บทที่ 907 สืบทอดทักษะ
จุดประสงค์ของเป่หมิงยี่เฟิงนั้นง่ายมาก ถ้าเป่หมิงโม่ไม่ทำ ตัวเองก็จะทำเอง เริ่มแรกที่เข้ามาในบริษัทก็เพื่อจุดประสงค์นี้ไม่ใช่
หรือไงตอนนั้น พ่อของตัวเองถูกอารองแย่งตำแหน่งผู้ถือหุ้นใหญ่ไป แถมถูกขับออกจากบริษัท
ตอนนี้ เขาได้ผ่านความพยายามของเขาเอง แน่นอนว่าเขาต้องไปพึ่งพาฝ่ายมีอำนาจถึงมีโอกาสได้ขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ
สองของบริษัท อีกทั้งยังวางแผนให้พ่อแม่ของเขาได้กลับมาที่บริษัทอีกครั้ง
ทุกย่างก้าวนี้มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
ส่วนจุดประสงค์ของเป่หมิงโม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาไม่ยอมปล่อยให้สิ่งที่ตัวเองได้ทำมาในก่อนหน้านี้สูญเปล่าแน่ เพราะฉะนั้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาจึงได้พยายามกดการขยายอำนาจที่ลับของเป่หมิงยี่เฟิงเอาไว้
อีกอย่าง เขาคิดว่าถ้าขืนปล่อยให้เป่หมิงยี่เฟิงขึ้นมามีอำนาจแล้วละก็ เป็นไปได้สูงว่าผู้ที่มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของเป่หมิงยี่เฟิง
ก็จะเข้ายืดอำนาจของบริษัท หลังจากนั้นก็ไล่เขาลงจากตำแหน่งได้อย่างง่ายดาย ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะเสียบริษัทไปอย่างสิ้นเชิง
พอถึงตอนนั้น ถึงแม้ตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดไหน ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก
ที่ให้กู้ฮอนขึ้นมารับตำแหน่งประธานของบริษัท เขาเองก็รู้ดีว่าความสามารถของเธอมีขีดจำกัด แต่ข้างกายมีฉิงฮัวคอยช่วยเหลือ
เขาก็วางใจไม่น้อย
และอีกอย่างก็จะยับยั้งเป่หมิงยี่เฟิงได้ต่อไป ถ้าเป็นอย่างนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังของเขาก็จะไม่กล้าเคลื่อนไหวใหญ่โต เพราะพวก
เขายังต้องใช้ประโยชน์จากเป่หมิงยี่เฟิงอยู่
นอกจากนี้ กู้ฮอนก็ไม่ใช่คนนอก ……..
สรุปว่า เป่หมิงโม่และเป่หมิงยี่เฟิงอาหลานทั้งสองต่างก็มีจุดประสงค์ของตัวเอง
*
“ ท่านหัวหน้าเป่หมิง เห็นท่าทางของคุณแล้ว เดาได้ว่าคงถูกตำหนิมาอีกรอบแน่เลยใช่มั้ยครับ ”
เป่หมิงยี่เฟิงกลับมาถึงห้องทำงานของตัวเอง กลับได้ยินคำทักทายคำนี้เป็นคำแรก
เขาบึ้ง แล้วมองไปยังทางเสียงที่ดังมา เป็นใครไปไม่ได้ เขาก็คือถังเทียนจื๋อนั่นเอง เขากำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนที่นั่งของตัวเอง
“ นี่นายลืมไปว่านายเป็นใครใช่มั้ย มานั่งที่ของฉันได้ยังไง ”
