บทที่ 935 สมบูรณ์แบบ
“คุณจะขับไปที่ไหน?เส้นทางนี้ไม่ใช่ทางไปบริษัท” เป่หมิงโม่ยังคงหลับตาอยู่ แต่เขารู้สึกได้อยากชัดเจนว่ารถเลี้ยวไปทางขวาเมื่อผ่านทางแยก
“คุณเป็น GPS หรอ ไม่ต้องมองก็รู้ว่าถนนเส้นนี้ไปที่ไหน” อารมณ์ของกู้ฮอนเพิ่งสงบลงก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ผู้ชายคนนี้นอนราบลงไปยังน่ารำคาญมากกว่าตอนยืนอีก
“ผมคุ้นเคยกับถนนในเมือง A มากจนไม่ต้องมองก็รู้ทางไหนเป็นทางไหน ดังนั้นถ้าคุณคิดจะขับรถอ้อมล่ะก็ คุณคงคิดผิดอย่างมากแล้วล่ะ”
“เป่หมิงโม่ นี่คุณเมามากไปหรือเปล่า คิดว่าฉันเป็นคนขับแท็กซี่ที่ใช้กลอุบายในการขับรถอ้อมไปมาเพื่อให้ได้เงินเพิ่มหรอ?ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ได้เจอกับคนอย่างคุณ ฉันจะขับรถออกนอกเมืองไปเลย หลังจากนั้นก็โยนคุณเข้าไปในป่าที่รกร้างว่างเปล่า แบบนี้ก็จัดการแมลงวันอย่างคุณที่บินอยู่ข้างหูของฉันได้แล้ว”
“ถ้าคุณทำอย่างนั้น ถนนเส้นนี้ไม่ได้วิ่งผ่านทางนั้น และผมก็จะให้คุณอยู่ที่นั่นด้วย และผมก็ยังรู้จักสถานที่ที่หนึ่ง มีคนคนหนึ่งมาที่ทุ่งหญ้าป่าสูง ถ้าเกิดว่าต้องอยู่ที่นั่นผมคิดว่าก็ไม่เลวนะ”
“ถ้าคุณชอบคุณก็อยู่ที่นั่นเลย ทำไมต้องลากฉันเข้าไปเกี่ยวด้วย ฉันไม่ได้อยากที่จะไปให้อาหารยุงกับคุณหรอกนะ”
“คุณอย่าคิดว่ามันจะสวยงามขนาดนั้น ยุงจะรังเกียจคุณด้วยซ้ำที่ไม่มีไขมันเลย กัดคุณก็เท่ากับว่าฆ่าตัวตาย”
“เป่หมิงโม่ คุณพูดจาให้มันดีดีหน่อยนะ ถ้ารู้ว่าคุณเป็นแบบนี้ ฉันน่าจะปิดโทรศัพท์ไปเลย ให้คุณอยู่ที่สถานีตำรวจสักสองสามวัน”
“คุณเคยดู《Red Sorghum》ไหม?” ดูเหมือนว่าเป่หมิงโม่จะไม่ได้โกรธกู้ฮอนจากเรื่องที่พูดอยู่ แต่กลับเปลี่ยนไปพูดอีกเรื่องหนึ่งแทน
เป่หมิงเอ้อเปลี่ยนความคิดแบบก้าวกระโดดแบบนี้ทำให้กู้ฮอนไม่ทันได้ตั้งตัว “《Red Sorghum》อะไร?คนที่งานยุ่งมากอย่างคุณมีเวลาดูละครทีวีด้วยหรอ?นี่เป็นเรื่องที่น่าแปลกจริง ๆ เลย”
“ใครบอกว่างานยุ่งแล้วจะดูไม่ได้?แน่นอน ที่ผมดูเป็นภาพยนตร์เวอร์ชั่นแรก ผมเดาว่าอายุอย่างคุณคงจะไม่เคยได้ยินมาก่อนใช่ไหม”
กู้ฮอนเม้มริมฝีปากอย่างเหยียดหยาม “เป่หมิงโม่ คุณอย่ามาอวดอ้างว่าอายุเยอะกว่าได้ไหม ไม่ใช่หนังที่นำแสดงโดยเจียงเหวินและกงลี่หรอ ตอนที่ฉันเรียนอยู่ก็ดูไปร้อยแปดสิบรอบแล้ว”
“ใช่แล้ว เกือบลืมไปเลย นอกจากคุณจะเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องแล้ว ยังถือว่าเป็นหญิงสาวด้านวรรณกรรมอีกด้วย”
