อของผมแค่โดนคนอื่นใช้ประโยชน์แค่นั้น เขาถูกคนอื่นใช้เป็นมือปืน แต่คนที่ฆ่าคุณยายของผมจริงๆ นั้นเป็นคนอื่น และ คนๆ นั้นก็อยู่ในกลุ่มพวกเรานี่แหละ!”
พอหยางหยางพูดถึงตรงนี้ เขาก็หันขวับไปทางที่นั่งของผู้เข้าฟัง
ผู้พิพากษาและคนอื่นๆ ก็หันไปทางที่นั่งผู้เข้าฟังเช่นกัน
“เป่หมิงซีหยาง!จะพูดมั่วๆ ไม่ได้นะ!” เป่หมิงโม่พยายามดุหยางหยางอีกครั้ง เพราะเขาไม่ต้องการให้ความจริงจากปากของเขาถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ที่ตัวเขาเลือกที่จะติดคุก ก็เพราะต้องการที่จะปกป้องคนๆ นั้น
***
“ป๊อกป๊อกป๊อก…….”
“คุณเป่หมิง กรุณาอย่าขัดขวางพยาน ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ามีครั้งถัดไป คงจะต้องเชิญคุณออกไปก่อน”
ผู้พิพากษาห้ามเป่หมิงโม่ จากนั้นก็พูดกับหยางหยาง: “เจ้าหนู เชิญพูดต่อ จำไว้ว่าต้องเรียบง่ายและกระชับ”
เป่หมิงโม่เหมือนโดนปิดปาก อยากจะพ่นลมหายใจออกมาก็ทำไม่ได้ จึงต้องกลืนมันลงไป เขาทำได้แค่จ้องมองไปที่หยางหยางด้วยสายตาน่ากลัวและเย็นยะเยือก
ส่วนผู้เข้าฟัง พอได้เห็นสายของเขา ก็สัมผัสได้ถึงความตกใจ และทำที่เขาอยากจะพูดแล้วพูดไม่ได้
แต่ทุกอย่างก็มีข้อยกเว้น หยางหยางไม่หลงกลพ่อของเขา
หลังจากมองบนใส่เป่หมิงโม่ ก็พูดขึ้นต่อ: “ข้าวกล่องในมือของคุณพ่อ ที่จริงไม่ใช่ของเขา เขาไม่ใช่คนจำพวกที่จะส่งข้าวส่งน้ำให้คนอื่น ที่ผ่านล้วนแต่เป็นคนอื่นที่ส่งข้าวส่งน้ำให้เขา ถ้างั้นก็มีคำถามแล้ว เจ้าของที่แท้จริงของกล่องข้าวนี้เป็นของใครกันแน่ ใครกันนะที่จะทำให้พ่อวิ่งธุระให้ด้วยความเต็มใจ ขอแค่หาคนๆ นั้นเจอ เรื่องหลายๆ อย่างก็จะกระจ่าง และคนนั้นก็คือ……”
ขณะที่หยางหยางกำลังจะพูดชื่อขึ้นมา ก็พูดเสียงหนึ่งขัดไว้
“หยางหยาง หนูไม่ต้องพูดแล้ว คนๆ นั้นก็คือฉันเอง!” ขณะนั้น หวีหรูเจี๋ยที่นั่งอยู่ตรงผู้เข้าฟังก็นั่งไม่ติดเก้าอี้
ถ้าจะให้หยางหยางพูดออกมา เป็นตัวเองที่ยอมรับเองจะดีกว่า
เป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่ที่นั่งจำเลยก็ได้ยินแม่ของตนพูดยอมรับออกมาจากปากของตัวเอง เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ สิ่งนี้บ่งบอกว่าการกระทำที่ผ่านมาทั้งหมดของเขานั้นสูญเปล่า
เมื่อผู้พิพากษาได้ยินดังนั้น ในคดีนี้คงมีเบื้องหลังอยู่จริงๆ เขาจึงเริ่มสอบถามเธอ
เขาส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ของศาลนำตัวหวีหรูเจี๋ยเข้ามาจากที่นั่งของผู้เข้าฟัง
“ขอถามคุณผู้หญิงมีชื่อนามว่าอะไร? คุณกับจำเลยมีความสัมพันธ์อะไรกัน?”