***
“ หึๆ …… ” ถังเทียนจื๋อหัวเราะแห้งๆไปสองที “ ทำไมผมจะนั่งที่ของคุณไม่ได้ ? อย่าลืมนะ ว่าตำแหน่งผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของ
คุณ พวกเราเป็นคนให้คุณเองนะ ”
“ ให้ฉันแล้วยังไง ฉันไม่ได้โง่หรอกนะ หรือว่าพวกคุณจะบอกว่าไม่มีวัตถุประสงค์เลยนั้นเหรอ ก็แค่อยากใช้ฉันหาผลประโยชน์จาก
บริษัทให้พวกคุณ ” อารมณ์ของเป่หมิงยี่เฟิงในตอนนี้แย่มาก
“ คุณพูดถูก เป้าหมายของเราก็คือนี่ เพราะฉะนั้น ผมจะเตือนคุณว่าให้เร่งมือหน่อย เรื่องที่เหลือควรที่จะจัดการก็จัดการให้
เสร็จซะ จำไว้ว่าเวลายิ่งนานฝันร้ายก็จะยิ่งมากขึ้น ไม่นึกเลยว่าเป่หมิงโม่จะมาไม้นี้ ที่เปิดแถลงข่าวแล้วประกาศชื่อคนที่จะ
ขึ้นมารับตำแหน่งประธานของบริษัทคนใหม่โดยตรงแบบนี้ ”
เวลานี้ เป่หมิงยี่เฟิงก็ได้แต่ต้องเก็บอารมณ์ร้อนที่มีต่อถังเทียนจื๋อไว้ก่อน เขานั่งอยู่ที่นั่งตรงข้าม : “ ที่อารองทำแบบนี้
ก็เพื่อจัดการเรื่องให้เสร็จก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลัง ถึงกู้ฮอนจะรับตำแหน่งผู้รักษาการแทนประธานในบริษัทเป่หมิงอยู่หลายวัน
แต่เธอไม่มีรากฐานอะไรเลย ทำแบบนี้แล้ว ก็เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงขั้นตอนการเลือกประทานของการประชุมภายในบริษัท ”
“ ถูกต้อง ก็เป็นแบบนี้แหละ เพราะฉะนั้น ในสถานการณ์แบบนี้ คุณก็ควรรีบหาวิธีรับมือกับมัน เอาเป็นว่า บริษัทเป่หมิงเป็นของ
ตระกูลเป่หมิง จะตกอยู่ในมือคนนอกไม่ได้โดยเด็ดขาด ถึงแม้จะเป็นกู้ฮอนเองก็ไม่ได้ ” ตอนนี้ ถังเทียนจื๋อได้พยายามเป่าหูเขา
และเป่หมิงยี่เฟิงก็เชื่อเขาด้วย ขมวดคิ้วไว้จนแน่น แล้วสักพักก็พยักหน้าทีนึง
เป่หมิงโม่นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะทำงานที่ตัวเองเคยนั่ง ในมือถือแก้วกาแฟที่ยังมีไอร้อนอยู่ แล้วค่อยๆจิบกาแฟอย่างดื่มด่ำ
หลังจากสามคำ จู่ๆเขาก็พูดขึ้น :
“ ปฏิเสธไม่ได้เลยนะ ชุดที่คุณเลือกในวันนี้ ใส่แล้วบุคลิกดูดีมาก เมื่อเทียบกับชุดที่มีอยู่ในบ้านหลังนั้นและเสื้อผ้าที่หยินปู้ฝัน
สวยกว่าเยอะเลย ”
“ ขอบคุณที่ชม บางที ผู้หญิงหลายคนตอนได้ฟังคำๆนี้ของคุณแล้ว คงแสดงออกด้วยสีหน้าเบิกบานและมีความสุข แต่ฉันอยากจะ
บอกกับคุณให้ชัดเจนตรงนี้เลยนะ ฉันฟังแล้วไม่ได้รู้สึกดีใจเลย ”
เป่หมิงโม่เงยหน้าขึ้นมามองกู้ฮอนที่ท่าทีเฉียบขาด ใส่หัว : “ โอ๋ นั้นก็เสียดายจัง ” ต่อจากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นแล้วดื่ม
กาแฟของเขาต่อ
กู้ฮอนเห็นสีหน้าของเขาแล้วก็รู้สึกอารมณ์ขึ้น :“ เป่หมิงโม่ คุณได้พูดทุกอย่างตอนแถลงข่าวไปแล้วนะ การประชุมภายในของ
