บทที่ 885 คุณเชื่อมั่นในตัวเองขนาดนั้นเชียวหรือ
ข้อเสนอนี้ของเขาทำให้กู้ฮอนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอมองเขาขึ้นๆลงๆอย่างพิจารณาอย่างไม่คลาดสายตา
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้ว “ผมเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือไงกัน ถึงทำให้คุณใช้สายตาแบบนี้มองตรวจสอบผม”
“เหอะ……” กู้ฮอนหัวเราะเสียงเย็น “ประธานเป่หมิงที่ไม่เคยพูดเล่นมาวันนี้กลับพูดเรื่องตลกออกมาได้ ระหว่างคุณกับฉันมีอะไรให้คุยกัน ถ้าหากมีล่ะก็ อย่างนั้นทำไมถึงไม่พูดประโยคนี้ออกมาก่อนที่คุณจะแย่งหยางหยางไปจากฉันกัน”
เป่หมิงโม่มองหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหน้า เอ่ยถึงตรงนี้ ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความรู้สึกของเธอนั้นรุนแรงอยู่บ้าง กล้ามเนื้อภายใต้ใบหน้าอันงดงามนั้นสั่นระริกเล็กน้อย
ตอนนี้ในใจของเป่หมิงโม่นั้นมีความรู้สึกมากมายผสมปนเปกัน ด้านหนึ่งในใจของเขาก็ยังมีไฟโทสะอยู่ อีกด้านหนึ่งหลังจากที่เห็นกู้ฮอนแสดงท่าทีและคำพูดของเธอออกมาแล้ว เขาก็รู้สึกว่าตอนแรกดูเหมือนว่าจะทำรุนแรงมากเกินไป
“สำหรับเรื่องของหยางหยาง ผมพูดได้แค่ว่าพวกเราสองคนล้วนมีส่วนรับผิดชอบ ถ้าในตอนแรกคุณไม่ได้แอบเขาไว้ลับหลังผมล่ะก็ ผมก็จะไม่ทำเรื่องแบบนั้นออกมา”
“ทำไม หรือว่าปัญหาเรื่องหยางหยาง ยังมีความผิดของฉันด้วย ตอนแรกที่อยู่ในศาล ฉันไม่สามารถแก้ต่างให้กับการกระทำใดๆของตัวเองได้ ตอนแรกข้อตกลงของพวกเราระบุไว้ว่า คลอดลูกชายและยกเขาให้กับคุณ หลังจากที่ฉันให้กำเนิดเฉิงเฉิง เขาก็ถูกคุณอุ้มจากไปแล้ว สามารถพูดได้ว่า ในตอนนั้นข้อตกลงระหว่างพวกเราก็ได้ปฏิบัติตามเรียบร้อยแล้ว เพราะคุณพูดแค่ว่าคลอดลูกชาย แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ากี่คน ดังนั้น ฉันเก็บหยางหยางเอาไว้ก็เป็นเรื่องตามสมควร แต่ในภายหลัง คุณกลับอาศัยอำนาจเด็ดขาดของคุณ แล้วใช้วิธีการที่น่าขายหน้ามาแย่งหยางหยางไปจากข้างกายฉัน”
เป่หมิงโม่ฟังเธอพูดจบแล้วก็พยักหน้าเบาๆ “คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า ในช่วงนี้หยินปู้ฝันจะสอนสิ่งต่างๆให้คุณไม่น้อยเลย ในตอนแรกข้อตกลงของพวกเราไม่ได้ระบุเรื่องนี้ไว้ชัดเจน นั่นก็เป็นเพราะว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เด็กหนึ่งคนก็ช่าง เด็กสองคนก็ดี กระทั่งมีเด็กมากกว่านี้ ก็สามารถอยู่ในขอบเขตข้อตกลงนั้น สมมติว่าตอนแรกผมกำหนดจำนวนของเด็ก แล้วคุณคลอดเพียงแค่คนเดียว อย่างนั้นผมก็สามารถฟ้องคุณได้ว่าผิดสัญญาใช่หรือไม่ จากนั้นก็ตามเรียกร้องค่าเสียหายจากคุณใช่ไหม ในสถานการณ์แบบนั้น คำพูดเมื่อครู่ของคุณนั้นไม่มีน้ำหนักมากพอแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นในภายหลังผมก็คืนลูกให้กับคุณคนหนึ่งแล้วไม่ใช่หรือ ดังนั้น ปัญหาของลูกทั้งสองคน ผมคิดว่าผมไม่มีความผิดอะไร”
***
กู้ฮอนถูกเป่หมิงโม้โต้กลับก็รู้สึกโมโหจนร่างกายสั่นระริก
คิ้วเธอเหยียดตรง ยื่นนิ้วชี้ไปที่จมูกของเป่หมิงโม่ “เป่หมิงโม่ คุณมันเถียงข้างๆคูๆ!”
