บทที่ 884 ยินยอมไม่ให้เป็นแบบนี้
สาเหตุที่รู้สึกว่าชื่นชอบเธอขึ้นมานิดหนึ่งนั้นไม่ใช่เพราะว่ารูปร่างหน้าตาของเธอ นี่ก็เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านอะไรกับเธอมาเป็นเวลานาน และได้ศึกษาซึ่งกันและกัน
แม้ว่าดูแล้วเธอจะสวยกว่าผู้หญิงคนอื่นๆไม่น้อย ไม่ว่าจะไปปรากฏตัวที่ไหนก็ล้วนดึงดูดสายตาผู้ชายได้มากกว่า 60% สำหรับผู้ชาย 40% ที่เหลือนั้น ก็เป็นเพียงแค่คนชรา คนตาบอด เด็กๆ รวมไปถึงผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน…….
นิสัยของกู้ฮอน ทำให้เธอครอบครองพื้นที่ในหัวใจเป่หมิงโม่อย่างไม่มีอะไรมาทดแทนได้
*
ชั้นสอง หยางหยางนั้นยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของลั่วเฉียว
ตอนนี้เขาถอดผ้าคลุมศีรษะสไปเดอร์แมนออกไปแล้ว
เขามีท่าทางหลบๆซ่อนๆเหมือนหน่วยสอดแนมพิเศษ มองซ้ายมองขวา ยืนยันว่าไม่มีคนแล้วก็เคาะประตูเบาๆสามครั้ง จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบาประโยคหนึ่งว่า “เจ้ากระต่ายน้อยผู้น่ารัก เปิดประตูบานนี้…….”
ผ่านไปไม่ถึงครึ่งนาที ประตูห้องของลั่วเฉียวก็เปิดออก
มีสองศีรษะยื่นออกมาจากด้านใน ด้านบนคือแอนนิ ด้านล่างคือจิ่วจิ่ว
ยังไม่รอให้หยางหยางพูดอะไร จิ่วจิ่วก็อ้าปากถามก่อนประโยคหนึ่ง “พี่หยางหยาง เทพเจ้าสุขาไปแล้วใช่ไหมคะ”
หยางหยางไม่ได้พูดอะไร แต่ร่างกายเล็กๆนั้นแทรกตัวเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ปิดประตูลงเบาๆ
“ตอนนี้คุณพ่อยังไม่กลับไป โชคดีที่ซ่อนเธอไว้ที่นี่ ไม่อย่างนั้นเธออาจจะถูกพากลับไปเหมือนกับพี่ได้” หยางหยางพูด พลางมองไปในห้อง เห็นเพียงแค่ฉิงฮัวนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง
ลั่วเฉียวนั้นตื่นนอนแล้วนั่งอยู่บนเตียง เธอประคองทารกน้อยไว้บริเวณหน้าอก
เห็นเพียงแค่ศีรษะของทารกน้อยหันเข้าด้านใน ปากเล็กๆนั้นขยับไปมา เขาน่าจะหิวแล้ว นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่เห็นเงาของเฉิงเฉิงและ ‘เชี่ย’ เลย
หยางหยางเดินไปถึงด้านหน้าฉิงฮัว มองท่าทางการกินนมของทารกน้อยอย่างอยากรู้อยากเห็น จู่ๆตัวเองก็รู้สึกเหมือนว่าท้องหิวเล็กน้อย จึงลูบท้องตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ลั่วเฉียวเห็นท่าทางของหยางหยาง ก็อยากจะหยอกเขาเล่น “ฮ่า หยางหยางเจ้าเด็กทะลึ่ง ยังมีอะไรน่าดูกัน ระวังว่าฉันจะบอกคุณแม่ของเธอ หิวแล้วใช่ไหม หิวแล้วก็ไปหาคุณแม่เธอนู่น”
