บทที่ 924 ทางเลือกของผู้เป็นพ่อ
“เรื่องที่น่ารำคาญที่สุดก็คือการแทรกโฆษณาในเวลาคับขัน และแน่นอนว่าสิ่งที่น่ารำคาญยิ่งกว่าคือการฉายโฆษณาตอนที่ฉันกำลังดูหนังนี่แหละ ต่อให้เป็นแค่ช่วงสั้น ๆ ก็ไม่โอเค”
แอนนิได้ยินคำพูดของลั่วเฉียวก็ยิ้มเล็กน้อย “เธอนี่นะ แค่คนเขาขัดผลประโยชน์ของเธอนิดหน่อยก็ต่อว่าซะแล้ว พวกรายการทีวีทำแบบนี้ก็เพื่อหาเงินไม่ใช่หรือไง”
ลั่วเฉียวแค่นเสียงในลำคอ “รายการทีวีพวกนี้ขาดเงินที่ไหน คนพวกนั้นเป็นผีดูดเลือดตัวจริงต่างหาก ภาพลักษณ์ภายนอกดูเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล แต่ความจริงแล้วก็กำลังทำกำไรกันทั้งนั้น หลอกลวงกันทั้งเพละสิไม่ว่า โจรตั้งคน แต่กลับถูกคนคนเดียวเปลี่ยนสถานการณ์ ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าคนคนนั้นเป็นยังไง”
“เฮ้ ๆ คุณอย่าคิดฝันไปหน่อยเลย ตอนนี้คุณแต่งงานมีสามี แถมยังมีลูกแล้วด้วย ”
“แล้วยังไง คุณจะไม่อนุญาตให้ฉันคิดฝันหน่อยเหรอ ถ้าจะบอกว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ด้วยรวมได้แล้ว นอกจากคุณลุงฮัวบ้านคุณแล้ว ฉันคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะเป็นใคร” ลั่วเฉียวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสนุกขึ้นมาแล้ว
แอนนิเม้มริมฝีปาก “คุณนี่นะ เมื่อก่อนเอาแต่หลบอยู่ตลอด ตอนนี้มาหนึ่งคนก็หันไปมองแบบร้อยแปดสิบองศา ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบตอนนี้ตั้งแต่แรก ทำไมต้องเป็นแบบเมื่อก่อนกันนะ ”
“ฉัน ฉัน ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะ ‘เจ้านาย’ คนนั้นที่เขาชอบพูดถึงหรือไง หมอนั่นน่ารังเกียจเป็นที่สุด อะไรที่เรียกว่า ‘เกลียดใครก็เกลียดคนของเขาด้วย’ พรรค์นั้น ฉันเกลียดท่าทีที่เย็นชากับความเผด็จการบ้าอำนาจของเป่หมิงโม่ แน่นอนยังคิดไปถึงว่าลุงฮัวจะเป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า แบบว่า ‘คบคนแบบไหนเป็นคนแบบนั้น’ แต่จากการตรวจสอบในระยะยาวและการวินิจฉัยอย่างละเอียดของฉันแล้วพบว่า ลุงฮัวเป็นดอกบัวขาวที่ ‘โผล่พ้นโคลนตมโดยไม่แปดเปื้อน’ ดอกหนึ่ง”
“ลั่วเฉียว หยุดพูดได้แล้ว จะพูดจนฉันรู้สึกหนาวไปทั้งตัว” แอนนิจงใจแสร้งทำเป็นตัวสั่น
“เหอะ แบบคุณน่ะเรียกว่าขี้อิจฉาริษยาน่ารังเกียจ”
*
ไม่รู้จริง ๆ ว่าฉิงฮัวที่กำลังทำงานอยู่ควรจะมีสีหน้าหรือว่ารู้สึกยังไงถ้าได้ยินคำพูดชื่นชมของลั่วเฉียวเข้า
กู้ฮอนอ่านเอกสาร เพราะว่าในใจไม่สงบเอาเสียเลย รู้สึกแบบนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว ฉิงฮัวให้เธอไปพักแล้วค่อยกลับมาทำงาน แต่ว่าเธอก็ปฏิเสธไป
ในตอนนั้นเองโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น
หยิบขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นแอนนิโทรมา ไม่รู้ว่าเขามีธุระอะไร หรือว่าที่บ้านเกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่
เพราะคิดถึงตรงนี้ เธอก็คิดถึงพวกเด็ก ๆ ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารกตัวน้อยอย่างจิ่วจิ่ว อยู่กับเป่หมิงโม่จะเป็นยังไงบ้าง เริ่มร้องไห้งอแงตะโกนว่าจะกลับบ้านหาหม่ามี๊บ้างไหมนะ
“คุณหนู โทรศัพท์” ฉิงฮั่วที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นกู้ฮอนไม่รับสายโทรศัพท์สักที ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ก็เลยส่งเสียงเตือนเมา
“อ้อ แอนนี่โทรมาน่ะ” กู้ฮอนพูดพลางกดรับสายโทรศัพท์
“แอนนิ โทรหาฉันมีอะไรหรือเปล่า”
“ฮอน ตอนนี้ว่างไหม เปิดทีวีดูช่องข่าวท้องถิ่นเร็วเข้า”
“แอนนิ ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่ จะได้มีเวลาดูทีวีได้ไง ใช่แล้ว ตอนเที่ยงฉันยังต้องไปร่วมงานเลี้ยง ถ้าเป่หมิงโม่พาเด็ก ๆ กลับมาแล้ว ฝากนายดูแลพวกเขาหน่อยนะ”
“ฮอน จะดีมากถ้าเธอเปิดข่าวดู ในข่าวกำลังรายงานเรื่องสวนสนุกที่เป่หมิงโม่พาเด็ก ๆ ไป ที่นั้นเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!”