“เป่หมิงโม่ ฉันขอเตือนคุณอีกครั้งหนึ่งนะ ถ้าคุณยังพูดจาดูถูกฉันอีก ฉันจะจอดรถและเตะคุณไปบนถนน” ความโกรธของกู้ฮอนใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้ว แม้แต่คติประจำใจของโกวฝูหรุงก็ไม่สามารถดับพลังงานนี้ได้
บอกว่าเธอเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง นี่เป็นการปฏิบัติและดูถูกเธอมากเลย แม้ว่าเธอจะยอมรับ ว่าหยางหยางไม่ได้รับการอบรมที่ดี แต่เขาก็ไม่ได้เป็นเหมือนเด็กข้างถนนที่วัน ๆ ไม่ยอมกลับบ้าน ที่เอาแต่สร้างปัญหาไปทั่ว
“โอเค ผมเก็บคำพูดเมื่อกี้คืนมา ในเมื่อคุณเคยดูหนังเรื่องนั้น ก็ต้องรู้ว่ามีฉากคลาสสิคฉากหนึ่งที่อยู่ในทุ่งข้าวฟ่าง”
ทุ่งข้าวฟ่าง……กู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ ถึงยังไงตัวเองก็ดูมานานมากแล้ว ฉากบางฉากก็เกือบจะลืมมันไปแล้ว แต่สุดท้ายเธอก็ยังจำมันขึ้นมาได้ หลังจากสังเวยเซลล์สมองไปหลายหมื่นเซลล์
หลังจากนั้น แก้มของเธอก็มีเลือดฝาดขึ้นมาแล้ว
***
ไม่ได้ยินกู้ฮอนพูดต่อ เป่หมิงโม่เผยให้เห็นช่องว่างเล็ก ๆ ในดวงตาที่ปิดสนิทของเขา เมื่อเห็นการแสดงออกของเธอมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย เป็นไปตามที่คาดไว้เลย
“ไม่รู้จริง ๆ เลยว่าในทุ่งข้าวฟ่างนั้นเป็นความรู้สึกอย่างไร หรืออาจจะไปลองที่ทุ่งหญ้านอกเมืองที่พูดถึงเมื่อกี้นี้……”
“ลองบ้าอะไร ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณปิดปากของคุณให้สนิทเลยนะ ห้ามออกเสียงแม้แต่นิดเดียว ไม่อย่างนั้นก็อย่าได้คิดว่าจะได้เจอลูก ๆ อีก” สุดท้ายกู้ฮอนก็ยื่นคำขาดสุดท้ายให้เขา
เป่หมิงโม่เลิกคิ้วอย่างหงุดหงิดและไม่ส่งเสียงแล้ว แต่ก็ยังมีรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา
นอกจากเสียงเพลงเบา ๆ ภายในรถแล้ว ก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
กู้ฮอนที่ขับรถอยู่ ความคิดของเธอก็ถูกเป่หมิงโม่ทำให้ยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว และสำหรับทางไปบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิงเธอถือว่าเป็นทางที่คุ้นชินแล้ว
แต่ก็ทำให้เธอเดินทางผิดไปหลายครั้งแล้ว
มองดูนาฬิกาของคนขับ เข็มวินาทีเดินวนไปแล้วก็เดินวนไปอีก
ในที่สุดเป่หมิงโม่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดออกมาแล้ว “ผมคิดว่าคุณกลับไปที่บริษัทก่อนจะดีกว่า เป็นถึงประธานบริหาร ทั้งวันไม่เห็นคนจะไม่ดีเท่าไหร่ แบบนี้สามารถลดความน่าเชื่อถือของคุณต่อหน้าพนักงานได้อย่างง่ายดาย”
“ฉันบอกคุณแล้ว ให้คุณหุบปาก!”
