บทที่ 953 ไต่สวน
กู้ฮอนเดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง วางกระเป๋าใบเล็กลงบนโต๊ะพลางยิ้มบางๆ “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ได้เป็นอะไร” เธอพูดแล้วเบนสายตาไปที่โต๊ะตัวนั้นที่ว่างอยู่เพียงตัวเดียว
นี่คือโต๊ะทำงานของเป่หมิงโม่ จะพูดให้ชัดเจนก็คือควรจะบอกว่าเป่หมิงโม่แย่งโต๊ะทำงานตัวนั้นของตัวเองไป ในใจของเธออดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ถูก
“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
คำถามนี้นั้นจริงๆแล้วฉิงฮัวก็อยากรู้มากเหมือนกัน นับตั้งแต่เจ้านายโทรศัพท์หาตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย โทรศัพท์ของเขาก็โทรไม่ติดอีกเลย
ทั้งคืนไม่มีข่าวคราวอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่สามารถยืนยันได้ก็คือหลังจากที่ส่งคนออกไปตรวจสอบแล้ว สุดท้ายก็ได้รู้ว่าเจ้านายถูกตำรวจสามนายพาตัวไปแล้ว
รายละเอียดข่าวคราวที่ลึกยิ่งกว่านั้นก็ไม่อาจรู้ได้
วันนี้คุณผู้หญิงถามเกี่ยวกับเรื่องเจ้านายแล้วเขาควรจะตอบคำถามนี้อย่างไรถึงจะดี
“คุณผู้หญิง เจ้านายเขา……” ตอนที่เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายกับกู้ฮอนอย่างไร โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น นี่นำพามาความหวังเสี้ยวหนึ่งมาให้เขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เขารีบรับโทรศัพท์ “ไม่ทราบว่าคุณต้องการพูดกับใครครับ”
เสียงจากโทรศัพท์อีกฟากหนึ่งเป็นเสียงคนแปลกหน้า “คุณเป็นอะไรกับเป่หมิงโม่ครับ”
ฉิงฮัวได้ยินแล้วก็คิดว่าโทรศัพท์สายนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเจ้านายอย่างแน่นอน ใบหน้าเศร้าหมองมีสีสันขึ้นมาหลายส่วนในทันที
“ผมเป็นผู้ช่วยของเขาครับ คุณรอสักครู่ ผมจะให้คุณผู้หญิงพูดกับคุณ” เขาพูดแล้วก็รีบกวักมือเรียกกู้ฮอน
กู้ฮอนก็อยากรู้เรื่องของเป่หมิงโม่เช่นเดียวกัน เพราะจากคำพูดอึกๆอักๆไม่กี่คำของฉิงฮัวก็รู้ว่าเป่หมิงโม่ได้กลับไปทั้งคืน อย่างน้อยก็ไม่ได้ติดต่อกับฉิงฮัวอีก
อ้างอิงจากเรื่องนี้แล้ว อย่างนั้นจะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับเขาอย่างแน่นอน อีกทั้งเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับตัวเองด้วย
เธอรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมีข่าวคราวของเป่หมิงโม่บ้างไหมคะ”
“คุณเป็นอะไรกับเขาครับ”
กู้ฮอนลังเลเล็กน้อย จะตอบเขาว่าอะไรดีนะ หัวหน้าหรือว่าผู้ช่วยคนก่อนกัน เธอรู้สึกว่าจะตอบแบบไหนก็ล้วนไม่เหมาะสม
สุดท้ายเธอจึงเอ่ยว่า “ฉันเป็นแม่ของลูกเขาค่ะ” ตอนนี้อาจจะมีเพียงแค่คำตอบแบบนื้ที่น่าเชื่อถือ
“อย่างนั้นคุณก็คือภรรยาของเขาหรือ ผมบอกกับคุณแบบนี้ก็แล้วกัน เพราะเป่หมิงโม่เป็นที่สงสัยว่าทำการทุบตีเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งยังบุกเข้าไปในสถานที่ราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงถูกจับกุมตามกฎหมาย“
กู้ฮอนได้ยินแล้วในใจก็รู้สึกตื่นตระหนกไปชั่วครู่หนึ่ง เป่หมิงโม่ถูกจับไปแล้ว เขาถูกจับไปเพราะตัวเอง…….
