บทที่ 901 ได้คืบเอาศอก
แต่ว่ารถยนต์คันนี้ไม่ได้ขับออกไปไกลๆในทันทีทันใด แต่กลับขับอย่างช้าๆอยู่ข้างๆของเขาและกำลังสอดคล้องกับการเดินทางของเขาที่เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
***
เป่หมิงโม่ยังคงแสดงท่าทางที่แบบสบายๆ เหมือนกับไก่ตัวผู้ที่หยิ่งยโส ตั้งตัวตรงและยืดอก เดินไปข้างหน้าโดยตรงและไม่หันไปมองข้างๆด้วยซ้ำ
ขณะนี้รถยนต์ที่ตามมาข้างๆเขา กระจกรถฝั่งข้างคนขับค่อยๆเลื่อนลงมา เสียงผู้หญิงลอยออกมาจากข้างใน:” อยู่ที่นี่ตั้งใจแสดงท่าทางแบบนี้ให้ใครดูกันล่ะคุณ คุณเพิ่งหายป่วยนะ อย่าเอาแต่หน้าและทรมานตัวเองเลย รีบขึ้นรถมาเร็ว ฉันไปส่งคุณเอง”
ไม่ต้องดูก็ฟังออก นี่เป็นเสียงของกู้ฮอนเอง
ต่อมาเสียงของเฉิงเฉิงและหยางหยางก็ดังขึ้นมาด้วย:” พ่อครับ พ่อรีบขึ้นรถเถอะครับ”
อยู่ต่อหน้าของพวกเขา ไม่มีอะไรต้องฝืนทน คำพูดโบราณว่าไว้:” ลูกผู้ชายไม่มาเสียเปรียบเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้หรอก เป่หมิงโม่คิดถึงตรงนี้ หยุดชะงักทันที หันหลังและเดินไปข้างรถยนต์ เปิดประตูฝั่งข้างคนขับ จากนั้นก้มหน้าและเอียงข้างนั่งเข้าไป
เป่หมิงโม่นั่งอยู่ที่ฝั่งข้างคนขับ วางเบาะเก้าอี้ลงไปที่ข้างหลังเล็กน้อย รถยนต์คันนี้สำหรับเขาถือว่าเล็กไปหน่อย นั่งรถยนต์โรลส์-รอยซ์ของเขารู้สึกสบายกว่าเยอะ
รถยนต์เคลื่อนไหวอีกครั้ง
แต่ว่าถนนที่ลงเขาเส้นนี้ กู้ฮอนได้ฉวยโอกาสหัวเราะเยาะไอ้คนที่หน้าตาเข้มงวดคนนี้สักหน่อย
“เมื่อสักครู่ฉันอยู่ในรถยนต์และเห็นว่าคุณกำลังเดินอยู่ข้างหน้า เอาจริงๆนะ มีท่าทางที่สง่าผ่าเผยอย่างกับนักรบที่ขึ้นไปในสนามรบเช่นนั้นเลย”
เป่หมิงโม่มองบนให้กับเธอ:” คิดไม่ถึงจริงๆ คุณช่างใจดำจริงๆ”
คำว่าใจดำและใช้ศัพท์คำนี้มาเปรียบเปรยกับตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่กู้ฮอนได้ยิน ที่สำคัญคนที่พูดศัพท์คำนี้ออกมาถึงกับเป็นผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเองและใจดำกว่าตัวเองเสียอีก
“นี่ถือว่า:” คบคนพาล คนพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล อีกอย่าง ฉันก็แค่ไม่เจียมตัวต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเอง” กู้ฮอนขับรถอยู่ ใบหน้ามีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา
อาจจะเป็นเพราะว่าคนเค้าเจอเรื่องดีๆอารมณ์จึงกระปรี้กระเปร่า ลูกทั้งสามคนกลับมาเป็นของตัวเองแล้ว โดยเฉพาะจิ่วจิ่วไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไปแล้ว สามารถพาพวกเขาเข้าๆออกๆในทุกสถานที่อย่างเปิดเผยแล้ว
