บทที่ 902 เลือกยากทั้งสองข้อ
เป่หมิงยันจับตะเกียบขึ้นมา คีบกับข้าวนิดหน่อยวางไว้ในจานข้าวของตัวเอง เขาส่งสายตาให้กับคนรับใช้หลายคนที่กำลังปรนนิบัติในห้องรับประทานอาหาร คนพวกนั้นต่างเข้าใจความหมายของเขา และต่างถอยออกไปกันหมดเเล้ว
เห็นว่าที่ห้องรับประทานอาหารไม่มีคนอื่นแล้ว เขาถึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า: เปหมิงเอ้อ พี่ถูกปล่อยตัวโดยไร้ความผิดผมดีใจมากด้วย แต่ว่าผมมีข้อสงสัยอยากจะถาม นั่นก็คือเพราะอะไรแม่ของผมถึงถูกจับกุม ผมรู้ เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับพี่ถูกต้องรึเปล่า”
เป่หมิงโม่ก็ถือตะเกียบขึ้นมา เขาคีบถั่วลิสงเม็ดนึงเข้าไปในปาก หลังจากขบเคี้ยวอย่างละเอียด วางตะเกียบลง:” นายพูดถูกต้อง เรื่องของป้าซินเกี่ยวข้องกับพี่ แต่ว่านี่เป็นผลกรรมที่เธอสมควรได้รับ”
เป่หมิงยันไม่ค่อยเข้าใจ เพียงแต่ว่าเวลาที่เป่หมิงโม่ให้คำตัดสินกับแม่ของตัวเองแบบนี้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยต้องไม่สบายใจอยู่แล้ว ยังไงซะเขาก็ต้องเข้าข้างคุณแม่ของตัวเองอยู่ดี
” เป่หมิงเอ้อ หลายปีมานี้แม่ผมทำต่อคุณ ทำต่อบ้านเป่หมิงถือได้ว่าเสียแรงไปไม่น้อยเลยทีเดียว ต่อให้ไม่มีความชอบ ถ้างั้นก็ต้องมีความดีอยู่บ้างไม่ใช่หรือ?”
“ถูกต้อง นายพูดถูก ความเสียสละที่ป้าซินมีต่อบ้านเป่หมิงทุกคนต่างเห็นกับตา ไม่มีใครสงสัยสิ่งเหล่านี้ เป่หมิงยัน พี่เข้าใจความหมายที่นายพูดนะ แต่ว่าพี่จะบอกว่าต่อให้เธอเป็นเช่นนี้ก็ตาม ก็ไม่สามารถลบล้างความผิดของเธอได้เลยรู้รึเปล่า”
” ทำความผิด? แม่ผมทำความผิดอะไร ปกติเธอใจดีและเป็นมิตรกับทุกคน ไม่มีใครพูดว่าเธอไม่ดีเลย” เป่หมิงยันเริ่มพยายามแก้ตัวแทนแม่อย่างสุดกำลัง แต่ว่าการแก้ตัวเช่นนี้อยู่ในสายตาของเป่หมิงโม่แล้วกลับดูเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง
” ความผิดที่ป้าซินก่อไม่สามารถให้อภัยได้ นายรู้มั้ย เธออยากฆ่าแม่ของพี่” นี่เป็นครั้งแรกที่เป่หมิงโม่นอกจากอยู่ต่อหน้ากู้ฮอนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เอ่ยถึงแม่ของตัวเองต่อหน้าคนอื่น
เรื่องนี้ทำให้เป่หมิงยันรู้สึกคาดไม่ถึง :”เดี๋ยวก่อน แม่ของพี่ได้เสียไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับแม่ของผมได้หล่ะ? ”
เป่หมิงยันรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับแม่ของเป่หมิงโม่ ก็แค่จำกัดตอนที่เขายังเด็กๆแม่ของเขาก็ได้ตายไปแล้ว ตอนนี้เป่หมิงโม่กลับโผล่คำนี้ขึ้นมาอย่างกระทันหันต้องรู้สึกแปลกใจแน่นอนอยู่แล้ว
เป่หมิงโม่รู้แน่นอนว่าเป่หมิงยันไม่รู้เนื้อหาของเรื่องราว พูดกันว่า:” ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่ว่าต้องให้เขาเข้าใจสาเหตุความเป็นมาของเรื่องเหล่านี้ มันมีความจำเป็นต้องเล่าเรื่องพวกนี้ให้กับเป่หมิงยันได้เข้าใจ
