บทที่ 934 ทั้งสองอารมณ์ไม่ดี
“คุณผู้หญิง คุณกลับมาแล้ว พวกเขาโอเคใช่ไหม?” ฉิงฮัวเห็นกู้ฮอนกลับมาแล้ว เขายังรู้ว่าเธอรีบออกจากที่ทำงานในตอนเช้าเพื่อไปที่สนามเด็กเล่น
ฉิงฮัวถูกทิ้งให้อยู่ในสำนักงานคนเดียว ทำงานไปด้วย อีกด้านก็ให้ความสนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จนในที่สุดก็มีทางออกที่น่าพอใจ
***
“พวกเขาโอเค คนแก่ทั้งสองพาเด็ก ๆ กลับไปแล้ว” กู้ฮอนพูดพลางวางกระเป๋าใบเล็กของตัวเองไว้บนโต๊ะ
“แล้วเจ้านาย……” ซิงฮัวพูดมาได้ครึ่งหนึ่งก็กลืนคำพูดกลับคืนแล้ว หลังจากที่เขาเห็นกู้ฮอนกลับมา สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก หรือพูดกลับกันก็คือดูแย่กว่าก่อนที่จะออกไปเสียอีก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อเช้าที่ทำให้เธออารมณ์ไม่ดีหรือเปล่า หรือเป็นเพราะไปงานเลี้ยงพร้อมกับเจ้านาย จากคำเชิญของประธานหลัวจากบริษัทเจียเม้า แล้วมีเรื่องอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
ไม่ว่ายังไง เขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะถามต่อ
ในขณะที่กู้ฮอนหยิบของในกระเป๋าออกมา เตรียมที่จะเคลียงานที่ทำค้างไว้ในช่วงเช้าให้เสร็จ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน
เธอหยิบมันมาดูปรากฏว่าเป็นเบอร์แปลกโทรมา ครั้งนี้ใครกันที่โทรมาหาเธอ?กู้ฮอนที่อยู่ในช่วงอารมณ์ไม่ดี เธอโยนมือถือไปอีกด้านหนึ่ง ปล่อยมันวางไว้บนโต๊ะและส่งเสียงดังต่อไป
ดูเหมือนว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้นในตอนเช้าหรือตอนเที่ยงเป็นแน่ ฉิงฮัวอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างนั้น เพราะจากที่เข้าใจและรู้จักกู้ฮอน เธอจะไม่ปล่อยให้มือถือดังและไม่รับสายเด็ดขาด
ถ้าอย่างนั้น ใครกันนะที่โทรเข้ามา?เจ้านายน้อยหรือว่าเจ้านาย?ถ้าหากเป็นเจ้านายน้อยล่ะก็ เธอจะต้องรับอย่างแน่นอน และยังต้องมีรอยยิ้มบนใบหน้า
หากเป็นสายจากเจ้านาย……นั่นยากที่จะพูด
เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุดเลยเพราะกู้ฮอนไม่รับสาย แต่หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งรอบ ก็มีอีกรอบหนึ่งตามมาทันที
ดูเหมือนว่าถ้าเธอไม่รับสายนี้ ก็จะดังไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าแบตเตอรี่จะหมด
“คุณผู้หญิง คุณควรจะรับสายนี้ก่อนไหมครับ หรือบางทีอาจจะมีเรื่องด่วนอะไรก็ได้” ฉิงฮัวพูดเตือนด้วยเสียงที่เบา
ใช่แล้ว แม้ว่าตัวเองจะยังคงไม่พอใจเพราะเรื่องของบริษัทเจียเม้า แต่ก็ไม่ควรให้เรื่องนี้มีผลกระทบต่อเรื่องอื่น ๆ ถึงยังไงตอนนี้ตัวเองก็อยู่ในฐานะประธานบริหารของบริษัท ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของบริษัทเป็นหลัก
คิดได้แบบนี้แล้ว ในขณะที่เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์กำลังจะสิ้นสุดลงเธอก็รับสาย “สวัสดีค่ะ”
เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายจากปลายสายดังขึ้น ฟังดูแล้วเหมือนจะมีความไม่พอใจ “คุณคือกู้ฮอนใช่ไหม ผมโทรติดกันหลายสายทำไมคุณไม่รับ?”
