บทที่ 899 ข้อเสนอแนะในการจัดแบ่งลูกๆ
สีหน้าเป่หมิงโม่เข้มขรึมมาก เขามองเห็นสีหน้า ของกู้ฮอนที่กังวลและไม่สบายใจ:” ก่อนหน้านี้สำหรับหยางและเฉิง สุดท้ายเราใช้วิิธีที่ดูแลกันคนละคน แน่นอน นั่นเป็นเพราะว่าหลังจากผมจัดตั้งข้อตกลงใหม่ขึ้นมา เหตุการณ์ในตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว มีลูกสาวจิ่วจิ่วเพิ่มขึ้นมาอีกคน ถ้าอย่างนั้น ข้อตกลงระหว่างเราควรทำการแก้ไขอีกครั้ง ผมคิดว่าแบบนี้ถึงจะยุติธรรมหน่อย”
แก้ไขข้อตกลงอีกครั้ง
นี่อาจจะเป็นข่าวที่กู้ฮอนไม่อยากได้ยินที่สุดในวินาทีนี้ ที่สำคัญยังเป็นข่าวที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง
แต่ว่าเหมือนเธอไม่มีเหตุผลใดๆที่จะปฏิเสธไปโดยตรงได้เลย เพราะว่าเธอรู้ดี ต่อให้ตัวเองพูดอะไรก็ตาม มันก็แค่ทำให้เขาเฉยเมย ถึงเวลานั้นจะทำให้เรื่องราวพัฒนาไปในทางที่แย่ลง
***
“ดูท่า ข้อเสนอแนะที่คุณเสนอขึ้นมาไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย ถ้างั้นผมขอพูดกับคุณสักหน่อยในข้อเสนอแนะที่ผมได้คิดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว” เป่หมิงโม่ประสานมือและวางไว้บนตัก สายตาจ้องมองที่ร่างกายของ กู้ฮอนอย่างตั้งใจ สำรวจสีหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอที่ได้เผยออกมา
เนื้อหาที่เขาอยากพูด เป็นเนื้อหาที่ตัวเองคิดกลับไปกลับมาในสองวันที่ผ่านมานี้ นี่เป็นการตัดสินใจที่เขาเคยตัดสินทุกอย่าง เวลาที่คิดทบทวนซึ่งนานกว่ามาก
ก็เพราะว่า นี่ไม่ใช่การร่วมงานธุรกิจที่มีจำนวนตัวเลขอย่างมหาศาล ในมุมมองของเขา การร่วมงานทางธุรกิจต่อให้เสียผลประโยชน์ไปแค่ครั้งสองครั้งก็ตาม ตามความสามารถของตัวเองยังสามารถชนะกลับมาได้
แต่ว่า ครั้งนี้แตกต่างจากการตัดสินใจของเมื่อก่อน มีความเกี่ยวข้องถึงกลุ่มคนที่ตัวเองแคร์ที่สุด
“เดี๋ยวก่อน…….” ในที่สุดกู้ฮอนก็ทนไม่ไหว เธออยากชิงตักหน้าก่อนที่เป่หมิงโม่จะประกาศการตัดสินใจสุดท้ายออกมา และพูดความคิดของตัวเองออกมา มิเช่นนั้นแล้วก็ ถ้าพูดภายหลังก็จะไม่มีผลใดๆเลย ก็จะต้องกลายเป็นคำพูดที่เปล่าประโยชน์
“ฮอน มีอะไรอยากจะพูด ก็พูดเถอะ”เป่หมิงโม่ไม่ได้โกรธที่คำพูดตัวเองถูกขัดจังวะ หรือว่ารู้สึกโมโห
“ฉัน ฉันสามารถให้คุณพาหยางหยางและเฉิงเฉิงไป ขอแค่คุณให้จิ่วจิ่วอยู่กับฉัน” กู้ฮอนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลือกยากที่สุดและสุดท้ายก็ตัดสินใจเลือก
ความจริงไม่ว่าจะลูกคนไหนก็ตามในความคิดของเธอล้วนเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของชีวิต ขาดใครไปก็ไม่ได้ทั้งนั้น
