บทที่ 877 เอาคืน
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการหาวิธีที่จะรู้ว่าสองคนที่อยู่ในห้องคือใคร อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้ว่ามีเพียงสองคน
จุดประสงค์การมาที่นี่ของพวกเขาคืออะไร
ชูเอ้อและป่ายมู่ซีตอนนี้อยู่ที่ไหน พวกเขาเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า
“พวกนายเป็นใครกัน เพื่อนของฉันสองคนอยู่ไหน?” น้ำเสียงของเป่หมิงโม่นั้นเรียบมาก เห็นได้ชัดว่าสงบมาก
แต่สิ่งที่เขารู้สึกแปลกก็คือ สองคนนี้กลับไม่พูดสักคำ เพียงแค่ผลักเป่หมิงโม่ให้เดินลึกเข้าไปในบาร์อย่างเงียบๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ ระหว่างนี้แตะไม่โดนสิ่งของใดๆ ซึ่งสามารถอุปมานได้ว่าเข้าพวกนี้น่าจะมีไฟฉายอยู่ในมือ
และพยายามรักษาความเงียบขณะเข้าไปในบาร์ เพื่อป้องกันไม่ให้คนข้างนอกได้พบความปกติของที่นี่ สำหรับเค้าโครงในห้องบาร์แห่งนี้ เป่หมิงโม่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ทุกย่างก้าวของพวกเขา ได้วาดแผนที่ไว้ในหัวสมองของเขาไว้แล้ว
พวกเขาเดินไปแต่ไม่กี่ก้าว ก็หยุดอยู่ตรงตำแหน่งเวทีของบาร์
หลังจากนั้น สิ่งที่ทำให้เป่หมิงโม่ประหลาดใจก็คือ เขาได้ยินเสียงเคลื่อนย้ายของโต๊ะและเก้าอี้ ซึ่งตรงกันข้ามกับสถานการณ์เมื่อครู่ เมื่อครู่คือกลัวคนจะมาพบ ตอนนี้กลับเคลื่อนไหวมาก
นอกจากนี้ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงมือของเขาถูกคลายมัด น่าจะถูกแกะมัดออก
เป่หมิงโม่ไม่ได้คิดมาก รีบใช้มือถอดผ้าคลุมบนศีรษะออกมาอย่างรวดเร็ว
วินาทีที่เขาถอดผ้าคลุมออกจากศีรษะ ก็ถูกแสงไฟจากบนศีรษะส่องลงมาคลุมไปทั่วร่าง
เป่หมิงโม่ที่อยู่ในความมืดมาตลอด ปรับตัวไม่ได้ในทันที ใช้มือยกขึ้นมาบังตาไว้ทันที
เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ สถานการณ์เช่นนี้ นอกจากสีขาวตรงหน้าแล้ว รอบๆ มีแต่ความมืด
หลังจากเขาปรับตัวได้แล้ว เขามองไปทางบาร์อีกครั้ง ไม่มีใครเลยสักคน แม้แต่สองคนเมื่อครู่ก็หายตัวไป
เป่หมิงโม่ค่อยๆ เดินออกมาจากแสงสว่างนั้น ความคิดแรกของเขาก็คือต้องหาชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีให้เจอ แต่เขารู้สึกค่อนข้างแปลกจริงๆ เสียงการเคลื่อนไหวโต๊ะและเก้าอี้เมื่อครู่ บางทีหลังจากสองคนนั้นทำเสร็จแล้วก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่หากพวกเขาทำเพื่อเงิน แล้วหลังจากควบคุมตัวเองแล้ว ทำไมถึงไม่ค้นตัว แล้วนำทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองไปด้วยล่ะ?
***
เป่หมิงโม่สังเกตรอบๆ สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยมากมายอยู่ตรงหน้าของเขา
สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจมากที่สุดก็คือ หลังจากเสียงเคลื่อนไหวของโต๊ะและเก้าอี้แล้วแต่ตรงหน้ากลับถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้สถานที่รอบตัวโล่งว่าง
ขณะที่เขากำลังจะออกไปจากที่นี่เพื่อตามหาชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซี ก็ได้ยินเสียงดังมาจากบนศีรษะ ตามมาด้วย กระดาษสีสันหลากหลายหล่นลงมาจากบนศีรษะ
ขณะเดียวกัน แสงต่างๆ ของบาร์ในวันธรรมดาก็เริ่มกะพริบไปมา เพลงไดนามิกก็ดังขึ้นด้วย
เป่หมิงโม่ในเวลานี้ ก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่เพียงแค่นี้ เดินผ่านแสงไฟกะพริบ เห็นป้ายแขวนอยู่บนโต๊ะไวน์: ยินดีต้อนรับการพ้นผิดของเป่หมิงโม่อย่างอบอุ่น
เมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ คิ้วขมวดเล็กน้อย ผิวบนใบหน้ากระตุกเล็กน้อย
ดนตรีพร้อมกับ เสียงดังขึ้น: “ยินดีต้อนรับสู่การกลับมาของเป่หมิงเอ้อ!”
