บทที่ 879 ความติดกลับไปกลับมา
พวกเขามองดูเด็กทารกที่หลับ ดูมีความสุข
นี่เป็นลูกคนแรกของพวกเขา บางทีอาจมีลูกคนต่อไปในอนาคต แต่ความรู้สึกการเป็นพ่อแม่มือใหม่ไม่มีใครสามารถแทนได้
“เฉียวเฉียวขอบคุณที่คุณให้กำเนิดลูกที่น่ารักให้กับผม” ฉิงฮัวในวันนี้ตกอยู่ในความสุขและความซาบซึ้ง
แน่นอนเขาไม่เคยคิด ว่าตัวเองที่เป็นแบบนี้ จะมีลูกด้วยกันกับผู้หญิงที่สวยเช่นนี้
บางที สำหรับผู้ชายคนอื่นแล้ว เหมือนกำลังฝัน
ลั่วเฉียวนอนอยู่บนเตียง แอนนี่มัดเชือกสีแดงไว้บนหัวของเธอ เธอหันหน้าไปมองลูกชายที่อยู่ในเตียง รอยยิ้มบนใบหน้าแสดงให้เห็นว่าเธอมีเสน่ห์มากกว่าปกติ
เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงฮัว เธอหันศีรษะมองมาทางผู้ชายที่อยู่เป็นเพื่อนข้างกาย ดึงมือออกมาจากผ้าห่มใช้แรงหยิกหน้ารูปไข่ของเขาให้หันมา
“นายเป็นคนทำเรื่องดีๆ ไว้ ทำให้ฉันที่ยังไม่พร้อมก็ได้กลายมาเป็นแม่คน นายดูฉันในตอนนี้ขยับไปไหนไม่ได้ และเนื้อตรงท้องเมื่อไหร่จะสลายออกไปได้ หน้าที่การงานของฉันจะก้าวหน้าอย่างไร” ลั่วเฉียวบ่นกับฉิงฮัวอย่างเอาแต่ใจ
แม้ว่าจะถูกหยิก แต่ฉิงฮัวก็ยังคงยิ้มแห้งๆ : “เฉียวเฉียว คุณวางใจเถอะ ผมจะเป็นคนเลี้ยงพวกคุณสองแม่ลูกเอง รับรองไม่ให้พวกคุณต้องเสียเปล่า”
“ถุ้ย ใครให้นายเลี้ยง ฉันไม่ได้ไม่มีมือไม่มีเท้า พูดอีก แสดงละครเป็นความฝันของฉัน ฉันจะไม่ทิ้งความฝันเพราะเด็กหรอก ดังนั้น นายจะต้องสวมบทบาทเป็นพ่อลูกอ่อนในอนาคต”
ฉิงฮัวพยักหน้า: “เฉียวเฉียวคุณวางใจได้ ผมและลูกจะคอยสนับสนุนคุณ”
***
หลังจากลั่วเฉียวได้ยิน จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เธอเลิกคิ้วแล้วหันหน้าไปทางเด็กอีกครั้ง ข้างเตียงเด็กก็คือหน้าต่าง สายตาของเธอขยับขึ้นลงเล็กน้อย และใบหน้าก็แสดงความประหลาดใจอีกครั้ง
“เอ๋…ย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งนาน ไม่เคยเห็นวิลล่าหลังนั้นเปิดไฟ ตอนแรกคิดว่าไม่มีคนอาศัย อยากเห็นจริงๆ ว่าคนที่อาศัยอยู่ที่วิลล่าหลังนั้นจะเป็นคนอะไรกัน ซ่อมแซมบ้านได้สูงใหญ่โตขนาดนี้”
ฉิงฮัวยังไม่ได้สติกลับมา ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ลั่วเฉียว มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างลอยๆ สายตาตรงหน้าเป็นแค่ดวงไฟท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิดที่อยู่ไกลออกไป: “คุณกำลังมองวิลล่าหลังไหน?”