แต่ว่าจะเป็นไปได้ไง ในเมื่อตอนที่เซ็นสัญญากับเป่หมิงโม่ตั้งแต่แรก ก็เป็นเพราะว่าเขาอยากได้ลูกชายไม่ใช่หรือ ตอนนี้ เฉิงเฉิงและหยางหยางได้โตกันแล้ว ต่อให้อยู่ข้างกายเขา ตัวเองก็วางใจไม่น้อย
แต่ว่าจิ่วจิ่วกลับไม่เหมือนกัน ตั้งแต่เล็กเธอก็ไม่ได้อยู่กับตัวเองมานานถึงเพียงนี้ จนกว่าแอนนิพาเธอกลับมาภายในประเทศถึงจะถือได้ว่าตัวเองและลูกสาวได้อยู่ด้วยกันอย่างจริงๆจังๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเด็กมาก ถ้ามอบเธอไปให้กับเป่หมิงโม่แล้วก็ ก็ใช่ว่าเขาจะดูแลเธอได้ดีแค่ไหน ถึงแม้เขาจะร่ำรวยมากก็ตาม แต่ว่าความสนิทสนม ต่อให้ใช้เงินมาวัดหรือมาซื้อก็ซื้อไม่ได้
“นี่เป็นความต้องการของคุณหรือ?” เป่หมิงโม่ถามไปนึงคำ แน่นอน สิ่งที่เธอพูด ทำให้ตัวเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน แต่ว่าอยู่ในการคาดการณ์ของตัวเอง
เขาเดาได้เร็วมากทำไมกู้ฮอนถึงเลือกทำแบบนี้
กู้ฮอนพยักหน้าอย่างจริงจัง:”ถูกต้อง นี่เป็นความคิดของฉัน ถึงแม้สุดท้ายแล้วคุณอาจจะไม่ยอมรับ แต่ว่าฉันก็ยังจะพูดแบบนี้”
เป่หมิงโม่ยักษ์คิ้วเล็กน้อย:”เอาเถอะ ในเมื่อความคิดของคุณได้พูดออกมาหมดแล้ว ถ้างั้นผมให้คำตอบกับคุณ นั่นก็คือผมปฏิเสธข้อเสนอแนะของคุณ”
หลังฟังจบ หัวใจกู้ฮอนเย็นชาขึ้นมาทันทีทันใด
เป็นจริงซะด้วย คำพูดของตัวเองสำหรับเขาแล้วมันก็เหมือนกับอากาศเขาทำเหมือนกับว่ามองแต่ไม่เห็น
” คุณถือสิทธิ์อะไรไม่เห็นด้วย? ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณอยากให้เฉิงเฉิงและหยางหยางอยู่ข้างกายคุณมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ ตอนนี้ฉันถอยออกมาแบบสุดๆแล้ว คุณอย่าทำเรื่องให้มันจนตรอกเกินไป ถึงแม้ระหว่างคุณกับฉันมีความแตกต่างกันมากมายก็ตาม แต่ว่าถ้าหากต้องขึ้นศาลเพื่อลูกอีกครั้งแล้วก็ ฉันก็พร้อมจะสู้รบกับคุณให้ถึงที่สุด”
ขณะนี้กู้ฮอนร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว ความเป็นแม่บอกกับเธอว่าตัวเองควรจะแก่งแย่งอย่างทะเยอทะยานที่สุดอีกครั้ง
เธอในตอนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอคนนั้นอีกต่อไปแล้วเธอเป็นแม่คน เป็นแม่คนนึงที่สามารถเสียสละและต่อสู้กับทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง
คิดถึงตรงนี้ มุมปากของเป่หมิงโม่ค่อยๆยกขึ้นมาอีกครั้ง
***
กู้ฮอนมองเป่หมิงโม่ด้วยความโมโห:”หัวเราะอะไร มีอะไรน่าหัวเราะ หรือว่าคุณกำลังหัวเราะฉันว่าเหลวไหลสิ้นดี ไม่มีคิดถึงความเป็นจริงเลยสักนิด?”