กู้ฮอนถูกคนในปลายสายใส่ไปชุดหนึ่งอย่างมึนงง แต่เธอพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ นี่มันเป็นใครกัน พูดจาหยาบคายมาก
“กรุณาพูดจาสุภาพหน่อยค่ะ ก็แค่เมื่อกี้ไม่ได้รับสายคุณ มีอะไรวิเศษขนาดนั้นหรอ คุณคิดว่าคุณเป็นใคร” เดิมทีกู้ฮอนที่กำลังโกรธอยู่แล้ว มาเจอกับคนบ้าบิ่นที่โทรมา แน่นอนว่าน้ำเสียงไม่ได้มีความสุภาพขนาดนั้น
“ผมเป็นตำรวจจราจรเขตตะวันตกของเมือง” อารมณ์ของคนในสายดูเหมือนจะถูกระงับด้วยพลังงานที่ไม่ยอมแพ้ของกู้ฮอน น้ำเสียงมีความอ่อนลงเล็กน้อย
ตำรวจจราจร?กู้ฮอนได้ยินก็อึ้งไปเลย ก่อนอื่นสงสัยว่าพวกเขาถ่ายภาพการฝ่าฝืนการขับขี่ของตัวเองได้หรือเปล่า แต่เมื่อลองคิดย้อนไปอย่างละเอียดแล้ว นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย ตัวเองขับรถปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด อย่าว่าแต่ฝ่าฝืนกฎเลย ขนาดขับรถไปที่ไหนก็ไม่เคยจอดรถข้างทางเลยด้วยซ้ำ
บุคคลที่อยู่ปลายสายยังคงพูดต่อ “คุณรู้จักเป่หมิงโม่ไหม?”
เป่หมิงโม่?หรือว่าผู้ชายคนนี้จะมีปัญหาอะไร?แต่ถ้าเขามีปัญหาทำไมถึงให้ตำรวจจราจรโทรหาตัวเองล่ะ?
***
หันหน้าไปทางห้องที่ว่างเปล่า มีเพียงเป่หมิงโม่คนเดียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวใกล้กำแพง
ท่าทางของเขาเย่อหยิ่ง เหมือนว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน
จัดระเบียบเสื้อผ้าได้เรียบร้อยโดยไม่มีรอยยับเลย และไม่มีฝุ่นบนเสื้อผ้าแม้แต่นิดเดียว
นี่เป็นช่วงเวลาที่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์กำลังพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาอาศัยสติในการไม่แสดงอาการเมาออกมา ถ้าคนอื่นไม่พูด ก็คงจะคิดไม่ถึงเลยว่าเขาเข้าไปในห้องขังเพราะเมาแล้วขับ
เจ็ดสิบมิลลิกรัมต่อหนึ่งร้อยมิลลิลิตร ซึ่งใกล้เคียงกับค่าที่กำหนดไว้แล้ว หากมีมากไปกว่าสิบมิลลิกรัมอีกล่ะก็ คาดว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาเมาแล้วขับแล้ว
เขาถูไปที่ใบหน้าของตัวเองแรง ๆ ด้วยมือทั้งสองข้าง วันนี้เรียกได้ว่าทำอะไรก็ไม่ราบรื่นเลย เหมือนว่ามีมือที่แอบชักใยอยู่
ในเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ก็คิดซะว่าเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่งล่ะกัน หรือว่า นี่ถึงจะเป็น‘ชีวิต’ที่แท้จริง และก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพียงการทำงานซ้ำ ๆ ซาก ๆ
ความจริงชีวิตก็มักจะมีความยุ่งยากอยู่แล้ว มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เกิดความผิดพลาดที่ซับซ้อน ความหลากหลายของมันน่าตื่นเต้นกว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในด้านธุรกิจ เข้าใจยากมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่คิดอยู่นั้น มุมปากของเป่หมิงโม่ก็ยกขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มชอบชีวิตแบบนี้แล้ว ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับใบหน้าที่ยิ้มแย้มด้วยความเจ้าเล่ห์
ไม่ต้องกังวลกับการสลับสีแดงและสีเขียวบนหน้าจอสีดำขนาดใหญ่……
อย่างไรก็ตาม เขามีเวลามากที่จะผ่อนคลายจิตใจ อย่างน้อยก็ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงนี้
“แกร๊ก……” เสียงเปิดประตูดูเหมือนจะขัดจังหวะความคิดชั่ววูบของเขาซะแล้ว