บริษัทที่จะมาถึงต่อจากนี้ คุณยังมีอะไรที่จะพูดสาธยายอีกมั้ย ? ”
“ ณ ตอนนี้ยังไม่มี วันนี้ผมแย่งซินของคุณมากพอแล้ว บางทีผมควรให้คุณกู้หน้าคืนในการประชุมภายในครั้งนี้บ้าง ”
“ ขอบคุณในความหวังดีของคุณนะ แต่ฉันไม่กะจะพูดอะไรต่ออีก ในฐานะคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ในตำแหน่งนี้ มักจะต้องก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และสงสัย ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาไม่พูดอะไร นั่นก็เพราะเห็นแก่หน้าของคุณ ”
เป่หมิงโม่ยิ้มขึ้น : “ นึกไม่ถึงเลยนะว่าพวกเขายังรู้จักเห็นแกหน้าอันน้อยนิดของผม นี่มันทำให้ผมจู่ๆก็รู้สึกเป็นเกียรติขึ้นมาทันทีเลย แต่ในฐานะคนที่เคยผ่านเรื่องนี้มา ผมยังมีอะไรอยากจะบอกคุณไว้ล่วงหน้าตรงนี้ ”
ระหว่างพูด เขาก็ได้ค่อยๆเดินไปหาเธอ แล้วยื่นหน้าไปใกล้หน้าของเธอ พูดเสียงเบา :“ คนพวกนั้น เป็นคนที่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าและกลัวคนที่ แข็งแกร่งกว่า ขอแค่คุณเก็บซ้อนอาการอ่อนแอปกติของคุณ แล้ววางท่ามาดเข้มเข้าไว้ ใช่ ทำเหมือนตอนนี้ที่คุณทำกับผมก็สามารถเอาพวกเขาให้อยู่หมัดแล้ว ”
และระหว่างนั้น กู้ฮอนก็ชกเป่หมิงโม่อย่างแรงไปทีนึง : “ คุณก็พูดง่ายสิ เรื่องตำแหน่งประธานคุณคิดดีแล้วใช่มั้ย ถึงตอนนั้นแล้วอย่ามาโทษว่าฉันทำพังหล่ะ ”
***
เป่หมิงโม่ก้มต่ำแล้วมองหน้าเธออย่างจริงจัง แววตาแบบนั้น เป็นแววตาที่เธอเคยพบเจอน้อยมาก
“ในเมื่อผมสามารถเอาทั้งบริษัทและหยาดเหงื่อที่พ่อสร้างมาทั้งชีวิตฝากไว้ในมือของคุณ แสดงให้เห็นว่าผมเชื่อมั่งในตัวคุณมาก แต่คนที่ขาดความมั่งใจคือตัวคุณเองต่างหาก ”
เป่หมิงโม่หมอนี่กำลังป้อนคำหวานและให้กำลังใจกู้ฮอน น้ำเสียงที่จริงใจและเชื่อมั่ง ทำเอาเธอไม่รู้ควรพูดอะไรดี
ตอนบ่าย การประชุมภายในของบริษัทเป่หมิงได้เริ่มขึ้นตามเวลาที่กำหนดไว้
ยังเป็นห้องประชุมเดิมที่คุ้นเคย แต่การประชุมของวันนี้ เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา บรรยากาศดูไม่ค่อยสอดคล้องกันเท่าไหร่
ผู้รับผิดชอบของแต่ละแผนกนั่งอยู่ที่ของตัวเอง แต่ก็ดูหลวมๆไม่เป็นทางการ รอจนฉิงฮัวพากู้ฮอนเข้ามาถึงที่ห้องประชุม พวกเขาถึงยอมปรับตัวให้นั่งตัวตรงขึ้น
กู้ฮอนนั่งอยู่ที่เป่หมิงโม่เคยนั่งมาก่อน ฉิงฮัวมือไขว้หลังยืนอยู่ข้างหลังของเธอเหมือนตอนที่อยู่กับเป่หมิงโม่ตามเคย
“ฉิงฮัว นายนั่งลงเถอะ หลังจากนี้ประชุมทุกครั้งนายก็ไม่ต้องยืน ” กู้ฮอนไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ซะเลย
โดยเฉพาะได้รู้จักกับฉิงฮัวเป็นเวลานาน เธอไม่เคยเห็นว่าเขาเป็นแค่คนติดตามของเป่หมิงโม่ นอกจากนี้ ตอนนี้เขายังเป็นสามีของลั่วเฉียวเพื่อนสนิทของตัวเอง
ไม่ว่าจะด้วยเรื่องส่วนตัวหรือตามหลักการแล้ว เธอก็รู้สึกว่าเขาควรจะมีสิทธิ์นั่งยิ่งกว่าตัวเองซะอีก และควรจะเท่าเทียมกันกับพวกเขา
การประชุมครั้งนี้ มีกู้ฮอนเป็นประธาน และก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เธอนั่งอยู่ที่นี่ในฐานะประธานของบริษัท ถึงครั้งที่แล้ว เธอก็ได้ปรากฏตัวอยู่ในห้องประชุมนี้ก็ตาม
แต่ครั้งนั้น เธอก็แค่ได้รับคำสั่งจากเป่หมิงโม่กระทันหัน และเธอเองก็ยังมึนงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆก็ถูกสั่งให้รับตำแหน่งนี้
หลังจากนั้น ตอนทำงานเธอก็ไม่เคยเข้ามาที่นี่อีก เพราะเธอรู้ว่าเธอก็แค่คนรักษาการชั่วคราว และเธอก็รู้ว่าไม่ช้าก็เร็ว เป่หมิงโม่ก็ต้องออกมา เพราะฉะนั้น ขอแค่เธอรับมืออย่างสุดกำลังให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ ไม่ปล่อยให้บริษัทเกิดเรื่องตอนที่เธออยู่ หรือจะเกิดปัญหาเล็กน้อยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน แถลงข่าวในช่วงเช้า เป่หมิงโม่ได้ประกาศจากปากของเขาเองว่าตัดสินใจให้เธอเป็นประธาน ถึงแม้ผู้รับผิดชอบของแต่ละแผนกจะไม่ได้อยู่ในที่แถลงข่าว แต่ก็รู้สึกไม่พอใจประธานรักษาการที่ใช้วิธีแบบนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
กู้ฮอนนั่งอยู่ตำแหน่งเก้าอี้ประธาน มองหน้าคนอื่นๆที่นั่งอยู่ในห้อง จะว่าไม่ตื่นเต้นเลยก็คงไม่ใช่
“ นั้น เราเริ่มการประชุมได้เลยค่ะ ” กู้ฮอนพูดจบแล้วลุกขึ้นพยักหน้าให้กับคนอื่นๆในห้องประชุมก่อน :“ สวัสดีค่ะทุกคน ดิฉันชื่อกู้ฮอน วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันเรียกพวกคุณมาประชุมในฐานะที่เป็นประธานของบริษัท ส่วนที่ว่าฉันมาเป็นประธานของบริษัทเป่หมิงได้ยังไง คิดว่าทุกคนคงจะทราบแล้วนะคะ ……. ”
“ ไม่ ….. รู้ ….. ” กู้ฮอนยังไม่ทันพูดจบ ในห้องประชุมก็มีเสียงตอบกลับอย่างความเกียจคร้านดังออกมา
มองไปตามเสียงที่ดังมา อยู่ซ้ายมือที่นั่งที่ห้า ผู้ชายที่พุงโตนั่งอยู่ เขาต่างจากคนอื่นๆที่นั่งอยู่ในนี้ ถึงแม้คนพวกนั้นจะมีอคติในใจ แต่ก็ยังนั่งตัวตรงมีความเคารพอยู่บ้าง
แต่คนๆนี้ หลังพิงกับเก้าอี้ ดูปล่อยตัวสบายมาก ปลดกระดุมเสื้อสูทไว้ และเสื้อก็ปล่อยหลวมไว้อยู่อย่างนั้น ในมือยังคีบซิการ์อยู่ แถมยังส่งเข้าปากสูบอย่างแรงเป็นพักๆ แล้วพ่นควันสีฟ้าอ่อนออกมา ใบหน้าที่อ้วนใหญ่ สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยการดูถูกและท่าทีอยู่เหนือกว่าใครๆ