กู้ฮอนเหลือบมองนาฬิกาบนรถ ผู้ชายคนนี้ทำให้โมโหจนจะบ้าแล้ว ตั้งแต่ออกจากบริษัทไปประกันตัวคนที่สถานีตำรวจ จนถึงตอนนี้ก็ปาไปแล้วสามชั่วโมง
ที่เป่หมิงโม่พูดไม่ใช่ไม่มีเหตุผล ดังคำกล่าวที่ว่าบวชพระหนึ่งวันก็ต้องตีระฆังหนึ่งครั้ง แม้ว่าตำแหน่งนี้จะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการนั่ง แต่ในเมื่อนั่งลงไปแล้ว งั้นก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี
บุคลิกแบบนี้ของกู้ฮอนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เป่หมิงโม่ชื่นชม
ดูแล้ววันนี้คงต้องพาเป่หมิงโม่กลับไปที่ตระกูลเป่หมิงแล้ว แบบนี้ก็ดี เอาเข้าไปทิ้งให้ฉิงฮัว ให้เขาแก้ปัญหาว่าเจ้านายของเขาควรไปที่ไหน
ถึงตระกูลเป่หมิงสักพัก……กู้ฮอนคิดถึงเรื่องนี้ ทันใดนั้นในความคิดของเธอก็มีความคิดที่ทำให้ตัวเองรู้สึกบ้าเล็กน้อย
เมื่อแนวคิดนี้ผุดออกมา ก็ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เธอรีบเลี้ยวรถตรงทางแยกที่เหมาะสม จากนั้นเร่งความเร็วแล้ววิ่งตรงไปทางบริษัทเป่หมิง
ขณะขับรถ เธอเชื่อมต่อกับระบบบลูทูธของรถและโทรเข้าโทรศัพท์มือถือของฉิงฮัว
“คุณผู้หญิง คุณมีอะไรจะสั่งครับ?” เสียงของฉิงฮัวดังออกมาจากภายในรถ
“ฉิงฮัว นายช่วยเรียกหัวหน้าแผนกต่างๆ มาประชุมที่ห้องประชุมของสำนักงานในอีกครึ่งชั่วโมง”
“ครับ คุณผู้หญิง” ฉิงฮัวพูดจบ ก็ถามอย่างระมัดระวัง “เจ้านายโอเคใช่ไหมครับ?”
ฉิงฮัวรู้ว่ากู้ฮอนไปสถานีตำรวจประกันตัวเป่หมิงออกมา
“เขา ก็เป็นคนสมบูรณ์แบบคนหนึ่ง นอกจากปากเสียไปบ้าง ก็ไม่มีอะไรใหญ่โต” ขณะที่กู้ฮอนพูด ก็หันไปเหลือบมองเป่หมิงโม่โดยไม่รู้ตัว
เห็นเพียงคิ้วของเขาขมวดขึ้นเล็กน้อย คงจะไม่พอใจมากกับคำอธิบายของเธอที่มีต่อตัวเองต่อหน้าฉิงฮัว
สมบูรณ์แบบ……
ฉิงฮัวยังไม่ทันตอบสนองคำพูดนี้ แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจความหมายทันที ชั่วขณะนั้นหน้าผากของเขาก็ปรากฎเส้นสีดำหลายขึ้น
กู้ฮอนวางสายแล้วขับรถต่อ
“สมบูรณ์แบบ?นี่คุณไปเรียนคำนี้มาจากไหน” ในที่สุดหลังจากที่เป่หมิงโม่รู้สึกไม่พอใจมาสักพักเขาก็ถามขึ้น
“สำหรับคนที่ไม่ค่อยดูทีวีอย่างคุณ แม้ว่าฉันจะอธิบายให้คุณคุณก็ไม่เข้าใจหรอก นอนนิ่ง ๆ ต่อไปเถอะ ลุง……”
***
ดวงตาที่ปิดลงเล็กน้อยของเป่หมิงโม่ ก็เบิกกว้างขึ้นทันที เขารีบดันตัวขึ้นแล้วหันหน้าไปทางกู้ฮอนที่ขับรถอยู่
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและน่ากลัวของเขา ทำให้กล้ามเนื้อกระตุกเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นการประเมินจากสังคมภายนอกหรือประเมินโดยตนเอง ก็อยู่ในหมวด‘เทพพระบุตร’
แต่ผู้หญิงข้างกายคนนี้ กลับเรียกเขาว่าเป็น‘ลุง’!!!
_-!
นี่เป็นการวัดความอดทนของเป่หมิงโม่อย่างหนึ่ง แม้ว่าเธอมักจะทดสอบความอดทนของเขาไปมากแล้วก็ตาม แต่เขายังไม่สามารถยอมรับคำเปรียบเทียบดังกล่าวสำหรับข้อดีโดยกำเนิดของเขาเองได้
จ้องมองแววตาของเธอและแสดงความไม่พอใจอย่างมาก ความรู้สึกที่เยือกเย็นนั้นดูเหมือนจะทำให้อากาศในรถกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว
ร่างเล็ก ๆ ของกู้ฮอนสั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เพราะจากมุมตาสามารถจับคลื่นแสงที่เย็นที่ฉายมาทางตัวเองได้
“ฉัน ฉันก็ขับรถของฉันอยู่ คุณอย่ามาหาเรื่องฉันนะ” กู้ฮอนรีบร้อนพูดออกมาหนึ่งคำ แต่ฟังจากน้ำเสียงสามารถรู้สึกได้ถึงความรู้สึกผิดอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าคำเตือนดังกล่าวไม่มีผลต่อเป่หมิงโม่ในขณะนี้เลย เขายังคงจ้องไปที่กู้ฮอนด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนเดิม “ถ้าคุณขอโทษผมในตอนนี้ ผมอาจจะพิจารณาให้อภัยคุณก็ได้”
ขอโทษ?