” เฮ้ย คุณให้ลูกๆกลับมาอยู่กับฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ต้องไปทำงานที่บริษัทเป่หมิงอีกแล้วใช่มั้ย ส่วนตำแหน่งประธานก็คืนคุณไปได้แล้วใช่รึเปล่า?” ส่วนเวลานี้ กู้ฮอนก็ยังไม่ลืมเรื่องนี้ เธอไม่อยากทำเรื่องนี้แล้ว
“อย่าได้คืบจะเอาศอกสิ” เรื่องดีๆไม่ใช่ว่าให้คุณได้เปรียบไปสักทุกเรื่อง เรื่องลาออกไม่อนุญาต” เป่หมิงโม่พูดอย่างยืนยันหนักแน่น
“นี่ อะไรคือได้คืบจะเอาศอก เรื่องดีๆ? คุณคิดว่าดูแลลูกๆเป็นเรื่องง่ายๆใช่ไหม อีกอย่าง แล้วอีกอย่าง ตำแหน่งประธานห่วยๆแบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะครองเอาไว้อยู่ เพียงแค่อาศัยฉันกับฉิงฮัวอย่างเดียวจะประคองไว้อยู่ได้อย่างไรกัน ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ตอนแรกคุณก็คิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้ตำแหน่งนี้มาไม่ใช่หรอ”
” ทำเช่นนี้มีเหตุผลของผมแน่นอนอยู่แล้ว ที่สำคัญคุณก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องตั้งคำถามว่าทำไม เพียงแค่ทำตามก็พอแล้ว หรือว่าผมให้ทางเลือกที่สองแก่คุณ”
” ทางเลือกที่สอง? งั้นคุณลองพูดออกมาดูสิ”กู้ฮอนมีความหวังระเบิดออกมาในใจอย่างกระทันหัน
นัยน์ตาของเป่หมิงโม่มีแสงเจ้าเล่ห์ปรากฏออกมา:” ผมสามารถอนุญาตให้คุณไม่ต้องรับตำแหน่งประธานนี้ แต่ว่า ลูกสามคนนี้ก็ไม่สามารถอยู่ข้างกายของคุณเช่นกัน ต่างต้องอยู่กับผม”
กู้ฮอนได้ยินปุ๊บร้อนใจขึ้นมาทันที:”เฮ้ย คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
อารมณ์ของเธอตื่นตระหนกปุ๊บ รถยนต์ก็เสไปเสมาอยู่บนถนน
ขณะนี้เป่หมิงโม่รีบหันข้างช่วยเธอจับพวงมาลัยไว้อย่างแน่นๆ เฉิงเฉิงและหยางหยางที่นั่งอยู่ข้างหลังรถยนต์ต่างก็ตกใจจนสีหน้าขาวซีด
***
รถยนต์อยู่ใต้การช่วยเหลือของเป่หมิงโม่ ในที่สุดถือว่านิ่งลงมาแล้ว ค่อยๆไปจอดอยู่ที่ริมถนน
กู้ฮอนก็ตกใจเช่นกัน สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างขาวซีด ขณะที่จอดรถยนต์เรียบร้อยแล้วเธอก็หายใจเข้าอย่างแรงๆ ถึงแม้ที่นี่เป็นถนนลงเขา แต่ว่าข้างนึงคือหน้าผา อีกข้างคือเหว ไม่ว่ารถยนต์จะพุ่งไปทางไหนก็ตาม ผลที่ตามมาต่างคาดไม่ถึง
อยู่ในรถยนต์ คนที่นิ่งเงียบที่สุดเห็นจะเป็นเป่หมิงโม่ หลังจากเขาเอาเกียร์ถอยมาที่P ถอนหายใจยาวๆ เขาจ้องหน้ากู้ฮอนอย่างดุดัน:” เวลาที่คุณขับรถยนต์ตั้งใจหน่อยจะได้ไหม บนรถนอกจากคุณและผม ยังมีลูกๆด้วยนะ”
หลังจากหัวใจที่ตื่นเต้นของกู้ฮอนได้นิ่งสงบลงไปได้สักพัก ก็พูดขึ้นมาแบบไม่ยอมแพ้ว่า:” คุณก่อเหตุขึ้นมาเองนะ”