“ดิฉันชื่อหวีหรูเจี๋ย จำเลยคือ……” พูดถึงตรงนี้ เธอก็หันหน้าไปมองเป่หมิงโม่ จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงเบา: “ดิฉันเป็นแม่ของเขา”
มันที่ให้ผู้พิพากษารู้สึกประหลาดใจ ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากถามหวีหรูเจี๋ยต่อ ก็ถูกเธอแย่งพูดขึ้นก่อน: “ดิฉันยอมรับ ข้าวกล่องที่ลูกชายดิฉันเอาไปมอบให้ลู่ลู่เป็นของดิฉันเอง ที่เขาเอาของไปให้ก็เป็นเพราะว่าตอนนั้นดิฉันไม่สบาย จึงได้ให้เขาไปแทน”
พูดจบเธอก็มองไปที่ผู้พิพากษาด้วยสายตาแน่วแน่: “ดิฉันขอยอมรับผิดในข้อหาฆาตกรรมลู่ลู่ทุกประการ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกชายดิฉันเลยแม้แต่น้อย ได้โปรดท่านผู้พิพากษาปล่อยเขาไปด้วยเถอะค่ะ” เธอพูดไปพูดมา เธอก็เริ่มหวั่นๆ เล็กน้อย
เป่หมิงโม่ที่นิ่งๆ ตลอดมาก็เริ่มทรงตัวไม่อยู่ เขามองไปที่แม่ของเขา กัดฟันกรอด ต่อมาสายตาเขาก็จ้องไปที่หยางหยาง
มันกลายเป็นสายตาที่มีความโกรธแค้น ราวกับตอนนี้ หยางหยางที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของเขา แต่เป็นศัตรูอย่างนั้นแหละ
ถ้าหากตอนนี้เขาถูกปล่อยตัว ไม่แน่เขาคงไม่ปล่อยหยางหยางไปแน่ ราวกับเขาไม่มีลูกชายคนนี้
ตอนนี้หยางหยางก็เห็นสายตาที่เป่หมิงโม่มองเขา ร่างเล็กๆ ของเขาก็เริ่มสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อของเขาทำให้เขารู้สึกถึงความน่ากลัว
ถึงแม้เมื่อก่อนเขาจะเคยถูกตี แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
ไม่ใช่แค่หยางหยาง เฉิงเฉิงก็เพิ่งเห็นพ่อเป็นแบบนี้ครั้งแรกเช่นกัน เขาก็แอบปาดเหงื่อแทนหยางหยาง
***
ทันใดนั้นบรรยากาศภายในศาลก็มาคุขึ้นมาทันที เพราะคดีนี้พลิกจนน่าตกใจ ขณะเดียวกันก็ทำให้หยางหยางก็เริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะว่าพวกเขารับรู้ได้ถึงว่าสีหน้าของเป่หมิงโม่เปลี่ยนไปยังไงบ้าง
ถังเทียนจื๋อแสดงออกมาได้ชัดว่าตกใจเล็กน้อย เขากระซิบกับหลี่เชินอีกครั้ง: “เจ้านาย คิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ หรือว่าเป่หมิงโม่เพื่อที่จะหลุดพ้นแล้ว เลยเล่นละครกับลูกแล้วก็แม่ตัวเองสักฉาก? ผมจับตาดูเขาอยู่ในช่วงที่เขาถูกกักขัง ลูกชายของเขาทั้งสองคนก็ไปเยี่ยมเขาที่สถานีตำรวจอยู่”
หลี่เชินไม่ได้แสดงความตกใจใดๆ ไม่สนว่าตอนนี้เรื่องมันจะพลิกไปยังไง
“อดทนไว้ก่อน คอยดูว่าพวกเขาจะเล่นอะไรกัน แต่แค่สิ่งที่ทำให้ฉันแปลกใจ กลับเป็นเด็กสองคนนั้นที่ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเป่หมิงโม่ คนแซ่เป่หมิงก็เป็นแบบนี้ ล้วนอกตัญญู ถ้าลู่ลู่ที่อยู่บนสวรรค์มาเห็นภาพนี้ กลัวว่าจะมองดูไม่ลง โชคดีที่ตอนแรกเธอเคยพูดถึงเด็กสองคนนี้ไว้ บอกว่าชอบพวกเขาสองคนขนาดไหน แต่กู้ฮอนไม่ได้เห็นภาพในช่วงบ่ายนี้ ไม่งั้นเธอคงรับไม่ได้”
ผู้พิพากษาตกใจไม่น้อย มองไปที่หวีหรูเจี๋ยที่ยืนอยู่ตรงหน้า เรื่องนี้มันเรียกว่าอะไรกัน แม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำผิดกฎ แต่สิ่งที่เธอพูดออกมาล้วนแต่เอาความผิดไปลงที่ตัวเอง ถ้าอย่างนั้นมันจะพิสูจน์ไม่ได้ง่ายๆ ว่าเธอเป็นผู้ร้ายตัวจริง
“เอ่อ……คุณหวีหรูเจี๋ย คุณบอกว่าการตายของลู่ลู่เกี่ยวข้องกับคุณ แต่ผมแค่อยากจะรู้ว่าแรงจูงใจที่คุณก่อเหตุนั้นคืออะไร?”
มาถึงตรงนี้ หวีหรูเจี๋ยก็ไม่มีอะไรต้องสนแล้ว แต่พอโดนผู้พิพากษาถาม ตัวเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอะไร
เธอกับลู่ลู่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ราวกับเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน
“………”
“คุณลุงผู้พิพากษา ผมยังพูดไม่จบ ทำไมท่านถึงได้ไปสอบสวนคุณย่าแล้วล่ะ?” ตอนนั้น หยางหยางก็พูดขึ้นมาพอดี
ประโยคนี้ทำให้ผู้พิพากษาดึงสติกลับมาได้: “เจ้าหนู เธอไม่ได้พูดหรอกเหรอ ว่าเธอถึงจะเป็นฆาตกรที่ฆ่าคุณยายไม่ใช่เหรอ?”
“คุณลุงผู้พิพากษา เข้าใจผมผิดได้ยังไง ผมไม่เคยพูดคำนั้นเลยนะ ผมแค่พูดว่า ข้าวกล่องอันนั้นไม่ใช่ของคุณพ่อ ถึงแม้คุณย่าจะยอมรับว่าเป็นของตน แต่ผมยังไม่ได้บอกว่าเป็นฝีมือของคุณย่าสักหน่อย”
“เมื่อกี้หนูก็ได้ยินแล้วนี่ คุณย่าของหนูยอมรับว่าตัวเองเป็นคนทำเอง งั้นมีอะไรต้องพูดอีก?”
หยางหยางส่ายหัว: “เห้อ คุณลุงผู้พิพากษา ท่านเคยได้ยินคุณย่าพูดถึงแรงจูงใจหรือยังล่ะครับ? ท่านเห็นคุณย่าแบบนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเขาคิดเหตุผลไม่ออกใช่มั้ยล่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณย่ากับคุณยายดีขนาดนั้น จะทำร้ายคุณยายได้ยังไง ไม่ยอมสอบสวนให้ชัดเจนก็ตัดสินแล้ว”
ผู้พิพากษาถูกตำหนิ ใบหน้าก็แดงก่ำจนเห็นเส้นเลือด อะไรก็ถูกเขาว่า ทำจนเขาเป็นฝ่ายถูกกระทำ
ทุกคนต่างก็พูดว่าเป่หมิงโม่เป็นคนเก่งกาจ ปกติแล้วไม่มีใครกล้าทำให้เขาโกรธ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ
คิดไม่ถึงว่าเด็กตัวเล็กๆ แค่นี้ จะทำให้ปวดหัวได้ถึงขนาดนี้
ไม่ใช่แค่ผู้พิพากษาที่ถูกหลอก แม้แต่เป่หมิงโม่ ที่จริงเขาโกรธอยู่แต่ก็สงบลงไปไม่น้อย เขาก็ไม่เข้าใจว่าวันนี้หยางหยางไปกินยาผิดอะไรมา
นาทีก่อนเอาความผิดของตนมุ่งไปที่แม่ของเขา และนาทีต่อมาก็มุ่งเป้าไปที่คนอื่น
แล้วเขาหมายถึงใครกันแน่?
***
เป่หมิงโม่เหมือนกันโดนหยางหยางแกว่งเล่นไปมา ไม่ใช่แค่เขา ทุกคนในที่นี้ก็เช่นกัน