บทที่ 919 การพัฒนาความคิดริเริ่มส่วนบุคคล
เป่หมิงโม่มองออกว่า พวกเด็กมีความหวังว่าจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกแบบนี้เป็นอย่างมาก แต่ก็กลับถูกน้ำเย็นราดใส่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขารู้สึกขอโทษต่อพวกเขา
เขายืนอยู่ตรงหน้าเด็กทั้งสามคน ค่อยๆย่อตัวลง แล้วเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กแต่ละคนเบาๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิ่วจิ่ว นี่นับได้ว่าเป็นการพาเธอออกมาครั้งแรก ดูเหมือนว่าชื่อของปีศาจตนนี้จะต้องถูกแขวนเอาไว้อีกสักระยะแล้ว
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆเขารู้สึกว่า บางทีเรื่องนี้อาจจะไม่กลายเป็นเรื่องเลวร้ายมากนักก็เป็นได้ ก้มหน้าลงมองดูนาฬิกา ยังเหลือเวลากว่าจะถึงเวลานัดหมายอีกเกือบสี่ชั่วโมง
***
เป่หมิงโม่รีบลุกขึ้นยืน
“โม่ ลูกรีบไปก่อนเถอะ พวกเด็กๆมอบให้แม่ดูแลแล้ววางใจเถอะ” หวีหรูเจี๋ยกล่าว เธอเองได้คิดไว้แล้วว่าจะทำตามสัญญาแทนลูกชายที่ได้รับปากแต่ทำไม่สำเร็จ
ประการแรก ยังไงเธอก็เป็นแม่ของเป่หมิงโม่ ย่อมมีความรับผิดชอบเช่นนี้ อีกประการหนึ่ง เธอเป็นคุณย่าของเด็กทั้งสามคนนี้ อยากใช้เวลากับพวกเขาให้มากๆเช่นกัน
ไม่ว่าจะพูดยังไงชีวิตของคนชราสองคนนั้นก็ค่อนข้างน่าเบื่อและเงียบเหงา ถ้าหากว่ามีลูกหรือหลานคอยอยู่ข้างๆคงจะมีความสุขมาก
ในตอนนี้เอง โม้จิ่งเฉิงพับเก็บหนังสือพิมพ์ลง แล้วหยิบกระเป๋าใบเล็กออกมาจากลิ้นชัก : “โม่ พวกเราอย่ามัวแต่ชักช้าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย ลูกไปจัดการธุระของลูก พวกเราจะพาเด็กไปออกไปเที่ยวเอง พวกเราออกเดินทางกันเถอะ”
“โอ้วเย่! จะได้ออกไปเล่นแล้ว!” สำหรับหยางหยางไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าข่าวนี้อีกแล้ว สำหรับเขาออกไปกับใครก็ไม่สำคัญ ขอแค่ได้ตามจุดมุ่งหมายที่จะได้ออกไปเล่นแค่นั้นพอ
เช่นเดียวกันกับเฉิงเฉิงและจิ่วจิ่วที่รู้สึกมีความสุขไม่น้อย
“ผมคิดว่ายังพอมีเวลา ทำไมพวกเราไม่พาพวกเขาออกไปเที่ยวด้วยกันเลยล่ะครับ ถึงเวลาผมค่อยแยกไป” เป่หมิงโม่เองไม่อยากพลาดโอกาสนี้จริงๆ
“อื้ม ไม่มีอะไรที่จะดีกว่าแบบนั้นอีกแล้ว พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ออกไปเดินเล่นนานแล้ว” โม้จิ่งเฉิงและหวีหรูเจี๋ยย่อมมีความสุขมากๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวีหรูเจี๋ย ถือว่าเธอได้อยู่กับลูกชายและหลานๆดั่งที่ฝันแล้ว
ตกลงไปกันแล้ว ในเวลาไม่นานรถทั้งสองคันก็ขับออกจากโรงแรมมนดาริน จุดประสงค์หลักของวันนี้คือการพาเด็กๆไปเที่ยวเล่น แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางคือสวนสนุกของเด็กๆ
“เฉิง ลูกพาหยางหยางและจิ่วจิ่วไปเล่นเถอะ จำไว้ว่าอย่าไปเล่นเกมที่น่าตื่นเต้นและอันตรายเกินไปก็พอ พ่อกับพวกคุณย่าจะรออยู่ที่หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พวกลูกเล่นจนเหนื่อยแล้วค่อยกลับมาหาพวกเรา” เป่หมิงโม่กำชับเฉิงเฉิง
“หยาง จิ่วจิ่ว พวกลูกจะต้องเชื่อฟังเฉิงรู้ไหม โดยเฉพาะหยาง ถ้าพ่อรู้ว่าลูกทำอะไรโดยพลการ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พ่อจะพาออกมาเล่นเข้าใจใช่ไหม” กับจิ่วจิ่วแล้วเป่หมิงโม่วางใจอย่างยิ่ง แต่หยางหยางที่มักก่อเรื่องแล้วจำเป็นจะต้องใช้พูดอย่างเที่ยงตรงและมีเมตตา
“ทราบแล้วครับพ่อ ถ้าวันนี้ผมเปิดเผยอย่างจริงใจ จากนี้พ่อจะพาพวกเรามาเล่นอีกใช่ไหม?”