***
กู้ฮอนรีบดึงสติกลับมาทันที “แอนนิ เธอว่าอะไรนะ เกิดเรื่องขึ้นแล้ว! ได้ ฉันจะรีบดูเดี๋ยวนี้”
เธอรีบวางโทรศัพท์ลงทันทีสีหน้าเริ่มตึงเครียดขึ้นมา เด็ก ๆ ยังคงอยู่ที่นั่น คนเป็นแม่จะไม่กังวลได้ยังไง
“คุณหนู เกิดอะไรขึ้น” จากบทสนทนาเมื่อกี้ของกู้ฮอน ฉิงฮัวจะรู้ได้ทันทีว่าเหมือนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าเป็นกังวลแบบนั้นของเธอ เขารู้ได้ทันทีว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ
ไม่ต้องรอให้สั่ง เขาก็เปิดอุปกรณ์ฉายภาพที่อยู่ในห้องทำงานทันที เจ้านี้มีไว้สำหรับงานนำเสนอ แต่บางครั้งมันก็ถูกใช้เป็นทีวี
“สวนสนุกที่พูดเด็ก ๆ ไปเกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว รีบเปิดไปช่องข่าวท้องถิ่นเร็วเข้าl” กู้ฮอน พูดพลางหยิบโทรศัพท์โทรหาเป่หมิงโม่ ก็อยากยืนยันให้แน่ใจว่าตอนนี้พวกเด็ก ๆ ปลอดภัย
แต่คิดไม่ถึงว่าไม่มีใครรับโทรศัพท์ “เจ้าบ้านี่รับโทรศัพท์สิ!” เธอเฝ้ารออย่างกระสับกระส่าย ปากเอาแต่พูดไม่หยุด
แต่เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงของเป่หมิงโม่ ทว่าเป็นเสียงของระบบตอบรับอัตโนมัติ “เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ชั่วคราว กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งในภายหลังค่ะ”
ทันใดนั้นก็เกิดลางสังหรณ์เลวร้ายบางอย่างขึ้นมาในใจ คงไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ หรอกนะ
บนหน้าจอกำลังถ่ายทอดสดการรายงานข่าว “สวัสดีค่ะทุกท่าน ตอนนี้พวกเรากำลังติดตามเหตุการณ์การจับตัวประกันข้างในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่สวนสนุกประจำวันแห่งนี้ จากรายงานการติดตามในช่วงก่อนหน้า พวกเราดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ถูกกลุ่มโจรควบคุมไว้สามารถหลบหนีออกมาได้สำเร็จ ตอนนี้ข้างในห้องโถงชมวิวเหลือตัวประกันอีกแค่หกคน นักท่องเที่ยวที่หนีออกมาได้บอกว่า พวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากการปรากฏตัวของคนคนหนึ่ง และตอนนี้คนคนนั้นก็กำลังเผชิญหน้ากับพวกโจรอยู่ข้างใน”
“คุณหนู วันนี้พวกเจ้านายออกไปเที่ยว พวกเขาคงไม่ได้ไปที่นั่นใช่ไหม” ฉิงฮัวถามอย่างระมัดระวัง พอเขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ทำให้ทุกคนต่างมีความสุข
กู้ฮอนไม่ตอบ แต่จ้องไปที่หน้าจออย่างดื้อดึงและพูดอย่างโมโห “ตอนนั้นฉันบอกแล้วว่าไม่ให้ไป แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังไป”
“คุณหนู อย่าเพิ่งโมโหเลยครับ เจ้านายก็แค่หวังดี เห็นว่าตอนนี้คุณกำลังยุ่งเรื่องงาน ไม่มีเวลาเที่ยวเล่นกับคุณชายน้อยและคุณหนูน้อย ก็เลยพาพวกเขาไป…”
“ไม่ต้องมาพูดเรื่องดี ๆ แทนเจ้านายคุณต่อหน้าฉัน เขาเป็นคนยังไง วางแผนช่วยอะไรอยู่ในใจฉันรู้ดีที่สุด ที่ฉันงานยุ่งก็เพราะเขาเป็นคนทำให้มันยุ่ง เป้าหมายก็เพื่อใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดกับเด็ก ๆ”
“คุณหนู บางทีสิ่งที่ผมพูดออกไปก่อนหน้านี้อาจจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะพูด นั่นคือความจริงแล้วคุณหนูไม่ได้เข้าใจถึงความรักของคนเป็นพ่อ แม้ว่าทุกวันจะยุ่งวุ่นวายมากมายขนาดไหน ถึงขนาดที่ว่าได้ไม่สนใจไถ่ถามเรื่องราวของเด็ก ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สนใจ ที่เขาทำงานหนักแบบนี้ ยอมเสียสละเวลาที่จะได้อยู่ร่วมกับลูก ๆ ก็เพื่อที่จะให้พวกเขาได้มีอนาคตที่ดีไม่ใช่เหรอ เมื่อก่อนผมก็เคยคิดแบบเดียวกับคุณ คิดว่าเรื่องพวกนั้นก็แค่ข้ออ้าง ตอนนี้ผมเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่กับพวกเขา แต่ว่าถ้าอยู่กับพวกเขา ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขภายในครอบครัวได้ระยะหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นล่ะ บางทีอาจต้องเผชิญหน้ากับการทนทุกข์เพราะจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ประสบการณ์ชีวิตในวัยเด็กของเจ้านายทำให้เขามีความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องความรักในครอบครัว คุณมองไม่ออกเหรอครับว่าตอนนี้เขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปแล้ว”
***
บางทีคำพูดที่บีบหัวใจนี้ของฉิงฮัวกำลังสั่นสะเทือนหัวใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ เธอเลิกคิ้วเบา ๆ ไม่พูดอะไรต่อ ทว่ายังคงจับจ้องรายงานข่าวต่อไป
หน้าจอทีวีเล็งไปที่ทางเข้าออกของศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ถูกตำรวจปิดกั้นเอาไว้
เพื่อความปลอดภัยในการเฝ้าชม นักท่องเที่ยวทั้งหมดอยู่ห่างออกไปไม่เกินสิบเมตร
เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการระเบิด เตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผู้ร้าย และพยายามมองหาโอกาสในการช่วยตัวประกันที่เหลือ
ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินเข้าไป เงาดำบางกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่โถงชั้นหนึ่ง กลุ่มตำรวจรีบเตรียมตัวเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคนร้ายพุ่งออกมาจากวงล้อม
เป็นพวกคุณหญิงหญ่ คุณชายน้อย คุณหนูน้อย และคุณโม้! แล้วเจ้านายล่ะ ยังเป็นความว่องไวและเฉียบแหลมในการสังเกตของฉิงฮัว แค่เห็นเงาพวกนั้นก็สามารถตัดสินได้แล้วว่าเป็นใครที่ออกมา และในขณะเดียวกันก็เกิดคำถามขึ้นมาอย่างสงสัย
เงานั้นค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เห็นเพียงโม้จิ่งเฉิงกำลังประคองหวีหรูเจี๋ยที่น้ำตานองหน้า ข้าง ๆ พวกเขายังมีเด็กอีกสามคน ด้านหลังพวกเขายังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกสามคนคอยคุ้มกัน
ทันทีที่พวกเขาออกมา พวกสื่อก็ไม่สนใจการจัดระเบียบของตำรวจอีก รีบพุ่งตัวเข้าไปล้อมทั้งห้าคน
เดิมทีนี่ก็เป็นเพียงแค่ข่าวเล็ก ๆ เท่านั้น แต่หลังจากที่โม้จิ่งเฉิงปรากฏตัวขึ้น มันก็เปลี่ยนไปเป็นข่าวที่ไม่ธรรมดาแล้ว ถึงแม้ว่าปกติแล้วโม้จิ่งเฉิงกับหวีหรูเจี๋ยจะจัดการอย่างเงียบมาก ๆ แต่การร่วมมือกันระหว่างตระกูลเป่หมิงและบริษัท GT ก็เป็นเรื่องที่ฮือฮา
ดังนั้นโม้จิ่งเฉิงดึงดูดสายตาของผู้สื่อข่าว
คิดไม่ถึงเลยเขาจะกลายเป็นผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“คุณโม้ คุณโม้ ขอถามหน่อยสิครับว่าพวกคุณมีออกมาได้ยังไง ก่อนหน้านี้พวกเรารู้คำว่าพวกโจรจับตัวประกันไว้ห้าคน ยังมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับพวกเขา และเพราะเขาคนนั้นตัวประกันกลุ่มแรกจึงสามารถหนีออกมาได้สำเร็จ คุณรู้จักวีรบุรุษที่เผชิญหน้ากับพวกโจรคนนั้นไหมครับ”
เห็นรายงานข่าวแล้ว เฉิงฮัวก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “ก่อนหน้านี้ผมโทรศัพท์คุยเรื่องธุระในตอนเที่ยงกับเจ้านาย ดูจากเวลาแล้วน่าจะเป็นช่วงก่อนเกิดเหตุ จะว่าไปแล้ว หลังจากที่เจ้านายรู้ว่าตัวเองมีธุระ ก็ไม่ได้พาพวกเด็ก ๆ ไปเล่นอีก แต่พาไปฝากให้คุณหญิงใหญ่ดูแล…”
กู้ฮอนมองฉิงฮัวด้วยสายตาเย้ยหยัน “แล้วใช่ไหม ไม่ใช่ว่าฉันมีอคติกับเป่หมิงโม่ แต่เดิมทีเขาก็เป็นคนแบบนี้ เพราะฉะนั้นหลังจากนี้คุณก็ไม่ต้องชมเขาต่อหน้าฉันอีก ”
ฉิงฮัวทำได้เพียงเงียบไป ก็ไม่แปลกใจที่คุณหนูจะโกรธเจ้านาย ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว แม่กับลูกชายและลูกสาวของตัวเองโดนจับเป็นตัวประกัน แต่เขากลับไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน
*
โม้จิ่งเฉิงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวได้ “พวกคุณจะสัมภาษณ์ผมก็ได้ จะขอทางหน่อยได้ไหม ให้ครอบครัวผมออกไปก่อนได้ไหม วันนี้พวกเขาพบเรื่องสะเทือนใจมามากพอแล้ว”
พวกผู้สื่อข่าวเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล ในเมื่อโม้จิ่งเฉิงยอมให้สัมภาษณ์แล้ว ก็เป็นการสร้างความสะดวกให้กับทั้งสองฝ่าย
ด้วยเหตุนี้หวีหรูเจี๋ยจึงพาเด็ก ๆ ออกไปภายใต้กันคุ้มกันของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พวกเขาไปรอโม้จิ่งเฉิงที่รถ
เมื่อเห็นพวกเขาเดินไปแล้วโม้จิ่งเฉิงก็รู้สึกโล่งใจ หลังจากนั้นก็ยิ้มให้กับผู้สื่อข่าวเล็กน้อย “เพื่อน ๆ ผู้สื่อข่าวทุกคน มีคำถามอะไรก็เชิญถามได้”
“คุณโม้ พวกเราอยากรู้มาก ๆ เลยว่าคนที่ช่วยพวกคุณออกมาเป็นใคร ทำไมเขาถึงสามารถช่วยคนออกมาจากมือของกลุ่มโจรได้มากมายขนาดนี้ คุณเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์น่าจะรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน แล้วพวกเราอยากรู้อีกว่าพวกคุณถูกช่วยออกมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้างบนก็เหลือเขาแค่คนเดียว แบบนั้นแล้วสถานการณ์ข้างบนจะไม่เลวร้ายกับเขาไปหน่อยเหรอคะ”
***
โม้จิ่งเฉิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปพูดกับกล้อง “ผมอยู่ที่นี่ก็เพื่อขอบคุณเพื่อน ๆ ผู้สื่อข่าวทุกคนแทนเขา รวมไปถึงเพื่อนๆทุกคนที่เป็นห่วงเรื่องนี้ ความจริงแล้วคนคนนั้นเป็นคนที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี เขาคืออดีตประธานของบริษัทเป่หมิง คุณชายเป่หมิงโม่”
“หา…”
หลังจากทุกคนในที่เกิดเหตุได้ยินชื่อของเป่หมิงโม่ร้องขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
พวกเขารู้ดีว่าตั้งแต่เป่หมิงโม่ประกาศถอนตัวออกจากบริษัทเป่หมิง ก็หายตัวไปอย่าเงียบเชียบ เรียกได้ว่าไม่ว่าใครก็ตามหาตัวเขาไม่เจอ