นี่เป็นเสียงของชูหยุนเฟิง แวบเดียวเป่หมิงโม่ก็ฟังออกแล้ว
ขณะเดียวกันเสียงก็หยุดลง ชูหยุนเฟิงหยิบไมค์หัวเราะเดินออกมาจากประตูเล็กๆ หลังเวทีพร้อมกับป่ายมู่ซี ในมือของพวกเขา ยังมีถือเค้กครีมอยู่ในมือของแต่ละคน
เป่หมิงโม่ทำหน้าตึงมองทั้งสองคนที่เดินมาถึงตรงหน้าของตัวเอง: “ชูเอ้อ ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของนายใช่ไหม ป่ายมู่ซีนายก็เห็นด้วยกับการให้เจ้านี่มาทำเรื่องชั่วๆ ที่บาร์ของนายงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าพวกนายคิดว่าฉันยังเสียหน้าไม่พองั้นเหรอ?”
ชูหยุนซียิ้มอย่างมีความสุข: “เป่หมิงเอ้อ นายเป็นคนเดียวในพวกเราสามคนที่เคยถูกจำคุก การกลับมาของนายจำเป็นต้องแรงหน่อย มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้บ่อยๆ”
“ฮ่าๆ ใช่ๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำ เป่หมิงเอ้อนายคงไม่โกรธพวกเราเพราะเรื่องพวกนี้หรอกนะ” ป่ายมู่ซีก็ช่วยพูดอย่างข้างๆ
เป่หมิงโม่กวาดมองพวกเขา: “ได้ รอไว้ให้พวกนายได้ออกมาจากข้างใน ฉันจะทำให้ใหญ่โตกว่าสิ่งที่พวกนายทำอยู่ตอนนี้ ฉันชื่นชมในความหวังดีของพวกนายเอาป้ายนี้ออก บาร์เปิดอย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นป่านมู่ซีก็จะพูดถึงฉันเรื่องนี้ไปตลอด ใช่แล้ว นี่เป็นบทลงโทษเล็กๆ น้อยๆ ของพวกนาย หากยังมีครั้งหน้า มีเซอร์ไพรส์ให้พวกนายแน่นอน”
พูดจบ เขาก็เดินตรงไประหว่างกลางของทั้งสองคนไป เดินอย่างสบายใจไปยังห้องส่วนตัวที่พวกเขามักดื่มกันเป็นประจำ
ขณะที่กระทบไหล่กับพวกเขานั้น ได้ยกมือขึ้นด้วยความเร็วดุจสายฟ้าผ่า คว้าข้อมือของพวกเขาไว้
ขณะที่พวกเขาไม่สามารถต้านทานแรงได้ ทำให้เค้กครีมในมือของตัวเองตบเข้าไปบนหน้าของพวกเขาแต่ละคน
หลังจากผ่านไปสิบนาที
เป่หมิงโม่นั่งอยู่คนเดียวในห้องส่วนตัวของบาร์ดื่มเบียร์ดำเยอรมันเองคนเดียวหนี่งขวด
ประตูห้องส่วนตัวเปิดออก ป่ายมู่ซีและชูหยุนเฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอก บนคอของพวกเขามีผ้าคล้องคอไว้ มือข้างหนึ่งยังคงเช็ดครีมนมที่ยังมีบนใบหน้าและผม
ยังไม่รอให้พวกเขาได้เอ่ยปากพูด เป่หมิงโม่ก็เอ่ยปากพูดแล้ว ใช้น้ำเสียงเหมือนซักถามนักโทษ: “วันนี้พวกนายรู้ได้อย่างไรว่าฉันจะออกมาวันนี้? ตามความเข้าใจของฉัน พวกนายสองคนไม่ได้มีไอคิวที่สูงขนาดนี้”
หลังจากเช็ดผมและใบหน้าสะอาดเสร็จแล้ว หลังจากชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีโยนผ้าไปอีกด้านแล้ว ก็นั่งลงใกล้ๆ
พวกเขาไม่ตอบ เอื้อมมือไปหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะน้ำชา แล้วใช้ปากยกดื่มมันทันที ผ่านไปไม่กี่นาที ขวดเหล้าเปล่าๆ สองขวดถูกวางไว้บนโต๊ะน้ำชาอีกครั้ง
เป่หมิงโม้มองท่าทางของพวกเขาสองคน: “ทำไม พวกนายโกรธงั้นเหรอ?”