“ผมก่อเหตุอะไรขึ้นมาอ่ะ?” เป่หมิงโม่รู้สึกไร้เหตุผลสิ้นดีและจนคำพูดสุดๆ
” แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่พูดว่าจะพาลูกๆไป ฉันจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงเช่นนี้ได้อย่างไร”
“ความหมายของผมก็คือ ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่างแน่นอนอยู่แล้ว เรื่องนี้ให้คุณมาตัดสินใจเองดีกว่า คุณอยากได้อย่างไหนมากกว่ากัน”
กู้ฮอนค่อยๆนิ่งสงบลง คำพูดของเป่หมิงโม่ทุกคำล้วนจู่โจมเข้ามาในใจของเธอ
ทีนี้ทำให้เธอต้องคิดทบทวนดีๆสักหน่อยแล้ว
เป่หมิงโม่มองหน้าเธอ ต่อมาตัวเองผลักประตูข้างนึงของตัวเองและลงมาจากรถยนต์ จากนั้นอ้อมมาทางหน้ารถยนต์มาถึงที่ฝั่งคนขับ เปิดประตูออกมา
ส่งสายตาให้กับกู้ฮอน:” คุณไปนั่งทางโน้นไป ผมมาขับเอง”
กู้ฮอนจึงได้แต่ขยับไปที่นั่งฝั่งคนขับอย่างเชื่อฟัง
รถยนต์ได้เคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว เป่หมิงโม่ขับรถนิ่งมาก
ในรถเปลี่ยนไปจนเงียบกริบ โดยเฉพาะหลังจากได้ผ่านอันตรายเมื่อสักครู่มา เปลี่ยนไปจนเงียบสงบอย่างมาก
*
หลังจากครึ่งชั่วโมงกว่าๆ เป่หมิงโม่ขับรถแบบนิ่งๆมาจอดไว้ที่หน้าบ้านของฉิงฮัวและลั่วเฉียวเรียบร้อยแล้ว
ผมสามารถให้เวลายี่สิบสี่ชั่วโมงให้คิดดูดีๆ สองทางเลือกนี้คุณควรจะเลือกยังไง คิดออกเมื่อไหร่ค่อยโทรให้ผมนะ” หลังจากเป่หมิงโม่ทิ้งคำนี้ไว้เรียบร้อย ลงจากรถ
” พ่อครับ………. “เฉิงเฉิงและหยางหยางนั่งอยู่ข้างหลัง ความหมายในการสนทนาระหว่างของพ่อและแม่ต่างเข้าใจกันแล้ว ไม่เพียงแค่กู้ฮอน แม้แต่พวกเขาก็เลือกยากมากๆ
แน่นอนอยู่แล้วพวกเขาอยากอยู่กับแม่ที่สุด แต่ว่าไม่อยากให้แม่ทำงานอย่างทรมาน
เป่หมิงโม่มองหน้าลูกๆทั้งสองคน ไม่ได้พูดอะไร หันหลังเดินไปที่ชุมชนข้างนอก
กู้ฮอนพาลูกๆกลับไปที่บ้านเดี่ยว ฉิงฮัวได้ไปที่บริษัทเป่หมิงแล้ว คนที่อยู่บ้านมีแต่ลั่วเฉียวและแอนนิ ยังมีลูกๆอีกสองคน
เมื่อคืน เรื่องที่กู้ฮอนไปที่บ้านเดี่ยว พวกเขาต่างไม่พบเห็น จนถึงตอนเช้าของวันนี้ถึงได้พบว่าเธอไม่เห็นแล้ว
“พวกคุณกลับมาแล้ว เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นมากันแน่?” แอนนิถาม
“คุณป้าแอนนิครับ คุณแม่ไม่ได้พักผ่อนมาทั้งคืนแล้วครับ” เฉิงเฉิงพูดขึ้นมา
“อ๋อ ถ้างั้นพวกนายพาคุณแม่ขึ้นไปพักผ่อนบนตึกเถอะ”
*
เป่หมิงโม่ออกไปจาก‘ปิ่นฮอนเป่หยวน’ โบกรถยนต์คันนึงที่ข้างถนนกลับไปที่บ้านเป่หมิง
หลายวันแล้วที่ไม่ได้กลับมาที่นี่ ความรู้สึกเหมือนผ่านไปตั้งหนึ่งศตวรรษ บ้านเป่หมิงตรงหน้าทั้งคุ้นเคยและทั้งแปลกหน้า