“ไม่ดูก็ไม่ดูสิ ผมก็เพียงแค่อยากดูว่าคุณป้าเฉียวเฉียวจะให้นมลูกน้อยได้หรือไม่เท่านั้นเอง……” หยางหยางพูดพลางซุกมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“ฮ่า เจ้าเด็กทะลึ่ง คิดว่าของฉันเล็กสินะ เธอตั้งใจดูให้ดีนะว่าเล็กหรือไม่เล็ก จะป้อนให้เขาอิ่มได้หรือไม่” ลั่วเฉียวที่ได้ยินคำพูดของหยางหยางแล้วก็เหมือนกับว่าแตะถูกจุดที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยอมไม่ได้ของเธอ เธอภาคภูมิใจในเรือนร่างของตัวเองมาโดยตลอด
เธอพูดแล้วก็ทำท่าจะแบะเสื้อออก
คราวนี้ก็ทำให้ฉิงฮัวสะดุ้งตกใจ แม้ว่าคนที่เผชิญหน้าด้วยจะเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้หรอกนะ
ใบหน้าของเขาแดงก่ำ รีบยื่นมือไปปกป้องลั่วเฉียว “คุณป้อนลูกเสร็จแล้วค่อยพูด”
“ใช่แล้วลั่วเฉียว ดูเธอสิ ทำไมถึงได้อารมณ์ขึ้นเพราะเด็กกันล่ะ” แอนนิอำพรางรอยยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย ลั่วเฉียวและหยางหยางสองคนนี้ขอเพียงแค่พบหน้ากันก็มักจะสร้างเรื่องที่ผู้คนคิดไม่ถึงออกมา
“เอ๋ เฉิงเฉิงกับ ‘เชี่ย’ ล่ะ ทำไมถึงไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย”
***
ถังเทียนจื๋อค่อยๆยกถ้วยกาแฟสองถ้วยเดินเข้ามาในห้องทำงานของหลี่เชิน หลังจากวางพวกมันลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ข้างโต๊ะทำงานแล้ว ก็ลากม้านั่งมานั่งตัวหนึ่ง
เขามองอาจารย์หลี่เชินที่กำลังยกมือข้างหนึ่งถูจมูกที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างเงียบๆไม่เอ่ยอะไร
เห็นว่าสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไร หน้านิ่วคิ้วขมวด
ผ่านไปไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เขาก็วางมือ
ถัดมาก็ยกกาแฟขึ้นมาดื่มไปสองสามคำ
ในช่วงเวลานั้น ถังเทียนจื๋อไม่ได้เอ่ยพูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
รอจนหลี่เชินวางถ้วยกาแฟแล้ว เขาก็เอ่ยถามว่า “วันนี้เรื่องที่นายทำมีความก้าวหน้าอะไรบ้างหรือไม่”
“เอ่อ…….” ถังเทียนจื๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร เพียงแต่ก็ยังพูดตามความจริง “เดิมแผนการยังถือว่าราบรื่น พนักงานในแผนกนั้นเริ่มที่จะหยุดงานประท้วงแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง ผมก็ได้รับรายงานว่าพวกเขาหยุดดำเนินการแล้ว”
