บทที่ 918 พายุฝนกำลังมา
“เรื่องอื่นๆ? หรือว่าคุณอยากจะถามเรื่องในตอนนั้น ว่าหวีหรูเจี๋ยทำให้ลูกของคุณหายไปหรือว่าถูกฉันทำให้หายไป?”
พูดถึงหัวข้อนี้ ตัวของหลี่เชิน ก็เหยียดตรงขึ้นอย่างบังคับไม่ได้ : “ถูกแล้ว ผมมาที่นี่ครั้งนี้เพื่อถามคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ แน่นอนว่า ผมยังหวังว่าคุณจะตอบตามความเป็นจริง”
เจียงฮุ่ยซินมองไปที่หลี่เชิน : “คุณพบลูกสาวของคุณไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงยังถามถึงเรื่องในอดีต คุณคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้งั้นเหรอ?”
หลี่เชินหรี่ตาลงเล็กน้อย : “แน่นอนว่ามันมีความจำเป็น ถ้าไม่ใช่เพราะคนๆนี้ ครอบครัวของเราสามคนก็จะไม่กลายเป็นแบบนี้ ต้องแตกกระสานซ่านเซ็น พ่อลูกไม่รู้จักกัน”
***
เจียงฮุ่ยซินมองอย่างไรก็ไม่เห็นถึงความกระตือรือร้นของ หลี่เชินที่อยากจะเข้าใจเรื่องราวนี้เลย
“สำหรับเรื่องที่คุณและลู่ลู่ต้องเจอในตอนนั้น ฉันพูดได้เพียงแค่ฉันเห็นใจคุณมาก หรือว่าหลังจากที่คุณได้เจอกับลู่ลู่ เธอไม่เคยยกเรื่องนี้ขึ้นมาคุยกับคุณเลยเหรอ?” จากคำพูดของหลี่เชิน เมื่อสักครู่นี้ ทำให้เจียงฮุ่ยซินวางแผนไว้ในใจตนเองเรียบร้อยแล้ว
หลี่เชินส่ายหน้า : “ผมถามเธอไม่หยุด แต่เธอเอาแต่พูดว่าห้ามถามถึงเรื่องนี้อีก จนกระทั่งเธอตายจากไป แต่ว่าผมยังอยากจะรู้อย่างมาก เพราะผมสงสัยว่าการตายของลู่ลู่บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
เจียงฮุ่ยซินมองไปที่หลี่เชิน และพูดช้าๆ : “คุณเองก็คาดเดาเอาไว้และมีคำตอบของตัวเองอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงยังมาหาฉันล่ะ ฉันคิดว่าวันนี้พวกเราคุยกันแค่นี้ก็พอ ฉันเหนื่อยแล้วล่ะค่ะ”
พูดจบเธอก็ลุกขึ้น หันหลังกลับเดินไปยังทิศทางที่เธอเดินมา ในช่วงเวลาที่หลังของเธอหันหลังให้กับ หลี่เชิน มุมปากของเธอก็โค้งงอขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ยากต่อการสังเกตเห็น
*
ดูเหมือนว่า จะมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างรักษาการประธาน กับประธานบริษัท ไม่ต้องพูดถึงระดับอำนาจที่แตกต่างกัน แม้แต่จำนวนเอกสารที่จัดหามาให้เธอเซ็นในแต่ละวันก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดคิดมาก่อน
เพียงไม่กี่ชั่วโมง เอกสารที่ผ่านตาของเธอมีมากกว่ามีเธอเคยทำตลอดทั้งวันแล้ว
ทุกโครงการของบริษัทเป่หมิง ตั้งแต่การเสนอราคา ไปจนถึงงบประมาณ ดัชนีชี้วัด พิมพ์เขียว และอื่นๆมากมาย…จะต้องได้รับการตรวจดูทีละอัน ยิ่งกว่านั้นคือส่วนใหญ่แล้วจะเป็นส่วนที่เธอไม่มีความสามารถ เลยดูเหมือนว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย
หรือว่านี่คืองานที่เธอจะต้องเผชิญกับมันนับแต่วันนี้ไปใช่หรือเปล่า ตอนที่เป่หมิงโม่อยู่ ไม่เคยเห็นเขาต้องยุ่งอย่างนี้เลย ตลอดทั้งวันนอกจากเขาจะยุ่งกับงานเลี้ยงสังสรรค์แล้วก็คือการเดินทางรอบโลก ไม่เห็นว่าจะเศร้าสลดเหมือนตัวเองตรงไหนเลย
“คุณผู้หญิง ต้องการให้ช่วยหรือเปล่าครับ?” ฉิงฮัวมองเห็นความทุกข์ใจของเธอ เขาเองยังรู้สึกแปลกๆเล็กน้อยที่จู่ๆจำนวนของเอกสารก็เพิ่มขึ้น แต่มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความรู้สึก
นอกจากนี้ยังมีปรากฏการณ์ที่เอกสารมากองรวมกันอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่งด้วย
กู้ฮอนหลับตาและใช้มือนวดจมูกของตัวเองเบาๆ นี่นับว่าช่วยให้ผ่อนคลายได้สักครู่
“ฉิงฮัวไม่เป็นไร ได้พักสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว ฉันเพียงแค่ปวดหัวกับตัวเลขพวกนี้”
ฉิงฮัวพยักหน้า : “นี่เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ครับ เอกสารจำนวนมากของบริษัทเป่หมิงล้วนแต่เป็นเอกสารเฉพาะทาง ดังนั้นพอคนธรรมดามาอ่านดูจึงค่อนข้างลำบาก…” พูดถึงตรงนี้ เขารีบพูดเพิ่มเติมว่า : “โอ้ ขอโทษด้วยครับคุณผู้หญิง ผมพูดผิดไป”
กู้ฮอนยิ้มให้เขาเบาๆ : “ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนธรรมดาจริงๆ เผชิญหน้ากับเอกสารพวกนี้แล้ว ฉันรู้สึกกังวลใจนิดหน่อย ว่าบางรายการจะได้รับการอนุมัติอย่างไม่ถูกต้อง แล้วพอถึงเวลานั้นกลุ่มบริษัทจะเสียผลประโยชน์”
“คุณผู้หญิง ข้อนี้ขอให้คุณวางใจเถอะครับ เอกสารเหล่านี้ก่อนหน้าที่จะส่งมาที่นี่ ผู้จัดการแต่ละแผนกล้วนตรวจสอบด้วยตนเองแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องอ่านอย่างตั้งใจทุกหน้าหรอกครับ”
“โอ้ ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย”
*
เป่หมิงยี่เฟิงที่กำลังขับรถกลับมาจากทะเล เขาไม่ได้ไปที่ตระกูลเป่หมิงโดยตรง ก่อนที่ไปทางเข้าเมือง เขาตัดสินใจไปเยี่ยมเจียงฮุ่ยซิน
ตอนที่เขารู้ว่าเจียงฮุ่ยซินถูกจับ เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมากจริงๆ เขาคิดไม่ออกเลยว่าคุณย่าจะใช้ยาพิษฆ่าคนได้อย่างไร แน่นอนว่าเขาไม่รู้แน่ชัดว่าเรื่องราวภายในมันเป็นอย่างไร
โดยตลอดเวลาก่อนหน้านี้เขายุ่งอยู่กับการพัฒนาและปรับวิธีการของแผนการว่าควรทำยังไงถึงจะดึงตระกูลเป่หมิงคืนมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแผนการจะสามารถดำเนินการต่อไปได้แล้ว มันจึงเป็นเวลาอันสมควรที่จะไปเยี่ยมคุณย่า และบอกข่าวดีนี้กับเธอ
***
เป่หมิงโม่กินข้าวเช้าในห้องอาหารเสร็จแล้ว ก็มาเคาะประตูห้องชุดที่โม้จิ่งเฉิงและแม่พักอยู่
เฉิงเฉิงเป็นคนเปิดประตู
“พวกลูกไม่ได้เล่นซนที่นี่ใช่ไหม?” เป่หมิงโม่ก้มหน้าลงมองไปยังลูกชาย แล้วฟังเสียงการเคลื่อนไหวด้านในอีกครั้ง ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี
“พ่อครับ พวกเรากำลังคุยเป็นเพื่อนคุณย่าครับ”
เป่หมิงหมิงโม่พยักหน้า : “ถ้าอย่างนั้นก็ดี เสร็จแล้วพวกเราเตรียมตัวเดินทางกันเถอะ”
ในตอนนี้เองหวีหรูเจ๋ยเดินเข้ามา : “โม่ ลูกเพิ่งจะกินข้าว พักที่นี่ก่อนเถอะนะ…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเป่หมิงโม่ดังขึ้น
“ขอโทษที ผมรับสายก่อนนะครับ” พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินออกจากประตู ก้าวอย่างรวดเร็วไปยังจุดที่พูดคุยอย่างปลอดภัยที่อยู่ไม่ไกล
“มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“มีรายงานว่าวันนี้มีคนสามคนไปที่คุกหญิง”
เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากที่ฟังจบ : “สามคนไหน?”
“หลี่เชิน และถังเทียนจื๋อไปก่อน และอยู่ที่นั่นไม่ถึงห้านาทีก็ออกมาด้วย จากนั้นเป่หมิงยี่เฟิงก็ไปที่นั่นด้วย”
พวกเขาทั้งสามคนไปที่คุกหญิง…น่าจะไปหาเจียงฮุ่ยซินสินะ
เธอเป็นคนเลี้ยงดูเป่หมิงยี่เฟิงมา การไปเยี่ยมเธอ เขาไม่มีอะไรต้องพูด
สำหรับการไปของ หลี่เชินและถังเทียนจื๋อ จุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร?
เป่หมิงโม่คิดไม่ออกว่าการไปของพวกเขานั้นต้องการที่จะทำอะไรกัน : “พวกนายคอยจับตามองต่อไป มีข้อมูลอะไรรีบบอกให้ฉันรู้ทันที อีกอย่าง คิดวิธีที่จำให้รู้ว่พวกของหลี่เชินไปหาเจียงฮุ่ยซินเพราะอะไร”
“ได้ครับ”
เป่หมิงโม่ปิดโทรศัพท์ เขายืนอยู่คนเดียวในช่องทางเดิน เริ่มเรียงลำดับความเกี่ยวข้อง แต่ไม่นานความคิดของเขาก็ถูกขัดจังหวะอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นฉิงฮัวที่โทรมา
“เฮ้ มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“เอ่อ…เจ้านายครับ ผมรู้ว่าครั้งนี้ไม่ควรรบกวนคุณ แต่ว่ามีเรื่องที่ผมจำเป็นต้องบอกคุณ เมื่อสักครู่นี้ผมได้เพิ่งจะได้รับบัตรเชิญจากบริษัทเจียเม้า เชิญคุณกับผู้หญิงเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันกับพวกเขา”
“ตอนนี้ฉันไม่ใช่ประธานแล้ว ทำไมยังเชิญฉันไปอีก?”
“คืออย่างนี้ครับ เพราะว่าคุณเป็นอดีตประธานครับ ดังนั้นบริษัทเจียเม้าจึงได้ติดต่อเรียนเชิญ และคุณผู้หญิงถูกเชิญในฐานะประธานบริษัทครับ นอกจากนี้…” ฉิงฮัวต้องการจะพูดต่อ แต่ถูกเป่หมิงโม่ขัดจังหวะ
“พอแล้ว ฉันรู้แล้ว ตอบกลับพวกเขาไปว่า ฉันจะไปตามเวลา” เป่หมิงโม่พูดจบก็สายวาง
น่าผิดหวังจริงๆ เดิมทีคิดว่าจะได้มีวันที่สนุกสนานกับพวกเด็กๆ แต่กลับโดนรบกวนด้วยสายเหล่านี้
ที่จริงแล้ว ถ้าเขาไม่อยากไป เขาสามารถใช้เหตุผลหลายข้อในการบอกปัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันของบริษัทเจียเม้าได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถสนใจเพียงแค่ความชอบไม่ชอบของตัวเอง และทิ้งกู้ฮอนไว้ที่นั่นโดยไม่สนใจไยดีได้
ถ้าหากมีแต่ฝั่งของเขาไม่เข้าร่วม อย่างนั้นแล้วคนที่คอยเชื่อเหลือจะต้องหาเรื่องให้กู้ฮอนอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าตอนนี้จะทำได้เพียงแค่ทำให้พวกเด็กๆต้องเสียใจ
เดินไปถึงประตูห้องเพรสซิเดนสูทและเปิดประตู มองไปที่หวีหรูเจี๋ยแล้วอ้าปากเอ่ยคำ มันยากมากจริงๆที่จะพูดคำว่า “แม่” ออกมาอย่างมีสติภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
แต่ว่าในใจของหวีหรูเจี๋ยนั้นเข้าใจดี : “เด็กๆจ๊ะ พวกเราเล่นอยู่ที่นี่ก่อนนะ ย่ากับพ่อของพวกเรามีธุระต้องคุยกันจ้ะ” พูดจบ เธอก็เดินออกจากห้อง
“โม่ มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ”
“ขอโทษด้วยครับ วันนี้ผมจะพาพวกเขาออกไปเที่ยว แต่ว่าตอนนี้เหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ผมเพิ่งได้รับสาย ผมจำเป็นต้องเข้าร่วมงานสังคมมื้อเที่ยงนี้ ดังนั้นต้องขอให้คุณช่วยดูแลพวกเด็กๆด้วย”
หวีหรูเจี๋ยยิ้มนิดๆ : “ทุกคนเป็นคนในครอบครัวทำไมต้องเกรงใจด้วย หลายวันมานี้ฉันก็คิดถึงพวกเด็กๆมาก งั้นก็ให้พวกเขาอยู่ที่นี่แล้วกัน ลูกไม่ว่างพาพวกเขาออกไปเล่น แม่กับจิ่งเฉิงจะพาพวกเขาไปเอง”
***
หยางหยางเห็นพ่อกับย่าออกไปข้างนอก ก็รู้ว่าพวกเขามีความลับที่ต้องการพูดคุยกัน เขาที่เป็นเด็กน้อยขี้สงสัยย่อมไม่พลาดเรื่องนี้
เขาพยายามขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเข้าใกล้ประตูให้มากที่สุด หยางหยางจึงได้ยินบทสนทนาของพวกเขาบางส่วน
“นี่ๆ เกิดเรื่องไม่ดีแล้ว…” หยางหยางรีบหายวับวิ่งไปหาเฉิงเฉิงและจิ่วจิ่วอย่างรวดเร็ว เขากระซิบบอกพวกเขา
ไม่ไกลออกไปมีสายตาของโม้จิ่งเฉิง กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ระเบียง
เขามองไม่เห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆของหยางหยางเมื่อกี้นี้เลย ในตอนที่เขาวางหนังสือพิมพ์ลง แล้วมองเห็นเด็กทั้งสามคนรวมกลุ่มกันอยู่ เขายิ้มเล็กน้อย
เดาได้ว่าพวกเด็กๆกำลังพูดคุยกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เฉิงเฉิงมองหยางหยางอย่างไม่เข้าใจ : “นายทำอะไรน่ะ มีอะไรก็รีบพูดมา”
“ฉันไปแอบฟังพ่อคุยกับคุณย่ามา”
เฉิงเฉิงมองเขาด้วยสายตาดูถูก : “นายมีนิสัยเสียแอบฟังคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
จิ่วจิ่วเองก็พูดอย่างคล้อยตามว่า : “ใช่ๆ แม่บอกว่าแอบฟังคนอื่นมันผิดศีลธรรม”
หยางหยางกลับทำหน้าตาเฉยเมยไม่สนใจ : “ฉันแอบฟังแล้วมันยังไง ตอนนั้นถ้าฉันไม่ได้แอบฟังแผนการร้ายของย่ารอง แล้วจะช่วยพ่อออกจากสถานีตรวจได้ไหม นอกจากนี้พวกนายไม่ได้ดูทีวีหรือไง คนอเมริกันยังแอบดักฟังทั่วโลกเลยนะ ผลสุดท้ายไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นเลยใช่ไหม ถึงแม้จะมีการประท้วงในระดับชาติ แต่ท้ายที่สุดก็ยังต้องฟังคนอื่นอยู่ดี”
“ตรรกะแบบนี้ของนาย ฉันไม่มีทางยอมรับหรอก หรือว่าเห็นอยู่ชัดๆว่าตัวเองทำผิดก็ยังจะยืนกรานต่อไป? อย่างนี้มันมีแต่จะทำให้ฐานะทางสังคมของนายในสายตาคนอื่นลดต่ำลงรู้หรือเปล่า?” เฉิงเฉิงส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว
“เหอะ ฉันไม่บอกนายหรอกว่าเรื่องที่พ่อจะพาพวกเราออกไปเที่ยวพังทลายลงแล้ว”
“อ๋า? ถ้ายังไงพวกเราก็ไม่ได้ไปเล่นแล้ว ต้องกลับไปบ้านป้าเฉียวเฉียวหรือเปล่าคะ?” ไม่ง่ายเลยที่จิ่วจิ่วจะยอมให้คุณพ่อปีศาจพาตนเองออกมาเล่นแต่ถ้าต้องเป็นตามข้อมูลนี้ก็ต้องผิดหวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“น้องสาว เธอรู้ได้ไงอ่ะ?” ดูเหมือนว่าหยางหยางจะไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองเพิ่งจะหลุดปากพูดออกไปแล้ว
เฉิงเฉิงถอนใจอีกรอบ ไม่ใช่เป็นเพราะไม่ได้ไปเล่นจึงเสียใจ แต่เพราะหยางหยางคนนี้ฉลาดมากเกินจึงเสียรู้
“คุณพ่อไม่ใช่คนที่จะผิดสัญญาง่ายๆ จะต้องมีธุระกะทันหันเขาถึงได้ทำแบบนี้ เพราะเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเราก็เตรียมตัวกลับไปที่บ้านป้าเฉียวเฉียวกันเถอะ” คนที่เข้าใจเป่หมิงโม่มีเพียงแค่เฉิงเฉิง
ในฐานะพี่ชายของพวกเขา ในเวลาเช่นนี้ควรจะให้ไอเดียแก่น้องชายและน้องสาว
จากนั้นไม่นาน หวีหรูเจี๋ยและเป่หมิงโม่กลับมาจากข้างนอก
“คุณพ่อไม่ต้องกังวลใจเรื่องพกวเราหรอกนะครับ พวกเราจะกลับไปที่บ้านป้าเฉียวเฉียว ถ้ามีธุระด่วนไปจัดการได้เลย” เฉิงแงพูดพร้อมกับยื่นมือไปดึงหยางหยางที่กำลังหมดอาลัยตายอยากและจิ่วจิ่วเพื่อเตรียมจะออกไป
*****************************************************