มีคนน้อยมากที่จะกล้าใช้นิ้วชี้จมูกตัวเองแล้วด่าว่า เป่หมิงโม่คิ้วกระตุกเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีโทสะ
เขายื่นมือออกไปกดมือของกู้ฮอนลงเบาๆ “ผมมาที่นี่ไม่ได้ต้องการมาโต้เถียงเรื่องราวในอดีตกับคุณ ว่าใครถูกใครผิดกันแน่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วสำหรับพวกเรา”
“เรื่องในอดีตหรือ คุณไม่อยากพูดถึงหรือไม่กล้าที่จะพูดถึงกันแน่ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนั้นที่ตัวเองเคยทำก็รู้สึกไม่กล้าเผชิญหน้าใช่ไหม ฉันจะบอกคุณให้นะ ในฐานะคุณแม่ของลูก ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องของเฉิงเฉิงและหยางหยางต้องเกิดกับจิ่วจิ่ว ทางที่ดีคุณล้มเลิกความคิดนี้เสียเถอะ”
“จิ่วจิ่ว……” เป่หมิงโม่เอ่ยประโยคหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “ เป็นชื่อที่ดีจริงๆ”
กู้ฮอนหน้าเปลี่ยนสี รู้ว่าเมื่อครู่นี้เหมือนตัวเองจะหลุดปากพูดไปแล้ว “เธอชื่ออะไรแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”
เป่หมิงโม่เหมือนกับประสบความสำเร็จแล้ว มองไปที่เธอแล้วมุมปากก็ยกขึ้นน้อยๆ “จะไม่เกี่ยวได้อย่างไรกัน ผมเป็นพ่อของเด็ก แน่นอนว่าผมมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าเด็กชื่ออะไร แม้ว่าชื่อของลูกทั้งสามคน จะมีสองคนที่ผมไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อให้ก็ตาม แต่ผมก็ยังค่อนข้างเชื่อมั่นความสามารถในการตั้งชื่อลูกของคุณ”
เมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว กู้ฮอนก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องปิดบังอำพรางกันอีก เพียงแต่เธอรังเกียจท่าทางและน้ำเสียงที่เห็นด้วยกับการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป่หมิงโม่แสดงออกมาในตอนนี้มาก “ใครบอกว่าจิ่วจิ่วเป็นลูกของคุณ ยิ่งไปกว่านั้นคุณก็ยังไม่เคยพบเธอด้วย”
เป่หมิงโม่ค่อยๆเดินไปอยู่หน้าบานหน้าต่างที่สามารถมองเห็นบ้านพักที่ปานซานบานนั้น เงยหน้าขึ้น ก็เห็นดวงดาวบนฟากฟ้าผ่านกระจก
กลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวที่แผ่ออกมาจากร่างเมื่อครู่นี้หายไปในเสี้ยววินาที อาจจะเป็นเพราะว่าทุกครั้งที่พ่อแม่พูดคุยถึงลูกก็จะมีบรรยากาศอบอุ่นขึ้นมาตามธรรมชาติ
น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นทุ้มต่ำ เสียงของเขาก็อ่อนโยนลงไม่น้อย “ผมจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเธอเป็นลูกของผม นับตั้งแต่เห็นเธอในโทรทัศน์ตอนนั้น ผมก็รู้ชัดเจนแล้ว”
กู้ฮอนหันหน้าไปมองแผ่นหลังสูงใหญ่และสง่างามของเขา ได้ยินเสียงของเป่หมิงโม่แล้ว ความโกรธที่มีต่อเขาก็ค่อยๆลดลงไม่น้อยจากอิทธิพลที่ได้รับโดยไม่รู้ตัว
เพียงแต่เธอไม่ตั้งใจที่จะยอมรับตรงๆ “เห็นแค่ครั้งเดียวก็สามารถรู้ได้ขนาดนี้เชียวหรือ ความรู้สึกของคุณไม่ต้องดีขนาดนั้น ระหว่างฉันกับคุณก็ไม่ได้มีความรู้สึกมากมายขนาดนั้น”
เป่หมิงโม่ที่มองไปด้านนอก หลังจากได้ยินคำพูดนี้ของพูดกู้ฮอนแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงเล็กน้อย “ไม่ได้มีความรู้สึกมากมายขนาดนั้นหรือ ฉิงฮัวกับลั่วเฉียวก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง ตอนนี้ลูกของพวกเขาก็เกิดออกมาแล้ว บางทีจิ่วจิ่วก็เป็นเช่นนี้”
