บทที่ 903 หัวอกของผู้เป็นพ่อ
“ฉันหรือ ช่วงนี้อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับพระธรรมเล่มนึงตัวเองอยู่คนเดียวมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ จู่ๆก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองใช้ชีวิตคนเดียวถึงจะเหมาะสมกับฉัน สำหรับผลกรรมระหว่างคุณกับเป่หมิงโม่ พูดกับคุณแค่คำสองคำตอนนี้คุณก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก พูดง่ายๆเลยนะ ระหว่างการพบเจอของพวกคุณคือกรรม ส่วนเรื่องราวสุดท้ายล้วนเป็นผลจึงก่อให้เกิดกรรม”
ดูหน้าตาแอนนิพูดเหมือนมีเหตุมีผลมาก กู้ฮอนจึงแอบลิ้มรสคนเดียวอย่างละเอียดโดยไม่รู้ตัว
พบเจอกับเป่หมิงโม่…….. เป็นกรรม ส่วนลูกๆทั้งสามคนที่น่ารักซึ่งอยู่ข้างกายตัวเองตอนนี้ก็คือผลสินะ…….”
แอนนิพยักหน้า:”คุณพูดถูกแล้ว นี่ก็คือผลกรรม แน่นอน ไม่ใช่แค่ลูกๆทั้งหมด คุณคิดชีวิตความเป็นอยู่ของคุณดูสิ คุณเคยพูดอดีตของคุณให้ฉันฟัง สมมุติคุณยังคบกับเป่หมิงยี่เฟิงอยู่ ถ้างั้นตอนนี้คุณจะเป็นยังไง? อาจจะเป็นแค่คุณนายน้อยที่บ้านเป่หมิง แค่นี้เอง ส่วนด้านอื่นๆหล่ะ? คุณจะได้เป็นทนายความรึเปล่า? คุณจะมีเฉิงเฉิง หยางหยางยังมีจิ่วจิ่วลูกๆทั้งสามคนที่น่ารักน่าชังเช่นนี้รึเปล่า? แล้วยังจะรู้จักเพื่อนอย่างพวกเราไหม? แน่นอน คุณคบกับเป่หมิงยี่เฟิง ต้องมีลูกด้วยกันอยู่แล้ว แต่ว่ามีความเป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นพวกเขาหรือไม่? นอกจากคุณจะขาดสิ่งเหล่านี้ไป สิ่งที่มีเพิ่มขึ้นมาจะต้องมีมากกว่าตอนนี้แน่นอน เช่น คุณท่าน เป่หมิงที่เข้มงวด คุณนายเป่หมิงที่ทำตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ย…… แน่นอนขาดไม่ได้คือ เป่หมิงโม่ก็กลายเป็นลุงรองของคุณ นิสัยของเขายังคงแย่มาก ชักกับชักปี่กับคุณท่านเป่หมิงทั้งวัน สิ่งที่คุณห้ามไม่ได้คือ สุดท้ายคุณก็ต้องถูกบ้านเป่หมิงยี่เฟิงทั้งบ้านไล่ออกจากบ้านเป่หมิง………..สิ่งเหล่านี้สำหรับคุณอาจจะไม่สำคัญ แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ:”มีความเป็นไปได้สูงมากที่คุณอาจจะไม่ได้พบเจอกับแม่ของคุณ คุณพูดสิ ชีวิตความเป็นอยู่แบบนั้นคือสิ่งที่คุณอยากได้?”
คำถามสมมุติที่ยาวเหยียดของแอนนิ ทำให้กู้ฮอนเริ่มคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง ดูๆไปแบบนี้ เหมือนกับว่าชีวิตความเป็นอยู่ที่ตั้งสมมติฐานขึ้นมานั้นตอนนี้ดูๆไปแล้วก็ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้
ต่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ตรงหน้ามีความน่าเสียดายอยู่ไม่น้อยก็ตาม อย่างเช่น ป้า ปฏิกิริยาของท่านเป่หมิงที่มีต่อตัวเองได้เปลี่ยนไป แน่นอนยังมีแม่ของตัวเอง……..
ถึงแม้พวกเขาแค่จากไปในระยะเวลาอันสั้นๆ แต่ว่ากลับทำให้ตัวเองได้รับสติปัญญาที่ทั้งชีวิตนี้ซึ่งไม่เคยได้รับมาก่อน แน่นอนขณะเดียวกันก็ได้ชดเชยให้กับสิ่งที่เสียใจในชีวิตนี้
จู่ๆ เธอคิดถึงศัพท์คำนึง ที่เรียกว่า:” การให้และการได้รับ
การให้และการได้รับ: มีการให้ก็ย่อมมีการได้รับ ชีวิตคนไม่มีความสมบูรณ์แบบ นี่ถึงจะเป็นสีสันของชีวิต ลองคิดดู ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ว่านั้น ทำไมจะไม่ใช่ความไม่สมบูรณ์แบบอีกรูปแบบนึงหล่ะ
*
เป่หมิงโม่และเป่หมิงยันสองคนพี่น้องคู่นี้ ทานอาหารเที่ยงเรียบร้อย ต่างคนต่างกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองแล้ว
เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาในหลายวันนี้ พวกเขาต่างต้องการจัดการกับอารมณ์ของตัวเองอีกครั้ง
นอนอยู่บนเตียงใหญ่ที่นุ่มสบาย ความรู้สึกที่ส่งผ่านไม่ได้ทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกปลอดโปร่งเลยสักนิด กลับทำให้เขากลุ้มใจมากขึ้น
เขากำลังคิดว่า: ทางเลือกที่อยู่ตรงหน้ากู้ฮอนทั้งสองทางเธอจะเลือกยังไง? หลังจากเธอเลือกแล้ว ตัวเองควรจะรับมือยังไง?
สำหรับเป่หมิงโม่ เรื่องที่จุกจิกพวกนี้ยุ่งยากกว่าการจัดการกับธุระที่บริษัทเป่หมิงเสียอีก
ขณะนี้ มือถือของเขาดังขึ้นมา
***
เป่หมิงโม่หันหลัง ยื่นมือไปหยิบมือถือที่อยู่บนตู้หัวเตียง
ขณะที่เห็นเบอร์โทรปรากฏขึ้นมา สติของเขาก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันที:”ตอนนี้ยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง คุณคิดได้แล้วใช่มั้ย?”
กู้ฮอนได้ยินเสียงที่ดังออกมานั้นเป็นเสียงของเป่หมิงโม่เอง เธอตั้งสติอารมณ์ของตัวเองให้นิ่งสงบ เธอตัดสินใจแบบนี้ ได้ผ่านการคิดทบทวนอย่างตระหนักดีแล้ว
“ฉันไม่ต้องการคิดนานขนาดนั้น”
” คิดไม่ถึงคุณมีความกล้าหาญมากถึงเพียงนี้เชียว เอาหล่ะ ในเมื่อคุณได้เลือกแล้ว ถ้างั้นผมก็ขอตั้งใจฟังแล้วกัน” ใบหน้าเป่หมิงโม่มีรอยยิ้มเผยออกมา
“สิ่งที่ฉันเลือกคือ ลูกๆทั้งสามคนล้วนอยู่กับฉัน” หลังจากพูดคำนี้ออกไป กู้ฮอนเหมือนได้วางก้อนหินลงไป จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ”
เป่่หมิงโม่ได้ยินคำตอบแบบนี้ ยักษ์คิ้วโดยไม่รู้ตัว มุมปากก็ค่อยๆยกขึ้นมา:” คุณแน่ใจแล้วหรือ? การชดใช้ในการเลือกลูกๆทั้งสามคนคือ………”
ไม่รอให้เป่หมิงโม่ได้พูดจบเสียก่อน กู้ฮอนก็แย่งคำพูดกลับมา:” ฉันรู้ เลือกลูกๆทั้งสามคน ก็ต้องเป็น ประธานบริษัทเป่หมิงต่อถูกต้องรึเปล่า”
“ถูกต้องทั้งหมด ดูท่าคุณได้เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วว่าวันข้างหน้าต้องเผชิญกับอะไร ในฐานะผู้ที่เคยผ่านมาก่อน ผมมีความจำเป็นต้องบอกกับคุณว่า สิ่งที่ต้องเผชิญคือ นอกจากต้องเผชิญหน้ากับเป่หมิงยี่เฟิงแล้ว ยังมีถังเทียนจื๋อ คุณน่าจะคิดได้แล้วนะ จุดประสงค์ที่เขามาในบริษัทเป่หมิงไม่ได้ใสซื่อเลย ส่วนเธอในฐานะประธานเป่หมิง หน้าที่ก็คือให้มันตกอยู่ในกำมือของใครไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าหากคุณยังมีความคิดอื่นๆ ผมอนุมัติให้คุณเลือกใหม่อีกครั้ง”
ถึงแม้กู้ฮอนเลือกแบบนี้แล้ว เป่หมิงโม่รู้สึกดีใจมาก แต่ว่าเขาก็ยังเป็นห่วงเธอ เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาอีกครั้ง การเป็นประธานมีความเสี่ยงแค่ไหน
” เอาล่ะ ไม่ต้องการความตอแหลของคุณที่บอกว่าทำเพื่อฉันหรอกนะ ถ้าหากคุณทำเพื่อฉันจริง ก็จะไม่ตั้งคำถามที่ยากขนาดนี้ให้กับฉัน ในฐานะผู้เป็นแม่คนนึง แค่ได้ทำเพื่อลูก ไม่ว่าความยากลำบากจะวางอยู่ตรงหน้าก็ตาม ล้วนเต็มใจ แน่นอน ก็เหมือนที่คุณพูดแหละ ตำแหน่งหน้าที่ประธานนี้มันสำคัญมาก ฉันจะทำอย่างสุดความสามารถ” กู้ฮอนพูดรวดเดียวในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด
เธอกลัวมากถ้าหากพูดออกมาไม่หมด ตัวเองก็จะจมอยู่กับการเลือกที่สับสน
“ได้ ในเมื่อคุณได้ตัดสินใจไปแล้ว ผมก็เคารพในการตัดสินใจของคุณ ผมขออวยพรล่วงหน้าให้กับการงานของคุณไปได้อย่างราบรื่น” หลังจากเป่หมิงโม่พูดจบ ก็ได้วางสายไปเลย
เขาย้ายรูปภาพของจิ่วจิ่วออกมา การกระทำแบบนี้เขาทำซ้ำไปซ้ำมาตั้งไม่รู้กี่รอบแล้ว ในฐานะผู้เป็นพ่อคนนึง ในใจของเขาก็ต้องเหลือที่ว่างสำหรับลูกๆอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่า ปกติงานยุ่งมาก ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับพวกเขานาน นี่ก็เป็นความน่าเสียดายที่อยู่ในใจของเขา
ที่เขาต้องให้สองทางเลือกกับกู้ฮอนนั้น นอกจากอยากให้ความสามารถของเธอพัฒนาขึ้นมาแล้ว ในนั้นยังมีแผนการตัวเองอยู่ด้วยจริงๆ
นั่นก็คือ ถ้าหากกู้ฮอนเลือกลูกๆทั้งสามคน ถ้างั้นเขาก็ไม่ต้องมีส่วนร่วมในบริษัทเป่หมิง ส่วนเวลาว่างๆเขาสามารถคิดทบทวนว่าในวันข้างหน้าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะพัฒนายังไง อยู่ในเวลาที่เหมาะสม เขาจะเสนอข้อตกลงนี้ ครองอำนาจบริษัทเป่หมิงอีกครั้ง
ถ้าหากเธอเลือกที่จะปล่อยมือลูกๆทั้งสามคนไป ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าเขาสามารถใช้ชีวิตอยู่กับลูกๆทั้งสามคน ถึงแม้การงานยังคงยุ่งมาก แต่ว่าเขาสามารถเห็นพวกเขาทุกวัน
***
กู้ฮอนปรากฏขึ้นมาอีกครั้งในห้องทำงานที่บริษัท เป่หมิง แขกที่มาคนแรกไม่ใช่ใครที่ไหน เป่หมิงยี่เฟิงนั่นเอง
เป่หมิงยี่เฟิงได้รู้ข่าวคราวจากถังเทียนจื๋อแล้วว่าเป่หมิงโม่ถูกปล่อยตัวโดยไร้ความผิด ที่สำคัญยังได้รับรู้จากปากของถังเทียนจื๋ออีกว่าเพราะเจียงฮุ่ยซินฆ่าคน จึงถูกตำรวจจับกุมที่ศาลเรียบร้อยแล้ว
สิ่งนี้ทำให้เป่หมิงยี่เฟิงคิดไม่ถึง ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก แต่เป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจียงฮุ่ยซิน นอกจากเป่หมิงยันก็นับว่าเป็นเขาแล้ว เพราะยังไงซะเขาถูกเธอเลี้ยงดูจนโตมากับมือตัวเองแท้ๆ
“ทำไม ไม่ให้ฉันเข้าไปหรือ? วางใจเถอะ ที่ฉันมาครั้งนี้ก็เพื่อต้องการมาอวยพรลุงรองที่เขาได้ลบล้างมลทินเรียบร้อยแล้ว และรับผิดชอบบริษัทเป่หมิงอีกครั้ง” เป่หมิงยี่เฟิงยังคงรักษารอยยิ้ม
ฉิงฮัวหันไปข้างๆ ถอยออกมาให้เส้นทางกับเป่หมิงยี่เฟิง:” ขอโทษด้วยคุณชายยี่เฟิง เมื่อสักครู่ผมเสียมารยาทแล้ว เพียงแต่ว่าการมาครั้งนี้ของคุณอาจจะต้องทำให้ผิดหวังซะแล้ว”
เป่หมิงยี่เฟิงเดินเข้าไปข้างในด้วย และพูดไปด้วยว่า:” เฮอเฮอ ฉิงฮัวนายหัดพูดจาล้อเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันมีอะไรน่าผิดหวังหล่ะ…….”
เขายังพูดไม่จบก็เดินเข้าไปในห้องทำงานแล้ว ที่สำคัญพอเห็นที่นั่งตรงกลางยังคงว่างอยู่ ส่วนกู้ฮอนยังคงนั่งอยู่ข้างใน
ดูท่าฉิงฮัวพูดไม่ผิด ทำให้เขาผิดหวังจริงๆด้วย
แต่ว่าปฏิกิริยาที่ตอบรับของเป่หมิงยี่เฟิงยังคงมีอยู่ เขาพยักหน้าให้กับกู้ฮอน:” ท่านประธานกู้อยู่ที่นี่เองเหรอครับ ดูท่าวันนี้ผมมาแบบผิดเวลาแล้ว ทำไมวันนี้ลุงรองไม่มาทำงานหรือ?”
กู้ฮอนเห็นว่าคนที่มาคือเป่หมิงยี่เฟิง ก็รู้สึกคิดไม่ถึง แต่ว่าเพื่อเป็นการให้เกียรติ เธอก็ยังลุกขึ้นมาจากที่นั่ง ยิ้มแย้มให้กับเขา:” ที่แท้คือหัวหน้าเป่หมิง ลมอะไรพัดคุณมาหรือคะ ต้องขออภัยจริงๆ ลุงรองของคุณเขาไม่มา ที่สำคัญที่นั่งตำแหน่งประธานนี้ ฉันยังจะนั่งต่อไป เพราะฉะนั้นวันหลัง ถ้าเป็นเรื่องที่บ้านให้โทรศัพท์ไปหาเขาโดยตรง ถ้าหากเป็นธุระบริษัทก็มาหาฉัน”
เป่หมิงยี่เฟิงพยักหน้า:” ไม่มีปัญหา วันข้างหน้าฉันต้องรบกวนคุณให้มากๆแน่นอน และแน่นอน ยังต้องการท่านประธานกู้สนับสนุนฉันอย่างเต็มที่ด้วย”
” แน่นอนแน่นอน แต่ว่าสิ่งที่ฉันสามารถเสนอก็เป็นได้แค่ในการช่วยพัฒนาบริษัทเป่หมิงเท่านั้น ถ้าหากมีคนเล่นตุกติกแล้วก็ ฉันจะไม่เกรงใจแม้แต่นิดเดียว” กู้ฮอนก็แสดงจุดยืนที่หนักแน่นของตัวเองออกมา นี่ก็เป็นการตักเตือนอย่างนึงที่มีต่อเป่หมิงยี่เฟิง
***
เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มแย้มเล็กน้อย:” ได้เลย สำหรับคำพูดดีๆของท่านประธานกู้ ฉันจะจำไว้ดีๆ” พูดจบ เขายกมือขึ้นมาดูนาฬิกาที่แขน” ในเมื่อลุงรองมอบบริษัทเป่หมิงให้กับคุณแล้ว ฉันก็ไม่มีธุระอื่นต้องอยู่ที่นี่ต่อไป ฉันยังมีธุระอย่างอื่นต้องจัดการ ขอลาตอนนี้เลยละกัน”
พูดจบ เขาหันหลังเดินไปทางหน้าประตู
” เอาหล่ะ พอดีฉันก็ไม่มีเวลามากที่จะมาต้อนรับแขกเอกสารในมือยังต้องการให้ฉันเซ็นอนุมัติ ถ้างั้นก็ไม่รั้งคุณไว้แล้ว”กู้ฮอนก็ตอบไปแบบเด็ดขาด ตอนนี้พูดอะไรกับเขาก็ถือได้ว่าเป็นการเสียเวลาเปล่าๆ ที่สำคัญยังอยู่ดีๆก็ทำให้ตัวเองโมโหขึ้นมาจนได้ ทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากใจด้วยหล่ะ