บทที่ 894 เมื่อคืนถึงเช้าวันนี้
ค่อยๆ เขาสูดลมหายใจเบาๆหนึ่งครั้ง ต่อมาค่อยๆลืมตาขึ้นมา……..
สิ่งที่ตัวเองเห็นแว๊บแรก ไม่ใช่ไฟที่สวยงามแขนไว้บนหลังคา และไม่ใช้เครื่องประดับที่คลาสสิคในรอบๆห้องเหล่านั้น
กลับเป็นรูจมูกสีดำๆทั้งสองรูของสัตว์ ความร้อนพ่นออกมาจากที่นี่นี่เอง
นอกจากนี้ เขาแยกแยะออกทันที ความเปียกชื้นบนหน้าผากออกมาจากลิ้นที่อยู่ใต้จมูกนี่เอง…………
ทันทีนั้นรู้สึกถึงความเหน็บหนาวมาเป็นระยะๆ ตัวเองก็ตื่นมาจากฝันร้ายไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แต่กลับไม่มีความรู้สึกเหมือนในตอนนี้มันช่างแย่เสียจริง
“เป่หมิงซีหยาง….. รีบมาจูงหมาของนายไปซะ มิเช่นนั้นพ่อไม่รับรองว่ามันจะได้เห็นตะวันของพรุ่งนี้รึเปล่า”
เสียงพูดเพิ่งจบลง ก็ได้ยินเสียงของหยางหยางซึ่งตอบแบบไม่พอใจ:”รู้แล้วรู้แล้ว คุณพ่อนี่จริงๆเลย ทำกับผู้ที่ช่วยเหลือชีวิตตัวเองแบบนี้เหรอ’เชี่ย’ วันหน้าถ้าเจอเรื่องแบบนี้อีก นายอย่าเข้าไปเสือกรู้มั้ย ไม่อย่างนั้นคนอื่นเค้าไม่เห็นน้ำใจของนายหรอก”
“วู้……..” เชี่ยหันหน้าไปดูเจ้านายที่ยืนอยู่ข้างๆ เหมือนเข้าใจคำพูดที่หยางหยางพูด ต่อมากระโดดลงมาจากโซฟาถึงพื้นอย่างเบาๆ
“พ่อครับ พ่อดีขึ้นบ้างหรือยังครับ? “เฉิงเฉิงจับผ้าขนหนูไว้ เช็กคราบน้ำลายที่’เบลล่า’ทิ้งเอาไว้บนหน้าผากของพ่ออย่างเบาๆ
” อืม” เป่หมิงโม่ตอบแบบเสียงต่ำ ต่อมาเขาเงยหน้าขึ้นมาหยิบผ้าขนหนูจากมือลูกชายไป แล้วก็เช็ดหน้าผากตัวเองแรงๆอีกครั้ง
จากนั้นนั่งตัวตรงที่โซฟา
” นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว?” เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วและหลับตาลงสักพัก
“พ่อครับ ตอนนี้สิบเอ็ดโมงแล้วครับ” เฉิงเฉิงตอบคำถามอยู่ข้างๆ
เป่หมิงโม่ยืดเส้นยืดสายต้นคอตัวเองไปมาอย่างเบาๆ สามารถได้ยินเสียงข้อกระดูกดังออกมา”กรึกกรึก กรึกกรึก”
เขาสามารถนึกถึงทุกรายละเอียดที่ตัวเองกลับมาในบ้านเดี่ยวกลางภูเขา เพียงแต่ว่าหลังกลับมาสมองก็กลายเป็นความว่างเปล่า ในความทรงจํามีเพียงแค่จิตรกรรมบนฝาผนังเท่านั้น
“เฉิง เวลาก็สายแล้ว พวกนายกลับไปนอนกันเถอะ คาดว่าไม่นาน แม่ของพวกนายก็จะเป็นห่วงแล้ว”
“กลับไปนอน? พ่อครับ พ่อนอนจนเบอลไปแล้วใช่มั้ยครับ ตอนนี้เวลาสิบเอ็ดโมงเช้าแล้ว ถ้าหากเราเข้านอนตอนนี้แล้วละก็ แม่ถึงจะเป็นห่วงเรานะครับ” มือข้างนึงหยางหยางเสียบไว้ในกระเป๋า อีกมือก็จับลูกอมเอาไว้
‘เบลล่า’ตั้งแต่ถูกกล่อมให้ลงมาจากโซฟา ก็ตามติดตัวหยางหยางไว้ไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว คราวนี้กำลังเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเจ้านายน้อยอย่างตาแป๋ว
***
ในที่สุดสติเป่หมิงโม่ก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างกระชุ่มกระชวยแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้า ถ้าอย่างนั้นเมื่อคืนทั้งคืน………….
