บทที่ 920 ร้อนขึ้น? เย็นลง?
เป่หมิงโม่เพิ่งจะออกมาจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เขาไม่รู้เลยว่าในตอนที่เขาเพิ่งจะออกมา ข้างบนนั้นได้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว แต่ทว่าเขาออกมาได้ไม่ไกล ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงที่วุ่นวายทางด้านหลัง แล้วยังได้ยินบางคนพูดอย่างคลุมเครือว่า : “ข้างบนเกิดเรื่องแล้ว รีบไปแจ้งตำรวจเร็วว่ามีคนร้ายหกคน พวกเขามีอาวุธอยู่ในมือด้วย”
เป่หมิงโม่หยุดเดินแล้วหันไปแหงนหน้ามองหอชมวิวด้านบนโดยทันที
***
เป่หมิงโม่รู้ว่าด้านบนจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแล้วแน่ๆ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ห้องอาหารทัศนาจรอย่างรวดเร็ว
ด้านบนมีกลุ่มโจร ทางสวนสนุกได้ดึงเอากำลังของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดมาที่นี่แล้ว ภายในเวลาไม่กี่นาที ทางเข้าทางเดียวก็ถูกปิดกั้น
และมีบางคนที่ถือกระบองอยู่ในมือได้ขึ้นลิฟท์ไปถึงทางเข้าห้องอาหารชมวิว พวกเขาพยายามที่จะทำให้สถานการณ์คงที่ก่อนตำรวจจะมาถึง นอกจากนี้ยังพยายามที่จะช่วยชีวิตด้วย
นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีแต่อย่างใด ถ้าหากเรื่องนี้สามารถแก้ไขได้แล้วเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ก็ยังพอจะรักษาหน้าไว้ได้ไม่มากก็น้อย
พวกคนร้ายได้ปิดประตูใหญ่ของร้านอาหาร เพื่อกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปได้ และเป็นทางตันต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
นอกจากพวกเขาทั้งสองฝั่งแล้ว ยังมีบุคคลที่สามอีกคนหนึ่ง นั่นคือเป่หมิงโม่ เขาไม่ทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่บอกให้ไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัยด้านล่าง และยืนยันที่จะอยู่ที่นี่ คอยสังเกตการณ์ด้านใน เนื่องจากปลายหน้าต่างตรงกับประตูพอดี มันเป็นตำแหน่งของคุณแม่และพวกเด็กๆ
“ลูกพี่ ข้างนอกมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเยอะมากเลยนะ พวกมันปิดทางออกของเราแล้ว พวกเราจะทำยังไงดี!”
หนึ่งในคนที่เฝ้าประตูเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านนอกมีจำนวนไม่น้อย ใจของเขาเริ่มตื่นตระหนก
“จะกลัวอะไรวะ พวกเรามีตัวประกันมากมายอยู่ในมือ ถ้าหากพวกมันกล้าขยับแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ พวกเราก็ฆ่าให้มันพวกมันดูสักสองสามคนเลยสิ!” สมกับที่เป็นลูกพี่ใหญ่ จึงมีความกล้าหาญเช่นนี้ เขาเพียงแค่เหลือบมองไปทางประตู
การที่มีคนปิดกั้นอยู่ตรงประตู ไม่ได้ทำให้เขาเกิดความตื่นตระหนกแต่อย่างใด ยังคงสงบอย่างเห็นได้ชัด
ในเวลานี้ คนร้ายได้ควบคุมภายในร้านอาหารเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ทุกคนล้วนแต่ทำตามที่พวกเขาบังคับโดยเอามือทั้งสองข้างวางบนหัวแล้วนั่งยองๆบนพื้น พร้อมทั้งเอาของมีค่าที่อยู่บนตัวทั้งหมดวางไว้บนโต๊ะ
คนร้ายที่เป็นผู้นำนั้นถือถุงผ้าอยู่ในมือ และกำลังง่วนอยู่กับการกวาดเอาของมีค่าทั้งหมดบนโต๊ะใส่เข้าไปในนั้น
ปากของเขายังคงบ่นพึมพำตลอดเวลา : “พวกแกนี่นะ แต่งตัวสวยงามดูดี ทำไมมาเที่ยวถึงไม่เอาเงินมาเยอะๆ ดูสิ เป็นเศษเงินทั้งนั้นเลย นับยากชะมัด”
คนที่นั่งยองๆอยู่บนพื้น เดิมในใจก็หวาดกลัวมากอยู่แล้ว และบางคนยังส่งเสียงสะอื้นเบาๆเป็นครั้งคราว
แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ถึงจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่น่าตื่นตระหนก หลายคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
แต่คนพวกนี้ก็รู้ตัวทันทีว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ เหมือนจะเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ จึงรีบหยุดทันที แต่ก็ยังทำให้หัวหน้าของกลุ่มโจรคนนั้นส่งเสียงดัง “ปึงปัง” ไม่หยุด
รวบรวมกองเศษเงินเสร็จแล้ว หัวหน้าโจรที่หงุดหงิดรำคาญใจอยู่แล้ว เขาใช้มีดในมือตบโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง “ผั้วะผั้วะ”
“ทำอะไร ทำอะไรวะ! ที่นี่มีการปล้นก็ยังหัวเราะออกมาได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกแกไม่กลัวพวกฉัน หรือว่าใจใหญ่จริงๆ! เพราะอย่างนี้ ฉันก็จะทำให้พวกแกร้องไห้ให้หนักไปเลย!”