“นั่นมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่ลูกแสดงออกในวันนี้ด้วย”
เมื่อเห็นเด็กทั้งสามคนวิ่งไปที่สนามเด็กเล่นอย่างมีความสุขแล้ว หวีหรูเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะถามว่า : “โม่ วันนี้ลูกไม่ได้พาพวกเด็กๆมาเล่นหรือไง ทำไมลูกไม่ไปเล่นกับพวกเขาล่ะ?”
“ในฐานะของเด็ก จะมีสักกี่คนที่อยากให้ผู้ใหญ่คอยตามก้นอย่างใกล้ชิดล่ะครับ ถึงตอนนั้นอาจจะนี่ก็ไม่ให้เล่น นั่นก็ไม่ให้เล่น มันจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าถึงแม้จะมาที่นี่แต่ก็ไม่สนุกเลย แทนที่เป็นอย่างนี้ มันน่าจะดีกว่าที่ให้พวกเขาได้ริเริ่มเพียงแค่บอกหลักการบางอย่างแก่พวกเขา แล้วให้พวกเขาเลือกด้วยตัวเอง วัตถุประสงค์เหมือนกัน แต่ผลที่ได้กลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“โม่ ดูไม่ออกเลยนะ ว่าแกมีหลักความคิดที่ไม่เหมือนใครเกี่ยวกับพวกเด็กๆ” ความเข้าใจของโม้จิ่งเฉิงที่มีต่อเป่หมิงโม่มีที่จริงแล้วมีเพียงด้านเดียว นอกเหนือจากที่เขาเป็นประธานของตระกูลเป่หมิง เป็นลูกชายสุดที่รักของหวีหรูเจี๋ย แล้วยังมีความสำเร็จอีกนิดหน่อย นอกจากนั้นเขาไม่เข้าใจอะไรเลย
ออกมาครั้งนี้ เขาได้มีความเข้าใจใหม่ๆต่อเป่หมิงโม่
***
เป่หมิงโม่ หวีหรูเจี๋ย และโม้จิ่งเฉิง มาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน
ที่นี่ตั้งอยู่ตรงกลางของสนามเด็กเล่น เป็นอาคารหกชั้น มองจากด้านนอกดูแล้วเหมือนหอคอย ด้านบนสุดมีร้านอาหารทัศนาจรที่สามารถหมุนได้
นั่งอยู่ที่นี่แล้ว คุณสามารถทานอาหารไปพลาง พร้อมกับค่อยๆหมุนชมวิวไปอย่างช้าๆเพื่อชมพื้นที่ของสวนสาธารณะที่มีพื้นที่กว้างขวาง
พวกเขานั่งลงตรงที่ว่างริมหน้าต่าง เป่หมิงโม่สั่งน้ำชาฝรั่งให้กับคนชราทั้งสอง ตนเองสั่งกาแฟหนึ่งกาและของว่าง
ไม่นาน ของที่พวกเขาสั่งก็เสิร์ฟเรียบร้อย
หลังจากดื่มชาแล้ว โม้จิ่งเฉิงก็พูดว่า : “โม่ ระหว่างพวกเรานอกเหนือจากพันธมิตรทางธุรกิจแล้ว ยังมีความสัมพันธ์อีกขั้นหนึ่งอีก…ฉันคิดว่าแกน่าจะเข้าใจ ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของแก แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วในใจของฉันมีความสงสัยอย่างหนึ่งอยู่ตลอดไม่อาจปล่อยวางได้”
หวีหรูเจี๋ยนั่งอยู่ข้างๆเขา แล้วใช้มือดันน้ำชาไปตรงหน้าเขา : “จิ่งเฉิง วันนี้พวกเราพาเด็กๆมาเล่นสนุกนะคะ อย่าพูดถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องเลย”
“ต้องการจะถามผมเรื่องอะไรก็ถามมาตรงๆเถอะครับ คุณบอกว่า ระหว่างพวกเรามีความสัมพันธ์หลายชั้น ยังมีอะไรที่ถามไม่ได้ล่ะครับ” เป่หมิงโม่มองออกว่าแม่ของเขาไม่พอใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่แสดงท่าทีต่อต้านใดๆต่อคำถามของโม้จิ่งเฉิง และตอบอย่างตรงไปตรงเป็นอันมาก