“หลังนั้น หลังที่อยู่บนปานซาน” ลั่วเฉียวพูด แล้วยกมือขึ้นชี้ให้ฉิงฮัวดู
ฉิงฮัวมองตามไป ใบหน้าแสดงความประหลาดใจเล็กน้อย สิ่งที่เขาประหลาดใจไม่ใช่ที่ในที่สุดแสงไฟก็สว่าง แต่เขารู้สึกประหลาดใจ
คนที่สามารถเข้าไปในวิลล่าหลังนั้นได้ นอกจากคุณผู้หญิงแล้วก็มีเจ้านาย คุณผู้หญิงไม่มีทางไปที่นั่น ตอนแรกที่เจ้านายให้วิลล่าหลังนี้กับเธอ ถูกเธอปฏิเสธไปตรงๆ
ตอนนี้มีเพียงเจ้านายที่จะอยู่ข้างในได้
ฉิงฮัวรู้ว่าวันนี้เป็นวันขึ้นศาลของเจ้านาย เขาเชื่อมาตลอดว่าเจ้านายถูกกล่าวหา ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น แล้วเวลานี้เจ้านายมาอยู่ที่นี่ แต่ไม่ได้กลับบ้านเก่าตระกูลเป่หมิง?
อย่างไรเขาก็คิดไม่ออก บางทีหลังจากขึ้นไปข้างบนพบกับเจ้านายแล้ว เรื่องอะไรก็คงชัดเจนกระจ่างขึ้น
“เฉียวเฉียว คุณกับลูกพักผ่อนก่อน ผมมีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อย” พูดแล้ว เขาลุกขึ้นยืนเตรียมตัวออกไปข้างนอก
ลั่วเฉียวรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เธอทำหน้ามุ่ยมองไปทางสามีตัวเอง: “แล้วพูดว่าจะดูแลเราสองแม่ลูก ยังพูดไม่ทันขาดคำ ก็ต้องรีบไปทำธุระของตัวเองแล้ว”
“ตอนนี้คุณผู้หญิงยังไม่กลับ ดึกขนาดนี้แล้ว ผมกังวลว่าเธอยังจัดการเรื่องของบริษัทเป่หมิงยังไม่เสร็จ บางทีเธออาจต้องการความช่วยเหลือจากผมอยู่” ฉิงฮัวพูดไม่ผิด กู้ฮอนกำลังปวดหัวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหันของบริษัทเป่หมิง
แต่นั่นเป็นเรื่องของก่อนหน้า ตอนเย็นฉิงฮัวก็ได้โทรหากู้ฮอนแล้ว จากน้ำเสียงของเธอสามารถฟังออกได้ว่าเธอมีเรื่องเก็บไว้ในใจ
หลังจากเขาวางสายแล้ว ก็ได้โทรหาคนของตัวเองที่อยู่บริษัทเป่หมิงเพื่อทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ แล้วแก้ปัญหา ถึงจะทำให้กู้ฮอนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฉิงฮัวเดินออกมาจากห้อง เวลานี้กู้ฮอนยังไม่กลับ ชั้นล่างแอนนี่กำลังต้มปลาให้ลั่วเฉียวอยู่ในครัว จิ่วจิ่วนั่งอยู่บนม้านั่งไม่ไกลจากเธอ
เธอกำลังตั้งหน้าตั้งตามองเปลวไฟที่เคลื่อนไหวไปมา กลิ่นหอมที่โชยมาจากบนหม้อทำให้เธอลูบท้องน้อยอย่างอดไม่ได้
อันที่จริงตอนเย็นเธอกินอิ่มมากแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทนต่ออาหารที่อร่อยได้
หลังจากฉิงฮัวทักทายแอนนี่แล้วก็เดินออกมาจากวิลล่า ขับรถตามทางหลวงมุ่งหน้าสู่วิลล่าปานซาน
*
ตอนนี้เป่หมิงโม่นั่งอยู่ที่ห้องโถงคนเดียว เบื้องหน้าของเขาคือภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ถูกเขาทำลาย
เมื่อมองไป ฉากในอดีตปรากฏตรงหน้าของตัวเองอีกครั้ง ในตอนนั้น เธอและกู้ฮอนดูกลมกลืนกันมาก อย่างน้อยเขาก็คิดแบบนี้
จากนั้นเขาก็นึกถึงวันนั้นหลังจากที่พาเด็กๆ ไปชมการแสดงศิลปะแล้ว ฉากที่ครอบครัวของเขากลับมาที่นี่ ปรากฏต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง
***
ความคิดของเป่หมิงโม่ฉายเรื่องราวในอดีต ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
จนกระทั่งต่อมา ก็ถูกรบกวนจากเสียงเคาะประตู
เวลานี้ สถานที่แบบนี้ ยังจะมีใครมาอีกได้?
เขานั่งตัวตรงด้วยความขี้เกียจ โน้มตัวไปหยิบรีโมทบนโต๊ะน้ำชา เปิดทีวีออกแล้วกดไปที่หน้าจอของกล้องวงจร หลังจากเห็นชัดเจนว่าใครมา จึงใช้รีโมทกดเปิดประตู
“เจ้านาย ต้องขอโทษจริงๆ เฉียวเฉียวเธอคลอดลูก…” ฉิงฮัวเข้ามาในห้อง พูดขอโทษสั้นๆ หลังจากนั้นก็ถามอีกครั้ง: “ดึกขนาดนี้ทำไมคุณถึงมาถึงที่นี่? คุณดื่มเหล้ามาเหรอ?” เพราะเขาได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมา
ยิ่งไปกว่านั้น เห็นท่าทางของเป่หมิงโม่ในตอนนี้ เหมือนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
ซึ่งทำให้ฉิงฮัวรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ตัวเองพ้นข้อสงสัยไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเหรอ ทำไมดูเหมือนว่าจะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด?
เป่หมิงโม่ใช้สองมือถูไปมาบนหน้าของตัวเองเล็กน้อย: “ไม่เป็นไร ยินดีกับนายด้วย ในที่สุดก็ได้เป็นพ่อคน ตอนนี้ฉันไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้ อีกสองวันฉันค่อยให้ของขวัญกับเด็ก”
ฉิงฮัวโบกมือ: “เจ้านายเกรงใจเกินไป คุณช่วยเหลือพวกเรามามาก ไม่มีหน้าจะมารับของจากคุณหรอก”
“เรื่องนี้ก็คือเรื่องนี้ ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ สิ่งที่ฉันให้ไปก่อนหน้าคือสิ่งที่นายควรได้รับ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็มองว่านายเป็นพี่น้องคนหนึ่ง พี่น้องมีเรื่องน่ายินดี ฉันจะมือเปล่าได้ยังไง เป็นยังไง เด็กและภรรยาของนายสบายดีใช่ไหม” ไม่ว่าในใจจะมีปัญหามากมาย แต่ใบหน้าของเขาก็แสดงท่าทางผ่อนคลายมาก
ฉิงฮัวพยักหน้า: “ขอบคุณเจ้านายที่เป็นห่วง พวกเธอสองแม่ลูกปลอดภัยดี ตอนนี้กำลังพักผ่อน เมื่อกี้ตอนที่ผมกำลังอยู่เป็นเพื่อนกับพวกเธอ มองเห็นที่นี่เปิดไฟอยู่ จึงมาดู”
เป่หมิงโม่พยักหน้า สายตาก็หันไปมองจิตรกรรมฝาผนังอีกครั้ง: “ช่วงที่ฉันไม่อยู่ บริษัทเป็นอย่างไรบ้าง? การดำเนินงานของแผนกต่างยังคงได้อยู่ใช่ไหม”
ใครก็ฟังออก แม้ใบหน้าของเขาจะถามถึงสถานการณ์ของบริษัท ความจริงกำลังเป็นห่วงว่าแผนกต่างๆ ได้สร้างปัญหาให้กู้ฮอนรึเปล่า โดยเฉพาะแผนกที่เป่หมิงยี่เฟิงอยู่
“เอ่อ…สถานการณ์โดยรวมยังถือว่าปกติ”
เป่หมิงโม่หันไปมองเขาอีกครั้ง: “อะไรคือโดยรวม?” แต่ก่อน ฉิงฮัวไม่เคยใช้คำที่คลุมเครือแบบนี้ตอบคำถาม ใช่ก็คือใช่ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ สถานการณ์แบบนี้แสดงว่าเขากำลังมีเรื่องปิดบังตัวเอง
“อันที่จริงคือแบบนี้ เช้าวันนี้ มีบุคลากรในหนึ่งแผนกหยุดงานเพื่อประท้วงกัน เพราะเรื่องนี้คุณผู้หญิงจึงต้องไปจัดการแต่เช้าจนถึงกลางคืน แต่โชคดีที่เรื่องนี้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว” ฉิงฮัวรู้นิสัยของเจ้านาย จึงได้พูดเรื่องของวันนี้ออกมา
หลังจากเป่หมิงโม่ได้ยิน ก็พยักหน้า เขาเข้าใจทันทีถึงสาเหตุของกู้ฮอนว่าทำไมช่วงเช้าอยู่ แต่ช่วงบ่ายหายไปแล้ว
“ตอนนี้เธอกลับมารึยัง?”
“ยัง ผมคิดว่าเธอน่าจะอยู่ระหว่างทางกลับมาแล้ว หลายวันมานี้ พูดได้ว่าคุณผู้หญิงลำบากกับบริษัทเป่หมิงมามากแล้ว ผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยกบริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมาได้” ฉิงฮัวคอยพูดสิ่งดีๆ ของกู้ฮอนต่อหน้าเจ้านาย แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นความจริง
***
หลังจากเป่หมิงโม่ได้ฟังฉิงฮัวพูดจบแล้วจึงพยักหน้า: “เรื่องของวันนี้คิดไว้แล้วว่านายต้องไปจัดการ หากกู้ฮอนเพียงลำพัง คาดว่าตอนนี้เธอคงนั่งทำหน้างงอยู่ในห้องทำงาน”
…
ฉิงฮัวไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะเขาก็ไม่รู้ควรพูดอะไรต่อ หากยอมรับ เช่นนั้นก็เก่งเกินเจ้านายแล้ว; หากไม่ยอมรับ ก็จะดูถ่อมตนจนกลายเป็นทิ้งความโอ้อวด
เป่หมิงโม่ดูท่าทางของเขา มุมปากแสยะยิ้มเล็กน้อย: “พูดมาเถอะ แผนกไหนเป็นต้นเหตุของปัญหา?”
“เป็น เป็นแผนกขนส่ง ส่วนสาเหตุที่พวกเขาเลือกที่จะทำในวันนี้ ผมยังคิดไม่ออก” สถานการณ์เช่นนั้น ฉิงฮัวก็ไม่มีเวลามากนักในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงทำได้เพียงช่วยกู้ฮอนให้ผ่านพ้นความยากลำบากนี้ไปก่อน
เมื่อเป่หมิงโม่ได้ยินว่าเป็นแผนกไหนที่ออกมาสร้างปัญหา กลับเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง ปกติแผนกนี้จะรักษาความปลอดภัยของหน้าที่มาโดยตลอด
แน่นอนว่าเรื่องนี้ผิดปกติเล็กน้อย: “ทางที่ดีสองสามวันนี้นายหาวิธีทำความเข้าใจว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อีกอย่าง ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ มีการเปลี่ยนแปลงในบริษัทใช่ไหม?”
เมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้ ตอนแรกฉิงฮัวไม่คิดว่าจะบอกเขาในวันนี้
ตอนที่เป่หมิงโม่ถูกขังในสถานีตำรวจ แม้ว่าจะไม่ได้ลำบากอะไร มิหนำซ้ำยังสบายดี แต่เมื่อเขาออกมาแล้ว อยากให้เขาได้พักผ่อนสองสามวัน จากนั้นค่อยหาเวลาบอกกับเขา
“เจ้านาย ช่วงที่คุณไม่อยู่แน่นอนบริษัทเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย คุณชายยี่เฟิงเขาเชิญคนหนึ่งมา” ฉิงฮัวตอบคำตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาลงไปจากเดิมมาก
ยิ่งเป็นแบบนี้ เมื่อเป่หมิงโม่ได้ยินก็ทำให้รู้สึกน่าสงสัย หากแค่เชิญคนหนึ่งมา นั่นก็แค่เรื่องเล็กน้อย
แม้ว่าคนๆนี้จะเป็นคนของเป่หมิงยี่เฟิง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวแบบนี้
ฉิงฮัวติดตามเขามานานหลายปี เขาไม่ใช่คนที่เวลาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ใดแล้วจะไม่ทำเหมือนเจอศัตรูตัวเต็ง แต่ตอนนี้เขาเป็นเช่นนี้
“นายพูดมา เขาเชิญใครมาที่บริษัท?”
“เป็น เป็นถังเทียนจื๋อ” พูดจบ ฉิงฮัวมองเจ้านายอย่างระวัง เขาเป็นห่วงจริงๆ เมื่อเป่หมิงโม่ได้ยินชื่อนี้แล้วจะโกรธมาก