***
” ใครจะกล้าโกรธอดีตประธานบริษัทเป่หมิง พวกเราเพียงแค่ได้รับการรายงานจากประธานคนปัจจุบันของบริษัทเป่หมิง ไม่ต้องพูดถึง ตั้งแต่หลังจากเธอได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ ก็ไม่มีความไร้เดียงสา และความโง่เหมือนตอนแรกแล้วจริงๆ”
เมื่อเป่หมิงโม่ได้ฟังป่ายมู่ซีพูดเช่นนี้ เขาก็รู้ทันทีว่าคนที่เขาพูดถึงคือใคร
แน่นอนว่าเป็นกู้ฮอนคนที่ทำให้เขาทั้งรักทั้งเกลียด
ช่วงเช้าเธอยังปรากฏตัวอยู่ในชั้นศาล แต่หลังจากช่วงพักก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย
สำหรับเรื่องที่เธอหายไป เป่หมิงโม่ไม่เคยคิดอย่างละเอียด เขาในตอนนั้นยังคงโกรธเรื่องที่เธอซ่อนลูก
อีกด้านหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงในชั้นศาลทำให้เขาไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้มาก
สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ กู้ฮอนรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองจะพ้นผิด? หรือว่าเด็กๆ หรือแม่ของตัวเองเป็นคนบอกเธอ?
แต่มันเป็นไปไม่ได้ ตั้งแต่สิ้นสุดในชั้นศาลจนกระทั่งตัวเองขึ้นรถออกไป พวกเขาไม่เคยโทรหากันเลย
แม้ว่าหลังจากที่ตัวเองขึ้นรถไปแล้วเธอรายงานให้ชูเอ้อพวกเขา แต่สิ่งที่เห็นเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเตรียมการได้ในเวลาเพียงสั้นๆ
“เป่หมิงเอ้อ นายก็อย่าทำเป็นไม่สนใจคนอื่นเขาตลอดทั้งวัน พวกเราดูออกว่าเธอก็เป็นห่วงนายมาก รู้ว่านายออกมาวันนี้ ก็โทรหาพวกฉัน ให้พวกเราต้อนรับนาย”
“ใช่ ช่วงนี้นายก็ วางใจนำบริษัทเป่หมิงให้เธอดูแลไม่ใช่เหรอ ดูตอนนี้แล้วหากพวกนายสองคนไม่อยู่ด้วยกัน ก็เปล่าประโยชน์จริงๆ”
เวลานี้ความดื้อรั้นของเป่หมิงโม่ก็กลับมาอีกครั้ง: “พวกนายไม่ต้องมาพูดแทนเธอกับฉัน หากเธอดีเหมือนกับที่พวกนายพูด ก็ไม่ปิดบังฉันมาเป็นเวลาหลายปี”
คำพูดที่กะทันหันเช่นนี้ ทำให้ชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีสับสนเล็กน้อย พวกเขามองหน้ากัน ไม่รู้ว่าเป่หมิงโม่กำลังพูดถึงอะไร
หลังจากเห็นว่าเขาพูดจบ ก็เอื้อมมือไปหยิบเบียร์หนึ่งขวด เงยหน้าขึ้นดื่มทันที
ชูเอ้อและป่ายมู่ซีจะรู้ได้อย่างไร พวกเขาอยู่แต่ในบาร์ มีเวลามาดูทีวีกันที่ไหน หากพวกเขามีเวลาดูสักนิด บางทีอาจจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูดหมายถึงอะไร
*
เช่นเดียวกับเป่หมิงโม่ที่กำลังดื่มเบียร์ที่บาร์Zeus กู้ฮอนลากร่างกายที่อ่อนล้ากลับมาบ้านของลั่วเฉียวและฉิงฮัวจากบริษัทเป่หมิง
ตอนเย็น เขาได้รับสายจากหวีหรูเจี๋ย เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในชั้นศาลสั้นๆ ง่ายๆ ให้กู้ฮอนฟัง