ตอนนี้ ความคิดแรกของเธอก็คือพยายามอย่างสุดความสามารถของตัวเองเพื่อช่วยเขาออกมา เธอรีบเอ่ยว่า “คุณผู้ชาย เรื่องนี้ฉันก็เป็นบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่ง ฉันหวังว่าจะสามารถได้พบกับเขาสักครั้ง ทั้งยังยินยอมที่จะเป็นพยานในศาลให้กับเขาด้วย เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ค่ะ”
“เป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ ไม่ใช่ว่าคุณพูดแล้วก็จบ มีเพียงแค่เปิดศาลไต่สวนคดีแล้วถึงจะทราบได้ ถ้าหากว่าคุณก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วล่ะก็ ทางที่ดีคุณก็ควรจะมาให้ความร่วมมือในการตรวจสอบของพวกเราด้วย”
กู้ฮอนพยักหน้าไม่หยุด “ได้ค่ะๆ ฉันจะต้องให้ความร่วมมือกับพวกคุณอย่างแน่นอน”
***
เมื่อจบบทสนทนาแล้ว ในใจของกู้ฮอนก็หนักอึ้งเป็นอย่างมาก สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและเศร้าหมอง เธอรู้ว่าถ้าอยากให้เป่หมิงโม่รอดพ้นจากความผิดในครั้งนี้ล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
“คุณผู้หญิง มีอะไรให้ผมทำไหมครับ” ฉิงฮัวรู้ว่าเจ้านายจะต้องพบกับปัญหาอะไรที่ตึงมืออย่างแน่นอน ตอนนี้แม้ว่าตัวเองอาจจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังอยากจะลงแรงส่วนหนึ่งของตัวเองอยู่ดี
“ขอบคุณนะ เรื่องของเขาเกิดขึ้นเพราะฉัน แน่นอนว่าต้องให้ฉันช่วยเขาแก้ไข เพียงแต่ว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องรบกวนคุณสักหน่อย อ่อ ใช่แล้ว รถของฉันยังจอดอยู่ที่นั่น ถ้าหากว่าคุณสะดวกล่ะก็ รบกวนคุณช่วยขับกลับมาให้หน่อย” กู้ฮอนพูดแล้วก็หยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าส่งให้ฉิงฮัว จากนั้นก็เก็บของบนโต๊ะตัวเองอย่างลวกๆแล้วหมุนตัวออกจากห้องทำงานไปอย่างรีบร้อน
หลังออกมาจากบริษัทเป่หมิงแล้ว กู้ฮอนก็เรียกรถคันหนึ่งมุ่งหน้าไปทางสำนักความมั่นคงสาธารณะที่เมือง A ซึ่งเป็นที่คุมขังเป่หมิงโม่อย่างรวดเร็ว เนื่องจากคดีความที่เขาเป็นผู้ต้องสงสัยนั้นค่อนข้างพิเศษและค่อนข้างจะหนักหนา แน่นอนว่าไม่สามารถมอบให้กับสถานีย่อยอื่นๆมาจัดการเรื่องนี้ได้
*
ห้องโล่งกว้างที่ผนังรอบด้านเป็นสีขาว ตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่ที่เขียนว่า “สารภาพความผิดอย่างตรงไปตรงมาแล้วจะได้รับการผ่อนปรน หากต่อต้านขัดขืนจะได้รับการจัดการอย่างเข้มงวด” หลายตัวติดไว้ ทำให้บรรยากาศภายในห้องนั้นตึงเครียดมากเป็นพิเศษ
กู้ฮอนมองเจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
ตอนนี้เขากำลังก้มหน้าพลิกอ่านเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเป่หมิงโม่อยู่ ผ่านไปประมาณสิบนาทีหลังจากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นมองแล้วแข็งแกร่งกว่าเป่หมิงโม่ไม่มากเท่าไร แต่แววตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายนี้มีความรู้สึกน่าเกรงขามที่ไม่อาจต่อต้านได้เพิ่มขึ้นมา มีแรงดึงดูดที่ทำให้ผู้คนไม่เป็นตัวของตัวเองจนเหมือนกับว่าสามารถมองเห็นก้นบึ้งของจิตใจผ่านนัยน์ตาของคุณได้ในทันที แม้ว่าจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ใจคอกว้างขวาง ก็ล้วนถูกเขามองจนรู้สึกไม่สบายตัวไปจนถึงนั่งไม่เป็นสุข
แน่นอนว่ากู้ฮอนก็เป็นเช่นนั้น เธอรู้สึกว่าไม่ค่อยสบายตัวและมักจะมีอาการขนลุกอยู่เสมอ เธอรู้สึกใจไม่สงบจนมือที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะนั้นบีบกันแน่น เพื่อเป็นการลดแรงกดดันที่อยู่ในใจลง
