บทที่ 893 กล่าวถึงจิ่วจิ่ว
“ในเมื่อข้อตกลงของเราทั้งสองฝ่ายทำสำเร็จแล้ว เพื่อให้ทุกคนสะดวกสบาย ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็เชิญคุณหนูแอนนิมาเซ็นสัญญาที่บริษัทเป่หมิงเลย ถึงเวลาเราเอาสัญญาส่งไปพร้อมกัน ส่วนสิ่งที่เราสามารถเสนอให้กับคุณ ไม่เพียงแค่เงินที่สนับสนุนเท่านั้น ยังเสนอหน้าร้านที่ใกล้จะสร้างเสร็จสมบูรณ์ให้กับคุณอีกด้วย ใหญ่เล็กได้หมด เพียงแค่คุณไปเลือก จากนั้นพูดกับฮอนก็ได้แล้ว”
คำพูดโม้จิ่งเฉิงทำให้แอนนิตกใจ นี่มันเกินความคาดหมายของเธอมากเกินไปมากเกินไปแล้ว
เธอรีบผายมือปฏิเสธพูดว่า:” ประธานโม้ จะให้หนูพูดอะไรดีน๊า ความจริงท่านและฮอนเป็นคนช่วยหนู หนูเกรงใจมากทั้งรับเงินและยังเลือกหน้าร้านอีก แค่เสนออะไรให้กับฉันก็ได้ในพื้นที่ที่กว้างห้าสิบถึงหกสิบตารางเมตร”
“แบบนี้ไม่ได้นะ พื้นที่กว้างแค่เนี้ยจะพัฒนาได้อย่างไร ต่อให้ทำได้แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกนาน เกรงว่ารอให้ผมตายก็ยากที่จะได้เห็นขนาดของมันแล้ว เฮอเฮอ ทำงานใหญ่ทุกเรื่อง ก็อย่ากลัวหน้าร้านมันใหญ่ หน้าร้านใหญ่ สามารถร่วมรวมชื่อเสียงของคนได้มากขึ้น นอกจากสะดวกสบายในการบริหาร ความกดดันที่นำมาก็จะทำให้หนูทำธุรกิจนี้อย่างตั้งใจมากขึ้น”
โม้จิ่งเฉิงพูดถึงตรงนี้ หันหน้าไปทางแอนนิ ตั้งใจกดเสียงให้ต่ำลงเล็กน้อย แกล้งทำเป็นน้ำเสียงที่ลับลมคมในว่า:” อีกอย่าง สำหรับธุรกิจ เราหวังว่าได้ทุนคืนกลับมาล่วงหน้า จากนั้นก็ไปถึงผลประโยชน์ไรไม่ใช่หรือ? ”
” เฮอเฮอ นี่เป็นเรื่องดี แต่ว่าโม้ คุณพูดแบบนี้ทำให้เด็กมันตกใจ ทำให้รู้สึกว่าคุณเป็นคนคิดแต่จะเอาผลประโยชน์อย่างเดียว”
หวีหรูเจี๋ยพูดอยู่ลุกขึ้นมาเดินไปข้างๆแอนนิ ตบไหล่เธอเบาๆ:” หนูจ๋า อย่ากลัว เขาชอบพูดเล่น ร้านใหญ่มีข้อดีของมัน ร้านเล็กก็มีข้อดีของมัน ขอแค่อยู่ในความสามารถที่หนูรับผิดชอบได้ก็เพียงพอแล้ว”
แอนนิพยักหน้าแรงๆ:” ขอบคุณค่ะ หนูจะพยายามทำให้เต็มที่ค่ะ”
หวีหรูเจี๋ยพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นหันไปพูดกับโม้จิ่งเฉิงว่า:” ธุระของเราในวันนี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ควรกลับไปแล้วใช่ไหม”
โม้จิ่งเฉิงพยักหน้า:” อืม อยู่ที่นี้ก็นานแล้ว ควรกลับไปได้แล้ว” พูดอยู่ เขาค่อยๆลุกขึ้นมาจากโซฟา
” คุณโม้ป้าหรูเจี๋ยทำไมกลับไปเร็วจังเหรอคะ ท่านดูสิคะ ช่วยเหลือหนูตั้งเยอะ หนูยังไม่ได้ต้อนรับท่านทั้งสองดีๆเลยค่ะ เอาอย่างงี้มั้ยคะทานข้าวเย็นกับพวกเราที่นี่เถอะค่ะ”
” อย่าเลยอย่าเลย ถ้าอยากตอบแทนเราแล้วละก็ ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ รอให้ร้านอาหารของหนูเปิดทำการแล้วค่อยเลี้ยงเราก็ไม่สาย เอาหล่ะ เรากลับไปก่อนแล้วนะ”
แอนนิและกู้ฮอนส่งพวกเขาออกไปจากบ้านเดี่ยวตลอดทาง จากนั้นมองดูพวกเขาขับรถยนต์ออกไป จนกว่าไม่เห็นข้างหลังของพวกเขาแล้วถึงกลับไปที่บ้านเดี่ยว
สำหรับแอนนิวันนี้ถือว่าโล่งใจแล้ว
เพียงแต่ว่าความกลุ้มใจของกู้ฮอนยังไม่ได้กำจัดหายไป
***
หลังส่งโม้จิ่งเฉิงพวกเขาเรียบร้อย กู้ฮอนกลับไปที่บ้านเดี่ยว ยังคงรู้สึกถึงความกดดัน นั่นก็คือความกดดันที่เป่หมิงโม่นำมาให้กับเธอ
คนแก่ได้ขับรถกลับไปแล้ว แต่ว่ายังมีอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอย่างนิ่งเฉย ไม่มีท่าทีว่าจะกลับไปเลยสักนิด
ไม่ต้องพูด นั่นก็คือเป่หมิงโม่
มือของเขากำลังถือน้ำชาไว้ นั่งไขว่ห้างและลิ้มลองน้ำชาอย่างสบายๆ
แอนนิสบตาให้กับกู้ฮอน “ฮอน ฉันไปดูเฉียวเฉียวบนตึกทางโน้นว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย”
“เฮ้ย…………”
ไม่รอให้กู้ฮอนพูดอะไรสักคำ แอนนิก็หาข้ออ้างหนีไปแล้ว
ในห้องรับแขกเหลือแค่พวกเขาสองคนแล้ว
กู้ฮอนนั่งก้มหัวอยู่ที่โซฟา มีความรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองสักเท่าไหร่ เหมือนเป่หมิงโม่กำลังจ้องตัวเองอยู่ตลอดเวลา
แต่ว่าเธอเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย แอบมองไปทางเป่หมิงโม่ ตั้งแต่ต้นจนจบสายตาของเขากลับไม่ได้คลาดสายตาไปจากน้ำชาในแก้ว
“ขอบคุณนะ” เธอพูดไปนึงคำเบาๆ
เพียงแต่ว่าเสียงนั้นมันเบาซะจน ตัวเองก็เกือบไม่ได้ยินเหมือนพูดกับเขา แต่ไม่อยากให้เขาได้ยิน
“ขอบคุณอะไรผม?” เป่หมิงโม่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา มองเห็นกู้ฮอนกำลังก้มหน้าพอดี สายตาของเขาสับสนมาก ไม่ได้โกรธและไม่ได้ดีใจ
“ขอบคุณที่คุณช่วยเหลือแอนนิ”
“อืม น้ำชารสชาติไม่เลว” เป่หมิงโม่พูดคนเดียวออกมาหนึ่งคำ จากนั้นเงยหน้าขึ้นมาดื่มน้ำชาในแก้วจนหมดแก้ว จากนั้นเอื้อมตัวไป หยิบกาน้ำชามาเทอีกหนึ่งแก้วเต็มๆ เหมือนที่เขาพูดเมื่อสักครู่พูดอย่างไม่ได้ใส่ใจ
ขณะที่เขามีความสุขกับการสูดดมกลิ่นหอมที่โชยออกมาจากน้ำชา ค่อยๆพูดออกมานึงคำ:”เมื่อสักครู่ผมเคยพูดไปแล้ว เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ” ไม่เกี่ยวอะไรกับผมสักนิด นี่เป็นการค้าขายที่บริษัทเป่หมิงและบริษัทGTที่ร่วมทำกับแอนนิก็แค่นั้นเอง ถ้าจะขอบคุณ เธอควรจะขอบคุณคุณถึงจะถูก แต่ว่าถ้าจะให้พูด ตอนที่แอนนิอยู่ที่เมืองซาบาห์เธอดูแลจิ่วจิ่ว มาตั้งนาน นี่ก็เป็นสิ่งตอบแทนที่เธอควรได้รับ”
กล่าวถึงจิ่วจิ่วปุ๊บ สติกู้ฮอนตื่นตระหนกโดยไม่รู้ตัว อย่าดูหน้าตาที่เงียบสงบของเป่หมิงโม่ที่เขาแสดงออกมา ส่วนใหญ่ใต้ความสงบแบบนี้แหละมักซ่อนความอันตรายเอาไว้
เธอก็ต้องยอมรับ ต่อให้ตัวเองได้ใบประกาศทนายความมาแล้วก็ตาม แต่ว่าถ้าวันข้างหน้าต้องต่อสู้คดีแย่งลูกกันอีกครั้ง แต่ว่าตอนนี้เป็นแค่เพียงมือใหม่เท่านั้น
ส่วนเป่หมิงโม่ยังคงแค่กวักมือแบบเบาๆ ก็สามารถเคลื่อนย้ายทนายความออกมาเป็นชุดใหญ่ๆมาช่วยต่อสู้คดีให้กับเขา