แม้ว่ากู้ฮอนจะรู้แล้วว่าฆาตกรที่ฆ่าแม่ของเธอยังมีคนอื่นๆ แม้จะรู้อย่างคลุมเครือว่า ความสัมพันธ์จะหนีไม่พ้นเกี่ยวข้องกับเจียงฮุ่ยซิน
แต่ตั้งแต่เธอได้รู้จากปากของหวีหรูเจี๋ย ฆาตกรที่ฆ่าแม่ของเธอจริงๆ แล้วคือเจียงฮุ่ยซิน เธอก็รู้สึกเซอร์ไพรส์มากกว่าสิ่งที่เธอได้เตรียมไว้
ตอนที่หวีหรูเจี๋ยขอให้เธอรอไปทานอาหารด้วยกันหลังจากเลิกงานแล้ว และเด็กก็อยู่ที่นั่นด้วย กู้ฮอนกลับทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขา เธอปฏิเสธ
ในความเป็นจริง กู้ฮอนอาจเข้าร่วมการพิจารณาคดีกับหวีหรูเจี๋ยและคนอื่นๆ แต่ในตอนเที่ยงได้รับสายจากมือถือ
ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับบริษัทเป่หมิง รายงานจากผู้โทรแจ้งว่าพนักงานบางคนในแผนกภายในของบริษัทเป่หมิงได้นัดหยุดงานกัน ซึ่งทำให้บริษัทเป่หมิงไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ กู้ฮอนจึงจำเป็นต้องกลับไปจัดการอย่างเร่งด่วน
จนกระทั่งหวีหรูเจี๋ยโทรมา กู้ฮอนยังคงเจรจาเพิ่มเติมกับตัวแทนพนักงานในห้องประชุม
หลังจากหวีหรูเจี๋ยรู้สถานการณ์ของเธอแล้ว ก็ไม่ได้ยืนกรานอีกต่อไป เพียงแค่บ่นว่าให้เธอดูแลสุขภาพด้วย อย่ามีความขัดแย้งใดๆ กับพนักงาน หากความเห็นขัดแย้งกัน ก็พูดกับเป่หมิงโม่
***
สำหรับกู้ฮอนแล้ว การฝึกฝนที่เกิดขึ้นในบ่ายวันนี้ทำให้เธอรู้สึกยุ่งยากเล็กน้อย บางทีเธออาจคิดว่าเธอไม่สามารถยุติเรื่องนี้ได้
แม้ว่าเธอจะรับปากหวีหรูเจี๋ย เมื่อตัวเองไม่สามารถควบคุมมันได้ ก็จะบอกให้เป่หมิงโม่ แต่ในใจของเธอต้องเผชิญกับเป่หมิงโม่หรือพูดคุยกับเขาก็จะรู้สึกกลัวเล็กน้อย
ตั้งแต่ช่วงเช้าในชั้นศาล สายตาที่เขามองเธอนั้นสามารถตัดสินได้ว่า ไม่ว่าหัวข้อที่พวกเขาพูดคุยกันจะห่างไกลแค่ไหน สุดท้ายก็จะวนกลับมาถึงเรื่องของจิ่วจิ่ว
สามารถถ่วงเวลา เพื่อพยายามยืดเวลาแยกกับเป่หมิงโม่ แต่ใครจะสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้?
ฉิงฮัวเป็นตัวเลือกที่ดีคนหนึ่ง เขาติดตามเป่หมิงโม่มาโดยตลอด เขาสามารถเดาใจของเจ้านายของเขาได้อย่างแม่นยำ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นเพียงผู้ติดตามแค่ในนาม แต่ความมีหน้ามีตาในบริษัทเป่หมิงนั้นไม่น้อยไปกว่าหัวหน้างานของแผนกต่างๆ แม้แต่ผู้รับผิดชอบเหล่านี้ต้องเห็นแก่หน้าเขาบ้าง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้ฮอนรีบหยิบมือถือเตรียมโทรหาเขา แต่ขณะที่กำลังจะกดโทร นิ้วก็ต้องหยุดลง
ลั่วเฉียวเพิ่งคลอดลูกเสร็จ ยังไม่รู้ว่าฉิงฮัวจะมาได้รึเปล่า
แต่ ความกังวลนี้ก็หายไปทันที เพราะเวลานี้เสียงมือถือก็ดังขึ้นจากมือถือที่เธอจับไว้ และ เป็นฉิงฮัวที่โทรมา
“ฮัลโหล?” กู้ฮอนรีบกดรับสาย
“คุณผู้หญิง พวกคุณจะมากันเมื่อไหร่?”