สำหรับเรื่องราวที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันในช่วงหลายวันที่ผ่านนี้ ทำให้คนรับใช้ที่บ้านเป่หมิงแสดงท่าทางที่กังวลและไม่สบายใจออกมา ก่อนอื่นเป่หมิงโม่หายตัวไปก่อน ต่อมาก็คือคุณนายเป่หมิง
เดิมทีเป่หมิงยันจะอยู่ที่นี่อีกหลายวันค่อยจากไป แต่ว่าพบกับเหตุการณ์แบบนี้ จึงอยู่คุมเหตุการณ์ที่นี่ด้วยตนเอง อีกด้านหนึ่งคือเขายังไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆแม่ของตัวเองถึงได้หายตัวไปอย่างกะทันหัน
***
สำหรับข่าวที่เจียงฮุ่ยซินถูกจับ เป่หมิงยันที่อยู่ในคืนนั้น หลังจากคนรับใช้ที่ตามเจียงฮุ่ยซินออกไปได้กลับมา เขาเห็นว่ามีแต่แม่ของตัวเองที่หายไป ที่สำคัญสีหน้าท่าทางของคนรับใช้ดูเหมือนตื่นเต้นมาก เขาก็ได้รู้สึกว่าเหมือนเกิดเรื่องขึ้นมาซะแล้ว
อยู่ใต้การซักถามของเขา ถึงได้รู้ความจริงเคร่าๆ ความจริง คนรับใช้ก็รู้เรื่องแค่นิดๆหน่อยๆ เธอไม่ได้ตามเจียงฮุ่ยซินเข้าไปในศาล
เพียงแค่รออยู่ที่ข้างนอก จนกว่าตอนที่ศาลได้เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าเจียงฮุ่ยซินไม่ได้ออกมาด้วย เธอถึงได้ใจร้อนขึ้นมา สุดท้ายผ่านการสืบหาข่าวคราวถึงได้รู้ว่าเจียงฮุ่นซินถูกตำรวจควบคุมตัวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ที่สำคัญ เป่หมิงยันได้รับเอกสารที่ตำรวจออกหมายจับเจียงฮุ่นซินอย่างเร่งด่วนด้วย แต่ว่าในเอกสารไม่มีการตัดสินของคดี เป็นแค่เพียงการให้ความร่วมมือในการตรวจสอบของตำรวจเท่านั้นเอง
วันปกติ สิ่งที่เป่หมิงยันให้กับคนอื่นมาโดยตลอดคือเป็นคนที่ตลกและสนุกเฮฮา ภาพพจน์ที่แสดงออกมาให้คนนอกเห็นว่าเขาเป็นคุณชายบ้านเป่หมิงที่แสดงแต่หนังและขี้เก๊กคนนึง แต่ว่าตอนที่พบเจอกับเรื่องราวแบบนี้ เขากลับเปลี่นไปจากเดินโดยสิ้นเชิง ดูขึ้นไปนิ่งสงบอย่างมาก
เขาให้คนรับใช้ทุกคนในบ้านเป่หมิงได้ทำงานกันอย่างปกติ ที่สำคัญกำชับพวกเธอไปว่าอย่าแพร่กระจายข่าวสารออกไปเรื่องที่เจียงฮุ่ยซินถูกตำรวจจับกุม
ในหลายวันมานี้ แน่นอนเป่หมิงยันก็ไม่ได้เห็นเป่หมิงโม่อีกเลย จนถึงวันนี้ เขาอยู่ที่บ้านเป่หมิงพอดี ขณะที่เขากำลังรู้สึกกลุ้มใจกับการที่จะช่วยเหลือแม่ของตัวเองออกมายังไงอยู่นั้น
คนรับใช้คนนึงวิ่งเข้ามาข้างในจากข้างนอกอย่างเร่งรีบ:”คุณชายสามครับ คุณชายรองกลับมาแล้วครับ”
เป่หมิงยันได้ยินว่าเป่หมิงโม่กลับมาปุ๊บ สติก็กระชุ่มกระชวยขึ้นมาไม่น้อย เขาลุกออกจากเก้าอี้ขึ้นมา รีบตามคนรับใช้ไปที่ข้างนอกอย่างเร่งด่วน
เห็นว่าบนหลังคารถโดยสารคันนึงที่ประทับตราหนังสือสีแดงคำว่า”แท๊กซี่” ได้จอดไว้ที่หน้าบ้านเป่หมิงเรียบร้อยแล้ว