และต่อด้วยเสียงของรองเท้าส้นสูง เสียงที่คมชัดและเป็นจังหวะของการกระทบพื้นทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี
กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ เป็นแบรนด์ที่กู้ฮอนมักจะใช้เป็นประจำ
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่?” เป่หมิงโม่ยังใช้มือถูไปที่ใบหน้าของตัวเอง ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เขารู้สึกสบายผ่อนคลายมาก
มือข้างหนึ่งของกู้ฮอนถือกระเป๋าใบเล็กอยู่ อีกข้างหนึ่งท้าวเอว “ที่บริษัทมีงานมากมายที่ฉันต้องจัดการ ฉันยินดีมากที่จะไม่สนใจเรื่องไร้สาระของคุณ แต่ตำรวจยืนกรานขอให้ฉันมา คงจะมีใครบางคนเอ่ยถึงชื่อฉัน”
“โอ้?มีเรื่องแบบนี้ด้วย” เป่หมิงโม่แสดงท่าทางที่ดูเหมือนไม่รู้อะไรเลย บางทีความจำของเขาอาจจะต้องได้รับการซ่อมแซมสักหน่อย หรือตราบใดที่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หมดไปแล้ว ก็จะหายเองตามธรรมชาติ
“เอาล่ะ คุณอย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอยู่ตรงนี้เลย ในเมื่อฉันก็มาแล้ว ก็ไม่สามารถกลับไปมือเปล่า คุณนี่มันสุดยอดจริง ๆ เลยนะ มาที่นี่ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้จริง ๆ เลยว่าคุณมีความรู้สึกที่พิเศษกับสถานีตำรวจ” กู้ฮอนมีโอกาสที่ดีแล้ว ที่จะสามารถจัดการเขา
แน่นอนว่าสิ่งที่เธอพูดไม่ใช่สิ่งที่เธอคิด เธอก็รู้ดีว่าที่เป่หมิงโม่ต้องมาที่สถานีตำรวจทั้งสองครั้งนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกี่ยวข้องกับเธอ
และบทบาทที่เขาเล่นในสองครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรอื่นเลย นอกจากแพะรับบาป รู้สึกว่าเหมือนติดหนี้เขาจริง ๆ เลย
*
“ปึง……” หลังจากเสียงปิดประตูสองครั้งดังขึ้น เป่หมิงโม่และกู้ฮอนได้นั่งอยู่บนรถคันเดียวกัน
รถของเป่หมิงโม่ถูกตำรวจควบคุมไว้ชั่วคราว เขาจะเรียกให้คนอื่นมารับรถ ตอนนี้ปริมาณแอลกอฮอล์ของเขายังคงสูงอยู่เล็กน้อย กู้ฮอนก็ทำได้เพียงให้เขานั่งรถไปด้วยกัน
จริง ๆ แล้วสำหรับปลายทางของเขา ไม่เพียงแต่เธอไม่รู้ ขนาดตัวเขาเองก็ยังไม่มีความชัดเจนเลย
กู้ฮอนมองหน้าเขา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูน่าสงสารขึ้นมาบ้าง เหมือนกับสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง
***
เป่หมิงโม่นั่งในตำแหน่งข้างคนขับ เขาเอนพนักพิงไปต่ำมาก แบบนี้ก็สามารถทำให้เขานอนลงได้อย่างสบาย
กู้ฮอนคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือบมองไปที่ตำแหน่งข้างคนขับ ในใจพูดว่าผู้ชายคนนี้รู้จักเสพสุขดีนะ ดูเหมือนว่าตอนนี้ตัวเองกลายเป็นคนขับรถของเขาไปแล้ว
เธออยากจะเปิดประตูรถออก แล้วก็ยกขาถีบเขาออกไปจริง ๆ เลย
“ทำไมยังไม่ขับรถอีกล่ะ” ขณะนี้เป่หมิงโม่ก็ได้หลับตาลงเล็กน้อย ท่าทางสบาย ๆ นั้นเปรียบเสมือนได้โชคลาภที่มาจากลูกสาวของเจ้าของฟาร์ม
ในสถานการณ์แบบนี้ กู้ฮอนทำได้เพียงเตือนตัวเองว่า “ห้ามโกรธ แค่เพียงเขาพูดมาสถานที่ที่หนึ่ง จากนั้นก็เอาเขาไปทิ้งไว้ที่นั่น แล้วจะไม่สนใจเขา”
คิดได้แบบนี้ ทันใดนั้นกู้ฮอนก็รู้สึกมีความสุขเมื่อการแก้แค้นกำลังจะประสบความสำเร็จ ผู้ชายคนนี้สมควรได้รับการปฏิบัติแบบนี้ ให้เขารู้ว่าไม่ว่าทำเรื่องอะไรก็ต้องรู้จักให้กลับคืนไปบ้าง
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าตัวเองจะมีศักยภาพของ ‘Ah Q’ ความจริง คนส่วนใหญ่ก็มีคุณสมบัติแบบนี้ไม่ใช่หรอ?
ท้ายที่สุดแล้ว ประชาชนทั่วไปก็ไม่ได้เป็นทั้งพระพุทธเจ้าหรือนักบุญ ถ้ามันขัดแย้งกับตรรกะนี้ล่ะก็ งั้นบนโลกนี้ก็ไม่มีทั้งพระพุทธเจ้าและนักบุญแล้ว
จริง ๆ เลย กู้ฮอนทำอะไรไม่ถูกแล้วส่ายหัว ความคิดของฉันเริ่มหลุดลอยอีกครั้งแล้ว
เธอสตาร์ทรถและขับออกจากสถานีตำรวจอย่างช้า ๆ ภายในรถเงียบมาก เธอไม่ชอบเปิดเพลงที่มีเสียงกลองหนัก ๆ ภายในรถ นั่นมันจะทำให้อารมณ์ของตัวเองยิ่งยุ่งเหยิงมากขึ้น
เธอชอบโยฮัน เซบัสทีอัน บัค หรือ ลูทวิช ฟัน เบทโฮเฟินมากกว่า จังหวะที่ผ่อนคลายแบบนั้นสามารถทำให้อารมณ์สงบได้ โดยเฉพาะอยู่ในเมืองแบบนี้ มักจะมีการจราจรติดขัดตลอดเวลา ยิ่งต้องการดนตรีประเภทนี้มากยิ่งขึ้นเพื่อทำให้ตัวเองสงบลง
“นี่คุณทำอะไร?นอนลงไปแล้วยังไม่อยู่นิ่งอีก” กู้ฮอนขับรถอย่างระมัดระวัง จากมุมหางตาก็เห็นเป่หมิงโม่เอื้อมมือไปคลำที่แผงควบคุม
เป่หมิงโม่หลับตาและไม่พูดอะไรสักคำ แต่มือก็ยังไม่เลิกขยับ หลังจากคลำอีกสักพัก ก็หาปุ่มเปิดเครื่องได้อย่างแม่นยำ
กดมัน เสียงเพลงเบา ๆ ดังมาจากเครื่องเสียงในรถทันที เหมือนหยดน้ำหลากในป่า อากาศที่บริสุทธิ์และเสียงนกในป่าทำให้รู้สึกสดชื่น
ความหงุดหงิดที่ผุดขึ้นมาเมื่อกี้ก็หายไปแล้ว
“โลกที่สวยงามแบบนี้ แต่ฉันกลับขี้หงุดหงิด แบบนี้ไม่ดีเลย ไม่ดี……” ทันใดนั้น กู้ฮอนก็จำคำพูด《My Own Swordsman 》ที่เป็นที่นิยมเมื่อหลายปีก่อน ของโกวฝูหรุงได้
จำได้ว่าทุกครั้งที่อ่านประโยคนี้ ในใจก็จะรู้สึกสงบขึ้นมากเลย
แม้ว่าอารมณ์ของกู้ฮอนจะไม่ตรงข้ามกับอารมณ์ของโกวฝูหรุงแต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ถูกทรมานโดยคนรอบข้างอย่างเป่หมิงเอ้อ บุคลิกภาพเปลี่ยนไปมาก มันผสมทั้งสุขและเศร้า
เธอไม่ได้มีภาพลักษณ์ของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีความคิดเห็นอีกต่อไป กลายเป็นคนที่มีอิสระ เป็น‘สาววัยกลางคน’ที่มีบุคลิกที่เข้มแข็ง
แน่นอนว่า ‘สาววัยกลางคน’ไม่ได้หมายถึงผู้หญิงวัยกลางคน มันอยู่ระหว่าง ‘ผู้หญิงตัวเล็ก’กับ ‘ผู้หญิงตัวใหญ่’แบบนั้น
กู้ฮอนสงบสติอารมณ์ เธอเริ่มใส่ใจกับสิ่งของที่อยู่บนรถอย่าง ‘ไอ่บ้า’ว่าควรจะทิ้งลงไปในถังขยะใบไหนดี
“ตั้งใจขับรถ อย่ามองนู้นมองนี่ ผมไม่อยากออกจากสถานีตำรวจแล้วเข้าโรงพยาบาล……”
“หุบปาก!ทำไมคุณไม่นอนอยู่ดีดี มากังวลอะไรมากมาย”
***
ช่างเถอะ ไม่ต้องว้าวุ่นอะไรแล้ว เอาเขาไปทิ้งไว้ที่บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงก็แล้วกัน แบบนี้จะได้อยู่ห่างจากเด็ก ๆ หน่อย อย่างน้อยวันนี้ก็คงไม่ไป ‘ก่อกวน’ พวกเขาแล้ว