ฮอน คุณคิดผิดแล้ว ที่ผมหัวเราะเป็นเพราะว่าคุณโตแล้ว”
“โตแล้ว? จริง ฉันในเมื่อก่อนเป็นแค่ผู้หญิงที่อ่อนแอในสายตาของคุณ แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่อยากเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว”
” พูดได้ดี แต่ว่าคุณจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ความสามารถของคุณในตอนนี้สำหรับผมแล้วยังมีความแตกต่างกันอีกมาก สถานการณ์ในตอนนี้ของคุณก็คือ’ความคิด’ดีเริ่ด แต่ความเป็นจริงกลับ’ไม่ได้เรื่อง’เลย เพราะฉะนั้น ผมเตรียมตัวเร่งการเจริญเติบโตของคุณ”
“เร่งการเจริญเติบโต? อะไรคือเร่งการเจริญเติบโต? พ่อครับ ที่พ่อพูดมาทำไมเราฟังไม่เข้าใจเลยครับ? “ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เฉิงเฉิงและหยางหยางกลับมากจากข้างนอกเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาเพิ่งมาถึงหน้าประตู ได้ยินพ่อกำลังพูดคำว่า’เร่งการเจริญเติบโต’พอดี ต่อมาหยางหยางจึงถามขึ้นมาอย่างไร้เดียงสา
เป็นเพราะว่าการปรากฏตัวของลูกๆ ทำให้บรรยากาศที่หดหู่ในห้องรับประทานอาหารคลี่คลายลง
กู้ฮอนรีบเปลี่ยนสีหน้า:” ลูกจ๋า ทำไมพวกนายไม่เล่นที่ข้างนอกแล้วหรือ? พ่อกับแม่สองคนก็แค่พูดคุยกันธรรมดา”
เธอไม่อยากให้ลูกรับรู้ระหว่างคำพูดของพวกเขา มิเช่นนั้นอาจทำร้ายลูกๆสองคนได้ ยังไงซะความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกดีมากเลยทีเดียว ถ้าหากพวกเขารู้ว่าตัวเองทำเพื่อให้ได้จิ่วจิ่วมาอยู่ด้วย แต่กลับไม่เอาพวกเขาแล้วก็
ต่อให้พวกเขาสามารถเข้าใจ แต่ว่ายังคงไม่สบายใจอยู่ดี
เป่หมิงโม่ไม่ได้หันหน้าไปดูลูกๆพูดไปแค่คำเดียวว่า:”พวกนายออกไปก่อน พ่อกับแม่มีธุระจะคุยกัน”
“อ๋อ ได้เลยครับ” ความสนใจของหยางกยาง ถูกเผาทิ้งอย่างไร้ปราณีในทันทีทันใด
เฉิงเฉิงเป็นเด็กดีรู้เรื่องมากกว่า เขาดึงตัวหยางหยางออกไป
“พ่อนี่จริงๆเลย มีเรื่องอะไรนะต้องพูดลับหลังเราด้วย” ถึงห้องรับแขกปุ๊บ หยางหยางก็บ่นขึ้นมา
“พ่อไม่อยากให้เราฟัง พ่อเขาคงมีเหตุผลของเขาแหละ เราแค่ทำตามก็พอแล้ว แต่ว่าเมื่อกี้พี่สังเกตุเห็นสีหน้าคุณแม่ด้วย แม่เหมือนโมโหนะ ที่สำคัญยังดูเหมือนหดหู่ผิดหวังบ้าง
“หดหู่? หดหู่อะไรอ่ะ? หรือว่าของอะไรหล่นหายไป? “หยางหยางไม่ค่อยเข้าใจ