อะไร!ถ้าต้องพูดขอโทษ ควรจะเป็นเป่หมิงโม่ที่ต้องพูดกับตัวเองถึงจะถูกสิ ผู้ชายคนนี้ไม่คิดถึงความรู้สึกของตัวเอง และไม่คำนึกถึงความสามารถของตัวเอง ก็ใช้วิธีเผด็จการโดย “ใช้ผลกำไรบีบบังคับและล่อลวง” ให้ตัวเองต้องเข้ามาในตระกูลเป่หมิงและเป็นผู้บริหารที่มีเสน่ห์ แต่จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก
ฉันจะหาเหตุผลเรื่องนี้ได้จากที่ไหน?
แม้ว่าคำพูดเหล่านั้นจะเป็นความในใจของเธอ แต่มันก็ได้เขียนไว้บนใบหน้าของเธอแล้ว
แน่นอนว่าเป่หมิงโม่ดูออก เขาสามารถอ่านสำนวนสิ่งที่เขียนบนใบหน้าของเธอได้เกือบทั้งหมด แน่นอน นั้นเป็นเพราะว่ากู้ฮอนไม่ใช่ผู้หญิงที่จะเสแสร้งเก็บความรู้สึกไว้ในส่วนลึก ๆ
เธอรู้สึกว่ายิ่งเสแสร้งมากเท่าไหร่เธอก็จะรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าคนอื่นจะมองไม่ออกแล้วยังไงล่ะ?บางทีแบบนี้อาจทำให้ตัวเองได้รับ‘ผลประโยชน์’บางอย่าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้วก็ไม่ใช่แล้ว ตั้งแต่ต้นคนที่ได้รับความเจ็บปวดก็คือตัวเอง นี่เป็น “การรับผลกำไรเพียงเล็กน้อยและประสบความสูญเสียครั้งใหญ่”
เธอรู้สึกร้อนเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอ เธอรู้สึกว่าเป่หมิงโม่ยังไม่ละสายตาไปจากตัวเอง
หายใจเข้าลึก ๆ และสงบสติอารมณ์ กู้ฮอน เธอทำได้ ตอนนี้เธออยู่บนทางหลวงและเธอก็ยังขับรถอยู่ เป่หมิงเอ้อโม่จะไม่ทำอะไรเธอ
กู้ฮอนกำลังปลอบใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา แบบนี้เธอถึงจะสามารถตั้งใจขับรถต่อไปได้ จะได้ไม่ขูดขีดรถคันข้างๆหรือสัมผัสใกล้ชิดกับด้านหลังของรถคันข้างหน้า
ดูเหมือนว่าการปลอบใจตัวเองแบบนี้จะมีประโยชน์มาก หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ไม่รู้สึกกังวลอีกต่อไป และสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือหลังจากที่เป่หมิงโม่เฝ้ามองเธออยู่สักพัก แล้วก็เอนตัวลงนอนอีกครั้ง
ในส่วนของการเดินทางต่อไป ภายในรถมีความเงียบสงบตลอดทาง สิ่งนี้ทำให้กู้ฮอนรู้สึกดีใจ ตอนนี้เป่หมิงเอ้อคนนี้กลายเป็นแค่เสือไว้ลาย
ดูเหมือนว่าสองครั้งหลังที่เข้าไปในห้องขัง ไม่ได้สูญเปล่าเลย ได้เรียนรู้อะไรมากแล้ว
กู้ฮอนยิ่งคิดยิ่งพอใจ รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
ทั้งหมดนี้ได้อยู่ในสายตาของเป่หมิงโม่แล้ว และเวลานี้มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย
***
กู้ฮอนหยุดรถตรงทางเข้าที่จอดรถชั้นใต้ดินของบริษัทเป่หมิง
“เอาล่ะ คุณลงรถได้แล้ว ถึงแม้ตอนนี้คุณจะไม่ใช่คนของที่นี่ แต่ก็สามารถขึ้นไปนั่งข้างบนได้ และคุณสามารถไปที่แผนกต่าง ๆ เพื่อทักทายลูกน้องเก่าของคุณได้”
เห็นว่าเป่หมิงโม่ไม่ได้อยากที่จะลุกขึ้น เขาแสดงออกถึงท่าทางที่เกียจคร้าน “ไม่จำเป็นแล้ว ผมยังชินกับการขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องทำงานโดยตรง”
กู้ฮอนกรอกตา เป่หมิงเอ้อคนนี้ยากที่จะเปลี่ยนแปลงจริง ๆ เลย ยังดีที่หน้าดี