คนๆนี้ ตอนประชุมครั้งก่อน กู้ฮอนก็ได้สังเกตถึงท่าทีของเขาแล้ว ท่าทางในตอนนั้นของเขาไม่ได้ต่างอะไรจากตอนนี้เลย แต่เป่หมิงโม่กลับทำเหมือนเห็นจนชินแล้วทำเป็นเหมือนไม่เห็น
***
ถึงแม้ กู้ฮอนเองก็ไม่อยากจะรับตำแหน่งประธานนี้ แต่ว่าจะมีสิทธิ์หรือไม่ หรือว่าอยากรับหรือไม่อยากรับก็อยู่ที่การตัดสินใจเธอเอง และเกลียดมากที่ถูกคนอื่นตัดสินแทน
นี่มันเหมือนถูกตบหน้าต่อหน้าคนอื่นเลย
เพราะยิ่งเจอสถานการณ์แบบนี้แล้ว พลังที่เก็บซ้อนในใจก็ได้ระเบิดออกมาโดยไม่รู้ตัว ยิ่งถูกดูถูก เธอก็ยิ่งอยากแสดงความสามารถให้คนอื่นรู้
หน้าของเธอห้อยลงมา
บางครั้ง ภายใต้ใบหน้าอันแสนสวย เวลาโกรธขึ้นมาก็สามารถทรงพลังทำให้ผู้อื่นเกรงกลัวได้ ก็เหมือนกับโลกแห่งธรรมชาติ สัตว์และพืชที่ดูสวยงาม แต่กลับมีอันตรายที่ซ้อนอยู่ ไม่ควรเข้าใกล้
เธอจิกตาให้กับไอ้คนอ้วนท้วมหมอนั่น :“ ไม่ทราบว่าคุณคือใครคะ เท่าที่ฉันจำได้ ในบริษัทเป่หมิงมีแต่คนระดับสูงที่มีปัญญาสมอง แต่ว่าคุณ ……. ” พูดถึงนี่ เธอยิ้มอย่างเย้ยหยัน แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ
ไอ้คนอ้วนท้วมที่เธอว่า ขนาดเป่หมิงโม่เองยังต้องเกรงใจไว้หน้าเขาบ้าง แต่วันนี้กลับถูกผู้หญิงคนนึงเยาะเย้ยต่อหน้าคนอื่น แล้วตัวเองจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
เขายกมือตบที่โต๊ะอย่างแรง “ เพียะๆ”ดังขึ้น แล้วหันหน้าฝืนยิ้มอย่างร้ายพูดกับกู้ฮอน :“ เด็กน้อย ขนาดฉันเป็นใครเธอยังไม่รู้ ก็ไม่มีสิทธิ์มายืนอยู่ที่นี่ ฉันจะบอกอะไรเธอให้ ตอนที่ฉันได้ก่อตั้งบริษัทนี่ขึ้นมากับ คุณท่านเป่หมิง เธอคงยังไม่เกิดด้วยซ้ำ ตอนนี้ที่เธอมายืนในตำแหน่งนี้ได้ ใครจะไปรู้ว่าอยู่บนเตียงเธอไปเป่าหูเป่หมิงโม่ไอ้หนุ่มนั่นมาเท่าไหร่ ”
คำพูดนี้ทำให้กู้ฮอนทั้งอายทั้งโกรธ นี่เขาดูถูกตัวเองต่อหน้าคนอื่นงั้นเหรอ เธอขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าที่สวยโกรธจนเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว
“ ลุงฉางชิ่ง ใจเย็นก่อนครับ วันนี้คุณหนูได้ล่วงเกินท่าน ผมขอโทษแทนเธอด้วยครับ หวังว่าท่านจะให้อภัยไม่ถือสากับเธอ ๆยังเป็นคนใหม่อยู่นะครับ ” ฉิงฮัวเห็นกู้ฮอนเปิดศึกกับเขาคนนั้นแล้ว ทันใดนั้นหน้าผากก็มีเหงื่อไหลเต็ม
ในบริษัท กู้ฮอนจะผิดใจกับใครก็ได้ แต่จะผิดใจกับเขาคนนี้ไม่ได้อันขาด
ฉิงฮัวพูดไปด้วย แล้วหันมาส่งสายตาให้กับกู้ฮอน เพื่อที่ให้เธอยอมอ่อนข้อ