เฉิงเฉิงมองบนให้กับเขา:”หดหู่ไม่ได้แปลว่าของหล่นหาย แต่หมายถึงอารมณ์อย่างนึง ปกติให้นายอ่านหนังสือเยอะๆ นายก็ไม่ฟัง เรื่องขายหน้าแบบนี้เกิดขึ้นที่บ้านก็ยังพอรับได้ ถ้าหากแพร่ออกไปแล้วก็ ไม่ใช่แค่นายเท่านั้นที่ขายหน้า ยังทำให้ทั้งคุณพ่อ และคุณแม่ขายหน้าตามนายไปด้วย”
“เอาหล่ะ เอาหล่ะ ทำไมพี่ต้องจู้จี้จุกจิกด้วย”หยางหยางรำคาญเล็กน้อย
เฉิงเฉิงเห็นหน้าตาของเขาแบบนี้ก็จนปัญญา
*
กู้ฮอนเห็นว่าลูกๆออกไปแล้ว เธอพูดว่า:” ในเมื่อสิ่งที่ฉันพูดคุณไม่เห็นด้วย ถ้างั้นฉันก็อยากฟังสิ่งที่คุณพูดบ้าง แน่นอนเพื่อความยุติธรรม ฉันก็มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะรับข้อเสนอแนะของคุณรึเปล่า”
“ข้อเสนอแนะของผมคุณมีสิทธิ์แค่สิทธิเดียวเท่านั้น นั่นก็คือยอมรับทั้งหมด”
“คุณ……..”กู้ฮอนพูดอะไรไม่ได้ทั้งนั้น โมโหจนร่างกายกระตุกตลอดเวลา
” คุณอย่าเพิ่งทำแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่มีผลอะไรกับผมเลย สุดท้ายคุณเองต่างหากที่ถูกทำร้าย ถอยออกมานึงหมื่นก้าว ต่อให้คุณไม่คิดถึงตัวเอง ถ้างั้นก็คิดถึงลูกๆบ้างเถอะ ถ้าคุณล้มลงไป พวกเขาควรทำยังไง ผมไม่มีเวลามากมายมาดูแลพวกเขาหรอกนะ”
***
นี่หมายความว่าไง หรือว่าหลังจากเป่หมิงโม่แย่งลูกไปแล้ว ยังต้องการให้ตัวเองมาดูแลพวกเขางั้นหรือ? ยังต้องการให้ตัวเองเป็นพี่เลี้ยงฟรีๆอีกด้วย?
มองเห็น และสัมผัสถึง แต่ว่าไม่ได้เป็นของตัวเองอย่างจริงๆจังๆ……….
ความรู้สึกแบบนี้สำหรับทุกคน โดยเฉพาะสำหรับแม่คนนึงที่รักลูกมากๆ
หัวสมองของเป่หมิงโม่กำลังคิดแผนอะไรอยู่เนี่ย หรือว่าลงโทษตัวเองที่’แอบซ่อน’จิ่วจิ่วไว้งั้นหรือ?
ขณะที่กู้ฮอนกำลังคาดเดา ก็ได้ยินเสียงต่ำของเป่หมิงโม่อีกแล้ว:
“ทำไมคุณต้องมองผมแบบซื่อบื้อด้วย หรือว่าคุณยังไม่รู้สึกตัวอีกที่ผมพูดข้อเสนอแนะออกมาแล้ว
เป่หมิงโม่เห็นสีหน้าของเธอแบบนั้น ก็รู้แล้วว่าเธอกำลังคิดจินตนาการอีกแล้วแน่นอน กำลังคิดเหลวไหลเหมือนกำลังโบยบินอยู่บนท้องฟ้า
” ยังไม่เข้าใจใช่มั้ย? ช่างเถอะ ผมเอากาแฟมาอีกสองแก้ว ดีที่สุดก่อนที่ผมกลับมา เก็บปีกของคุณที่กำลังโบยบินอยู่กลับมาด้วย”
“พูดจบ เขาออกไปจากสายตาของเธออีกครั้ง
ไม่ปกติ ไม่ปกติแน่นอน……..
คำพูดเหล่านั้นในเมื่อสักครู่ ถึงกับออกมาจากปากไอ้คนที่หน้าบึ้งและเย็นชามาทั้งวัน ยังบอกอีกว่าไม่ได้เป็นไข้จนสมองเสียหาย นี่ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้วไม่ใช่หรือ
อย่างกระทันหัน เธอคิดถึงเมื่อสักครู่ที่เขาไม่ให้ตัวเองคิดเหลวไหล นี่มันหมายความว่าไงอีก? หรือว่าเขามองความคิดของตัวเองออกแล้ว?
ถ้าหากตามความคิดนี้ไปคิดๆดูแล้วก็ ความหมายจริงๆที่เขาต้องการจะแสดงออกมาคืออะไร?
“เป็นจริงซะด้วยยังคิดไม่ออก ดูท่าไอ้หยินปู้ฝันคนนั้นฝึกฝนคุณให้เป็นทนายความ คงเสียแรงไปเยอะน่าดู”
“เป่หมิงโม่ คุณไม่อยากให้ลูกอยู่ข้างกายฉัน ถ้างั้นก็ไม่ต้องใช้คำพูดมาดูถูกความสามารถของฉันเช่นนี้หรอกนะ อีกอย่าง ต่อให้ความสามารถของฉันแย่ ยังไงซะฉันก็ยังเลี้ยงดูหยางหยางจนโตแล้ว” ดูขึ้นไปกู้ฮอนถูกเขากระตุ้นจนโมโหซะแล้ว
แต่ว่าเป่หมิงโม่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น:” คุณสามารถเลี้ยงดูหยางหยางจนโต พูดได้แค่ว่าดวงของเขาแข็งมาก ที่สำคัญ ผมจะบอกกับคุณอย่างซื่อสัตย์ นั่นก็คือควบคุมอารมณ์ตัวเองดีๆ มิเช่นนั้น ผมจินตนาการยากจริงๆที่ลูกๆทั้งสามคนอยู่กับคุณ พวกเขาจะได้รับความอันตรายที่คาดไม่ถึงรึเปล่า”
ถ้าเทียบกับกู้ฮอน เป่หมิงโม่ดูมีสติสัมปชัญญะไม่น้อย เขายังคงรักษาท่าทางที่สง่างาม น้ำเสียงก็คล้อยตามกิริยาท่าทาง ฟังขึ้นไปมีสติสัมปชัญญะมากเลยทีเดียว
อยู่ในอาการที่แบบเอาตัวเองออกจากเหตุการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม
” ลูกๆสามคนอยู่กับฉันไม่ได้เหมือนอย่างที่คุณพูดแบบนั้นนะ พวกเขา…………”กู้ฮอนเพิ่งพูดถึงตรงนี้ เหมือนรู้จากจิตใต้สำนึกขึ้นมา เมื่อสักครู่ยังทำเป็นเก่งแต่ตอนนี้หมดแรงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
เธอมองหน้าเป่หมิงโม่อย่างไม่น่าเชื่อ:”เมื่อสักครู่คุณพูดว่าอะไรนะ? ”
ความจริง คำพูดของเป่หมิงโม่เมื่อสักครู่เธอได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำแล้ว เพียงแต่ว่าตัวเองคิดว่านั่นเป็นเพียงแค่หูแว่วเท่านั้น เป็นไปได้ไงที่เขาจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา
เพราะฉะนั้น จำเป็นต้องยืนยันกับเขาสักหน่อย