โจรคนนี้ ถึงแม้ว่าสมองของเขาจะไม่ได้เรื่อง แต่เป็นคนที่ใจเหี้ยมโหด เขายกมีดในมือขึ้น กวาดตามองด้วยสายตารุนแรงไปทั่วทั้งร้าน เพื่อมองหาที่มาของเสียงหัวเราะ
หลังจากที่กวาดตามองหาไปแล้วรอบหนึ่ง สุดท้ายเป้าหมายก็ถูกล๊อค เพราะยังคงมีเสียงหัวเราะคิกคักเล็กๆอยู่ตรงตำแหน่งใกล้ๆหน้าต่าง
เขาโยนกระเป๋าในมือไปยังเพื่อนร่วมทีม และให้คนอื่นๆรีบเอาเงินทั้งหมดใส่เข้าไปในถุง แล้วตัวเองเดินไปตามทิศทางของเสียง
***
คนที่อยู่ด้านนอก สามารถมองเห็นเฉพาะแค่การเคลื่อนไหวของพวกเขา แต่ไม่ได้ยินเสียงที่อยู่ด้านใน
พวกเขามองเห็นคนร้ายปล้นเอาทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดบนโต๊ะไป และยังมองออกว่าคนเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความลนลาน เพราะในเวลาเดียวกัน พวกเขายังกวาดเอาอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะใส่ลงไปด้วย
“หึ คนกลุ่มนี้ดูยังไงก็ไม่เป็นมืออาชีพเลยสักนิด ดูแล้วไม่จำเป็นต้องรอให้ตำรวจมาหรอก พวกเราสามารถจัดการพวกมันได้ในเวลาแค่แป๊ปเดียว” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆเป่หมิงโม่พูดพร้อมกับแสดงการดูหมิ่นที่มุมปาก
เป่หมิงโม่ไม่พอใจอย่างมากกับท่าทางของเจ้าหน้าที่ทีรักษาปลอดภัยที่มีในเวลานี้ ไม่ว่าคนกลุ่มนี้จะเป็นมืออาชีพหรือไม่ แต่ตราบใดที่พวกเขามีอาวุธอยู่ในมือ นั่นคือบุคคลอันตราย นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างภัยคุกคามและอันตรายต่อผู้อื่น
เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์สนใจเรื่องพวกนี้ ที่เขาให้ความสำคัญมีเพียงคนในครอบครัวของเขาเท่านั้น พวกเขาไม่เป็นอะไรก็พอ
พวกคนร้ายที่ไม่ได้เร่งรีบมาตั้งแต่แรก แต่ต่อมาจู่กลับเพิ่มความเร็วมากขึ้น ในขณะเดียวกันมีอีกคนหนึ่งกำลังถือมีดและเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งใกล้กับหน้าต่าง
สิ่งนี้ทำให้เป่หมิงโม่เกิดความกังวลใจขึ้นมา เพราะเขามองเห็นแล้วว่า ทิศทางที่ผู้ชายคนนั้นกำลังมุ่งหน้าไปเป็นตำแหน่งของแม่และลูกๆของเขา
ผู้ชายคนนี้ต้องการจะทำอะไร หรือว่าค้นพบอะไรบางอย่าง? เป่หมิงโม่เตรียมพร้อมที่จะพุ่งเข้าไปช่วยชีวิตผู้คน เพียงแค่สถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่เขาไม่อยากให้เป็นล่ะก็ เขาจะทำมันอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกันกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่นๆเองก็รู้สึกว่าสถานการณ์ภายในเริ่มเปลี่ยนไป สิ่งนี้ได้ทำให้ประสาทของพวกเขาที่เพิ่งจะผ่อนคลายลงไปได้รัดแน่นขึ้นมาอีก : “ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ถ้าพวกมันทำร้ายแขก พวกเราต้องรีบพุ่งเข้าไปแล้วเอาชนะพวกมันให้ได้โดยเร็วที่สุด…”
“เหอะๆ เป็นกลุ่มคนที่โง่เง่าจริงๆ” เป่หมิงโม่หัวเราะเยาะ
