บทที่ 929 มื้ออาหารที่ทำให้คนรู้สึกเข้าใจยาก
“ในเมื่ออีกคนที่ผมเชิญยังไม่มา ผมคิดว่าพวกเราไม่ต้องรอเขาแล้วดีกว่า เริ่มทานข้าวกันไปพลาง ๆ ”
ประธานหลี่พูดพลางหันไปโบกมือให้พนักงานที่ยืนอยู่ไม่ไกล
หลังจากที่พนักงานคนนั้นพยักหน้าเขาก็หันกลับมา
ประธานหลี่ใช้โอกาสขณะที่อาหารกำลังเสิร์ฟบนโต๊ะลุกขึ้นยืน จากนั้นก็หยิบขวดไวน์ขึ้นมา “ผมขอดื่มเพื่อเป็นการต้อนรับที่พวกคุณทั้งสองคนมาที่นี่”
พูดกลางเขาก็รินไว้ที่อยู่ในขวดลงไปจนเต็มแก้วที่วางอยู่ข้างหน้า หลังจากนั้นก็อยู่มันทั้งหมดในครั้งเดียว
กู้ฮอนค่อนข้างที่จะเข้าใจสถานการณ์ประเภทนี้ พอเห็นเจ้าภาพดื่มแล้ว เธอก็มองแก้วเปล่าที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างไม่สบายใจ
เดิมทีเธอก็ไม่ได้ถนัดที่จะดื่มอะไรพวกนี้นัก แต่ว่าเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วก็จำเป็นต้องแข็งใจดื่มมันลงไป ตอนที่เธอกำลังลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือออกไปหยิบขวดไวน์มารินใส่จนเต็มแก้วของตัวเองนั้น ก็ถูกเป่หมิงโม่ดึงให้กลับลงไปนั่ง
หลังจากนั้นเป่หมิงโม่ก็หยิบแก้วไวน์ในมือขึ้นมาแล้วเขย่าไปทางประธานหลี่ “ประธานหลี่ ขอบคุณสำหรับความกรุณา แต่ว่าประธานกู้ไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้ ดังนั้นผมขอเป็นคนดื่มแทนเธอเอง” เขาดื่มลงไปจนหมดแก้วไป จากนั้นก็นำแก้วที่ว่างเปล่าวางลงบนโต๊ะ
“ฮ่า ฮ่า ดูไม่ออกเลยนะว่าคนอย่างประธานเป่หมิงรักหยกถนอมบุปผาขนาดนี้ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ผมก็ไม่ขอบังคับประธานกู้ แต่ว่านะประธานเป่หมิง เมื่อกี้นี้คุณบอกว่าคุณดื่มแทนประธานกู้ แล้วในส่วนของคุณคงไม่ใช่ว่า… ”ประธานหลี่หัวเราะ เขาสามารถมองเห็นระดับของความสัมพันธ์ระหว่างเป่หมิงโม่กับกู้ฮอนจากไวน์แก้วนี้ได้
เป่หมิงโม่ขวดไวน์ขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้นก็รินให้ตัวเองจนเต็มแก้ว แล้วยกขึ้นดื่มโดยไม่พูดอะไร
***
“ฮ่า ฮ่า ดื่มได้ดีมาก”ประธานหลี่หัวเราะพลางปรบมือ
กู้ฮอนเหลือบมองเป่หมิงโม่ แต่เธอไม่ได้กังวลอะไร ความจริงแล้วไวน์แดงแค่ขวดสองขวดไม่มีผลอะไรกับเขานัก แต่อย่างไรเขาก็ยอมดื่มแทนเธอ อารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้มักจะปรากฏออกมาเสมอ
“โชคดีจริงๆที่วันนี้ได้มาที่นี่ ไม่รู้ว่าประธานหลี่…”สายลมดูเหมือนจะเริ่มโบกพัดแรง จากนั้นก็มีเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น
กู้ฮอนขยับสายตาอย่างเป็นธรรมชาติ
ชายหนุ่มที่แต่งกายดูดีคนหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าประตูของระเบียงดาดฟ้า
หลังจากที่มองเห็นเขา กู้ฮอนก็ขมวดคิ้วน้อย ๆ จากนั้นก็รีบดึงสายตากลับมาทันที มองไปที่จานสีขาวที่วางอยู่ตรงหน้า
“ฮ่า ฮ่า ในที่สุดแค่คนสุดท้ายก็มาถึงแล้ว แต่ว่าคุณมาสายนะคุณชายใหญ่เป่หมิง”หลังจากที่ประธานหลี่หันกลับไปมองข้างหลัง รอยยิ้มของเขาก็ปรากฏขึ้นเต็มใบหน้า
“ได้ ได้ ผมยอมรับผิดแล้วโอเคไหม แต่ผมไม่ได้มามือเปล่านะ ผมเอาลาไฟต์คุณภาพดีมาด้วย” ตอนที่กำลังพูดเป่หมิงยี่เฟิงก็เดินมาถึงโต๊ะอาหารแล้ว เขานำขวดไวน์ที่อยู่ในมือวางลงบนโต๊ะ
