เทพปีศาจผงาดฟ้า – ตอนที่ 95

ตอนที่ 95

ตอนที่ 95 เร่งมือหน่อย!

“หึ.. เจ้าหนู เจ้ามิมั่นใจในตนเองมากเกินไปหน่อยรึ? การที่เจ้าสามารถสังหารจอมราชัย์อสูรกายได้ มันทำให้เจ้าโอหังกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับจักรพรรดิอสูรกายได้เชียวรึ? ข้าจะบอกอะไรให้ เจ้ามิมีทางจินตนาการภาพความแข็งแกร่ง และความทรงพลังที่แตกต่างกัน ระหว่างจอมราชันย์กับจักรพรรดิได้เป็นแน่..”

จักรพรรดิทารัสทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ พร้อมกับจ้องมองหลงเฉินที่ยืนนิ่งด้วยสีหน้า และแววตาเย้ยหยัน

“งั้นรึ?! เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงมิแสดงความแตกต่างให้ข้ารู้เล่า?”

หลงเฉินเอ่ยตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทางที่ยังคงเป็นปกติ ราวกับว่าผู้ที่เขาสนทนาอยู่ด้วยนั้นหาใช่จักรพรรดิแห่งเผ่าอสูรกายไม่ แต่เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยไร้ความหมายเท่านั้น

“นี่เจ้า…”

จักรพรรดิทารัสเต็มไปด้วยความเดือดดาล เขาทำการปลดปล่อยรังสีที่น่ากลัวแผ่ซ่านออกมาใส่ทุกคนในสนามรบ เว้นแต่เหล่าอสูรกายด้วยกันเท่านั้น ทุกคนที่ได้รับรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวนี้เข้าไป ต่างก็พากันยืนนิ่งด้วยความหวาดกลัว นักรบหลายคนถึงกับเข่าทรุดลงไปกองกับพื้น ส่วนที่ยังสามารถประคองตัวอยู่ได้ก็ถึงกับสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง และพยายามยิ่งที่ที่จะทรงตัวไว้มิให้ทรุดลงไปตาม แม้แต่หัวหน้าเผ่าต่างๆก็ได้รับรัศมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวนี้เข้าไปเช่นกัน มีเพียงเหล่าอสูรกายซึ่งมิได้เป็นเป้าหมายของรัศมีพลังนี้เท่านั้นที่มิเป็นอะไร

เหล่าอสูรกายต่างก็พากันหัวเราะเยาะนักรบที่ทรุดลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น เพียงเพราะได้รับรัศมีพลังขององค์จักรพรรดิเข้าไป แต่แล้วพวกมันก็ต้องหยุดหัวเราะในทันทีเมื่อหันไปเห็นหลงเฉินเข้า

หลงเฉินยังคงยืนนิ่งจ้องมองจักรพรรดิทารัสด้วยรอยยิ้มขบขันที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า สีหน้าของเขานั้นราวกับว่ากำลังดูการแสดงอะไรบางอย่างที่สนุกสนานอยู่

“นี่เจ้าพยายามที่จะโอ้อวดข้างั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆ

“เอาล่ะ.. ถึงเวลาที่ข้าจักโอ้อวดบ้างแล้ว!” หลงเฉินจ้องมองจักรพรรดิทารัส พร้อมกับปลดปล่อยรัศมีพลังของตนออกมาบ้าง

ห้วงบรรยากาศโดยรอบถึงกลับเปลี่ยนเป็นอึดอัดราวกับมิมีอากาศหายใจขึ้นมาทันที อสูรกายแต่ละตนค่อยๆ ทรุดร่างคุกเข่าลงกับพื้นโดยมิอาจดิ้นรนขัดขืนได้ ในทันทีที่สัมผัสกับรัศมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวของหลงเฉิน เหล่านักรบอสูรกายต่างก็รับรู้ได้ถึงหัวใจที่ค่อยๆเต้นช้าลง

จอมราชันย์อสูรกายทั้งหมดต่างก็ยืนจ้องมองเหล่านักรบของตนที่ค่อยๆทรุดลงไปกับพื้น แต่กลับพบว่าตนมิได้รับรังสีพลังนั้นเลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะหลงเฉินมิได้พุ่งเป้าไปที่พวกมันด้วย

