บทที่ 946 พูดคุยหลังดื่มเหล้า
หลังจากที่เงียบไปได้หนึ่งนาทีก็ยังคงเป็นผู้อำนวยการโกวที่เปิดปาก “คุณกู้ คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมวันนี้ผมถึงได้เชิญคุณมา”
กู้ฮอนส่ายหน้า ยิ้มบางๆ “ขอโทษด้วยค่ะผู้อำนวยการโกว เรื่องนี้ฉันไม่ทราบแน่ชัด”
“คุณกู้ คุณตรงไปตรงมาเสียจริง เป็นแบบนี้ครับ ช่วงนี้ผมเพิ่งจะถูกย้ายมาจัดการดูแลในส่วนของวิศวกรรมการก่อสร้าง อีกทั้งผมก็เคยได้ยินชื่อของบริษัทเป่หมิงมาบ้างแล้ว เพียงแต่ว่าไม่มีโอกาสพูดคุยกับพวกคุณเลย โดยเฉพาะประธานเป่หมิงของบริษัทพวกคุณ เขามีชื่อเสียงโด่งดังมากในวงการนี้ ครั้งนี้ผมก็อยากจะใช้โอกาสนี้เชิญเขามาพูดคุยและส่งเสริมการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนให้เข้มแข็งมากขึ้น แต่ช่างน่าเสียดายที่จู่ๆก็ได้ยินมาว่าเขาลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท และให้คุณกู้เข้ารับตำแหน่งนี้แทน แม้ว่าผมจะไม่ได้พบกับประธานเป่หมิงแล้วรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อคุณคือคนที่เขาเลือก อย่างนั้นผมก็เชื่อว่าความสามารถของคุณจะต้องไม่ห่างชั้นจากประธานเป่หมิงมากนัก”
ผู้อำนวยการโกวเล่าวัตถุประสงค์การเชิญมาพบในครั้งนี้คร่าวๆ เขาเผยแววเสียดายออกมาอย่างสุดซึ้ง
กู้ฮอนร่างกายแข็งเกร็ง นั่งตัวตรงอยู่บนโซฟา หันไปทางผู้อำนวยการโกวเล็กน้อย เธอฟังและพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจในวัตถุประสงค์ครั้งนี้ของเขาโดยที่มีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าตั้งแต่ต้นจนจบ
ผู้อื่นพุ่งเป้ามาทางเป่หมิงโม่ เพียงแต่ว่าโชคไม่ดีเอาเสียเลยที่ตัวเองกลายเป็นประธานบริษัทแทน
“ผู้อำนวยการโกว ขอบคุณที่ให้ความสนใจกับบริษัทเป่หมิงของพวกเรา ในขณะเดียวกันฉันก็ขอแสดงความขอบคุณคุณแทนคุณเป่หมิงโม่ผู้เป็นประธานบริษัทคนก่อนด้วยค่ะ ขอให้คุณวางใจ แม้ว่าบริษัทของพวกเราจะเปลี่ยนประธาน แต่คุณภาพอันยอดเยี่ยมของทางบริษัทไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย พวกเราจะปฏิบัติตามประเพณีอันดีงามแบบนี้ต่อไป ขอให้ท่านผู้นำวางใจค่ะ”
ผู้อำนวยการโกวได้ฟังแล้วก็เผยรอยยิ้มออกมา เขายกมือขึ้นมาปรบเล็กน้อย “ดี! ที่ผมต้องการก็คือประโยคนี้แหละ ตอนนี้ผมอยากจะฟังว่าในฐานะที่ประธานบริษัทเป่หมิง คุณวางแผนจะพัฒนาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทอย่างไร และเตรียมตัวที่จะร่วมมือกับภาครัฐอย่างไร”
กู้ฮอนได้ยินแล้วก็แอบร้องทุกข์เงียบๆกับตัวเอง เธอไม่มีประสบการณ์ในการไปมาหาสู่กับภาครัฐสักเท่าไร อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด ตัวเองนั้นไม่รู้เลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ผู้อื่นกลับต้องการให้ตัวเองเสนอแนวคิด นี่ควรจะพูดอย่างไรดี
เธอคิดไปคิดมา ใบหน้าก็เผยแววลำบากใจออกมาเล็กน้อย และการเปลี่ยนแปลงของเธอก็อยู่ในสายตาของผู้อำนวยการโกวแล้วเช่นกัน
***
เทียบกับกู้ฮอนที่เผชิญหน้ากับผู้อำนวยการโกวอย่างใจไม่สงบแล้ว ระหว่างเป่หมิงโม่กับจินซือหานนั้นสนิทสนมไม่กันไม่น้อยเลย