ความจริงเธอไม่ได้ตาย แต่ไปที่เมืองซาบาห์ แอบเก็บตัวอยู่ที่นั่นมาตั้งหลายปี จนกว่าช่วงนี้เพิ่งจะกลับมา สำหรับรายละเอียดทำไมเธอต้องทำเช่นนี้ นายก็ไม่ต้องถามแล้ว ที่สำคัญพี่จะบอกกับนายว่า ในอดีตแม่ของพี่และป้าซินยังมีแม่ของกู้ฮอนอีกด้วยล้วนเป็นเพื่อนสนิทกัน
“ที่แท้เป็นอย่างนี้” เป่หมิงยันเข้าใจเรื่องราวบ้างแล้ว” ในเมื่อแม่ของผมและแม่ของพี่เป็นเพื่อนสนิทกัน และแม่ของพี่ก็กลับมาแล้ว ถือได้ว่าเพื่อนเก่าได้พบกันใหม่อีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงทำร้ายแม่ของพี่หล่ะ?”
“ก็เพราะว่าแม่พี่กลับมาไง ป้าซินถึงเคลื่อนไหวคิดจะฆ่าคน พี่คิดว่านายต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับบ้านเป่หมิงบ้างแล้ว ก่อนที่ป้าซินเข้ามาอยู่ที่บ้านเป่หมิง แม่ของพี่เป็นถึงคุณนายเป่หมิง”
เป่หมิงยันพยักหน้า:” เรื่องราวพวกนี้ผมรู้หมด”
” ที่เป็นเช่นนี้ หลังจากแม่พี่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งตอนที่ป้าซินอยู่ เธอเป็นห่วงมาโดยตลอดว่าตำแหน่งคุณนายเป่หมิงของเธอจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเธอจึงได้ทำเรื่องเลอะเลือนขึ้นมา”
***
เป่หมิงโม่ยิ่งพูดก็รู้สึกยิ่งหนักใจ เขาหยิบขวดไวน์ที่วางอยู่ตรงหน้าเป่หมิงยันมา เทให้กับตัวเองเต็มๆแก้วนึง จากนั้นดื่มจนหมดแก้วอีกครั้ง สุดท้ายค่อยๆพูดออกมาอีกหลายคำ:” ความจริงเธออยากทำให้แม่พี่ตายเพียงแต่ว่าเรื่องกลับตาลปัตร แม่ของฮอนเป็นผู้ถูกกระทำเพราะเหตุนี้พี่ก็เลยกลายเป็นผู้ต้องสงสัย จนถึงสุดท้ายมีหลักฐานใหม่ พี่ถึงได้ออกมานี่ไง ส่วนป้าซินก็ได้รับการลงโทษในสิ่งที่เธอสมควรได้รับ”
เรื่องที่มาที่ไปคร่าวๆ เป่หมิงยันถือว่าได้เข้าใจแล้ว เรื่องที่สลับซับซ้อนเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึง
เพียงแต่ว่า เป่หมิงยันไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล ต่อให้ในใจของเขาเข้าข้างคุณแม่ตัวเองก็ตาม แต่ว่าความจริงกลับอยู่ตรงหน้า เขาก็ทำได้แค่รู้สึกเสียดาย
เขาหยิบขวดไวน์มาแบบเงียบๆ เทให้กับตัวเองนึงแก้วเต็มๆ จากนั้นลุกขึ้นมา มือทั้งคู่ถือแก้วไวน์พูดกับ เป่หมิงโม่ว่า:” เป่หมิงเอ้อ แก้วนี้ถือว่าผมในฐานะลูกชายคนนึง ผมขอโทษแทนแม่พี่และแม่กู้ฮอนด้วย” พูดจบเงยหน้าขึ้นมาปุ๊บ ต่อมาเอาแก้วเปล่าวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อย
สำหรับท่าทางของเป่หมิงยัน เป่หมิงโม่รู้สึกพอใจมาก เขาพยักหน้า:”เอาหล่ะ เรื่องพวกนี้ถือว่าผ่านไปแล้ว”
ได้รับความเข้าใจและการให้อภัยของเป่หมิงโม่ เป่หมิงยันถือได้ว่ารู้สึกปล่อยวางทุกอย่างแล้ว แต่ว่ายังมีเรื่องนึงที่ทำให้เขาเอ่ยปากออกมายากมาก
แต่ว่าหลังจากคิดกลับไปกลับมาในใจก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาว่า:”เป่หมิงเอ้อ ผมมีความคิดเห็นนิดหน่อย อยากได้รับอนุญาตจากคุณ”
“พูดเถอะ ยังมีธุระอะไร?”