จักรพรรดิทารัสยืนจ้องมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง นั่นเพราะเขาต้องการที่จะทำให้หลงเฉินหวาดกลัวต่อรัศมีพลังของตน แต่กลับกลายเป็นว่ามิเพียงไม่สามารถทำอะไรหลงเฉินได้แม้สักนิด แต่หลงเฉินกลับใช้รัศมีพลังจู่โจมตอบกลับมา และมิได้พุ่งเป้ามาที่ตนเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกอับอายยิ่ง ที่ได้เห็นหลงเฉินสามารถทำให้กองทัพอสูรกายที่ยิ่งใหญ่คุกเข่าต่อหน้าเขาได้ด้วยการใช้เพียงแค่รัศมีพลังเท่านั้น

“เจ้านับเป็นเด็กที่เก่งกาจมากทีเดียว! เหตุใดเจ้าจึงมิใช้รัศมีพลังนั่นกับข้าด้วยเล่า? ข้าเองก็ต้องการสัมผัสความแข็งแกร่งของเจ้าด้วยเช่นกัน!”

จักรพรรดิทารัสเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองหลงเฉิน เขารู้ว่าหลงเฉินจงใจมิปลดปล่อยรัศมีพลังใส่ตนเอง เพราะเขาสัมผัสมันมิได้เลยแม้แต่น้อย

“ที่ข้ามิได้ใช้รัศมีพลังกับเจ้าและจอมราชันย์อสูรกายกระจอกเหล่านั้น เพราะมิต้องการให้คนของพวกเจ้าหวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับข้าต่างหากเล่า ข้าต้องการสังหารนักรบอสูรกายในขณะที่พวกมันยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด หาใช่ในเวลาที่พวกมันกำลังอยู่ในความหวาดกลัว..”

หลงเฉินยกมือขึ้นชี้หน้าเหล่าจอมราชันย์อสูรกาย พร้อมกับร้องตะโกนตอบกึกก้อง..

“เจ้าสารเลว!!! เจ้าสังหารจอมราชันย์พยัคฆ์ได้ในขณะที่เขายังมิทันได้ตั้งตัวต่างหาก นี่เจ้ากลับคิดว่าจักสามารถสังหารพวกข้าได้เช่นนั้นรึ? เจ้าคิดว่าพวกข้าจักหวาดกลัวเจ้ามากหรืออย่างไร?” จอมราชันย์กระทิงร้องคำรามออกมาด้วยความเดือดดาลยิ่ง และมิอาจทนต่อการดูถูกเหยียดหยามของหลงเฉินได้อีก

‘ฮึ่มม.. เจ้าเด็กหลอกลวง!! มันคงรู้ตัวว่ารัศมีพลังกระจอกๆนั่น คงมิสามารถทำอะไรข้ากับเหล่าจอมราชันย์ได้สินะ จึงมิยอมใช้รัศมีพลังกับพวกเรา’ จักรพรรดิทารัสครุ่นคิดอยู่ในใจ

“เอาล่ะ.. ตอบมาว่าเจ้าต้องการที่จะตายก่อน หรือต้องการเห็นกองทัพของเจ้าถูกข้าสังหารสิ้นก่อน?”

หลงเฉินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก เขาเบนความสนใจจากจักรพรรดิทารัสไปที่จอมราชันย์กระทิงแทน พร้อมด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นจริงขึ้นมาทันที

“เจ้านี่มันช่างโอ้อวดเก่งนัก นี่เจ้าคิดว่าตนเองจักสามารถสังหารอสูรกายทุกตนที่นี่รวมทั้งข้าได้งั้นรึ?” จอมราชันย์กระทิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด พร้อมกับจ้องมองหลงเฉินไม่วางตา

“ข้าย่อมสามารถทำได้ แต่คร้านที่จะเสียเวลากับสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยไร้ค่าเช่นเจ้า..” หลงเฉินตอบจอมราชันย์กระทิงกลับไปด้วยสีหน้าเป็นปกติ

“เอาล่ะ.. ข้าเสียเวลาสนทนากับพวกเจ้ามานานมากแล้ว ถึงเวลาที่ข้าต้องจัดการกับเจ้าก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยจัดการกับเจ้าร่างยักษ์สองตนนั่น”

หลงเฉินเอ่ยขึ้นโดยมิได้รอคอยฟังคำตอบโต้จากจักรพรรดิทารัส และกวาดสายตามองไปยังเหล่าจอมราชันย์อสูรกายแทน

“เจ้ามิคู่ควรสำหรับ ‘สิ่งนั้น’ แต่สิ่งที่คู่ควรกับเจ้าคือดาบนี่ต่างหากเล่า..”

หลงเฉินพึมพำพร้อมกับเรียกดาบสะบั้นบรรพตออกมาถือไว้ในมือ นี่คืออาวุธระดับวิญญาณที่เขาได้รับมาจากตระกูลหลง

“ข้าก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าจักสามารถสังหารข้าได้เช่นใด?!! ลงมือได้เลย!”