ทั้งสองคนย้ายออกมาจากห้องทำงานของจินซือหานไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลแทน เพียงแต่ว่าร้านอาหารแห่งนี้ยังห่างชั้นจากร้านอาหารที่มีชื่อเสียงอย่างพวก เซียงเหอหนานอยู่มากเมื่อเทียบจากสภาพภายนอก
“ประธานจิน คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะขี้งกขนาดนี้ รู้ว่าตอนนี้ผมเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆคนนี้จึงคิดจะใช้ร้านนี้มาทำให้ผมจากไปใช่หรือไม่” เป่หมิงโม่ยืนอยู่ข้างรถตัวเอง เงยหน้ามองการตกแต่งบริเวณหน้าร้าน จากนั้นก็แสดงสีหน้ารังเกียจออกมา เคาะกระจกรถเบนท์ลีย์คันที่จอดอยู่ข้างรถตัวเอง
เพียงแต่เขาไม่ได้รังเกียจสถานที่แห่งนี้ ยิ่งไม่ได้ไม่พอใจความคิดของเขา แต่เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจินซือหานนั้นเกินคำว่าคู่ค้าทางธุรกิจไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากเกินไป
จินซือหานลงมาจากรถ ส่ายหน้าจนปัญญาอย่างเห็นได้ชัด “ประธานเป่หมิง ผมดูถูกคุณที่ไหนกัน ผมเห็นแก่มิตรภาพของพวกเราถึงได้พาคุณมาที่นี่ต่างหาก” เขาพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย “เอ๋ แต่ก่อนผมรู้ว่าคุณไม่ตัดสินอะไรจากภายนอก เปลี่ยนเป็นหยาบคายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”
เป่หมิงโม่บนมองใส่เขา “หลายปีมาแล้ว คุณก็ยังคงไม่รู้จักการล้อเล่น ไม่ต้องพูดถึงสถานที่แบบนี้ แม้ว่าคุณจะพาผมไปทานอาหารข้างทาง ผมก็ไม่ได้ไม่พอใจความคิดของคุณ
“หืม อย่างนั้นหรือ คุณก็พูดให้เร็วกว่านี้สิ ผมจะได้ไม่ต้องมาจองโต๊ะที่นี่ ไม่อย่างนั้นเอาอย่างที่คุณพูด พวกเราไปหาร้านข้างทางกินไปพลางพูดคุยกันไปพลางไหม” จินซือหานพูดแล้วเปิดประตูรถอีกครั้ง
“พอแล้วคุณ รอครั้งหน้าผมเลี้ยงอาหารข้างทางคุณแล้วกัน วันนี้คุณเป็นคนส่งการ์ดเชิญก็ต้องให้คุณเป็นคนเลือกธรรมดา” เป่หมิงโม่พูด มือไพล่อยู่ที่ด้านหลัง แสดงมาดผู้นำออกมา เดินไปทางบันไดที่อยู่หน้าประตูร้าน
จินซือหานด่าเล่นๆอย่างระอาว่า “คุณมันพ่อค้าหน้าเลือดที่สมบูรณ์แบบเสียจริง” จากนั้นก็เดินตามเข้าไป
*
หลังจากดื่มเบียร์และทานอาหารกันไปมากพอสมควรแล้ว ทั้งสองคนก็ทานของที่เหลืออยู่บนโต๊ะไม่ลงอีกแล้ว
“เป่หมิงโม่ ตอนคุณทานอาหารช่วยระมัดระวังภาพลักษณ์ตัวเองหน่อยจะได้ไหม ดีร้ายอย่างไรคุณก็เป็นเศรษฐีคนหนึ่ง ทำไมถึงได้ทานเหมือนกับว่าหิวมาหลายวันแล้วอย่างนั้นกัน”
เป่หมิงโม่หยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปากเบาๆ อาหารมื้อนี้ทำให้เขารู้สึกถึงความพอใจและความอยากอาหารเป็นอย่างมาก
นับตั้งแต่ที่เขาต้องเข้าไปอยู่ในสถานีตำรวจเพราะคุณแม่ของกู้ฮอนจนถึงตอนนี้ อาหารทุกมื้อก็แค่ทานให้เสร็จๆไป หลักๆก็คือมีเรื่องน่ารำคาญมากเกินไป ทำให้เขารู้สึกไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย เรื่องเหล่านี้จินซือหานจะรู้ได้อย่างไรกัน แต่เขาก็ไม่อาจจะบอกออกไปตรงๆแบบนั้นได้
“นั่นก็ไม่ใช่เพราะว่ายากที่คุณจะเลี้ยงสักครั้งหนึ่ง โอกาสแบบนี้นั้นหายากและมีค่ามาก แน่นอนว่าต้องคว้าเอาไว้ไม่ปล่อยสิ”
จินซือหานหัวเราะ “ประธานเป่หมิง กับผมคุณไม่จำเป็นจะต้องตอบอย่างขอไปที” เขาพูดและยกเบียร์ขึ้นมาอีกขวดหนึ่ง รินใส่แก้วตัวเองและเป่หมิงโม่จนเต็มทั้งสองใบ
