บทที่ 954 โอบกอดกันและกัน
กู้ฮอนส่ายหน้าเล็กน้อย เบนสายตาออกจากเขา ค่อยๆหลุบตาลงมองพื้นผิวโต๊ะอันราบเรียบ “ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องพวกนี้ จะพูดอย่างไรเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะฉัน สามารถกระทำเรื่องพวกนี้เพื่อคุณก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว เมื่อครู่ฉันทำการบันทึกให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พวกเขาฟังโดยละเอียดแล้ว หวังว่าจะมีประโยชน์กับคุณนะ”
“สภาพร่างกายของคุณในตอนนี้ยังดีอยู่สินะ ผลหลังการตรวจของคุณหมอเป็นอย่างไรบ้าง” เป่หมิงโม่นั้นแทบจะไม่ให้ความสนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาเป็นห่วงเธอมากกว่า
“ฉันยังดีอยู่ เมื่อวานแอนนิเอาซุปมาให้ ทั้งยังอยู่เป็นเพื่อนฉันตลอดทั้งคืน ทางคุณหมอบอกว่าตอนนี้ฉันไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เป่หมิงโม่ก็เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก “อย่างนั้นก็ดี ถ้าหากว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรกับคุณล่ะก็ ผมจะไม่ยอมให้ไอ้หมอนั่นได้รอดพ้นจากการลงโทษอย่างแน่นอน”
แม้ประโยคนี้จะฟังดูโหดร้าย แต่ก็กระทบเข้ากับหัวใจของกู้ฮอนอย่างลึกซึ้ง เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาซาบซึ้งใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือยังคงต้องคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาก่อน
หลังจากกู้ฮอนพิจารณากลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ ก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องรู้สักหน่อย “เมื่อครู่นี้ฉันพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่า หวังว่าจะสามารถเป็นทนายความให้กับคุณได้ แต่ข้อเสนอของฉันถูกเขาปฏิเสธในคราเดียว สาเหตุก็เพราะฉันเป็นหนึ่งบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราก็ไม่เหมาะสมที่จะให้ฉันเป็นทนายความให้คุณ…….”
“ไม่เป็นไร ผมจะให้ฉิงฮัวหาให้ผมคนหนึ่ง คุณไม่ต้องเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ” เป่หมิงโม่ยิ้มบางๆ ดูท่าทางผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
แต่กู้ฮอนกลับผ่อนคลายไม่ออก สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความจริงจัง “ไม่ เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก็เพราะฉัน ฉันจะต้องช่วยคุณอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นใจฉันจะไม่สงบ”
“กู้ฮอน คุณคิดมากไปแล้ว จะเกิดขึ้นเพราะคุณได้อย่างไรกัน บางทีผมไม่ควรจะให้คุณนั่งในตำแหน่งนั้นตั้งแต่แรก ถ้าหากพูดว่ามีความผิดแล้วล่ะก็ เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ผมควรได้รับเท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณเลยแม้แต่น้อย”
คำพูดของเป่หมิงโม่กระทบเข้ากับหัวใจของกู้ฮอนอีกครั้ง โดยเฉพาะการที่เขาสามารถเอ่ยปากยอมรับว่าการให้ตัวเองเป็นประธานบริษัทเป่หมิงนั้นเป็นความผิดพลาด โทสะที่เคยมีต่อเขามาก็หายวับไปในทันที
ในเวลาเดียวกันนั้น พลังน้อยๆของเธอก็ผุดขึ้นมาแล้ว “ฉันมาที่นี่ก็เพื่อบอกกับคุณว่า เรื่องนี้ฉันจะต้องจัดการจนถึงที่สุด คุณไม่ต้องไปหาฉิงฮัวแล้ว หรือว่าคุณรังเกียจที่เขายุ่งทั้งวันไม่พอหรือ คุณก็อดทนอยู่ที่นี่สักสองสามวัน ฉันจะคิดหาวิธีมาช่วยคุณออกไปเอง ภายในสองสามวันนี้ คุณก็พักผ่อนดีๆ ฉันไม่อยากรอจนถึงตอนที่คุณออกมาแล้วต้องไปปรนนิบัติดูแลคุณตอนป่วย”