“เมื่อวานนี้ฉันเห็นงานแถลงข่าวในทีวี ที่ทำให้ฉันกับแม่ของแกรู้สึกตกใจกับการตัดสินใจของแก ฉันไม่มีขัดข้องที่แกตัดสินใจทำเช่นนี้ แต่ว่าฉันกับแม่ของแกก็อยากรู้อย่างมากว่าที่จริงแกทำอย่างนี้เพื่ออะไร แน่นอนว่า ถ้าแกไม่อยากพูด หลังจากวันนี้ไปพวกเราจะไม่ถามแกอีก”
เป่หมิงโม่จิบกาแฟ หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า : “ผมตัดสินใจแบบนี้เพราะต้องการฝึกฝนความสามารถของกู้ฮอน อีกประการหนึ่งผมค้นพบว่าตระกูลเป่หมิงมีปัญหาบางอย่าง ถ้าหากว่าผมอยู่ในตำแหน่งประธาน จะเป็นเรื่องยากมากที่จะหาเวลามาทำเรื่องนี้ให้มันชัดเจน”
โม้จิ่งเฉิงพยักหน้า : “ตระกูลเป่หมิงเกิดปัญหางั้นเหรอ? ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง แต่การเดินหมากของแกครั้งนี้อันตรายมากเลยนะ ต้องการให้ฉันที่อยู่ที่นี่ช่วยอะไรบ้างไหม ขอเพียงแกพูดมา ฉันจะพยายามช่วยแกอย่างเต็มที่”
“ขอบคุณครับ ตอนนี้ผมยังไม่ต้องการ แล้วผมจะโทรหาคุณเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมครับ”
ทั้งสามคนอยู่บนหอชมวิว ระหว่างที่ดื่มชาและกาแฟ ได้พูดคุยกันในหัวข้อที่ไม่ทำให้เสียสุขภาพ ถึงแม้ว่าหวีหรูเจี๋ยจะไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก แต่เธอที่นั่งอยู่ข้างๆก็ยังรู้สึกมีความสุขอย่างมาก
กับโอกาสที่หาได้ยากกับลูกชายของตัวเอง
เป็นเช่นนั้นแล้ว เวลาจึงผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว หลังจากที่เด็กทั้งสามคนเล่นอย่างมีความสุขมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็กลับไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวพร้อมกับกลิ่นเหงื่อที่รุนแรงนิดหน่อยทีละคน และเจอพวกเป่หมิงโม่อย่างราบรื่นอย่างยิ่ง
“เหอๆ พวกหนูเด็กน้อยจอมซนทั้งสามไปวิ่งเล่นที่ไหนมาเนี่ย ถึงได้เหนื่อยจนเป็นแบบนี้” หวีหรูเจี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม
“แห่ก…” หยางหยางใช้มือน้อยๆปาดเหงื่อบนหน้าผาก : “พวกเราไปเล่นรถบัมพ์ รถโกคาร์ท แล้วก็รถไฟเหาะครับ”
“อ๊ะ จิ่วจิ่ว หนูไปเล่นด้วยหรือเปล่าจ๊ะ?” หวีหรูเจี๋ยมองเธออย่างเป็นห่วง ที่หยางหยางพูดมา ยกเว้นรถบัมพ์แล้ว อย่างอื่นล้วนแต่ไม่เหมาะสมที่เด็กในวัยอย่างจิ่วจิ่วจะเล่นเลย ถ้าหากตกลงมา นั่นจะเป็นเรื่องใหญ่ได้เลย
แม้แต่สายตาของเป่หมิงโม่ก็มองไปที่ลูกสาวตัวน้อย แต่เขาไม่พูดอะไร เหมือนกับว่ารอฟังว่าพวกเด็กๆจะตอบอย่างไร
***
แต่มองดูแล้วจิ่วจิ่วกลับไม่เหมือนหยางหยางที่มีเหงื่อท่วมตัว ในมือเล็กๆของเธอถือลูกโป่งอัดแก๊สสามลูก มืออีกหนึ่งข้างกอดลูกหมีน้อยสีชมพูที่มีความสูงครึ่งหนึ่งของตัวเธอ
เดิมทีนั้นมีรอยยิ้มบนใบหน้าเล็กๆของเธอ แต่เธอก็มุ่ยปากน้อยๆนั้นทันที : “จิ่วจิ่ววก็อยากจะเล่นกับพี่หยางหยาง แต่เขาบอกว่ารอให้สูงเท่ากับเขาก่อนถึงจะเล่นได้ค่ะ เพราะงั้นหนูเลยได้แต่ยืนดูพี่ชายเล่นอยู่ด้านข้าง”
เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ พวกผู้ใหญ่ต่างพากันโล่งใจ
หวีหรูเจี๋ยถามต่อว่า : “ถ้าอย่างนั้นหนูเล่นอะไรเหรอจ๊ะ?”
จิ่วจิ่วคิดสักพัก : “พี่ชายพาหนูไปเล่นบอลลูนแซมบ้า ม้าหมุน แล้วยังมีชิงช้าสวรรค์ ดูสิคะ ของเหล่านี้คือพี่เฉิงเฉิงและพี่หยางหยางให้จิ่วจิ่วเมื่อเล่นชนะ”
สิ่งนี้ทำให้เป่หมิงโม่พึงพอใจอย่างมาก ดูเหมือนว่าลูกชายทั้งสองคนจะโตแล้ว และรู้จักดูแลน้องสาวของพวกเขา
“มามามา พวกหนูมานั่งลงเลย ย่าจะซื้อไอศครีมให้กินนะ ดูพวกหนูสิ เหงื่อท่วมตัวไปหมดแล้ว”
เป่หมิงโม่ยกมือขึ้นดูนาฬิกา เวลาใกล้จะหมดแล้ว ตนเองควรจะไปได้แล้ว เขาดื่มกาแฟของตัวเองจนหมดแล้วยืนขึ้น : “พวกลูกเล่นอยู่ที่นี่นะ พ่อมีธุระที่ต้องไปทำก่อน”
จากนั้น เขาก็หันหน้าไปพูดกับ : “ฝากดูแลเด็กทั้งสามคนนี้ด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไร ลูกไปทำงานของลูกเถอะ เมื่อพวกเขาเล่นสนุกจนพอแล้ว ฉันจะส่งพวกเขากลับไปหาแม่ของเขาเอง”
เป่หมิงโม่พยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป
“หนูน้อยทั้งสาม พวกหนูอยากจะกินอะไรก็…”
ก่อนที่หวีหรูเจี๋ยจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมาไม่ไกล : “อ้า…”
จากนั้นก็เกิดความโกลาหลตรงทางเข้าลิฟท์ของหอชมวิว
“โม่!” ปฏิกิริยาแรกของหวีหรูเจี๋ยคือเป็นไปได้หรือเปล่าว่าลูกชายของเธอจะประสบอุบัติเหตุ เธอรีบลุกขึ้นยืนและมองไปทางด้านนั้น เพื่อมองหาเงาของลูกชาย
แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่พบลูกชาย แต่ว่าเห็นโจรสวมหน้ากากหกคนยืนอยู่ที่ประตูลิฟท์
พวกเขาถือมีดและขวานยืนปิดกั้นทางเข้าออกทางเดียวเอาไว้
“โจมตี นี่คือการปล้น! พวกแกทุกคนหมอบลงแล้วเอามือไว้บนหัว! ถ้าหากไม่เชื่อฟัง อาวุธในมือฉันจะจัดการไม่เลือกหน้าเลย” ในที่สุดคนที่อยู่ตรงกลางก็พูดขึ้น ในมือของเขาถือมีดทำครัวทำครัวส่องแสงวิบวับ
พอคำพูดจบลง อีกห้าคนก็โชว์อาวุธอยู่ในมือเช่นกัน
ฝูงชนที่วุ่นวายได้ถูกระงับอย่างรวดเร็ว พวกเขาที่ตัวสั่นจนควบคุมไม่ได้นั่งยองๆลงไปบนพื้นทีละคน
หวีหรูเจี๋ยตกใจกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าเธอ เด็กทั้งสามคนก็ตกใจกลัวเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือจิ่วจิ่ว นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่ได้พบกับการปล้นสะดมภ์ ร่างกายเล็กๆของเธอเริ่มสั่นเทา
ลูกโป่งอัดแก๊ซสามลูกในมือหลุดลอยขึ้นไปบนหลังคา และหมีน้อยก็ตกลงบนพื้น
ในเวลานี้ โม้จิ่งเฉิงยังคงรักษาความสงบนิ่งไว้ได้ เหตุการณ์ลักษณะนี้เขาพอมีประสบการณ์ผ่านมาอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าในตอนนั้นเขาจะไม่ได้ถูกปล้น แต่ท่ามกลางพวกมาเฟีย จะมีอันตรายอะไรที่ยังไม่เคยพบเจอล่ะ
เขาส่งสายตาให้กับหวีหรูเจี๋ยและพวกเด็กๆ แล้วกระซิบว่า : “ทุกคนไม่ต้องกลัวนะ ทำตามที่พวกมันพูดไปก่อน”