ประตูหลังรถเปิดออกมา เป่หมิงโม่หันข้างลงมาจากข้างใน
“พี่รองครับ” เป่หมิงยันรีบเข้าไปต้อนรับ เขาเห็นว่า ทั้งตัวของเป่หมิงโม่ เป็นชุดที่เขาถูกตำรวจจับกุมไปก่อนหน้านี้ ไม่เคยได้เปลี่ยนมาโดยตลอด
เป่หมิงโม่ก้าวเข้ามาที่บ้านเป่หมิงอีกครั้ง อารมณ์เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา ดูขึ้นไปหดหู่เพิ่มขึ้นมาอย่างมากมาย เวลาอันสั้นๆในหลายวันที่ผ่านมานี้ ที่นี่เปลี่ยนไปแทบจะหน้ามือกลายเป็นหลังมือ
ถ้าจะพูดว่าไม่เปลี่ยนแปลงเลย ก็เห็นจะเป็นแค่บ้านเป่หมิงหลังนี้ที่มองขึ้นไปแล้วทั้งอบอุ่นแต่กลับแปลกหน้าและเย็นชาอีกด้วย ยังมีอีกคนรับใช้ที่ดูขึ้นไปงานยังคงยุ่งเหยิงไม่เลิก………
เป่หมิงยันเข้ามาต้อนรับ เป่หมิงโม่แค่พยักหน้าให้กับเขา ความผิดที่แม่ของเขาก่อเอาไว้ ไม่ควรพาลไปใส่เขาด้วย
เพราะฉะนั้น ปฏิกิริยาที่เป่หมิงโม่มีต่อเป่หมิงยันต่างจากปกติไปไม่มากนัก เพียงแต่ว่าเขารู้สึกว่าน้ำเสียงและสายตาของเป่หมิงยันเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเยอะมาก
เขาน่าจะรับรู้เรื่องราวแล้วมั้ง
เขากับเป่หมิงโม่เดินเข้าไปในบ้านเป่หมิง ทั้งสองคนนั่งลงไปที่โซฟา คนรับใช้รีบเตรียมน้ำชาที่พวกเขาสองคนเคยดื่มอยู่บ่อยๆวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า
“เอาหล่ะ พวกเธอถอยออกไปก่อนเถอะ คุณชายรองกลับมาแล้ว พวกเธอไปเตรียมอาหารเที่ยงกันเถอะ” เป่หมิงยันให้คนรับใช้ต่างถอยออกไป ห้องรับแขกในขณะนี้เหลือแต่พวกเขาสองพี่น้องที่ต่างมารดาแล้ว
พวกเขาสองคนต่างไม่พูดไม่จา ดื่มแต่น้ำชา
หลังจากคนรับใช้แจ้งพวกเขาไปว่าได้เตรียมอาหารพร้อมแล้ว เชิญพวกเขารับประทานอาหารได้เลย
โต๊ะอาหารที่กว้างขวาง ผ้าปูโต๊ะที่ปราณีต จานที่ใสสะอาดเต็มไปด้วยอาหารที่เอร็ดอร่อย แน่นอนที่ขาดไม่ได้คือไวน์แดงชั้นเยี่ยม
เป่หมิงยันรับขวดไวน์มา เทให้กับตัวเองและเป่หมิงโม่ จากนั้นลุกขึ้นมา ยกแก้วไวน์พูดกับเป่หมิงโม่ว่า:”พี่รองครับ แก้วนี้ถือว่าต้อนรับพี่ครับ” พูดจบเขาเงยหน้าขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว
เป่หมิงโม่มองหน้าเขา และหยิบแก้วไวน์ตรงหน้าตัวเองขึ้นมานึงแก้ว หลังจากส่งสัญญาณให้กันสักครู่ ก็ดื่มไวน์ในแก้วจนหมดสิ้น
***
เป่หมิงยันและเป่หมิงโม่ทั้งสองคนต่างดื่มไวน์ในแก้วของตัวเองหมดสิ้น เป่หมิงโม่วางแก้วไวน์ในมือของตัวเองไว้บนโต๊ะ เขามองหน้าเป่หมิงยัน:”มีอะไรอยากถามก็เอ่ยปากเถอะ เราพี่น้องกันไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันถึงเพียงนี้