บทที่ 870 พบกันที่ศาล
แม้ว่านี่จะเป็นคดีเกี่ยวกับเป่หมิงโม่ แต่สุดท้ายแล้วในฐานะของฉิงฮัวก็ไม่ได้เป็นผู้ติดตามที่ธรรมดาอีกต่อไป
“กู้ฮอน ไม่เป็นไรหรอก ให้เขาไปเถอะ ที่นี่มีแอนนิดูแลฉันอยู่ เรื่องของเจ้านายเขาจะใหญ่กว่าเรื่องของพวกเราแม่ลูกได้อย่างไรกัน”
เมื่อกู้ฮอนได้ยิน คำพูดของลั่วเฉียวก็เต็มไปด้วยหนามที่ทิ่มแทง สำหรับผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกคนหนึ่งนั้น สามีที่จะมาดูแลตัวเอง และยังยุ่งกับธุระเรื่องอื่น มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ
สีหน้าของฉิงฮัวก็ได้เปลี่ยนไป แน่นอนเขารู้ดีว่าตนเองเสียใจกับการกระทำที่มีต่อลั่วเฉียวและลูกของเธอ แต่สำหรับเขาแล้ว ทั้งหมดที่ตนเองมีนั้น เป่หมิงโม่ต่างได้ให้ตนเองทั้งหมด
เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อต้องการตอบแทนบุญคุณ
กู้ฮอนเดินไปที่ข้างหน้าฉิงฮัวและพูดว่า “ฉิงฮัว คุณอยู่เป็นเพื่อนกับพวกเธอเถอะ คุณไม่ต้องห่วงพวกเราไม่เป็นไร”………
การยืนยันของกู้ฮอน ทำให้ฉิงฮัวพูดอะไรไม่ออก ยิ่งกว่านั้นเขาก็ได้รู้ตัวว่าตอนนี้ลั่วเฉียวเริ่มโกรธตนเอง
จิ่วจิ่วถูกทิ้งไว้โดยมีแอนนิและฉิงฮัวคอยดูแล
กู้ฮอนขับรถไปที่ศาลพร้อมกับเด็กทั้งสองคน เฉิงเฉิงและหยางหยางก็นิ่งเงียบกันมาตลอดทาง
อย่างไรก็ตาม เธอขับรถไปด้วยและกำชับกับพวกเด็กๆก่อนว่า “เด็กๆ วันนี้พวกเราไปขึ้นศาล เพราะฉะนั้นอยู่ในศาลส่งเสียงดังไม่ได้นะ แล้วไปเดินเล่นไม่ได้ด้วยเข้าใจรึเปล่า”
เฉิงเฉิงพยักหน้า
“หยางหยาง นายล่ะ” เธอซักถาม
“แม่ แม่วางใจเถอะ ผมจะอยู่ข้างในอย่างซื่อสัตย์” หยางหยางไม่กล้าจะสร้างปัญหาใดๆอีก สถานการณ์แบบนี้ ก็ยังดีขึ้นหน่อย
กู้ฮอนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ไม่นาน รถของพวกเขาก็จอดที่ลานจอดรถของศาล
เมื่อเธอกำลังจะพาเด็กเข้าไปในศาล ก็มีรถตำรวจขับเข้ามาอย่างรวดเร็ว และจอดอยู่ข้างๆพวกเขา
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายลงมาก่อน จากนั้นเป่หมิงโม่ก็ลงมาจากข้างใน
กู้ฮอนและพวกเด็กๆอดไม่ได้ที่จะหยุดก้าวเท้าและมองไปที่เขา
เห็นเขาที่สวมสูทและถูกพาตัวเดินไป พร้อมกุญแจมือแวววาวคู่หนึ่งอยู่ที่ข้อมือ
คดีนี้ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ จึงไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นความวุ่นวายของปาปารัสซี่และพวกนักข่าวจึงน้อยลง
“พ่อ……” เฉิงเฉิงอดไม่ได้ที่จะตะโกนเรียก
เป่หมิงโม่มองไปที่สามคนแม่ลูก สีหน้าที่เย็นชาแบบนั้นก็ไม่ได้แสดงออกมา และขมวดคิ้วโดยไม่ตั้งใจ
ดวงตาที่เย็นชาเหล่านั้นก็ได้จับจ้องไปที่ร่างของกู้ฮอนและหยางหยาง
เขาค่อยๆกัดฟันแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
หลังจากที่เขามองกวาดไปรอบๆทั้งสามคน และพูดอย่างเย็นชาว่า “ทำไมฉิงฮัวไม่มา”
กู้ฮอนหลบสายตาของเขา “เมื่อคืนนี้เฉียวเฉียวคลอดลูก ในฐานะที่เขาเป็นสามี ตอนนี้กำลังดูแลเธออยู่”
เมื่อเป่หมิงโม่ได้ยินก็มาได้พูดอะไร เขาหันหน้าไปพูดกับตำรวจ “พวกเราเข้าไปกันเถอะ” พูดจบก็เดินไปข้างหน้าก่อน
เมื่อมองไปยังด้านหลังของเป่หมิงโม่ที่กำลังเดินไปข้างหน้า เฉิงเฉิงก็เงยหน้าขึ้นและพูดกับกู้ฮอน “แม่ พ่อกำลังโกรธพวกเราอยู่ใช่ไหม”
“ถ้าพ่อโกรธพวกเราก็ห้ามไม่ได้หรอก นายอ่ะ สนใจปฏิกิริยาของเขามากเกินไป ไม่กี่ปีมานี้นายอยู่กับเขา ดูนายเหมือนอย่างกับหุ่นเชิด นอกจากจะเชื่อฟังและตั้งใจเรียนแล้ว ยังมีอะไรอีก” ท่าทีของ
หยางหยางดูผ่อนคลายมาก
ในตอนนี้ กู้ฮอนจับมือเล็กๆของเด็กทั้งสองคนเบาๆ “เด็กๆ พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
ด้านหน้า เป่หมิงโม่และตำรวจสองคนได้เดินเข้าไปในประตูทางเข้าแล้ว”
ขณะที่กู้ฮอนพวกเขาก้าวขึ้นบันได รถอีกสองคันก็หยุดจอดข้างหลังก่อน
หลังจากที่รถเบนซ์สีดำคันหน้าหยุดลง ประตูหลังก็เปิดออก ชายคนหนึ่งก็ลงมาจากข้างใน จากนั้นหันกลับมาพลางช่วยประคองคุณนายลงมา
“กู้ฮอน เด็กๆเดี๋ยวก่อน”
ที่กู้ฮอนได้ยินนั้น คือเสียงของหวีหรูเจี๋ยอย่างแน่นอน
คิ้วของเธอค่อยๆขมวดเล็กน้อย เธอหันกลับมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก รีบยิ้มออกไปอีกครั้ง “พ่อบุญธรรม หวีหรูเจี๋ย คุณมาได้อย่างไร”
โม้จิ่งเฉิงพยุงหวีหรูเจี๋ยอย่างระมัดระวัง จากนั้นค่อยๆเดินไปยังด้านหน้าของพวกเขาแม่ลูก “เรื่องของโม่ เธอว่าฉันที่เป็นแม่จะไม่มาดูเหรอ อีกอย่างนี่ยังเป็นคดีที่เกี่ยวกับแม่ของเธอ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ข้างหลังของพวกเธอ ก็มีเสียงเข้ามา “หวีหรูเจี๋ย กู้ฮอนพวกเธอรอฉันก่อน”……..
กู้ฮอนและหวีหรูเจี๋ยได้ยินเสียงที่อยู่ด้านหลัง ก็หยุดก้าวเท้า แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง
เสียงนี้เป็นเสียงที่คุ้นเคยสำหรับพวกเธอมาก และเป็นเสียงของเจียงฮุ่ยซิน
ในไม่ช้า ก็เห็นเธอถูกคนรับใช้ประคองและเดินไปข้างหน้าของกู้ฮอนและหวีหรูเจี๋ย
“หวีหรูเจี๋ย ไม่ได้เจอกันหลายวัน ทำไมเธอถึงดูซีดเซียวกว่าเดิม” เจียงฮุ่ยซินยังคงมองไปที่หวีหรูเจี๋ยด้วยสีหน้ากังวลตามปกติ
หวีหรูเจี๋ยมองเธอแบบนี้ แต่ก็ถอนหายใจเล็กน้อย “เจ้าเด็กโม่คนนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ฉันเป็นแม่แน่นอนว่าในใจก็ไม่อาจปล่อยวางได้ โดยเฉพาะเรื่องนี้ ลู่ลู่ต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไม่รู้เรื่อง ฉันรู้สึกขอโทษกับลู่ลู่และกู้ฮอนพวกเธอสองแม่ลูก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงฮุ่ยซินก็ถอนหายใจ และส่ายหน้าเบาๆ “เจ้าเด็กโม่คนนี้ถึงแม้ว่าเห็นเขาเติบโตมาตั้งแต่เด็ก ไม่คิดเลยจริงๆว่าเขาจำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ไม่กี่วันก่อนฉันเห็นเขาและกู้ฮอนสองคนยังดูกลมเกลียวกันดี ทีแรกคิดว่าพวกเขาจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง…….”
พูดจบ เธอก้มหน้าลงมา หยางหยางและเฉิงเฉิงที่ยืนอยู่ข้างกู้ฮอน
เธอย่อตัวลงไปอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดว่า “พวกคุณสองคนทำไมถึงมาที่นี่ได้”
กู้ฮอนรีบก้มหน้าและพูดกับเด็กทั้งสองคน “เด็กๆ ยังไม่ทักทายอีก”
อันที่จริงเฉิงเฉิงก็ถูกเลี้ยงดูโดยเจียงฮุ่ยซิน สำหรับความรู้สึกของเธอที่มีนั้นค่อนข้างลึกซึ้ง
ด้วยลักษณะเช่นนี้ ทำให้เฉิงเฉิงไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้าอย่างไร โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าหวีหรูเจี๋ย แค่คิดอยากจะเรียกออกไป “ย่า” แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ดูเหมือน เมื่อต้องเรียกชื่อนี้ก็ดูจะลำบากนิดหน่อย
“คุณยายรอง” ขณะที่หยางหยางเริ่มจะลังเล หยางหยางกลับเรียกขึ้นมาก่อน
ชื่อเรียกแบบนี้ทำให้เจียงฮุ่ยซินอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเองได้ยินชื่อเรียกแบบนี้ แต่ที่สุดแล้วเธอก็ได้สัมผัสกับประสบการณ์บางอย่าง และฉลาดมาก
หลังจากที่ความเก้อเขินและความรู้สึกไม่สบายใจได้หายไป รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “หยางหยาง นายสมกับที่เป็นปีศาจเจ้าเล่ห์ ชื่อเรียกใหม่นี้ฉันก็ชอบมาก พวกนายมียายแท้อยู่ข้างกาย ฉันก็ต้องกลายเป็นคุณยายรองแล้วล่ะ”
เธอพูดจบ ก็มองไปที่เฉิงเฉิงด้วยรอยยิ้ม “เฉิงเฉิง นายก็เรียกฉันว่าคุณยายรองเหมือนกับหยางหยางเถอะ”
เฉิงเฉิงอ้าปาก จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองกู้ฮอน
เมื่อกู้ฮอนและหวีหรูเจี๋ยเห็นเจียงฮุ่ยซินไม่ได้โกรธหรือแสดงความไม่พออื่นๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ว่าจะยังไง ในชีวิตของลูกทั้งสองคนของเธอ ก็ต้องทำให้สุดความสามารถ
“ลูก ในเมื่อคุณยายรองพูดขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นก็เรียกแบบนี้เถอะ”
เฉิงเฉิงพยักหน้า จากนั้นก็เรียกเจียงฮุ่ยซินด้วยความเคารพ “คุณ……..ยายรอง”
เมื่อเทียบกับที่หยางหยางเรียกตนเอง เสียงที่เฉิงเฉิงเรียกนั้นยิ่งกระแทกจิตใจของเจียงฮุ่ยซินมากกว่า ดูเหมือนจะรู้สึกเหมือนกับหัวใจของตัวเองมีเลือดไหลซิบๆ
“เอาล่ะ เอาล่ะ เวลาก็ผ่านไปมากแล้ว พวกเราเข้าไปกันก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวศาลก็เริ่มพิจารณาคดีแล้ว โม่เขาก็เข้าไปแล้ว”
คำพูดของหวีหรูเจี๋ยได้ทำลายความเขินอายนี้
ทุกคนก็เข้าไปในศาลพร้อมกัน
*
ในเวลาเดียวกัน เป่หมิงโม่ก็ได้เข้าไปในศาลแล้วและถูกตำรวจจัดให้อยู่ในตำแหน่งของจำเลย เมื่อเทียบกับหลายครั้งที่ต้องมาเป็นโจทก์ก่อนหน้านี้ สถานะในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกอยู่บ้าง
ไม่เพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดก็คือ ครั้งนี้เทียบไม่ได้กับคดีทางธุรกิจ จำเลยในคดีอาญาต้องถูกขังอยู่ในรั้งเหล็กที่หนาวเหน็บ……….
เป็นครั้งแรกที่เป่หมิงโม่มายืนอยู่ที่นี่ ในใจก็รู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย
แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำแบบนี้ ที่ทำให้ตัวเองต้องอาภัพ และแม่ที่ชราและอ่อนแอจะได้รับการยกเว้นจากการคุมขัง ก็รู้สึกว่าการทำแบบนี้เป็นสิ่งที่คุ้มค่า
เพียงแต่…….
เมื่อนึกถึงกู้ฮอน อารมณ์ของเขาก็ตื่นเต้นขึ้นอีกครั้ง
*
ทันทีที่เสียงเปิดประตูได้ดังขึ้นอีกครั้ง เป่หมิงโม่หันไปมองที่ประตู
กู้ฮอนและเด็กสามคนเข้ามาก่อน ตามมาด้วยโม้จิ่งเฉิงที่กำลังประคองหวีหรูเจี๋ย
สิ่งนี้ทำให้เป่หมิงโม่คาดไม่ถึง นอกจากนี้ด้านหลังของพวกเขายังตามมาด้วยเจียงฮุ่ยซิน
*
หลังจากที่พวกเขานั่งลง ประตูด้านข้างของศาลก็เปิดออก ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่คนอื่นก็เดินเข้ามาทีละคน จนกระทั่งหลังจากพวกเขานั่งลง ผู้พิพากษาก็เงยหน้ามองไปรอบๆห้องพิจารณาคดีก่อนที่จะประกาศเปิดศาล
โจทก์ในคดีของลู่ลู่ ไม่ใช่กู้ฮอน แต่กลับใช้การฟ้องร้องในรูปแบบสาธารณะ
ดังนั้น พวกกู้ฮอนจึงสามารถจะนั่งอยู่ในฐานะของบุตรสาวและญาติของฝ่ายที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
เริ่มแรกอัยการบรรยายเรื่องราวทั้งหมดในคดีของลู่ลู่โดยสังเขป และหลักฐานต่างๆที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุล้วนบ่งชี้ไปที่เป่หมิงโม่
หลังจากอัยการบรรยายเสร็จสิ้น ผู้พิพากษาก็หันไปมองเป่หมิงโม่ “จำเลย ในเรื่องที่อัยการบรรยายไปเมื่อสักครู่นี้ คุณยังมีอะไรจะอธิบายไหม”
“เอี๊ยด……” ประตูของศาลถูกเปิดออกอีกครั้ง มีคนสองคนเดินเข้ามาจากด้านนอกอีกครั้ง
เมื่อเป่หมิงโม่กำลังจะบอกว่าไม่มีอะไรจะอธิบายนั้น ก็ได้ยินเสียงประตูดังขึ้น สายตาของเขาก็มองตามออกไป
หลังจากเห็นคนทั้งสองคนที่เดินเข้ามา สายตาของเขาก็คมชัดกว่าตอนที่มองกู้ฮอน
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่คนอื่นๆที่นั่งอยู่ในศาลต่างก็ประหลาดใจ
เป็นเพราะพวกเขารู้จักกับคนแก่หนึ่งคนและวัยรุ่นหนึ่งคนที่เดินเข้ามา
คนที่ดูวัยรุ่นคนนั้นคือถังเทียนจื๋อ หลังจากสายตาของเขามองไปยังเป่หมิงโม่ที่ยืนอยู่ในจุดของจำเลย รอยยิ้มที่พึงพอใจก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“เฮ้……ทำไมเขาถึงมาด้วย” หลังจากหวีหรูเจี๋ยได้เห็นถังเทียนจื๋อประคองชายชรา ก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง
ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น แม้แต่เจียงฮุ่ยซินและกู้ฮอนก็ยังรู้สึกประหลาดใจ เพราะชายชราคนนี้คือหลี่เชินผู้เป็นพ่อขอกู้ฮอน
ในหัวใจของกู้ฮอนเต็มไปด้วยคำถาม เพราะตัวเองไม่เคยพูดถึงสิ่งเหล่านี้กับพวกเขา เธอไม่อยากแม้แต่จะพูดกับทั้งสองคนด้วยซ้ำ
หลี่เชินพยักหน้าเล็กน้อยให้กับเจียงฮุ่ยซิน แต่เมื่อสายตาของเขาหันไปเห็นหวีหรูเจี๋ยที่อยู่ด้านข้าง สายตาที่ตกตะลึงก็เต็มไปด้วยความโกรธ ความโกรธนี้ถึงกับทำให้ร่างกายของเขาเริ่มสั่นเทา
ถังเทียนจื๋อก็รีบประคองหลี่เชินไว้แน่น และกระซิบ “อาจารย์ พวกเราไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะ”
หลี่เชินถูกถังเทียนจื๋อพานั่งลงใกล้ๆ แต่ดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของเขาก็ยังไม่ละออกจากหวีหรูเจี๋ย