ในขณะเดียวกันเขาก็มองไปที่เป่หมิงโม่ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็มองไปที่กู้ฮอน
“ประธานหลี่ คุณนี่ใจแคบเสียจริง ในเมื่อคุณเชิญท่านประธานทั้งสองคนของบริษัทเรามาแล้ว แล้วทำไมยังต้องเชิญคนตัวเล็ก ๆ อย่างอื่นมาด้วย”
“คุณชายใหญ่เป่หมิง คุณพูดผิดแล้ว การร่วมมือระหว่างพวกเราเป็นไปตามแผนการออกแบบของคุณ ความจริงผมอยากร่วมมือกับตระกูลเป่หมิงนานแล้ว เพราะว่าก็หาโอกาสไม่ได้มาตลอด ดังนั้นคุณชายใหญ่เป่หมิงเป็นบุคคลสำคัญที่ขาดไปไม่ได้”
เป่หมิงยี่เฟิงยกยิ้มจาง ๆ “ประธานหลี่ชมกันเกินไปแล้ว ผมก็แค่ช่วยลงแรงนิด ๆ หน่อย ๆ ”พูดพลางขวดไวน์บนโต๊ะที่เหลือไวน์อยู่อีกครึ่งขวดขึ้น “ผมมาสาย ดังนั้นก็ขอชดใช้เป็นไวน์สามแก้ว ผมเห็นว่ามันยังเหลืออีกไม่มากเท่าไหร่ รินใส่แก้วก็ยุ่งยากเปล่า ๆ ถ้าอย่างนั้นแล้วผมขอดื่มทั้งอย่างนี้เลยนะ หวังว่าทุกคนจะไม่ถือสา ”
พูดแล้วเขาก็เงยหน้าดื่มไวน์ที่เหลืออยู่ลงไป
“ดูไม่ออกจริงๆเลยว่าพวกคุณทุกคนในตระกูลเป่หมิงจะดื่มกันเก่งขนาดนี้”
ไม่นานเป่หมิงยี่เฟิงก็ดื่มจนหมด เขาวางขวดเปล่าลงบนโต๊ะ แล้วนั่งลงไปบนเก้าอี้ว่างที่อยู่ตรงข้ามเป่หมิงโม่และกู้ฮอน
อาหารถูกนำออกมาวางจนเต็มอย่างรวดเร็ว
“ขอทุกคนอย่าได้หัวเราะ คุณจะพูดว่าเป็นงานเลี้ยง แต่ความจริงมันก็เป็นแค่อาหารธรรมดา ๆ ไม่กี่จานเท่านั้น ขอพวกคุณอย่าได้เกรงใจ ยังไงก็ลองทานอาหารของที่นี่ดูสักหน่อย” ประธานหลี่พูดพลางขยับตะเกียบเปิดก่อนในฐานะผู้จัดงาน
หลังจากที่ทุกคนกินอาหารกันได้ไม่กี่คำ หัวข้อการสนทนาก็เริ่ม
อันดับแรกก็คือประธานหลี่ เขาพูดขึ้นอย่างเป็นทางการด้วยคำที่ดูน่าฟังแต่กับแฝงไปด้วยถ้อยคำเสียดสี โดยรวมแล้วก็คือเอาแต่พูดยกย่องยกย่องประสิทธิภาพและคุณภาพในการทำงานที่ยอดเยี่ยมของตระกูลเป่หมิงไม่หยุด หลังจากนั้นก็แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนการออกแบบของเป่หมิงยี่เฟิงว่าทำให้เขารู้สึกสนใจได้อย่างไร
เป่หมิงยี่เฟิงก็ให้ความร่วมมือด้วยการกล่าวถ่อมตัวบ้างเป็นบางครั้ง หลังจากนั้นก็เป็นการชมเชยเป่หมิงโม่
ทั้งสองคนอีกคนหนึ่งร้องอีกคนหนึ่งรับ เป่หมิงโม่ไม่ได้พูดตอบรับคล้าย ๆ กัน เขาเพียง แต่ทำท่าทางสบาย ๆ ใช้ตะเกียบคีบของที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาลองชิมอย่างระมัดระวัง
เรากับว่าสองคนนั้นไม่ได้กำลังพูดอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย ขอเป็นเพียงผู้ชมที่สัญจรไปมาเท่านั้น
***
หลังจากที่พูดถ้อยคำเกรงใจไปหลายประโยค เป่หมิงยี่เฟิงก็เปลี่ยนไปพูดหัวข้อถัดไป “ประธานหลี่ คุณคงไม่รู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว”
หลังจากที่ประธานหลี่กินอาหารเข้าไปสองสามคำ เขาก็วางตะเกียบลง ““คุณชายใหญ่เป่หมิง ขอพูดแบบไม่อายเลยนะผมทำงานอย่างหนักมาตั้งหลายปีแล้ว ขอแค่เป็นเรื่องในวงการธุรกิจ ไม่มีเรื่องไหนที่จะสามารถปิดบังผมได้หรอก” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่เป่หมิงยี่เฟิง “ดูเหมือนว่าผมจะไม่เคยได้ยินว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นนี่นา”
เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มบาง ๆ “แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องในวงการธุรกิจ แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสวนสนุก”
“เฮ้…คุณพูดเรื่องนี้กับผมทำไม ผมไม่สนใจอะไรหรอกนะ” ประธานหลี่พูดกับเป่หมิงยี่เฟิง แล้วโบกมือเบา ๆ ให้ความหมายว่าเขาไม่สนใจเรื่องนี้
ได้ยินเป่หมิงยี่เฟิงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา กู้ฮอนได้ทันทีว่าเขาต้องการที่จะพูดอะไร ก่อนจะมองไปที่เป่หมิงโม่ที่ยังคงทำสีหน้าท่าทางว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเอง หลังจากนั้นก็หันกลับไปมองเป่หมิงยี่เฟิง จากนั้นก็ส่ายหน้าเบา ๆ แสดงออกว่าไม่ต้องการให้เขาพูดถึงเรื่องนี้
เป่หมิงยี่เฟิงได้รับสายตาที่เธอมองมาแล้ว เขาเข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อ แต่เขาก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องที่จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาสักหน่อย เขายิ้มให้กู้ฮอน หลังจากนั้นก็พูดเรื่องนี้ต่อ
“ประธานหลี่ ถ้าคุณไม่ฟังข่าวนี้ละก็ ผมรับรองได้เลยว่าคุณจะต้องเสียใจทีหลังดังอย่างมาก”
“หืม ในเมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอฟังดูสักหน่อยว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ที่ทำให้คุณชายใหญ่เป่หมิงสนใจได้ขนาดนี้”
“ประธานหลี่ ก็ไม่มีเรื่องอะไรน่าพูด ฉันว่าพวกเราพูดเรื่องอื่นกันดีกว่า เนื่องจากความร่วมมือระหว่างบริษัทเป่หมิงและบริษัทเจียเม้าประสบความสำเร็จอย่างมาก ฉันคิดว่าหลังจากวันนี้พวกเราสองบริษัทจะต้อง…”
ไม่ทันรอให้กู้ฮอนพูดจบ ก็ถูกประธานหลี่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “ประธานกู้ คุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนี้ เรื่องการร่วมมือระหว่างสองบริษัทยังคงพอมีเวลาให้พวกเราได้เจรจากันตามลำพัง ตอนนี้ผมอยากฟังเรื่องน่าสนใจคุณชายใหญ่เป่หมิงจะพูด”
ประธานหลี่สมกับเป็นจิ้งจอกเฒ่าจริง ๆ เขาสามารถจับอะไรบางอย่างจากน้ำเสียงชองกู้ฮอนได้ จึงยกยิ้ม “ประธานกู้ หรือว่าเรื่องที่คุณชายยี่เฟิงจะพูดเกี่ยวข้องกับคุณ”
“ประธานหลี่ล้อเล่นแล้ว นั่นก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น”
“เรื่องเล็กน้อยอะไรที่สามารถออกทีวีได้ ประธานกู้ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องถ่อมตัว ประธานเป่หมิงต่อสู้กับพวกโจรอย่างห้าวหาญ นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าละอายอะไร ประธานหลี่ก็เป็นหุ้นส่วนที่ร่วมมือกับตระกูลเป่หมิงของพวกเรา ไม่นับว่าเป็นคนนอก ใช่ไหมครับอารอง”
เป่หมิงยี่เฟิงโยนสิทธิ์ในการพูดไปให้เป่หมิงโม่อีกครั้ง
ถ้าเขาไม่พูดก็เป็นปัญหาของเขาแล้ว และในขณะเดียวกันถ้าหากทำให้ประธานหลี่พอใจ ก็จะส่งผลทางอ้อมต่อการร่วมมือของทั้งสองบริษัทในอนาคต
ผมรู้ดีว่าตลอดมาเป่หมิงโม่ไม่ใช่คนที่ชอบคุยโวโอ้อวด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ก็ไม่อยากให้มีคนรู้มากเกินไป นอกจากจะถูกพบโดยบังเอิญพอดี ทำให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป
นี่เป็นการใช้ประโยชน์จากนิสัยพิเศษของเป่หมิงโม่มากวนประสาทเขา เพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมายถัดไปของตัวเอง
ทั้งสามคนมุ่งความสนใจไปที่เป่หมิงโม่ ดูว่าเขาจะแสดงออกอย่างไร
เป่หมิงโม่ยังคงไร้ความรู้สึก หลังจากเขากินอาหารเข้าไปสองคำก็พูดว่า “ยี่เฟิงพูดถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอะไร อีกทั้งยังออกทีวีไปแล้ว มีอะไรที่ยากจะพูด เพียงแต่ผมอยากให้ประธานกู้พูดเรื่องนี้ออกมาหน่อย ยังไงเธอก็นับว่าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์”
เขาไม่ยอมให้เป่หมิงยี่เฟิงพูด ก็เพราะว่าหลานชายคนนี้พยายามที่จะจับผิดเขา แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี แต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายเติมฟืนใส่ไฟตามอำเภอใจ
เขาอยากให้กู้ฮอนพูด เพราะอยากฟังความเห็นของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้
กู้ฮอนหันไปถลึงตาใส่เป่หมิงโม่ทันที ให้เธอพูด เขาก็ช่างคิดออกมาได้
เธอไม่ใช่คนที่ให้การช่วยเหลือ ทั้งยังไม่ใช่คนที่ถูกช่วยเหลือ จะไปบอกเล่าสาเหตุอะไรได้
เห็นทีไม่น่าที่จะนำเรื่องนี้โยนกันไปโยนกันมาได้ ถ้ายังโยนต่อไปอีกก็คงกลับไปที่เป่หมิงยี่เฟิงแล้ว โดยเฉพาะไม่อยู่ต่อหน้าคนนอก ไม่ควรที่จะทำให้คนอื่นมองว่าคนของตระกูลเป่หมิงดูไม่น่าเชื่อถือหรือเปล่า พูดเรื่องแค่นี้ก็เอาแต่โยนกันไปโยนกันมา
หาเครื่องนี้ถูกแพร่ออกไปก็คงเป็นเรื่องตลกขนาดใหญ่ หลังจากนี้ยังจะมีบริษัทไหนที่จะมาร่วมมือกับตระกูลเป่หมิงอีก
เธอไม่สามารถที่จะปล่อยให้ตระกูลเป่หมิงล่มสลายในมือของตัวเองได้อย่างเด็ดขาด
เธอมองไปที่ทั้งสามคน จากนั้นกระแอมในคอ และเล่าสิ่งที่เธอเห็นในทีวีและได้ยินทางวิทยุระหว่างทางขับรถไปสวนสนุกออกมาสั้น ๆ รอบหนึ่ง นอนว่าเธอหลีกเลี่ยงการวิจารณ์อย่างไม่เกรงใจของนักข่าวตอนที่ยังไม่รู้ความจริง
เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย เธอก็หันไปมองประธานหลี่อีกครั้ง “ประธานหลี่ อยากได้หัวเราะเลยนะคะ ความจริงแล้วฉันเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ทีหลังเหมือนกัน ตรงนั้นฉันก็เลยพูดออกมามากมายได้ขนาดนี้ ประธานเป่หมิเป็นพ่อคน สำหรับเรื่องนี้เรียกได้ว่าเขาทำมันได้อย่างเหมาะสมและมีความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก ”
ประธานหลี่พยักหน้า ขณะที่ฟังอยู่บางครั้งเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองเป่หมิงโม่อย่างชื่นชม “ประธานกู้พูดถูกต้องแล้ว ประธานเป่หมิงพ่อที่ดีมากจริง ๆ เมื่อก่อนผมรู้สึกแค่ว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญของวงการ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังมีอีกด้านหนึ่ง ทำให้ผมยิ่งรู้สึกนับถือเขามากขึ้นไปอีก”
“ประธานหลี่เกรงใจแล้ว ผมก็แค่ทำสิ่งที่ควรทำ ไม่ได้มีคุณค่าให้ควรกล่าวแต่อย่างใด ในทางกลับกันประธานกู้เองก็ไม่ใช่ง่าย ๆ ในทางหนึ่งเธอต้องคอยดูแลชีวิตของเด็ก ๆ ในทางกลับกันเราต้องกังวลเกี่ยวกับกิจการต่าง ๆ ของบริษัท เธอมีค่าให้นับถือมากกว่าเสียอีก” เป่หมิงโม่ตอบกลับอย่างไม่ประหยัดคำพูดอีกต่อไปแล้ว เขาชื่นชมกู้ฮอนเสียมากมาย