เขาค่อยๆหมุนกายกลับมา แล้วกลับมาอยู่เบื้องหน้ากู้ฮอนอีกครั้ง
ครั้งนี้ ระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้กันมากขึ้น ใกล้จนกู้ฮอนสามารถได้กลิ่นกายพิเศษบนร่างของเป่หมิงโม่ได้อย่างชัดเจน และสามารถได้ยินเสียงลมหายใจอันหนักหน่วงของเขาด้วย
นี่ทำให้เธอรู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองถี่ขึ้นอย่างหลุดการควบคุม ใบหน้าเริ่มร้อนขึ้นเล็กน้อย แววตาก็เปลี่ยนไปเลื่อนลอย
เธออยากจะถอยหลัง ให้ร่างกายของตัวเองรักษาระยะห่างกับผู้ชายคนนี้
แต่กลับถูกแขนแข็งแรงทรงพลังที่ยื่นออกมาข้างหนึ่งของเขากักเอาไว้ ทำให้เธอขยับไม่ได้
***
นี่ทำให้เธอไม่กล้าคิดถึงตอนต่อไป
ร่างกายของเธอแข็งทื่อเหมือนกับถูกร่ายเวทมนตร์ใส่ให้เคลื่อนไหวไม่ได้
“ในเมื่อผมสามารถมีจิ่วจิ่วกับคุณในสถานการณ์พิเศษได้ เชื่อหรือไม่ว่าผมยังสามารถทำให้คุณมีลูกคนอื่นๆได้อีกในสถานการณ์อื่นๆ สำหรับผมแล้วมันง่ายมาก
น้ำเสียงของเป่หมิงโม่แฝงไปด้วยแววข่มขู่ หยอกล้อ เหมือนกับว่าจะมีความรู้สึกอื่นๆของเขารวมอยู่ในนั้นด้วย สรุปแล้วก็ทำให้กู้ฮอนรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยขึ้นมา
ตอนนี้เธอรู้สึกถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเป่หมิงโม่ รวมถึงไอเย็นที่ค่อยๆแล่นขึ้นมาตามไขสันหลังของตัวเอง
เป่หมิงโม่มองท่าทางของหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างแล้วก็อารมณ์ก็พุ่งสูงขึ้นเล็กน้อย
เขาค่อยๆเข้าครอบครองอำนาจผู้กระทำ จากนั้นก็ค่อยๆเอ่ยออกมาไม่กี่คำ “คุณควรจะคิดแล้วว่าลูกคนที่สี่ของพวกเราจะชื่ออะไรใช่หรือไม่……”
“ฟืด……” กู้ฮอนมองชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าอย่างหวาดกลัว อดไม่ใส่ที่จะสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง
เจ้าหมอนี่ทำมาจากอะไรกันแน่ ในตอนนี้ยังจะมีอารมณ์มาคิดเรื่องนี้อีก หรือว่าชาติที่แล้วเขาจะเป็นม้าพ่อพันธุ์กัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ลากเข้าไปหาเรื่องนี้ได้ทุกที
ทำอย่างไรดี……
ในใจของกู้ฮอนเริ่มที่จะตะโกนเรียกร้องไม่หยุด แอนนิ ลั่วเฉียว พวกเธอมาช่วยฉันหน่อย…….
เป่หมิงโม่เห็นการดิ้นรนของเธอแล้ว แต่ก็เป็นเพียงแค่การดิ้นรนที่ไม่มีผลอะไรเท่านั้นเอง
มุมปากเขายกขึ้น ทำเหมือนกับว่าตัวเองกลายเป็นนักล่าคนหนึ่งที่เริ่มลับมีดชิ้งๆ เตรียมลงมือกับเชลยศึกผู้งดงามที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้แล้ว
ประชิดใกล้…….ประชิดใกล้เข้ามาทีละก้าว ทีละก้าว
ระยะห่างระหว่างพวกเขาก็เหมือนกับประโยคหนึ่งในไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน 0.01เซนติเมตรเท่านั้น เพียงแค่พระเอกนางเอกเปลี่ยนสลับตำแหน่งกัน อีกทั้งในมือของเขาก็ไม่มีกระบี่ ถ้าหากว่าเขายินยอมแล้วล่ะก็สามารถหยิบอาวุธออกมาได้ทุกขณะ
กู้ฮอนในตอนนี้ก็เหมือนกับลูกแกะที่นอนอยู่บนเขียง ตัวสั่นเทาไม่หยุด
“อ๊า! ไม่เหมาะสำหรับเด็ก!!!”