“ผมอยากขอโทษแทนแม่ของผมต่อหน้าแม่ของคุณ ยังมีอีกอยากไปมอบช่อดอกไม้ที่หน้าสุสานแม่ ของกู้ฮอนด้วย
” น้ำใจของนาย พี่รับแทนแม่พี่แล้ว เพียงแต่ว่าช่วงนี้ร่างกายแม่ไม่ค่อยสบาย แต่ว่าพี่จะให้นายไปเยี่ยมแม่ในเวลาที่เหมาะสม สำหรับแม่ของฮอน พวกเราได้สาดอัฐิของเธอลงไปในทะเลแล้ว”
“เป็นเช่นนี้เอง ถึงเวลานั้นผมค่อยหาโอกาสขอโทษฮอนเถอะ:” สีหน้าของเป่หมิงยันดูเหมือนเศร้าเสียใจเขาถอนหายใจ:” คิดไม่ถึงจริงๆ ช่วงนี้ได้เกิดเรื่องขึ้นมาตั้งมากมาย ถ้าหากผมสามารถอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ให้มากๆ ก็อาจจะไม่เกิดเรื่องที่น่าเศร้าใจเช่นนี้แล้ว”
” ช่างเถอะ เรื่องเหล่านี้ได้ผ่านไปแล้ว ถ้าหากนายอยากช่วยป้าซินแล้วก็ ก็ไปเยี่ยมเยียนเธอบ่อยๆเถอะ สำหรับทุกการกระทำของเธอ ถ้านายจะพูดว่าพี่เกลียดเธอรึเปล่า มันก็เปล่า มีคำนึงพูดว่า:”แม่ผู้ให้กำเนิดใหญ่ไม่เท่าแม่ผู้ที่เลี้ยงดู ยังไงซะเธอมีบุญคุณต่อพี่ที่ได้เลี้ยงดูพี่มา”
“ขอบคุณ”
“เอาหล่ะ เราพี่น้องกันอย่าพูดคำพูดที่ทำให้ไม่มีความสุขเลย ทานข้าวทานข้าว” เป่หมิงโม่พูดจบจับตะเกียบขึ้นมา
*
ขณะเดียวกัน กู้ฮอนเผชิญหน้ากับอาหารเลิศรสที่เต็มโต๊ะกลับไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนลูกๆทั้งสามคนกลับทานกันอย่างหน้าตามูมมาม
” ฮอน คุณเป็นอะไร?” แอนนิมองหน้าเธอ
กู้ฮอนส่ายหน้าแบบยิ้มแย้ม:” ไม่มีอะไร แค่กำลังคิดเรื่องบางอย่าง”
“คุณแม่ครับ แม่กำลังคิดเรื่องที่เกี่ยวกับพวกเราใช่รึเปล่าครับ?” เฉิงเฉิงวางตะเกียบลงและถามขึ้นมา
วินาทีนี้หยางหยางและจิ่วจิ่วก็ได้วางตะเกียบลงด้วย ตาแป๋วแว๋วทั้งสามคู่ต่างมองไปที่กู้ฮอน
จริงๆ วินาทีนี้เธอกลุ้มใจกับเรื่องนี้จริงๆ มีลูกก็ต้องรับตำแหน่งประธานที่ตัวเองไม่สามารถทำหน้าที่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ว่าไม่รับตำแหน่งนี้ก็จะเสียลูกๆไป……..