จอมราชันย์กระทิงร้องคำรามออกมา ในขณะที่จอมราชันย์อีกสองตนก็วิ่งตรงเข้าไปหาจอมราชันย์กระทิง พร้อมด้วยดาบในมือเช่นกัน

“เฒ่ากระทิง.. รับไว้!!”

หนึ่งในสองจอมราชันย์อสูรกายได้โยนดาบเล่มหนึ่งให้กับจอมราชันย์กระทิง ดาบเล่มนี้ยาวกว่าครึ่งเมตร กว้างราวสี่สิบเซ็นติเมตร และหนาถึงสองนิ้ว

จอมราชันย์กระทิงรับดาบเล่มนั้นมาได้อย่างง่ายดาย และเวลานี้ในมือทั้งสองข้างของมันก็ถือดาบไว้ทั้งคู่ เหล่านักรบอสูรกายต่างก็ประหลาดใจ ที่เห็นเจ้านายของพวกมันรับดาบเล่มนั้นไปได้อย่างง่ายดาย เพราะพวกมันต่างก็รู้ดีว่าดาบเล่มนั้นมีน้ำหนักนับพันกิโลกรม การที่เจ้านายของพวกมันสามารถรับมาได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น ย่อมบ่งบอกถึงว่าเขาแข็งแกร่งมากเพียงใด..

“เจ้าเร่งมือหน่อยจะได้หรือไม่? ข้าต้องการจะจัดการกับเจ้าให้จบๆเสียที หาไม่แล้วเจ้านั่นคงจะต้องไปรอเจ้าอยู่ในนรกนานเกินไป!”

หลงเฉินร้องตะโกนบอกจอมราชันย์กระทิง พร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางร่างไร้วิญญาณของจอมราชันย์พยัคฆ์

“นี่เจ้า…” จอมราชันย์กระทิงโมโหเดือดดาลจนแทบกระอักออกมาเป็นโลหิต เมื่อได้ยินคำพูดเย้ยหยันของหลงเฉินในระหว่างที่ถือดาบพุ่งทะยานเข้าใส่

จอมราชันย์กระทิงใช้กฏแห่งความแข็งแกร่งในขณะที่พุ่งดาบในมือจู่โจมเข้าใส่ร่างของหลงเฉิน แต่กลับพบว่าหลงเฉินได้เคลื่อนหลบ และดาบของตนนั้นก็ได้ฟาดฟันเข้ากับภาพลวงตาเท่านั้น มันจึงรีบหันหลังกลับไปทันที เพราะคิดว่าหลงเฉินจักต้องจู่โจมเข้าใส่ด้านหลังของตนเป็นแน่ แต่เมื่อหันกลับมาก็มิพบเห็นผู้ใด และเมื่อหันมองไปรอบตัวก็มิพบเห็นแม้แต่เงาของหลงเฉิน

“เจ้ามนุษย์ขี้ขลาด เก่งจริงเจ้าก็อย่าหลบซ่อนตัวสิ!!”

จอมราชันย์กระทิงร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว มันหันมองไปรอบตัว และสังเกตเห็นว่าเวลานี้สายตาทุกคู่ต่างก็กำลังเหลือบมองอยู่ที่เหนือศรีษะของมัน จอมราชันย์กระทิงจึงเงยหน้าขึ้นมองตาม และพบว่าดาบเล่มหนึ่งกำลังพุ่งลงมา และเจาะเข้ากลางศรีษะของตน จอมราชันย์สิ้นใจตายโดยแทบไม่อยากเชื่อว่า ตนเองจักถูกสังหารตายอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้!!

หลงเฉินบินอยู่กลางอากาศประหนึ่งเทพปีศาจผู้มีปีกสีดำและสีทอง เขากระชากดาบที่เปื้อนโลหิตนั้นออกจากศรีษะของจอมราชันย์กระทิง และเบนความสนใจไปที่จอมราชันย์อสูรกายตนอื่นแทน

“ทุกคน!! มนุษย์นี่เล่นไม่ซื่อ พวกเราจักต้องจู่โจมมันพร้อมกัน อย่าได้ตกหลุมพรางของมัน!!”

จอมราชันย์โครงกระดูกร้องตะโกนเสียงดังบอกกับจอมราชันย์ที่เหลือด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจักได้ยินคำพูดของตน

เทพปีศาจผงาดฟ้า

เทพปีศาจผงาดฟ้า

Status: Ongoing

เทพปีศาจผงาดฟ้า เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท