บทที่ 931 หมาป่าตัวใหญ่และหมูน้อยสามตัว
แอนนิปอกแอปเปิ้ลแล้วส่งให้ในมือของลั่วเฉียว “ลั่วเฉียว คนก็กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว เธอยังจะพูดถึงเรื่องนี้อีกทำไม”
จากนั้นก็แบ่งยื่นให้กับโม้จิ่งเฉิงและหวีหรูเจี๋ยคนละชิ้น
โม้จิ่งเฉิงรับแอปเปิ้ลมา “ฮึฮึ นี่ไม่มีอะไรที่ควรพูด แต่ผมกลับรู้สึกว่าหนึ่งในพวกเรามีสิทธิ์ที่จะพูด มีเพียงเขาที่จะพูดได้ดีที่สุดแล้ว แต่ก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือจากพวกเรา เรื่องราวหลังจากนั้น ผมคิดว่าคุณคงต้องถามเป่หมิงโม่ตัวด้วยเองแล้วล่ะ หรือว่าถ้าคุณมีความสนใจล่ะก็ สามารถไปสถานีตำรวจเพื่อถามจากคนร้ายก็ได้”
พูดจบ เขาตั้งใจส่งสายตาไปที่ลั่วเฉียว และสายตาของเขาก็จ้องมองไปที่หยางหยางที่ดูมีความนิ่งสงบมาก
คราวนี้เขาก็นั่งอยู่กับเฉิงเฉิงและจิ่วจิ่ว เด็กน้อยสามคนต่างถือแอปเปิ้ลขึ้น แล้วกัดกิน
พูดถึงตรงนี้ หวีหรูเจี๋ยก็เหลือบมองโม้จิ่งเฉิง “ถ้าคุณไม่อยากบอกพวกเขาก็พูดออกมาตรง ๆ สิ ทำไมต้องแกล้งเด็กพวกนี้ด้วย ยังจะให้ไปถามอะไรจากพวกคนร้ายอีก นี่คุณก็ยังอุตส่าห์คิดออกมาได้เนอะ”
“หยางหยาง……ผมจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเช้าให้ป้าฟังได้ไหมเอ่ย……” ลั่วเฉียวเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ยิ้มแย้ม จากสีหน้าที่ดุดันในเมื่อกี้นี้
***
หยางหยางเหล่ตามองไปที่ลั่วเฉียว แสดงสีหน้าที่สงสัยโดยไม่มีการปกปิด “ป้าเฉียวเฉียว นี่ป้ากำลังกล่อมเด็กอยู่ไช่ไหม?การกระทำเมื่อกี้ที่จะจัดการผมหายไปไหนแล้ว อยากจะรู้วีรกรรมของพวกเรา ถึงขั้นใช้กลอุบายแบบนี้ ก็ดูจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า……”
ลั่วเฉียวเหล่ตามองหยางหยาง ทั้งไม้อ่อนและไม่แข็งก็ทำอะไรเด็กคนนี้ไม่ได้จริง ๆ
“หยางหยางงั้นเรามารอดูกัน ถึงเวลาถ้าแม่ของเธอตีเธอ ป้าก็จะไม่ห้ามเธอแล้ว และจะใส่ไฟเข้าไปด้วย ถ้ามีโอกาสเข้าไปร่วม ป้าก็จะตีเธอสักทีสองที”
เวลานี้ ไม่ใช่แค่หยางหยาง แม้แต่เฉิงเฉิงซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างก็ยังรู้สึกหนาวเหน็บ
มีเพียงคนนอกอย่าง โม้จิ่งเฉิง หวีหรูเจี๋ยและแอนนิเท่านั้นที่จะมองพวกเขาแล้วยิ้ม ในสายตาของพวกเขา นี่เป็นเพียงการทะเลาะระหว่างเด็กทั้งสองคนเท่านั้น
เมื่อเห็นเจ้าเด็กหยางหยางคนนี้ไม่ได้คล้อยตามแผนของตัวเอง จากนั้นก็เปลี่ยนกลอุบายดีกว่า หรืออาจจะเริ่มลงมือจากเด็กอีกสองคนดี……
ตอนนี้เธอเหมือนหมาป่าตัวใหญ่ที่เผชิญหน้ากับหมูน้อยทั้งสามตัว มองไปที่เฉิงเฉิง และจ้องไปที่จิ่วจิ่ว จากนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้า
ในที่สุด เธอก็พุ่งเป้าไปที่จิ่วจิ่ว “เด็กน้อยจ้า ไม่งั้นหนูก็บอกป้าหน่อยว่า ตอนที่พวกหนูโดนคนร้ายจับตัวไปแล้ว หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างดีไหมจ๊ะ?”
น้ำเสียงหวานเหมือนดื่มน้ำผึ้งมาทั้งขวด มีน้ำผลไม้ไหลออกมาจากมุมปาก
จิ่วจิ่วมองลั่วเฉียวด้วยความหวาดกลัว เธอยังตกใจกับท่าทางที่ดุร้ายเมื่อกี้นี้และท่าทางของหยางหยางที่คอยปิดหูร้องขอความเมตตา
ถ้าการเจอคนร้ายในสวนสนุกเป็นการตกใจครั้งแรก งั้นการเผชิญหน้ากับลั่วเฉียวสามารถเรียกได้ว่าเป็นครั้งที่สอง แต่ความแตกต่างก็คือ คนร้ายนั้นดุร้ายอย่างเห็นได้ชัด เธอยังเคยเห็นมันในทีวี
แต่ป้าเฉียวเฉียวตรงหน้าเธอไม่ใช่ เธอมักจะแสดงรอยยิ้มและใจดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้มีลูกแล้ว มองดูตอนที่เธออุ้มลูก จิ่วจิ่วดูเหมือนจะพบกับความรู้สึกที่ห่างหายไปนาน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ก็เป็นความประทับใจที่ดีมาก แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ได้ทิ้งความรู้สึกที่ไม่ดีไว้กับเธอเล็กน้อย
“หนูน้อยจิ่วจิ่ว……” ยังคงยิ้มอยู่ พยายามต่อไปเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองอยากรู้จากปากของเธอ
“ป้าเฉียวเฉียว ป้าดูไม่ออกเลยหรอ ป้าทำให้น้องสาวตกใจหมดแล้ว” หยางหยางยิ้มกริ่มและยั่วโมโหลั่วเฉียว
แต่ลั่วเฉียวไม่คิดแบบนั้น เธอภูมิใจในความงามของตัวเองเช่นคนรุ่นใหม่ด้วยใบหน้าและรอยยิ้มที่น่ารัก ไม่ว่าคุณจะเคยเห็นเธอมาก่อนหรือไม่ก็ตาม เพียงแค่มองไปที่เธอก็จะโดนสะกดไว้แล้ว
เธอกลอกตาแล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ใครบอกว่าป้าทำให้จิ่วจิ่วตกใจ?แม้ว่าจะถอยให้หนึ่งหมื่นก้าว อย่างน้อยป้าก็ยังสูสีกับแม่ของพวกเธอ แต่ถ้าเทียบกับพ่อตัวแสบของพวกเธอ คงทิ้งห่างเขาไปหลายช่วงตึกเลย”
“เฉียวเฉียว ไม่เคยเห็นคนหลงตัวเองแบบคุณมาก่อนจริง ๆ ถ้าเทียบกับเป่หมิงโม่ก็แล้วไป ยังจะพูดถึงกู้ฮอนอีก หรือต้องการให้ฉันบอกเธอ เมื่อเธอกลับมา” แอนนิพูดอย่างร่าเริง
“ใช่ใช่ น้าแอนนิ รอแม่กลับมาแล้วน้าก็บอกแม่เลย ป้าเฉียวเฉียวพูดไม่ดีเกี่ยวกับเธอลับหลัง” หยางหยางเห็นเพียงเป็นเรื่องสนุก ไม่สนใจว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ จึงเติมเชื้อไฟเข้าไปโดยตรง
“หยางหยาง เราอย่ามาบิดเบือนความหมายนะ ป้าพูดเมื่อไหร่ว่าเธอด้อยกว่าป้า” ลั่วเฉียวเริ่มอธิบายคำพูดเมื่อกี้ที่ไม่ถูกต้องของตัวเอง
***
บนดาดฟ้าของบริษัทเจียเม้า ทั้งสี่คนนั่งลงรอบโต๊ะอาหาร อาหารที่วางตรงหน้าพวกเขา ล้วนทำมาอย่างสวยงามมาก อาหารรสเลิศหอมกรุ่นและไวน์สีแดงก่ำ
ไม่ไกลนัก มีพนักงานเสิร์ฟในชุดทักซิโด้สีดำและถุงมือสีขาวยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบ
ความโกลาหลในสถานที่ดังกล่าวได้เพิ่มบรรยากาศให้มีชีวิตชีวาบนชั้นดาดฟ้าที่เงียบสงบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่หลังจากที่ใช้ความสุภาพเข้าจัดการ จากนั้นก็เข้าสู่ความเงียบแล้ว
ดูเหมือนว่าจะเข้าใจผิดว่า ไม่เคยมีใครมาที่นี่
มีเพียงเสียงถ้วยและจานที่ดังเป็นครั้งคราวเมื่อเกิดการกระทบกันเบา ๆ และเสียงกระพือเล็กน้อยของร่มกันแดดเมื่อสายลมพัดมา
แสดงให้เห็นว่างานเลี้ยงที่นี่กำลังดำเนินอยู่ แต่ทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ต่างก็มีความในใจของตัวเอง และไม่สามารถหาภาษากลางในการสื่อสาร
หลังจากเวลาผ่านไปอาหารและไวน์ก็ค่อย ๆ หายไปทีละนิด และมันดูไม่เหมือนกับตอนเสิร์ฟเลย เหลือเพียงบางส่วนเท่านั้น
ในตอนนี้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าพร้อมกับกองเอกสาร เดินมาทางด้านข้างประธานหลัว แล้วก้มลงกระซิบกับเขาสองสามคำ
ในขณะที่ประธานหลัวฟังอยู่ คิ้วของเขาก็มีรอยย่นขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ยืดอก ในที่สุดเขาก็พยักหน้า “โอเค เดี๋ยวฉันลงไป”
“ผมว่าน่าจะถึงเวลาแล้ว ทุกท่านก็คงกินอิ่มกันแล้วเหมือนกัน วันนี้เป็นวันที่ทำให้หลัวรู้สึกละอายใจจริง ๆ รีบร้อนเชิญทั้งสามท่านมา และยังรีบร้อนเตรียมอาหารเครื่องดื่มพวกนี้อีก และไม่รู้ว่าจะถูกปากพวกคุณไหม” รอจนพนักงานไปแล้ว เขาพูดด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด
“ประธานหลัว พูดอะไรแบบนี้ วันนี้ได้รับคำเชิญจากคุณ ผมในฐานะพนักตัวเล็ก ๆ ของตระกูลเป่หมิงรู้สึกเป็นเกียรติมาก มาครับ ผมดื่มให้กับคุณอีกแก้ว” และในช่วงระยะเวลาที่เป่หมิงยี่เฟิงอยู่ในตระกูลเป่หมิง เขาก็ไม่ได้เอาแต่คิดเรื่องที่ว่าจะเอาตระกูลเป่หมิงกลับคืนมา เพราะยังไม่เชี่ยวชาญด้านการเจรจาและการเข้าสังคมเท่าไหร่นัก
เขารีบยืนขึ้นพร้อมกับแก้วของเขา
ประธานหลัวยิ้มจาง ๆ เขายังคงนั่งอย่างมั่นคงบนเก้าอี้ แต่เขาหยิบแก้วที่อยู่ตรงหน้าตัวเองและหันไปแสดงท่าทางให้กลับเป่หมิงยี่เฟิง จากนั้นสายตาของเขาก็หันไปมองเป่หมิงโม่และกู้ฮอน “อดีตประธานและประธานปัจจุบันของบริษัทเป่หมิง งั้นเรามาชนแก้วกันดีกว่า ถือว่าเป็นการปิดท้ายมื้อเที่ยงนี้อย่างสมบูรณ์แบบก็แล้วกัน พวกคุณคิดว่าอย่างไร?”
“ขอบคุณประธานหลัวสำหรับการต้อนรับของคุณในวันนี้ค่ะ” กู้ฮอนพูดด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า และพลางชูแก้วไวน์ของตัวเองขึ้น
เป่หมิงโม่ก็หยิบแก้วของตัวเองขึ้น และพยักหน้าให้กับประธานหลัว “ประธานหลัว หลังจากโครงการความร่วมมือก่อนหน้านี้ของพวกเราเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผมอยากจะเชิญคุณมาดื่ม คุณคิดว่าอย่างไรครับ?”
เมื่อประธานหลัวได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็เหมือนกับดอกไม้ที่เบิกบานมีความสุขและเขาก็พยักหน้าซ้ำ ๆ “โอเค ได้เลย ผมก็คิดอยากจะดื่มกับประธานเป่หมิงมาโดยตลอด แต่แค่ไม่เคยมีโอกาสนี้ เดิมทีคิดว่าวันนี้จะมีโอกาส แต่ผมดูแล้วตอนนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ทุกท่าน เรามาดื่มแก้วสุดท้ายกันเถอะ”
พูดจบ เขาเป็นคนแรกที่เงยหน้าขึ้นและดื่มของตัวเองหมดเลย ต่อมาเป่หมิงโม่และเป่หมิงยี่เฟิงก็ดื่มของตัวเองจนหมดเหมือนกัน
เหลือแค่กู้ฮอนเป็นคนสุดท้าย
เธอไม่ชอบดื่มสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เมาหนักมากกับลั่วเฉียวในตอนนั้น แต่ตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่สูง และคนตรงหน้าก็เป็นหุ้นส่วนพันธมิตรกัน
ไม่ได้ดื่มไวน์เปิดงานก็แล้วไป แต่ไวน์ปิดงานยังไงก็ต้องดื่มแล้วล่ะ เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เธอก็หยิบแก้วของตัวเองขึ้นมา แล้วกำลังจะเทเข้าปาก
ในตอนนี้ เขากลับถูกมือใหญ่หยุดไว้
***
ทีแรกกู้ฮอนนึกว่าเป็นเป่หมิงโม่ แต่เมื่อหันหน้าไปดูกลับเป็นเป่หมิงยี่เฟิง ในขณะที่มือของเขาจับไปที่ตัวแก้ว นิ้วก้อยของเขาก็แตะไปที่นิ้วมือของเธอเบา ๆ
ความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้ทำให้กู้ฮอนรู้สึกเหมือนอยู่ห่างออกไปคนละโลก แต่มันทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ บางทีอาจจะรู้สึกหลังจากที่เป่หมิงยี่เฟิงปรากฎตัวในบริษัทเป่หมิง อีกครั้งก็เป็นได้
เพราะตอนนั้นเขาเหมือนเป็นคนละคน และเธอยังรู้สึกถึงลมหายใจที่คล้ายกับเป่หมิงโม่จากร่างกายของเป่หมิงยี่เฟิงอีกด้วย
และลมหายใจที่คล้ายกันแบบนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่ชอบที่สุดเลย
และเพราะแบบนี้ ระยะห่างระหว่างพวกเขาก็ยิ่งห่างเหินมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งอยู่เป่หมิงยี่เฟิงก็เปลี่ยนไปแบบไม่คาดคิด ยิ่งอยู่ยิ่งไม่คิดถึงตัวเอง ยิ่งทำให้กู้ฮอนรู้สึกว่าต้องอยู่ห่าง ๆ เขาไว้
วันนี้ ในโอกาสนี้ และอยู่ต่อหน้าเป่หมิงโม่ เขาจะดื่มไวน์แทนตัวเอง การกระทำนี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงจริง ๆ เลย
“ประธานกู้ดื่มไม่เก่ง แก้วนี้ให้ผมดื่มแทนเธอก็แล้วกันนะครับ” เป่หมิงยี่เฟิงพูดพลางหยิบแก้วไวน์จากมือกู้ฮอนมาอย่างเบามือ
และดูเหมือนว่ากู้ฮอนไม่ได้คิดจะรั้งเขา หรือว่าเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว แก้วในมือก็ไปอยู่ในมือของเป่หมิงยี่เฟิงแล้ว
เมื่อเธออยากจะแย่งแก้วกลับมา ก็เห็นแก้วที่ว่างเปล่าในมือเขาแล้ว
“ประธานกู้โชคดีจัง วันนี้มีผู้ชายสองคนดื่มไวน์แทนคุณ ดูเหมือนว่าคุณจะได้รับความนิยมอย่างมาก ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในตระกูลเป่หมิง น่าเสียดายที่ผมก็อยากดื่มให้คุณกู้ฮอนด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว ทุกท่านผมยังมีธุระอย่างอื่น ต้องขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะให้พนักงานพาทุกท่านไปที่ห้องรับรองก่อน ถ้าทั้งสามท่านเหนื่อยก็สามารถพักที่นั่นก่อนได้เลย”
ประธานหลัวพูดจบก็รีบร้อนเดินออกไปแล้ว
แน่นอนว่าเป่หมิงโม่เห็นเป่หมิงยี่เฟิงดื่มไวน์แทนกู้ฮอนแล้ว ในขณะที่สายตาเย็นชาที่จ้องไปที่เป่หมิงยี่เฟิง และเป็นจังหวะที่กู้ฮอนไม่อยากที่จะเห็น
เธอกังวลมากถึงพฤติกรรมที่ไม่สุภาพของเป่หมิงโม่ในที่นี่ ตัวเองถูกหนีบอยู่ระหว่างผู้ชายสองคน บางทีวิธีที่ดีที่สุดคือใช้โอกาสนี้รีบออกไปโดยเร็ว
“ที่บริษัทยังมีงานอีกมากที่ต้องจัดการ ฉันกลับไปก่อนนะ” กู้ฮอนพูดจบ ก็ไม่ได้มองไปที่พวกเขาอีกเลย แต่กลับรีบร้อนเดินออกจากดาดฟ้าไปโดยเร็ว
อาจจะเป็นสิ่งที่กู้ฮอนคิดไม่ถึง หลังจากที่เธอจากไป ชายแซ่เป่หมิงทั้งสองคนไม่ได้ลงไม้ลงมือ แต่บรรยากาศระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย
“เป่หมิงยี่เฟิง ฉันมีคำพูดที่อยากแนะนำนาย อย่าคิดว่าตัวเองเจ๋งเลย