นี่เป็นการเลือกที่เลือกยากทั้งสองข้อ ไม่ว่าจะเลือกอะไรก็ตามเผชิญหน้ากับตัวเองต่างทรมานเช่นกัน ไอ้เป่หมิงเอ้อที่ถูกสับเป็นพันๆชิ้นคนนี้มันช่างน่าถีบเหลือเกิน
***
ยังไงซะกู้ฮอนจะเลือกสู้ต่อไปหรือเลือกถอยหลังกลับมา ด่าเป่หมิงโม่อยู่ในใจอย่างไม่ขาดสายก็ตาม แต่ว่าเจ้าตัวที่อยู่เมืองเดียวกันกับพวกเขาคนแรก——เป่หมิงโม่ นอกจากจะจามไอสองครั้งแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรอีกเลย
ข้าวมื้อเที่ยงหนึ่งมื้อ เดิมทีเวลาที่รับประทานอาหารของเขามีไม่มากนัก แต่ว่าครั้งนี้กลับเปลี่ยนไปจากเดิม ทานไปตั้งหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ
เพียงแต่ว่า เขากับเป่หมิงยันทั้งสองคนต่างคนต่างก้มหน้าทานอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเอง นานๆทีก็จะชนแก้วสักแก้ว
*
ในห้องรับประทานอาหารมีเสียงของน้ำไหลดังออกมา บนตัวแอนนิคาดผ้ากันเปื้อนที่เอวและกำลังล้างจานอยู่ ที่ข้างหลังของเธอ มือข้างนึงของกู้ฮอนกำลังถือกาแฟที่ยังมีไอร้อนลอยขึ้นมา และมืออีกข้างเสียบไว้ในกระเป๋า ร่างกายของเธอพิงไว้ที่กรอบประตู
“ฮอน ครั้งนี้คุณคิดดูดีๆแล้วหรือ? ถ้าหากเช่นนี้ ชีวิตวันข้างหน้าของคุณจะอยู่ยังไง?”
หลังจากกู้ฮอนดื่มกาแฟไปนึงคำ ถอนหายใจยาวๆ:”ฮู้……. คุณพูดสิยังทำยังไงได้อีก? ไอ้เป่หมิงโม้คนนี้ทำให้ฉันลำบากใจชัดๆ ทำให้ฉันไม่ว่าจะเลือกอะไรก็ตามล้วนไม่สบายใจทั้งกันทั้งนั้น ไม่เพียงเท่านี้นะ สุดท้ายคนที่ได้รับผลประโยชน์กลับเป็นเขาคนเดียว”
แอนนิล้างจานไปด้วย ใบหน้าเผยยิ้มแย้มออกมา:” ฉันดูคุณสองคนนะ ก็เหมือนกับคู่รักคู่แค้นกันเลย ดูผิวเผินคุณเสียเปรียบเขาได้เปรียบ แต่ความจริงแล้ว ฉันดูๆไปคุณต่างหากที่ได้เปรียบกว่าเยอะเลย”
กู้ฮอนดื่มกาแฟในแก้วจนหมด วางไว้ข้างๆบนโต๊ะเล็กๆตั้งใจแกล้งทำหน้าตาที่แปลกประหลาดใจออกมา:” เฮ้อ ดูไม่ออกจริงๆ คุณเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ รีบพูดมาสิ คุณถูกไอ้หมาตัวนั้นซื้อใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
แอนนิหยุดงานในมือลง หันหน้ากลับไปมองเธออย่างไร้ความผิด:” ฮอน ฉันถูกใส่ร้ายจริงๆ ฉันจะทำเรื่องหักหลังคุณได้ยังไงกัน”
กู้ฮอนแสดงท่าทางที่กำลังสอบสวนผู้ที่หักหลัง ก้าวเข้าไปใกล้ๆแอนนิอย่างทีละก้าว สายตาที่ใสสว่างไสวเหมือนจะมองทะลุไปข้างในหัวใจเธอ:”ถ้าหากคุณไม่ได้ถูกไอ้หมาตัวนั้นซื้อใจ ถ้าอย่างนั้นทำไมต้องช่วยเขาพูดด้วยหล่ะ พูดมาเริ่มต้นตั้งแต่ที่เขารับปากให้เธอเปิดร้านอาหารที่ตึกสำนักงานใหญ่GTใช่ไหม?”