ที่สำคัญ จินตนาการไม่ยากเลย ต่อให้ตัวเองพยายามแค่ไหน มันก็ฝืนต่อสู้ได้แค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ดี
“อย่าใช้สายตาที่ระมัดระวังมามองผม หรือว่าคุณยังกลัวผมจะพาจิ่วจิ่วไปเหมือนครั้งก่อนหรือ?” พูดอยู่สายตาอันแหลมคมของเป่หมิงโม่เจอกับสายตา ของกู้ฮอนพอดี
ทำให้สันหลังของกู้ฮอนรู้สึก”ซือ” ออกมาหนึ่งครั้ง มีความเยือกเย็นออกมา ความเยือกเย็นแบบนั้นมันออกมาจากกระดูก เส้นขนบนร่างกายทุกส่วนมันลุกขึ้นมา
เธอเหมือนถูกสาปแช่ง พยักหน้าเหมือนหุ่นยนต์ พอเธอได้สติกลับมาอีกครั้งก็รีบส่ายหน้าอย่างสุดกำลัง
เธอไม่อยากอยู่ต่อหน้าเป่หมิงโม่ แสดงความกลัวของตัวเองออกมา ต่อให้ไปถึงขั้นนั้นจริงๆ ก็ทำให้เขาดูถูกตัวเองไม่ได้
***
สีหน้าที่นิ่งสงบของเป่หมิงโม่เริ่มอ่อนโยนขึ้นมาบ้างแล้ว เขารู้จากจิตใต้สำนึกของตัวเองว่ากำลังทำให้ผู้หญิงตรงหน้าตกใจ
“ตอนนี้ผมยังไม่พาเธอกลับไปด้วยหรอกนะ ทีนี้คุณสบายใจขึ้นมาบ้างหรือยัง”
“ได้ยินคำพูดนี้ กู้ฮอนโล่งอกและเป่าลมหายใจออกมาเบาๆ แต่ว่าเธอยังถามไปอีกหนึ่งคำว่า:” อะไรคือ’ยังไม่พาไปตอนนี้’ หรือว่าคุณอาจจะคิดว่ามีโอกาสที่เหมาะสมเมื่อไหร่คุณก็จะพาเธอกลับไปเลย? ถ้าหากแผนการคุณเป็นแบบนี้ งั้นฉันจะบอกให้คุณอย่างชัดเจน:” ฉันจะไม่ให้จิ่วจิ่วไปจากฉัน ต่อให้คุณต้องการสู้คดี ฉันก็จะสู้กับคุณให้ถึงที่สุด”
เป่หมิงโม่ยักคิ้วข้างนึงเบาๆ เขายกน้ำชาขึ้นมาดื่มอีกครั้ง:”คุณอาจเข้าใจความหมายของผมผิดไปแล้ว ความจริงผมอยากพูดว่า…….”
“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด คุณไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกในความเป็นแม่คนนึง ไม่เข้าใจหรอกว่าลูกสำคัญแค่ไหนต่อใจของเเม่”ไม่รอให้เขาพูดจบ กู้ฮอนก็แย่งคำพูดกลับมาแล้ว
*
พอฟ้าค่อยๆมืดเคริ้ม ขณะที่ไฟถนนสว่างขึ้นมา ฉิงฮัวและแอนนิเพิ่งออกมาจากห้องนอนลั่วเฉียว พวกเขารู้สึกว่าเวลาที่ให้กับกู้ฮอนและเป่หมิงโม่มันมากพอแล้ว
ปัญหาที่มากมาย อาจจะได้รับการแก้ไขกับการพูดคุยกันที่ยาวนานในครั้งนี้แล้ว
แต่ว่าพอพวกเขาลงมาเห็นปุ๊บ มีแต่กู้ฮอนเท่านั้นที่นั่งอยู่บนโซฟาคนเดียว ตรงข้ามของเธอมีแต่โซฟาที่ว่างเปล่า ยังมีน้ำชาแก้วนึงที่ดื่มไปได้แค่ครึ่งแก้ว
“ฮอน……..” แอนนิเดินมาข้างๆเธอ และเรียกไปนึงคำเบาๆ
เห็นแต่สายตาของเธอเงียบสงบมากๆ เงียบสงบจนทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ
“คุณหนูครับ เจ้านายกลับไปเมื่อไหร่หรอครับ? ฉิงฮัวรีบถามขึ้นมานึงคำ
” กลับไปได้สักพักแล้ว “กู้ฮอนพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ
แอนนินั่งลงไปข้างๆเธออย่างเป็นห่วง ยื่นมือไปจับมือของเธอมา รู้สึกว่าระหว่างนิ้วมือของเธอมีแต่ความเยือกเย็นออกมา ยิ่งไปกว่านั้นยังสั่นคลอนเล็กน้อยอีกด้วย
ความรู้สึกที่ไม่ดีก็ได้ขึ้นมาในหัวใจ:”ฮอน พวกคุณคุยเรื่องจิ่วจิ่วไม่สำเร็จใช่มั้ย? เป่หมิงโม่จะแย่งลูกไป?”
*
ไฟที่บ้านเดี่ยวกลางภูเขาสว่างขึ้นมาอีกครั้ง เป่หมิงโม่กลับมาถึงบ้านที่ว่างเปล่าอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
เขาไม่เคยรู้สึกว่าร่างกายและหัวใจมันช่างเหนื่อยล้าถึงเพียงนี้ ล้มลงไปที่โซฟาโดยตรง
นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขานอนอยู่ที่นี่
ส่วนครั้งแรกที่อยู่ที่นี่ ก็คือคืนที่อยู่กับกู้ฮอนในคืนนั้น..
….
สำหรับครั้งที่สอง ก็คือเมื่อคืน นอนคนเดียวที่นี่ตลอดทั้งคืนจนถึงเมื่อเช้าถูกความหนาวเย็นทำให้ตื่น ถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ห่มผ้าห่มทั้งคืน
ในวันนี้ เขาขับเรือพาพวกเขาออกมาที่ทะเล แล้วก็ถูกลมทะเลเป่า
ในขณะนั้น เขาก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ค่อยสบายบ้างแล้ว แต่ยังคงอดทนไว้
ไม่ใช่อะไรหรอก ตอนนั้นเขาไม่อยากให้หลี่เชินและถังเทียนจื๋อเห็น เพื่อไม่ให้พวกเขาฉวยโอกาสทำเรื่องอะไรที่คาดไม่ถึงขึ้นมา
โดยเฉพาะถังเทียนจื๋อ เขาเป็นคนที่ตัวเองคอยระมัดระวังมาโดยตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาปรากฏตัวจนถึงตอนนี้
ส่วนตอนที่อยู่ในบ้านเดี่ยวฉิงฮัว เขาก็ฝืนทนไว้ นั่นเป็นเพราะว่าไม่อยากให้แม่เห็น ไม่อยากให้แม่เป็นห่วงตัวเองอีก
และอีกอย่างไม่อยากให้กู้ฮอนเห็น สำหรับเหตุผล ตอนนี้เขายังพูดไม่ออก
ในที่สุด ขณะที่เขากลับมาในบ้านเดี่ยวกลางภูเขา ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ล้มลงไปบนโซฟาที่กว้างใหญ่ เขาหรี่ตาไว้ กำแพงที่อยู่ตรงหน้าของเขา เป็นภาพวาดที่จะมอบให้กับเธอรูปนั้น
***
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เป่หมิงโม่รู้สึกว่าหน้าผากตัวเองเหมือนมีอะไรเปียกๆกำลังขยับไปมา
ไม่เพียงแค่นี้ ยังรู้สึกเหมือนมีความร้อนที่พ่นใส่หน้าตัวเองอย่างไม่ขาดสาย
ความรู้สึกแบบนั้นมันช่างแปลกๆ
เขาขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
อยากลืมตาขึ้นมาดู แต่ว่าหนังตาตัวเองกลับหนักผิดปกติ เหมือนต้องใช้มือเข้ามาช่วยดึงขึ้นมา
ลองขยับแขนดู กลับรู้สึกว่าหนักกว่าหนังตาอีก
นี่มันเป็นอะไร? นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน
ยังดีความรู้สึกแบบนี้คาดว่าครองเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
หลังจากร่างกายตัวเองถูกตัวเองควบคุมใหม่อีกครั้ง มีเพียงความรู้สึกที่ไม่ดีอย่างนึงยังคงอยู่ นั่นก็คือความรู้สึกเปียกๆที่หน้าผากตัวเอง ยังมีความร้อนที่ไม่ได้หายไปไหนสักที