“เรื่องที่เป็นทางการพวกเราล้วนพูดคุยกันในห้องทำงานไปพอสมควรแล้ว ตอนนี้พวกเราคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า หลายปีมานี้คุณปรากฏตัวขึ้นบนสื่อนิตยสารไม่น้อย ข่าวกอสซิปของคุณผมก็เห็นมาไม่น้อย ผมคิดว่าคุณจะต้องมีความรู้สึกอะไรต่อผู้หญิงที่ชื่อว่ากู้ฮอน คนที่รับช่วงตำแหน่งต่อจากคุณไม่น้อยเลยอย่างแน่นอน”
ตอนที่เป่หมิงโม่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เขาก็รีบทำมือหยุดส่งให้เขา “คุณอย่าคิดที่จะพูดมั่วๆหลอกผม ผมคือคนที่เคยผ่านมาจึงดูออก”
***
เป่หมิงโม่ดื่มเบียร์อีกแก้วหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า
จินซือหานยิ้มพอใจออกมาชั่วขณะ “ที่ผมต้องการก็คือประโยคนี้ ผมเห็นว่าคุณจัดการเรื่องอื่นแล้วก็ไม่เห็นจะมีอาการลังเลอืดอาดแบบนี้ ดังนั้นคุณต้องถูกลงโทษ” เขาพูดพลางยกขวดเบียร์ขึ้นมาแล้วรินลงไปในแก้วที่เป่หมิงโม่เพิ่งดื่มหมดไปครู่จนเต็มอีกครั้ง
“แก้วนี้สมควรโดนลงโทษ” เป่หมิงโม่ถือแก้วเบียร์ มองของเหลวสีเข้มที่อยู่ด้านใน ในใจก็อดรู้สึกทอดถอนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ว่าหลังจากที่ดื่มเบียร์แก้วที่ถูกลงโทษนี้ลงไปแล้ว จะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อะไรได้อย่างนั้นหรือ เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถทำได้ อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่สามารถ
เป่หมิงโม่วางแก้วที่ว่างเปล่าลง มองไปทางจินซือหานครู่หนึ่ง “ช่วงนี้มีเรื่องอะไรน่าสนใจไหม เล่ามาให้ฟังหน่อย”
จินซือหานได้ยินแล้วก็เกือบจะพ่นเบียร์ในปากออกมา เขามองเป่หมิงโม่เหมือนกับเห็นมนุษย์ต่างดาวอย่างไรอย่างนั้น
“ทำไมใช้สายตาแบบนั้นมองผม ผมไม่ชินกับการที่คนใช้สายตาแบบนี้มอง” เป่หมิงโม่พูดพลางยืนมือไปเบนหน้าของจินซือหานให้หันไปอีกข้าง
“ปล่อย ปล่อย……” จินซือหานยื่นมือออกมาจับข้อมือของเขา ออกแรงให้มือของเขาปล่อยใบหน้าของตัวเอง ภายหลังยังหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่งเช็ดบนใบหน้าของตัวเองอย่างรังเกียจ โดยเฉพาะบริเวณที่เคยถูกมือแตะ
เห็นการกระทำบางอย่างของเขาแล้ว เป่หมิงโม่ก็รู้สึกว่าน่าขันเล็กน้อย “คิดไม่ถึงเลยว่าโรครักความสะอาดของคุณจะยังไม่เปลี่ยน”
“เปลี่ยนอะไร ผมคิดว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว จะบอกคุณให้นะ คราวหน้าแตะผมให้น้อยลง ไม่อย่างนั้นไม่ต้องพูดว่าเพื่อนแล้ว กระทั่งพันธมิตรก็เป็นไม่ได้”
“OK คราวหน้าผมจะพยายามระวัง เพียงแต่ขออธิบายล่วงหน้าก่อน ถ้าหากว่าคุณใช้สายตาแบบนั้นมองผมล่ะก็ ผมก็ยากจะรับประกันได้ว่าจะใช้การกระทำอะไรมาอีก โอเค คุณเล่ามาหน่อยสิว่าหลายวันมานี้ในวงการมีข่าวเรื่องอะไรบ้าง ตั้งแต่ตอนที่ไม่ได้เป็นประธานบริษัทก็ไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องในวงการเหมือนกับแต่ก่อนแล้ว”
จินซือหานจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองเล็กน้อย “แวดวงพวกเราจะมีเรื่องอะไรได้ล่ะ ขาดคุณไปก็เหมือนขาดต้นกำเนิดข่าว ตั้งแต่เรื่องที่คุณออกจากบริษัทเป่หมิงโด่งดังไปทั่วแล้ว ก็ไม่มีข่าวอะไรอีก…….อ่อ ใช่แล้วมีอยู่ข่าวหนึ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่านับหรือไม่นับ นั่นก็คือเมืองพวกเรามีผู้อำนวยการที่จัดการดูแลวิศวกรรมการก่อสร้างย้ายมาใหม่คนหนึ่ง”