เสียงเด็กร้องตกใจดังขึ้น ทำลายบรรยากาศที่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่งบนห้องใต้หลังคา
เป่หมิงโม่เหมือนถ่านที่ถูกเผาไหม้จนแดงก้อนหนึ่งที่ถูกน้ำเย็นกะละมังหนึ่งราดลงบนศีรษะ
“ฟู่…….” ไฟดับแล้ว
สีหน้าเปลี่ยนเป็นสีทะมึนในชั่ววินาที กู้ฮอนที่อยู่ใต้ร่างเขาเหมือนเห็นควันสีขาวแผ่ออกมาจากร่างกายเขา……
เสียงนี้มาได้ดีมาก มาได้ทันเวลาด้วย
เธอไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นหยางหยางที่ตะโกนออกมา
เหตุผลนั้นง่ายมาก ข้อแรก แม้ว่าเฉิงเฉิงจะมาเจอเข้า เขาก็ไม่กล้าร้องออกมา อาจจะหลบออกไปอย่างเงียบๆด้วย ข้อสอง ‘ไม่เหมาะสมกับเด็ก’ คำพูดแบบนี้มีแต่จะตะโกนออกมาจากปากหยางหยางเท่านั้น ยังมีน้ำเสียงที่ตื่นตกใจแบบนั้น แม้ว่าจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆแต่ก็ถูกเขาจงใจทำให้เป็นเหมือนวาระสุดท้ายอย่างเกินจริงไปแล้ว
เหมือนกับที่กู้ฮอนคาดเดาไม่ผิด เสียงนี้เป็นหยางหยางที่ตะโกนออกมาจริงๆ
เมื่อเฉิงเฉิงและเบลล่ากลับมาถึงชั้นบนของบ้านพัก เตรียมจะเข้าไปช่วยคุณแม่ออกมานั้น หยางหยางก็ตามมาจากด้านหลังติดๆ
เพียงแต่ว่าตอนที่เฉิงเฉิงเห็นภาพเบื้องหน้านี้แล้ว แม้ว่าเขาจะยังเป็นเด็กเล็กๆ แต่ด้วยความที่เข้าใจเรื่องราวมากมาย ชั่วเวลานั้นก็หมุนกลับหลัง ใบหน้าแดงก่ำในทันที
แต่หยางหยางที่ตามมาทีหลังกลับแสดงออกไม่เหมือนกับเขาเท่าไร เขาหัวเราะอิอิเหมือนกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าเป็นเพียงแค่เกมส์เกมส์หนึ่งของผู้ใหญ่เท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
จากนั้นก็ทำเหมือนกับเล่นเกมส์ ตะโกนออกมาคำหนึ่ง
***
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเฉิงเฉิงและหยางหยาง เหมือนกับราดน้ำเย็นหนึ่งกะละมังลงบนศีรษะของเป่หมิงโม่ ในเวลาเดียวกันนั้นก็ถือได้ว่าช่วยชีวิตกู้ฮอนด้วย
เมื่อเห็นท่าทางเซ็งกะตายของคุณพ่อแล้ว ก็ทำให้หยางหยางรู้สึกประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แน่นอน เขาก็เห็นว่าสีหน้าของคุณแม่ดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก
“คุณพ่อ ทำไมคุณพ่อถึงเหมือนกับ ‘เชี่ย’ ที่เฝ้ากระดูกอย่างนั้นล่ะครับ
สุนัข……กระดูก……
จะใช้คำที่ดีกว่านี้มาอธิบายไม่ได้หรืออย่างไรกัน หน้าผากเป่หมิงโม่มีเส้นเอ็นปูดขึ้นมาหลายเส้นในทันที
แน่นอนว่าไม่เพียงแค่เป่หมิงโม่เท่านั้น เบลล่าก็เหมือนกับว่าจะไม่พอใจอยู่บ้าง มันเงยหน้าถลึงตาโตฉ่ำวาวมองไปที่หยางหยาง ปากก็ครางเสียงต่ำ “หงิง……”
เหมือนกับว่ากำลังต่อต้าน ตอนที่ด่าคนอย่าลากตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
การปรากฏตัวของเด็กๆ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ท่าทางของเป่หมิงโม่และกู้ฮอนยังคงอยู่ในสภาพเดิมโดยไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
“แค่ก……” เป่หมิงโม่ไอแห้งๆไปครั้งหนึ่งแล้วก็ประคองร่างของกู้ฮอนให้นั่งตัวตรง
เป่หมิงโม่จัดระเบียบเครื่องแต่งกายเล็กน้อย จากนั้นก็พูดกับกู้ฮอนด้วยใบหน้าเรียบๆว่า “ครั้งหน้าอย่าคิดเรื่องที่จะให้ผมเป่าตาให้คุณแบบนี้”
หลังเอ่ยจบแล้วก็เดินไปประตูลิฟต์โดยสารด้วยท่าทางที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเดินผ่านลูกๆสองคนและสุนัขหนึ่งตัวก็กวาดตามองหยางหยางอย่างเย็นเยียบ