ทำไมแอนนิจะดูไม่ออกว่าเธอกำลังเล่นละครอยู่ เธอก็ได้แต่แกล้งทำหน้าตาที่น่าสงสารออกมา ขมวดคิ้ว มือทั้งคู่ผายมือไปมาอย่างไม่ขาดสาย เหมือนกับหัวหน้าเด็กสาวคนงานที่ใกล้จะถูกเจ้าถิ่นยึดครอง
” ใส่ร้ายจ้า ใส่ร้าย ต่อให้คุณยืมความกล้าให้ฉันสักหนึ่งร้อยครั้ง ฉันก็จะไม่ทำเรื่องหักหลังกลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นมาหรอกนะ เมื่อครู่ฉันก็แค่พูดตามความยุติธรรม ต้องรบกวนคุณหนูกู้ตรวจสอบให้ดีๆด้วย………”
กู้ฮอนมองหน้าตาที่ขมขื่นของแอนนิ อดหัวเราะไม่ได้:”เฮอเฮอ ดูไม่ออกนะเนี่ย คุณเล่นละครเก่งจริงๆ เอาอย่างนี้มั้ยฉันแนะนํากองถ่ายให้คุณ คุณรับบทเป็นตัวรองและลองแสดงดูก่อน? ”
” พอกันที คุณอยากให้ฉันเหนื่อยตายใช่มั้ย ธุระในบ้านมากมายก่ายกองยังต้องการฉันมาจัดการเลย ถึงเวลานั้นข้างนอกยังมีอีกร้านต้องการให้ฉันมาดูแล คุณยังไม่เลิกอีก ให้ฉันรับงานละครมาแสดง นี่คุณจะฝึกฝนให้ฉันกลายเป็นซุปเปอร์วูแมนรึไง”
” เมื่อครู่ฉันได้พบว่าคุณมีความสามารถถึงได้พูดแบบนี้ เอาหล่ะ ไม่ล้อเล่นแล้ว เมื่อสักครู่คุณบอกว่าฉันได้เปรียบ นี่เริ่มพูดจากตรงไหนก่อนดี? ”
” เฮ้ย คุณดูไม่ออกจริงๆ หรือว่าแกล้มดูไม่ออก ที่เป่หมิงโม่ต้องเสนอเงื่อนไขแบบนี้ออกมา ก็แค่อยากฝึกฝนคุณ”
” เชอะ ถ้าจะให้พูดว่าฝึกฝน ให้พูดว่าอยากให้ฉันเหนื่อยตายยังดีเสียกว่า”กู้ฮอนแสดงหน้าตาที่ไม่เห็นน้ำใจออกมา
***
“ฮอน พูดแบบนี้ได้ไง สรรพสิ่งในโลกล้วนมีเหตุมีผล สร้างกรรมอะไรไว้ ก็ย่อมได้รับผลอะไร”
” หยุดหยุด หยุดก่อน คุณอ่านหนังสือแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ผลกรรมอะไรนะ ระหว่างฉันกับไอ้เป่หมิงโม่ไม่มีผลกรรมอะไรทั้งนั้น” กู้ฮอนไม่อยากเกี่ยวข้องกับเป่หมิงโม่ให้มากเรื่อง ไม่ว่าความคิดเช่นนี้ออกมาจากใจรึเปล่า อย่างน้อยวินาทีนี้ไม่อยาก