เขาหันหน้าไปมองลูกชายสองคน:”พวกนายอยู่ที่นี่ทั้งคืนเลยหรือ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว พวกนายกลับไปพักผ่อนกันเถอะ”
“No No No……” ในปากหยางหยางคาบลูกอมไว้ ส่ายหน้าเหมือนกับกลองป๋องแป๋ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชัดเจนว่า:”พวกเขามาเมื่อเช้านี่เอง สำหรับเมื่อคืน……”
เพิ่งพูดถึงตรงนี้ ความหอมอ่อนๆก็ค่อยๆลอยมาจากห้องครัว
ไอ้ตะกละหยางหยางคนนี้ สีหน้าชื่นอกชื่นใจเมื่อได้กลิ่นหอม หยิบลูกอมที่ทานไปได้ครึ่งหนึ่งโยนไปให้กับ’เบลล่า’ :”อันนี้ให้นายแล้วนะ ฉันจะไปทานของอร่อยแล้ว”
พูดอยู่ เขาขยี้ท้อง วิ่งเขาไปตามกลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากห้องครัวอย่างเร่งรีบ
“อู้…….” ‘เบลล่า’ มองขึ้นไปเหมือนไม่ค่อยพอใจ แต่ว่ายังคงก้มหน้าเลียลูกอมที่เจ้านายน้อย’มอบให้’ ถ้าจะพูดว่า’มอบให้’ให้พูดว่า’ละทิ้ง’แบบว่าได้ของใหม่แล้วลืมของเก่า’ละทิ้ง’จะดีกว่านะ
ในห้องรับแขกเหลือแค่เฉิงเฉิงและเป่หมิงโม่สองพ่อลูกแล้ว
“เฉิง เมื่อคืนใครอยู่ที่นี่?” เป่หมิงโม่มองหน้าลูกชายเขาก็รู้จากจิตใต้สำนึกว่าเมื่อคืนตัวเองน่าจะป่วย ในเมื่อลูกๆอยู่กันที่นี่ ถ้าอย่างนั้นต้องมีผู้ใหญ่อยู่เป็นเพื่อนพวกเขาแน่นอน
“เป็นแม่เองครับ เมื่อคืนคุณแม่อยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อทั้งคืนเลยครับ”
เป่หมิงโม่หันหน้าไปดูที่ห้องครัว:”ตอนนี้แม่อยู่ข้างในสินะ” วินาทีนี้ ใจเขาสับสนมากจริงๆ
เมื่อวานตอนที่ตัวเองออกไป คำพูดของพวกเขาทั้งสองคนไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นยังโต้เถียงกันด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้ที่วินาทีต่อมา เธอกลับปรากฏตัวดูแลตัวเองอยู่ที่นี่?