“หยุดดำเนินการแล้วหรือ” ข่าวนี้ทำให้หลี่เชินรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เพียงแต่เขายังคงแสดงท่าทางสงบนิ่ง “ตอนนี้ดูท่า จะสร้างปัญหาภายในบริษัทเป่หมิงนั้นจะไม่ใช่เรื่องง่ายดายเสียแล้ว แต่ว่า นี่ก็เป็นการเผยสัญญาณที่ดีให้กับพวกเรา นั่นก็คือภายในบริษัทเป่หมิง ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มักจะมีจุดที่หละหลวมไม่น้อย ขอเพียงแค่พวกเรามีความอดทนเล็กน้อยก็จะหาเจอเอง”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ หลี่เชินก็เงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง “นี่ก็ดึกแล้ว นายกลับไปพักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ”
ถังเทียนจื๋อพยักหน้า ดื่มกาแฟของตัวเองจนหมด จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน เดินออกไปนอกประตู
เพียงแต่เมื่อถึงหน้าประตู เขากลับหยุดเท้าแล้วหันหน้ากลับมาถามว่า “อาจารย์ เป่หมิงโม่พ้นผิดถูกปล่อยตัวแล้ว นี่ไม่ทำให้คุณรู้สึกผิดหวังแม้แต่น้อยเลยหรือครับ เดิมเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน สำหรับพวกเราแล้วนี่เป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้”
หลี่เชินยังคงนั่งอย่างสงบอยู่บนเก้าอี้เหมือนกับภูเขาไท่ “สำหรับฉันแล้ว ไม่มีคำว่าโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้ ถ้าหากว่าเป็นเพราะลู่ลู่ถึงจะสามารถล้มบริษัทเป่หมิงได้แล้วล่ะก็ ฉันยินยอมที่จะไม่ให้เป็นแบบนี้ ฉันหวังเพียงแค่ว่าลู่ลู่เธอสามารถมีชีวิตต่อไปได้ เรื่องอื่นสำหรับฉันแล้วไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้น เอาเถอะ นายไปเถอะ”
หลี่เชินพูด สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเศร้าโศกขึ้นมาในทันที ข้อศอกข้างหนึ่งของเขาวางอยู่บนที่ท้าวแขนของเก้าอี้ มือก่ายหน้าผาก อีกมือหนึ่งโบกไปมาครั้งสองครั้ง เป็นสัญญาณให้เขาจากไป
ถังเทียนจื๋อออกจากที่พักอาศัยของหลี่เชิน ในเมือง A ขับรถออดี้คันสีขาวของเขา ในไม่ช้าก็ถูกความมืดมิดภายในเมืองปกคลุม
*
หยางหยางไม่เห็นเฉิงเฉิงและ ‘เชี่ย’ อยู่ที่ห้องนอนของลั่วเฉียว แน่นอนว่าคนอื่นที่อยู่ที่นี่ก็ไม่เห็นเหมือนกัน
หยางหยางในตอนนี้ยื่นมือออกมาเกาหัว เหมือนว่าเพิ่งจะเข้าใจอะไร “เขาคงจะไม่โกรธผมจริงๆหรอกนะ คุ้มค่าไหมเนี่ย”
“เธอพูดอะไรนะ” ลั่วเฉียวก็ไม่ล้อเขาเล่นแล้ว เอ่ยถามด้วยท่าทางจริงจังอย่างเห็นได้ชัด
“ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไร…….” หยางหยางเล่าเรื่องเมื่อครู่ที่เกิดขึ้นในห้องใต้หลังคาอย่างคร่าวๆ
เมื่อเอ่ยจบแล้ว ฉิงฮัวก็พูดว่า “คุณชายหยางหยาง เรื่องเมื่อครู่ที่ชั้นบนนั้นคุณพูดเกินไปหน่อยจริงๆ”
“ผมน่ะหรือ นั่นก็เพราะว่าต้องการปกป้องน้องสาวไม่ใช่หรือ อีกอย่างผมคิดว่าขอแค่พูดแบบนี้ คุณพ่อถึงจะพูดอะไรไม่ได้อีก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใจแคบขนาดนี้”