แผนที่เพิ่งจะถูกวาง ดูเหมือนจะทำโดยหัวหน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มนี้ คำพูดของเขาคล้ายว่ากำลังถูกคัดค้าน บนหน้าจึงมีอารมณ์ทนไม่ได้อย่างชัดเจน
เขายกกระบองในมือขึ้นชี้ไปยังเป่หมิงโม่ที่ยืนอยู่ไกลจากปากประตู ตั้งแต่มาที่นี่เพื่อรักษาความมั่นคง เขาไม่ได้สังเกตเลยว่ามีคนอื่นอยู่ที่นี่
“เมื่อสักครู่นี้พวกเราไม่ได้บอกให้ทุกคนลงไปรอข้างล่างงั้นเหรอ? ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่? คุณคิดว่าที่นี่แสดงละครกันอยู่สินะ มีโจรกลุ่มหนึ่งอยู่ด้านในนะครับ”
หัวหน้าผู้นั้นถึงแม้ว่าเต็มไปด้วยความโกรธ แต่หลังจากที่เขาได้กวาดตามองเป่หมิงโม่ทั้งตัวอย่างรวดเร็วแล้ว น้ำเสียงยังมีความนุ่มนวลอยู่มาก
เขามองออก ชุดของผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ของแผงลอยราคาถูก ยิ่งไปกว่านั้นยังแสดงถึงความหรูหราและร่ำรวยทั้งตัว นอกจากนี้ เมื่อมองดูใบหน้าของเป่หมิงโม่ ทั้งเย็นชา และสง่าผ่าเผย น่าจะเป็นชายหนุ่มไม่ควรจะแตะต้อง
“ผมไม่สนใจว่าใครอยู่ข้างใน รู้แต่ว่าถ้าหากมันทำให้โกรธขึ้นมา ผมไม่จะยอมจบด้วยดีอย่างแน่นอน” เป่หมิงโม่มองดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มโจรด้านในอย่างเย็นชา
*
กู้ฮอนไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆเธอก็รู้สึกกระวนกระวายใจ เธอโยนกระดาษในมือไปยังอีกด้านอย่างปุบปับ แล้วลุกขึ้นยืนถือด้วยชาเดินไปที่ห้องดื่มชา
ทำไมวันนี้เธอถึงรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่ตลอดเลย แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ บางทีสาเหตุอาจเป็นเพราะจู่ๆตอนนี้รู้สึกว่าไหล่ของตัวเองหนักขึ้นไม่น้อยก็เป็นได้
เธอค่อยๆคนกาแฟด้วยช้อนคันเล็ก
ถึงแม้ว่าในช่วงเวลานี้ตนเองจะถูกเรียกว่าประธาน แต่เมื่อวานก่อนหน้านี้ตนเองยังเป็นแค่ผู้รักษาการ พูดอีกอย่างก็เป็นเพียงแค่หุ่นไล่กา ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ย่อมมีคนขึ้นมาแทน
แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว และตนเองกลายเป็นคนที่ขึ้นมาแทนคนนั้น
***
เจียงฮุ่ยซินเพิ่งจะกลับมาถึงห้องขังของตนเอง เพียงแต่ว่ายังไม่ทันได้นั่งจนรู้สึกอุ่น ผู้คุมหญิงก็ปรากฏตรงหน้าเธออีกครั้ง : “7564 ไปกับพวกเรา มีคนต้องการพบคุณ”
ทำไมมีคนอยากพบตนเองอีกแล้ว นี่มันช่างน่าสนใจจริงๆ ตอนที่ไม่มาก็ไม่มีใครมาสักคน แต่พอมาก็มากันเป็นกลุ่ม
ตนเองกลายเป็นที่หมายปองไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? ถึงแม้ว่าเจียงฮุ่ยซินจะมีความคลางแคลงใจ แต่ยังคงเดินตามผู้คุมหญิงไปที่ห้องเยี่ยม
“คุณย่า!” เป่หมิงยี่เฟิงมองเห็นผู้คุมหญิงนำเจียงฮุ่ยซินเข้ามา เขาก็รีบลุกขึ้นยืน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สำหรับ หลี่เชินเจียงฮุ่ยซินเต็มใจที่จะพบกับเป่หมิงยี่เฟิงมากกว่า
“ที่แท้เป็นยี่เฟิงนี่เอง” บนหน้าของเจียงฮุ่ยซินมีรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหาดูได้ยากในช่วงหลายวันที่ผ่าน
“คุณย่า ผมขอโทษจริงๆนะครับ ที่เพิ่งจะมาเยี่ยมตอนนี้ ย่าไม่ตำหนิผมนะครับ” เป่หมิงยี่เฟิงพูดพร้อมกับหยิบขนมที่ตนเองซื้อมาในระหว่างทางที่มาที่นี่ “นี่เป็นของโปรดของย่าทั้งหมดเลยนะครับ”
ดวงตาของเจียงฮุ่ยซินแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย ในเวลานี้ยังหลานกตัญญูอีกหนึ่งคนที่ยังไม่ลืมตนเอง
*
ภายในร้านอาหารทัศนาจรของสวนสนุก คนร้ายได้เดินเข้าไปใกล้หวีหรูเจี๋ยและโม้จิ่งเฉิงที่นั่งอยู่ทีละก้าว
“โอ๊ยๆ เจ็บๆ…”
ไม่มีใครคาดคิดว่าหยางหยางจะถูกหัวหน้าโจรดึงหูให้ลุกขึ้น
“หยางหยาง หยางหยาง! พวกเราให้พวหแกทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว ทำไมยังทำร้ายหลานชายของฉัน!” หวีหรูเจี๋ยเห็นหยางหยางถูกกระชากขึ้นมา ก็รีบวิงวอนทันที
“เหอะ…” หัวหน้าโจรหัวเราะอย่างเย็นชา : “สิ่งที่ฉันรังเกียจที่สุดก็คือมีคนพูดตอนที่ฉันพูด ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้ฉันทนไม่ได้มากที่สุดก็คือคนอย่างเจ้านี่”
หัวหน้าโจรพูดพร้อมกับเบนสายตาไปทางหยางหยาง เขาใช้สายตาจ้องมองหยางหยางอย่างดุร้าย : “เด็กน้อย บอกมาสิ เมื่อกี้แกหัวเราะอะไร หรือว่าการปล้นของพวกฉันมันตลกมากใช่ไหม?”
“โอ๊ยๆๆ แกเบาๆหน่อยสิ” หางหยางที่เผชิญหน้ากับหัวหน้าโจรที่ถือมีดอยู่ในมือไม่ได้แสดงท่าทีถึงความหวาดกลัวใดๆเลย เขาบ่นพร้อมกับยิ้มยิงฟัน
เมื่อเผชิญหน้ากับเด็กแบบนี้ หัวหน้าโจรไม่ได้โกรธเลยแต่กลับหัวเราะ: “เด็กน้อย ดูไม่ออกเลยนะ แกยังมีความกล้าที่มากกว่าพวกผู้ใหญ่พวกนั้น แกตอบคำถามของฉันเมื่อกี๊นี้แล้วฉันจะปล่อยแก ว่ายังไงล่ะ?”
“ถ้างั้นแกก็จับเบาๆหน่อยๆสิ ให้มันพอดีๆน่ะ”
หัวหน้าโจรไม่รู้ว่าอารมณ์ที่ผ่อนคลายนี้มาจากไหน เขาสนใจที่จะฟังเจ้าหนุ่มน้อยมีไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดว่าจะตอบออกมาเป็นแบบไหน
“ได้ ฉันจะปล่อยมือ ถ้าแกคิดจะหนีล่ะก็…” เขาพูดพร้อมกับปล่อยมือ จากนั้นใช้มีดที่ส่องประกายเขย่าไปมาตรงหน้าหยางหยาง
หยางหยางลูบหูตัวเอง เขาขมวดคิ้วและพูดว่า : “นายดูสิ หูของฉันแดงไปหมดแล้ว ที่ทำให้การปล้นของพวกนายเดือดร้อนมากที่สุด เพราะไม่มีขโมยสักคนที่มีแนวคิดที่ทันสมัยยังไงล่ะ ใครก็รู้ทั้งนั้นแหละว่า ต้องเป็นธนาคารที่มีเงินเยอะที่สุดอยู่แล้ว พวกนายอยากจะปล้นก็ไปที่นั่นสิ มาปล้นสวนสนุกถือว่าโง่มากเลยนะ”
หัวหน้าโจรหรี่ตามองดูหยางหยาง มือที่ถือมีดนั้นกำแน่นขึ้นอย่างทนไม่ไหว เขาไม่เคยถูกเด็กตัวเล็กๆวิจารณ์อย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังทำต่อหน้าลูกน้องของเขาด้วย