คำถามนี้ทำให้เป่หมิงโม่ไม่อาจเข้าใจจริงๆ
เฉิงเฉิงมองสีหน้าคุณพ่ออยู่ข้างๆ พอเดาออกว่า:”หลังจากคุณพ่อกลับไปแล้ว ผมกับหยางหยางก็ได้พบอย่างไม่ได้ตั้งใจว่าไฟในห้องนี้ยังสว่างอยู่ ก็เลยรู้ว่าท่านต้องอยู่ข้างในแน่นอน ความจริง เมื่อวานท่านก็รู้สึกไม่สบายบ้างแล้วใช่มั้ยครับ?”
เป่หมิงโม่รู้สึกแปลกใจ ถึงแม้สิ่งที่ลูกชายพูดล้วนเป็นความจริง แต่ว่าเขารู้สึกว่าตัวเองแกล้งทำหน้าตาได้เหมือนมากว่าไม่มีปัญหาอะไร” ทำไมยังพูดแบบนี้อีก? ”
” ผมลงมาจากเรือ หลังพวกเขาไปแล้วถึงพบ ตอนนั้นผมเห็นว่าท่านได้เห็นว่าพวกเขาออกไปแล้ว สีหน้าสบายขึ้นมาก และในวินาทีนั้นผมเห็นพ่อยืดเส้นยืดสายที่หัวสักพักหนึ่ง มองขึ้นไปเหมือนคนรู้สึกว่าเวียนหัว และฝืนทำท่าทางที่ตั้งสติดีๆ”
การสำรวจของเฉิงเฉิงละเอียด ทำให้เขาพบรายละเอียดบางอย่างที่คนอื่นมองข้ามไป
” หลังจากนั้น หลังท่านจากไป”เฉิงเฉิงพูดถึงตรงนี้ ยังตั้งใจกดเสียงให้ต่ำลงเล็กน้อย:” หลังผมพูดกับคุณแม่จบเรียบร้อย ถึงแม้เธอดูขึ้นไปเหมือนนิ่งเงียบมากๆ หน้าตาเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ว่าหลังจากผมและหยางหยางทานข้าวเสร็จเรียบร้อยกลับไปบนตึก เห็นคุณแม่ขับรถออกไปจากบ้านเดี่ยว พวกเราคิดว่าแม่ต้องมาที่นี่แน่นอน จนถึงตอนเช้าวันนี้ หลังจากผมกับหยางหยางมาถึง ถึงแน่ใจการคาดเดาของเมื่อคืน”
เป่หมิงโม่มองไปทางห้องครัว และอีกทางก็ฟังที่ลูกชายเล่าเรื่องราวของเมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ จนสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว
จนถึงเงาของคนข้างในขยับ มีเงาที่ทำให้เขาคุ้นเคยที่สุดเดินออกมา นั่นก็คือกู้ฮอน เธอใส่ชุดลำลองสีม่วงอ่อนที่เหมาะสมกับตัวมากๆ และกระโปรงสีฟ้าอ่อนที่คาดระหว่างเอว
***
เป่หมิงโม่เห็นกู้ฮอนเดินออกมาแล้ว สายตาของเขาจึงรีบหันไปทางอื่น
“ทานข้าวเถอะ” กู้ฮอนวางไว้บนโต๊ะสี่ถ้วยที่เพิ่งต้มเสร็จ บะหมี่ที่ยังมีไอความร้อนลอยขึ้นมา
“เราไปทานข้าวกันเถอะ” เป่หมิงโม่ลุกขึ้นมาพูดกับลูกชาย จากนั้นเดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหารอย่างช้าๆ
“อืม……… หอมมากจริงๆ” จมูกเล็กๆของหยางหยางสูดดมอย่างเต็มที่ ใบหน้าเผยสีหน้าที่เคลิ้มอกเคลิ้มใจออกมาอีกด้วย
“พ่อครับ วันนี้ได้พึ่งพาบุญบารมีของพ่อซะแล้ว”
ที่นั่งหัวหน้าครอบครัวในห้องรับประทานอาหารว่างอยู่เหลือไว้ให้กับเป่หมิงโม่
หลังเขามาเรียบร้อย นั่งลงไปข้างบนอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย ฟังหยางหยางพูดแบบนี้ สงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว:”พึ่งบุญบารมีอะไร? ”
เฉิงเฉิงนั่งลงไปที่นั่งที่อยู่ข้างๆหยางหยาง ความหอมนั้นทำให้เขาแอบกลืนน้ำลายอยู่คนเดียวไปตั้งหลายอึก
กู้ฮอนเก็บห้องครัวเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องครัวนั่งอยู่ตรงข้ามลูกๆทั้งสองคน
“ทำไมมีของกินก็ปิดปากของนายไว้ไม่ได้นะ” ใบหน้าของเธอไม่มีสีหน้าใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นไม่มองเป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยซ้ำ เพียงแค่จ้องหน้าหยางหยางที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“บะหมี่แบบนี้แม่ไม่่ได้ทำให้เราทานตั้งนานแล้ว เฮ้อ เฉิงเฉิง แม่เคยทำให้พี่มั้ย?” หยางหยางใช้แขนสะกิดเฉิงเฉิงที่อยู่ข้างๆ”
เฉิงเฉิงส่ายหน้า:” ไม่เคย นี่ก็เป็นครั้งแรกที่พี่ได้ทาน”ที่เขาพูดเป็นความจริง แต่ว่าถ้ามองอีกมุมก็คือชีวิตจริงงานของกู้ฮอนยิ่งอยู่ยิ่งยุ่ง ไม่มีเวลาทำกับข้าวให้กับลูกๆแล้ว ที่สำคัญหลังจากจิ่วจิ่วกลับมา งานบ้านทุกอย่างจึงมอบให้กับแอนนิ เพราะฉะนั้นยิ่งไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย
“ดูสิ เฉิงเฉิงก็ไม่เคยทาน คุณพ่อครับ ท่านพูดสิครับว่าได้พึ่งบุญบารมีของพ่อรึเปล่า?” หยางหยางพูดอยู่ยื่นไปมือจับตะเกียบขึ้นมา
สายตาของเป่หมิงโม่รีบมองหน้ากู้ฮอนแว๊บนึง กระแอมเสียงใสพูดว่า:”ในเมื่อได้พึ่งบุญบารมรของพ่อ งั้นก็รีบทานของพวกนี้ให้หมดเลย ที่สำคัญห้ามเหลือด้วย”
” เฮเฮ คำพูดที่คุณพ่อพูดเป็นส่วนเกินอ่ะครับ บะหมี่แบบนี้อย่าว่าแต่เหลือเลยนะครับ ถ้ายังมีอีกผมก็สามารถทานจนหมดเกลี้ยงเลยนะครับ” หยางหยางพูดจบ ก้มหน้าไว้ เริ่มกินอย่างคำใหญ่ๆต่อคำใหญ่ๆ
ร่างกายของเป่หมิงโม่เริ่มฟื้นฟูกลับมาบ้างแล้ว ไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าไหร่ แต่ว่ายังแสดงออกมาเหมือนคนอยากอาหารมากๆ ทานบะหมี่จนหมดถ้วย ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ซุปที่เหลืออยู่นิดหน่อยก็ซดหมดไม่ให้เหลือแม้แต่หยดเดียว
เขาวางตะเกียบและถ้วยลง พยักหน้าไปด้วยและชมอย่างไม่ขาดไปด้วย:”ไม่เลว ฝีมือนี้สูสีกับแอนนิ ถ้าหากคุณเปิดร้านอาหารกับเธอ คาดว่าลูกค้าต้องแน่นร้านแน่ๆ”
กู้ฮอนก้มหน้าทานแต่บะหมี่ ตอนที่ได้ยินคำพูดนี้ ตะเกียบในมือหยุดนิ่งไป เพียงแต่ว่าเป็นการกระทำแค่ชั่วคราวเท่านั้น จากนั้นก็ทานต่อไป
ไม่นานนัก เฉิงเฉิงและหยางหยางต่างก็ทานของตัวเองจนหมดเกลี้ยง เฉิงเฉิงสบตาให้กับหยางหยาง จากนั้นพูดว่า:” คุณพ่อครับ คุณแม่ครับเราทานหมดแล้ว เราพา’เบลล่า’ออกไปเที่ยวเล่นสักพักนะครับ” พูดอยู่ ยื่นมือไปจับมือหยางหยางกำลังจะเดินออกไปที่ข้างนอก
“เดี๋ยวก่อน……..” ขณะนี้เป่หมิงโม่เอ่ยปากขึ้นมาอย่างกระทันหัน
เฉิงเฉิงและหยางหยางต่างหยุดชะงัก พวกเขาต่างมองไปทางพ่อพร้อมกัน ไม่รู้ว่าพ่อยังมีเรื่องอะไรจะพูดอีก
เป่หมิงโม่หยิบกระดาษมาเช็กที่มุมปากตัวเอง จากนั้นก้มหน้าดู’เบลล่า’ที่อยู่ข้างๆลูกชายตัวเอง
แก้มน้อยๆของหยางหยางและเฉิงเฉิงเปลี่ยนสีไปทันทีหรือว่าคุณพ่อจะประกาศจัดการกับ’เบลล่า’แล้วใช่ไหม?
แม้แต่’เบลล่า’ก็เหมือนจะรู้ว่าแย่แล้ว เรียกเจ้านายน้อยทั้งสองคนหยุดนิ่ง ต้องเกี่ยวข้องกับตัวเองแน่นอน มันกระดิกหาง ขยับไปทางขาข้างหลังของหยางหยางอย่างกลัวๆ
***
หยางหยางมองหน้าคุณพ่ออย่างระมัดระวัง หัวสมองอันน้อยๆคิดถึงคำพูดที่คุณพ่อเคยบอกกับตัวเองว่าจะจัดการกับ’เชี่ย’ ไม่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแล้ว
หรือว่าครั้งนี้จะ………….
คิดถึงตรงนี้ เขากลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก เริ่มเป็นห่วง’ลูกน้อยตัวน้อยๆ’ของตัวเองซะแล้ว
เป่หมิงโม่มองหน้าลูกชายทั้งสองคน ความคิดของเด็กๆเข้าใจแน่นอนอยู่แล้ว ความจริงเขาไม่ได้คิดจะทำอะไร’เบลล่า’เลย
“พ่อครับ พ่อให้ พ่อให้อภัยกับ’เบลล่า’ได้มั้ยครับ?” เฉิงเฉิงทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เริ่มขอร้องออกมา
เป่หมิงโม่ไม่ใจอ่อน ก้มหน้าลงไปดูหมาที่หลบอยู่ขาข้างหลังของหยางหยาง ‘เบลล่า’ที่เผยแต่หางออกมา
“พ่ออยากฟังมาก ตอนที่พวกนายตัดสินใจคิดยังไงกันแน่” สีหน้าเป่หมิงโม่เข้มขรึม ทำให้บรรยากาศที่อบอุ่นขึ้นมาจากเดิมบ้างแล้ว อัพเกรดขึ้นมาเป็นอาการที่น่าตื่นตระหนกอีกครั้ง
“เป็นอะไรอ่ะลูก?หยางหยาง นายทำอะไรอีกแล้ว?” กู้ฮอนถูกบรรยากาศที่ตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างกระทันหัน ทำให้จับต้นชนปลายไม่ถูก
แต่ว่าสิ่งที่สามารถยืนยันได้ ก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องสำหรับ’เบลล่า’ ต้องเกี่ยวข้องกับหยางหยางแน่นอน เพราะว่าอย่างน้อยเฉิงเฉิงก็ไม่น่าจะไปทำให้ไอ้เป่หมิงเอ้อคนนี้โมโห