“ทำไมจะไม่ล่ะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าระหว่างเธอกับหยางหยางตกลงอะไรกันไว้ แต่ฉันสามารถสรุปได้ว่า คำพูดเหล่านั้นเกินไปจริงๆ เธอไปขอโทษเฉิงเฉิงเถอะ”
***
แสงจันทร์สีนวลสุกสกาวสาดส่องบนพื้นผิวน้ำของทะเลสาบข้างบ้านพัก ลมเบาบางพัดผ่านแสงกระเพื่อมไปมา เหมือนกับว่ามีฝูงปลานับไม่ถ้วนแหวกว่ายอยู่ใต้นั้น และก็เหมือนไข่มุกหลายเม็ดนับไม่ถ้วนที่กลิ้งไปมากลางจานสีดำ
สะท้อนรับกับเสียง “แซ่กๆ” ของต้นไม้และกิ่งไม้ที่สั่นไหว
บันไดหินข้างทะเลสาบมีร่างเด็กเล็กๆนั่งอยู่คนหนึ่ง ข้างกายเขายังมีสุนัขรูปร่างอวบอ้วนเล็กน้อยที่มีรอยย่นตัวหนึ่ง
พวกเขาหันหน้าไปทางทะเลสาบ แสงไฟสไตล์ยุโรปที่ตั้งอยู่ด้านข้างส่องให้เกิดเงาดำออกมาสองเงา
ผ่านไปชั่วครู่ก็มีเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังพวกเขา “ฉันว่าแล้วว่าพวกนายจะต้องอยู่ที่นี่” เขาพูดแล้วก็นั่งลงไปที่ข้างกายเด็กชายคนนั้น
“หงิง……” สุนัขตัวน้อยส่งเสียงออกมาจากลำคอ ถัดมาก็ตีหางกับพื้นเบาๆ ถือว่าเป็นการทักทายเด็กชายที่เพิ่งมาถึง
“เฉิงเฉิง เมื่อครู่เป็นการแสดงเพื่อปกป้องน้องสาวไม่ใช่หรือ นายจำเป็นต้องโกรธขนาดนั้นเลยหรือ” หยางหยางพูด ใช้ร่างเล็กๆกระแทกไปที่ด้านข้างเฉิงเฉิงเบาๆ
เฉิงเฉิงหันหน้ามามองบนใส่เขาด้วยความโมโห “ทำไมถึงไม่สมควร ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น ทำไมนายถึงไม่แสดงตามวิธีการที่พวกเราตกลงกันเอาไว้ เป่หมิงซีหยาง ฉันจะบอกนายให้นะ หลังจากนี้เรื่องแบบนี้ไม่ต้องมาหาฉันอีก”
หยางหยางนั้นหน้าด้านเล็กน้อย เขาหัวเราะอิอิให้เฉิงเฉิง “ทำไมต้องใจแคบขนาดนี้กัน ตอนแรกที่แสดงละครที่โรงเรียนแล้วแอบเปลี่ยนบทละครกับจ้าวจิงอี้เป็นการส่วนตัว ทำให้ฉันเกือบจะขายหน้าต่อคนทั้งโรงเรียน ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่หรือ เรื่องวันนี้ถือเสียว่าพวกเราไม่ติดค้างกันอีกแล้วกัน อีกอย่างนะ นายไม่รู้สึกว่าฉันทำแบบนี้ ละครทั้งหมดเมื่อครู่นี้แสดงได้สมจริงมากไม่ใช่หรือ นายเห็นสีหน้าของคุณพ่อหรือไม่……น่าขำจริงๆนะ”
เขาพูดแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
หยางหยางเอ่ยเรื่องคราวที่แล้วออกมา จึงทำให้เฉิงเฉิงหายโมโหเล็กน้อย แต่ว่าเขากลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนกับหยางหยาง
“หยางหยาง นายอย่าทำตัวเหมือนนกกระจอกเทศที่พบกับอันตรายก็มุดหัวลงไปแล้วนึกว่าอันตรายผ่านพ้นแล้วไปตลอด เมื่อครู่นี้เพิ่งจะเริ่มต้น นายพาน้องสาวออกโทรทัศน์ คุณพ่อก็ได้เห็นจริงๆ คุณพ่อไม่จบเพราะถูกนายหลอกลวงแบบนี้ง่ายๆหรอกนะ ใช่แล้ว นายออกมาแล้ว ตอนนี้ที่ห้องใต้หลังคายังเหลือใครบ้าง”
“อืม…..เมื่อครู่นี้ฉันไปห้องของคุณป้าเฉียวเฉียวมารอบหนึ่ง คุณลุงฮัวก็อยู่ที่นั่น นายกับ ‘เชี่ย’ อยู่ข้างทะเลสาบ ตอนนี้ด้านบนน่าจะเหลือคุณพ่อกับคุณแม่แล้ว”
มีเพียงแค่คุณพ่อกับคุณแม่ที่อยู่ข้างบน……ตอนนี้เฉิงเฉิงเริ่มรู้สึกกังวลแทนคุณแม่ขึ้นมาแล้ว เขารู้ชัดว่า คุณพ่อและคุณแม่ทั้งสองคนล้วนไม่ใช่ประเภทที่จะยอมอ่อนข้อให้กับฝ่ายตรงข้าม พูดคุยกันได้ไม่กี่ประโยคดีไม่ดีก็ทะเลาะกันขึ้นมาอีก
หรือว่าความสัมพันธ์เรียบง่ายระหว่างพวกเขาที่สร้างขึ้นมาอย่างไม่ง่ายจะต้องมาแตกหักในตอนนี้กัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉิงเฉิงก็รีบลุกขึ้นจากบันไดหิน หมุนตัววิ่งกลับเข้าไปในบ้านพัก
“เฮ้ๆ……นายจะทำอะไรน่ะ” หยางหยางถูกการเคลื่อนไหวกะทันหันของเฉิงเฉิงทำให้ประหลาดใจเล็กน้อย
“โฮ่งๆ…….” เบลล่าก็เห่าเล็กน้อย สะบัดหางขึ้นวิ่งตามไปติดๆ
“เฮ้ พวกนายสองคนรอฉันก่อนสิ……” เมื่อเห็นเฉิงเฉิงไม่ตอบคำถาม หยางหยางก็นั่งไม่ติดแล้ว ร่างเล็กๆรีบลุกขึ้นวิ่งตามไป
*
ห้องใต้หลังคาที่ชั้นสาม เป่หมิงโม่มองกู้ฮอน เขาพยายามกดไฟโทสะที่อยู่ในใจเอาไว้ คิดจะใช้คำพูดที่ค่อนข้างสุภาพนุ่มนวล “เธออยู่ที่ไหน”
***
ในท้ายที่สุดกู้ฮอนก็ยังคงไม่ยอมเจาะบานหน้าต่างกระดาษชั้นนี้ สุดท้ายก็เป็นเป่หมิงโม่ที่เจาะขาด
สีหน้าของเธอเคร่งเครียดมากกว่าเดิมในทันที เดิมเป็นเพราะว่าความสามารถของตัวเองไม่มากพอ จึงต้องมองหยางหยางถูกผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามคนนี้พาไปอย่างสบายๆ
“คุณถามถึงเธอทำไมกัน หรือว่าจะแย่งชิงเธอไปจากฉันเหมือนกับครั้งที่แล้วแบบนั้นหรือ” กู้ฮอนเลิกคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อครู่
เป่หมิงโม่มองผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้า ตอนนี้เธอดูไม่เหมือนกับกู้ฮอนที่เคยรู้จักอยู่บ้าง กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างไม่ใช่ผู้หญิงตัวน้อยๆที่อ่อนแอและบอบบางอีกแล้ว
“ทำไมหรือ ดูท่าทางของคุณแล้วเหมือนว่าอยากจะต่อสู้กันจนตกตายไปทั้งสองฝ่าย ( แปลว่า อยากจะต่อสู้กันจนตกตายไปทั้งสองฝ่าย) กับผมหรือ ผมว่า สำหรับคุณแล้วไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีมากเท่าไร ผมมีข้อเสนอข้อหนึ่ง ไม่สู้พวกเรามานั่งลงคุยกันดีๆสักหน่อย