ข่าวนี้ทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “เปลี่ยนคนใหม่หรือ ผู้อำนวยการหลิวก็ดีอยู่ไม่ใช่หรือ”
“นั่นก็เพราะว่าเหล่าหลิวทำดี ดังนั้นผู้อื่นจึงได้เลื่อนตำแหน่งสูงโดยไม่เปลืองแรงไปที่ส่วนกลางแล้ว พอเขาไป ตำแหน่งในส่วนนี้ก็ว่างลง”
“ยังคงเป็นผู้ที่ทำงานด้านการเมืองการบริหารของภาครัฐที่สบาย ทำดีก็เจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ดูพวกเราสิทำดีแล้วยังต้องก้มหน้าก้มตาทำต่อไป ทางหนึ่งก็หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเลี้ยงครอบครัว อีกทางหนึ่งก็ต้องให้เงินค่าน้ำชาทั้งบนและล่าง บางครั้งก็ต้องเตรียมความคิดให้พร้อม หลีกเลี่ยงการสูญเสียที่จะเกิดขึ้น ทำเสียจนสิ้นเนื้อประดาตัว”
“พอเถอะ อย่าทำท่าทางน่าสงสารแบบนั้น มีคนมากมายแค่ไหนกันที่อิจฉาชีวิตแบบนี้ของคุณ บ้านพัก รถหรู ที่นอนสูงหมอนนุ่ม นี่มันได้ทั้งผลประโยชน์และชื่อเสียงจริงๆ”
“ประธานจิน ระหว่างพวกเราสองคนไม่จำเป็นต้องชื่นชมซึ่งกันและกันหรอก แนะนำผู้อำนวยการที่เพิ่งย้ายมาใหม่ตอนนี้หน่อยสิว่ามีเบื้องหลังเป็นอย่างไร” เป่หมิงโม่หมุนแก้วเบียร์ที่อยู่ในมือไปมาอย่างสบายอารมณ์
นี่ถือว่าถามได้ถูกประเด็นแล้ว จินซือหานขมวดคิ้วครุ่นคิด “ผมรู้เพียงแค่ว่าคนคนนี้แซ่โกว เหมือนว่าจะย้ายมาจากเมือง S อีกทั้งมีเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับเขาด้วย”
***
“หืม พูดออกมาให้ฟังหน่อย” เป่หมิงโม่หยุดการเคลื่อนไหวในมือทันที สีหน้าท่าทางตั้งใจขึ้นมา
จินซือหานขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งพลางเอ่ยว่า “สำหรับรายงานเกี่ยวกับเขามักจะเป็นไปในด้านบวก คนคนนี้มีความสามารถมาก มีกำลังแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่ง ภายในห้าปีนี้เหมือนว่าเมือง S ทั้งเมืองจะเปลี่ยนไป ผลักดันจากเมืองรองให้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งเมืองหลักได้เลย”
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูด คนคนนี้ก็นับเป็นคนที่มีความสามารถมาก”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้หรือ” เป่หมิงโม่สบตากับจินซือหานอย่างสงสัย
“ฉันได้ยินข่าวซุบซิบมาเล็กน้อย จากการพูดคุยไร้สาระกับเพื่อนในวงการที่ทำงานในเมือง S มา แม้ว่าผู้อำนวยการท่านนี้จะมีความสามารถค่อนข้างมาก แต่เขาค่อนข้างมักมากในกามเล็กน้อย ข่าวบอกว่าตอนที่เขาอยู่เมือง S ผู้หญิงที่ผ่านมือเขามาสามารถนับได้อย่างน้อยก็สามหลัก และก็เพราะต้องการที่จะหาผลประโยชน์จากเขา จึงพยายามคิดหาวิธีการมาเติมเต็มงานอดิเรกนี้ของเขา อีกอย่างงานอดิเรกของเขาก็มีจุดที่ไม่เหมือนกับผู้อื่น นั่นก็คือเขามีความสนใจต่อหญิงสาวที่มีอำนาจและเงินมากกว่า……”
*
เกาะหูซิน ภายในคฤหาสน์ ตึกC
ตอนนี้เวลาค่ำคืนมาเยือนแล้ว บนเกาะเล็กๆเกาะนี้ก็มีเพียงโคมไฟที่สว่างเพียงเล็กน้อย
นั่นไม่ใช่เพราะว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ราชการไม่ชอบมาที่นี่ แต่พวกเขามักจะรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มีความไม่สะดวกอยู่มากมาย