***
เป่หมิงโม่มองกู้ฮอนที่สีหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังแล้วมุมปากก็อดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้น แม้ตอนที่พูดใบหน้าจะเป็นแบบนั้น แต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มีความสุข
“คุณยิ้มอะไรของคุณ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วจะยิ้มออกมาได้อีก คุณนี่ไม่คิดอะไรมากเกินไปแล้วนะ” กู้ฮอนจะรู้ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ได้อย่างไร ยังคงนึกว่าเจ้าหมอนี่ถูกขังไว้ที่นี่คืนหนึ่งแล้วสมองมีปัญหาใช่หรือไม่
“คุณคิดว่าถ้าผมแสดงสีหน้าเย็นชาใส่คุณทั้งวันแบบเมื่อก่อนแล้ว คุณจะรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมากอย่างนั้นหรือ” เป่หมิงโม่นั้นรู้สึกสนใจอยากรู้ว่าเธอจะตอบคำถามนี้อย่างไรเป็นอย่างมาก
กู้ฮอนมองบนใส่เขา “อย่างน้อยตอนที่คุณทำสีหน้าเย็นชาใส่ฉัน ฉันก็สามารถด่าคุณได้ในใจอย่างเต็มที่ เอาเถอะ ฉันพูดกับคุณชัดเจนแล้ว ตอนนี้ยังต้องรีบกลับไปทำงาน เรื่องวุ่นวายที่คุณทิ้งไว้ให้ ฉันยังจำเป็นต้องกลับไปดูแล” เธอพูดแล้วลุกขึ้นยืน
เป่หมิงโม่ก็ลุกขึ้นยืนในเวลาเดียวกัน
เขาเดินอ้อมโต๊ะที่กั้นระหว่างทั้งสองคนมาถึงหน้ากู้ฮอน
กู้ฮอนมองเขาค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาใกล้ตัวเองแล้วหัวใจก็อดไม่ได้ที่จะเต้นเร็วขึ้น เห็นสีหน้าท่าทางของเขาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย เจ้าหมอนี่คงไม่ได้คิดที่จะ……..
เป่หมิงโม่คว้าเธอเข้ามาโอบกอดแน่นเหมือนกับที่เธอคาดการณ์เอาไว้
ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เธอสามารถหลบได้ หรือไม่ก็ผลักเขาออกตอนที่ถูกกอดตอนนั้น แต่ในครั้งนี้กู้ฮอนกลับไม่ได้ทำอย่างนั้น เธอยินยอมพร้อมใจที่จะให้เขาโอบกอดตัวเองเอาไว้อย่างนี้ รับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่แทรกซึมผ่านเสื้อผ้าที่ขวางกั้นเอาไว้ และกลิ่นพิเศษอันเบาบาง……
มือเป่หมิงโม่ลูบไปตามผมยาวเงางามเหมือนเส้นไหมของเธอเบาๆ สัมผัสเรียบลื่นจากมือนั้นรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก เสี้ยววินาทีนั้นเขาก็รู้สึกพึงพอใจขึ้นมา นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการ
ช่างน่าเสียดายที่ช่วงเวลานี้อาจจะสายเกินไปอยู่บ้าง ถึงจะสายไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย
ระหว่างพวกเขาไม่ได้พูดอะไรอีกสักประโยค เพียงแต่โอบกอดกันไว้อย่างนั้นจนกระทั่งประตูห้องเปิดออก เสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจดึงพวกเขากลับมาที่นี่อีกครั้ง
“พอแล้วๆ ถึงเวลาแล้ว”
กู้ฮอนรู้สึกหน้าแดงร้อนขึ้นมาชั่วขณะ เธอรีบปล่อยมือของตัวเอง แต่ว่าเป่หมิงโม่กลับไม่มีทีท่าจะปล่อยมือ
มุมปากของเขายังคงโค้งขึ้น พลางก้มหน้าลงเล็กน้อย ริมฝีปากเย็นยะเยือกเขยิบเข้ามาใกล้ใบหูของเธอ เอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “คงต้องฝากลูกๆไว้กับคุณแล้ว ผมไม่ใช่พ่อที่มีคุณสมบัติครบถ้วนนัก ผมติดค้างพวกแกมากเกินไปแล้วจริงๆ ดูเหมือนว่าจะยังคงต้องติดค้างต่อไปด้วย”
“ไม่หรอก ในใจของพวกแก คุณยังถือว่าเหมาะสม อย่างน้อยก็ตอนที่ช่วยชีวิตพวกแกในครั้งที่แล้ว อีกอย่างขอล่ะ คุณอย่าพูดแบบนี้อีกได้ไหม รู้สึกเหมือนกับว่าจะบอกลาเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต ไม่เป็นมงคลเกินไปแล้ว หลังจากนี้ฉันไม่อนุญาตให้คุณพูดแบบนี้อีก” กู้ฮอนรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ เธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งบิดเข้าอย่างแรงที่หัวใจ
“ได้ ผมรับปากคุณว่าหลังจากนี้จะไม่พูดอีกแล้ว รอครั้งหน้ามาแล้วก็เอาเสื้อผ้ามาให้ผมเปลี่ยนด้วย คุณก็รู้ว่าผมไม่ชินกับการใส่เสื้อผ้าชุดเดียวบนร่างกายติดต่อกันหลายวัน”
เมื่อครู่เป่หมิงโม่พูดจาเคร่งขรึม แต่ว่าถัดมาก็พูดจาจู้จี้จุกจิกในเรื่องแบบนี้ จึงทำให้กู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะทุบหมัดของตัวเองลงไปบนร่างของเขา “กับคนแบบคุณควรจะรักษาด้วยวิธีการนี้ เข้ามาอยู่ในนี้แล้วยังจะพิถีพิถันอยู่อีก ตอนนี้คุณไม่ใช่ประธานบริษัทแล้ว ขอล่ะ ช่วยมีท่าทีของประชาชนธรรมดาหน่อยได้ไหม”
***
กู้ฮอนออกมาจากสถานีตำรวจด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เรื่องที่ต้องหาทนายความให้เป่หมิงโม่ก็ทำให้เธอรู้สึกปวดหัวตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
ที่จริงแล้วคดีความนี้ไม่ได้ซับซ้อนมาก โดยเฉพาะทุบตีคนในข้อนี้ ที่จริงแล้วขอเพียงแค่ขอโทษผู้ได้รับบาดเจ็บและจ่ายค่าหมอค่ายาให้ก็สามารถแก้ไขได้แล้ว แต่สิ่งที่ยากก็คือคนคนนี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่เป็นข้าราชการที่มีตำแหน่งจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เล็กก็ไม่เล็กคนหนึ่ง
เมื่อคิดถึงผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น……ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจคนหนึ่งจริงๆ เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเป่หมิงโม่จัดการผู้อำนวยการโกวจนบาดเจ็บขนาดไหน แต่สิ่งที่ได้รู้จากปากของเจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนนั้น อาการบาดเจ็บน่าจะไม่หนักมาก
ถ้าหากว่าจะต้องขอโทษเขาแล้วล่ะก็…….ยังไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยเป่หมิงโม่ออกมาได้หรือไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากที่กู้ฮอนครุ่นคิดแล้วก็ตัดสินใจลองสักครั้ง อาจจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีก็ได้ อย่างไรถ้าตัวเองออกหน้าเรื่องราวก็น่าจะพูดง่ายเล็กน้อย
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเรียกรถที่เพิ่งจะผ่านมาคันหนึ่งให้ไปตามที่อยู่โรงพยาบาลซึ่งผู้อำนวยการโกวพักรักษาอาการป่วยที่ขอมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้น
*
เรื่องดีๆไม่แพร่หลายออกไปในวงกว้าง แต่เรื่องเลวร้ายมักแพร่ออกไปได้ไกลตั้ง 1,000 ลี้ ไม่รู้ว่าข่าวคราวที่เป่หมิงโม่บุกฝ่าด่านที่เกาะหูซิน แล้วทำให้ผู้อำนวยการโกวได้รับบาดเจ็บหลุดลอยออกมาจากที่ไหน แพร่ออกไปอย่างสกัดไม่อยู่
โชคดีที่ตอนที่ผู้ได้ยินข่าวคราวก็ออกปฏิบัติหน้าที่อย่างกลุ่มนักข่าวมาปิดกลั้นทางออกชั้นล่างของบริษัทเป่หมิงนั้น กู้ฮอนก็จากไปนานแล้ว ดังนั้นจึงหลบเลี่ยงคำถามรุนแรงพวกนั้นของพวกเขามาได้อย่างโชคดีมาก
สำหรับฉิงฮัวที่ยังอยู่ในบริษัทเป่หมิง เขากลับไปไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เขาส่งคนไปขับรถของกู้ฮอนที่จอดอยู่ที่คฤหาสน์ตึก Cกลับมาก่อน โชคดีที่เรื่องนี้จัดการได้ราบรื่นเป็นอย่างมาก เอารถกลับคืนมาก็ไม่ได้ถูกใครทำให้ลำบากใจหรือว่าสกัดกั้น
เช่นเดียวกันกับภายในบริษัทเป่หมิง เรื่องนี้ก็ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นมา เป่หมิงโม่ลงมือไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่แปลกก็คือเขาลงมือชกผู้นำที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเบื้องบน เรื่องนี้นั้นวุ่นวายใหญ่โตแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาและเหล่านักข่าวที่อยู่ด้านนอกล้วนไม่ทราบชัดเจนว่าทำไมเป่หมิงโม่ถึงได้ลงมือ
ดังนั้นจึงมีการคาดเดาเรื่องราวหลากหลายรูปแบบต่างๆนาๆ
ภายในห้องทำงานของหัวหน้าแผนกออกแบบของบริษัทเป่หมิง เป่หมิงยี่เฟิงในตอนนั้นกำลังถือไม้กอล์ฟอยู่หนึ่งอัน ทั้งยังระมัดระวังในเรื่องของการปรับเปลี่ยนทิศทางและองศาของตัวเอง ถัดมาก็ออกแรงสะบัดไม้ครั้งหนึ่งตีลูกกอล์ฟเบาๆให้กลิ้งเข้าไปในหลุมกอล์ฟที่อยู่ไม่ใกล้นัก
ตอนนี้เองที่ประตูห้องทำงานของเขาถูกเปิดออก ถังเทียนจื้อเดินเข้ามาจากข้างนอก “คุณชายเป่หมิง คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าคุณจะยังมีแก่ใจมาตีกอล์ฟอยู่ที่นี่อีก ด้านล่างตึกครึกครื้นกันมากเลย”
“หือ” เป่หมิงยี่เฟิงเผยสีหน้าสงสัย น้อยครั้งมากที่เขาจะมองออกไปนอกบานหน้าต่างที่ห้องทำงาน เมื่อได้ยินเขาพูดแล้วก็หันไปวางไม้กอล์ฟในมือลงไปในถุงกอล์ฟ จากนั้นก็เดินที่ไปข้างหน้าต่าง ใช้นิ้วชี้แตะเพื่อเปิดผ้าม่านที่ปิดสนิทให้เปิดออกเบาๆ ก็เห็นว่าที่ชั้นล่างของบริษัทเป่หมิงนั้นมีคนมารวมตัวกันไม่น้อยเลย
“คนมาออกตัวรวมกันอยู่ที่ด้านล่างทำไมกัน ยังไม่รีบแจ้งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยขับไล่พวกเขาออกไปอีก”
ถังเทียนจื้อลากเก้าอี้มานั่งตัวหนึ่ง ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม “ทำแบบนั้นทำไมกัน พวกเขาล้วนพุ่งเป้ามาที่เป่หมิงโม่ ดูท่าทางของคุณก็รู้แล้วว่าคุณไม่รู้ว่าเมื่อวานเขาเผยใบหน้า บุกไปถึงสถานที่ราชการอย่างเกาะหูซินแล้วลงไม้ลงมือกับผู้อำนวยการแซ่โกวที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ไปยกหนึ่ง”
****
“ที่คุณพูดมาเป็นความจริงหรือ” เป่หมิงยี่เฟิงได้ยินแล้วก็รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่บ้าง เขารู้จักเป่หมิงโม่เป็นอย่างดี เขาไม่ทำเรื่องไร้เหตุผลแบบนี้อย่างแน่นอน
“ผมบอกแล้วคุณก็ยังไม่เชื่อ ไม่อย่างนั้นคุณก็ลงไปถามนักข่าวพวกนั้นดูสิ ดูว่าผมพูดโกหกหรือเปล่า” ถังเทียนจื้อถูกการสงสัยของเขาทำให้โกรธขึ้นมา
“ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อคุณ แต่ผมเข้าใจในตัวอารองของผมมากเกินไป เขาสามารถทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้จะต้องมีสาเหตุบางอย่างอย่างแน่นอน”
ถังเทียนจื้อยิ้มเฉยชา “คุณชายเป่หมิงพูดได้ถูกต้อง แน่นอนว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุ ผมเพิ่งจะลองสืบมาเล็กน้อย”
ถัดมาเขาก็เล่าเรื่องที่สืบมาออกมาคร่าวๆ
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีหลากหลายรูปแบบ มีสองแบบในนั้นที่ค่อนข้างจะยอมรับได้
แบบแรก ปัญหาเรื่องการติดสินบน ผู้ที่เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งทรงอิทธิพล เมื่อได้รับอำนาจแล้วก็จะใช้มันกดขี่รังแกผู้อื่นที่อ่อนด้อยกว่า โดยเฉพาะ ‘ผู้นำสูงสุด’ เป่หมิงโม่แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทแล้ว แต่อาศัยที่ว่ามีความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดกับกู้ฮอน แน่นอนว่าเขายังต้องออกหน้าจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยแทนเธอ แต่ว่าภายหลังมีสาเหตุบางอย่างเกิดขึ้นทำให้ทั้งสองฝ่ายชกต่อยกันขึ้นมา