เจ้าหน้าที่ตำรวจนายนี้พบเจอคนมานับไม่ถ้วนแล้ว คนแบบไหนบ้างที่เขาไม่เคยพบ สำหรับปฏิกิริยาตอบสนองของกู้ฮอนในตอนนี้นั้น เขาเห็นจนเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว เขาหยิบสมุดบันทึกการสอบปากคำและปากกาขึ้นมา
จากนั้นก็ก้มหน้าลง ใช้น้ำเสียงเคร่งขรึมที่ใช้ในการสอบปากคำนักโทษในการสอบถาม “คุณชื่ออะไร”
“กู้ฮอนค่ะ”
“คุณมีความเกี่ยวข้องอะไรกับบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์”
“เขาเป็นพ่อของลูกฉันค่ะ”
“อย่างนั้นพวกคุณก็มีความสัมพันธ์เป็นสามีภรรยากันหรือ”
กู้ฮฮนรีบส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ค่ะ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจเงยหน้าขึ้นมามองเธอครู่หนึ่งแล้วก็ก้มลงไปจดบันทึกลงบนสมุดสอบปากคำหนึ่งประโยค “มีลูกนอกสมรส”
รอจนคำถามพื้นฐานเหล่านี้จบลงแล้ว เขาก็เริ่มสอบถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีความนี้ “คุณเคยพูดว่าคุณก็เป็นบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดคดีนี้ใช่หรือไม่”
กู้ฮอนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่แล้วค่ะ ฉันเป็นบุคคลหลักในเหตุการณ์นั้น ไม่เพียงแต่เท่านั้น การกระทำทั้งหมดของเป่หมิงโม่ล้วนมีฉันเป็นต้นเหตุ”
“หืม” เจ้าหน้าที่ตำรวจวางปากกาลง เงยหน้ามองตาเธอ “ในเมื่อเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับคุณ อย่างนั้นคุณสามารถเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ผมฟังคร่าวๆสักหน่อยได้หรือไม่”
“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ว่าฉันทราบเพียงแค่เรื่องราวก่อนที่ฉันจะสลบไป สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ฉันไม่ชัดเจนเท่าไรแล้ว” ถัดมาเธอก็เล่าเรื่องที่ว่าได้รับการ์ดเชิญจากผู้อำนวยการโกวได้อย่างไร ไปจนถึงเรื่องราวที่จู่ๆก็เวียนหัวตอนที่เตรียมตัวจะกลับบ้านโดยที่แทบไม่ตกหล่นเลยแม้แต่คำหนึ่งออกมา
***
การให้ปากคำของกู้ฮอนนั้นดำเนินมาตลอดช่วงเช้าจนแทบจะครอบคลุมทุกรายละเอียดแล้ว ขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่รู้ก็จะพูดออกมาได้โดยไม่เก็บเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนฟังคำให้การของเธอไปก็จดบันทึกคดีอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียวที่เขาตัดบทการให้ปากคำของกู้ฮอน นั่นก็เพราะว่าคิดไม่ถึงเลยว่าคดีความนี้จะมีเรื่องราวแบบนี้
เดิมผู้อำนวยการโกวที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายในคดีความนี้กลับทำเรื่องสกปรกแบบนี้ ทำให้คนรู้สึกประหลาดใจจริงๆ
แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังคงต้องมีจิตใจที่ยุติธรรมอยู่ดี ไม่สามารถเอนเอียงความรู้สึกส่วนตัวไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ ดังนั้น สำหรับการให้ปากคำฉบับนี้ เขาจึงถือว่าเป็นการให้ความข้างเดียว
หลังจากเขียนคำให้การช่วงสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนก็วางปากกาลงที่ด้านข้าง “เรียบร้อยแล้ว คำให้การทำเสร็จแล้ว ตอนนี้คุณสามารถกลับบ้านได้แล้ว เพียงแต่ถ้าหากพวกเรามีคำถามในภายหลังล่ะก็จะติดต่อให้คุณไปได้ตลอดเวลา และหวังว่าก่อนที่จะปิดคดี คุณจะให้ความร่วมมือกับการทำงานของพวกเราอย่างกระตือรือร้นนะครับ”
กู้ฮอนในตอนนี้ก็ถือว่าโล่งอกได้แล้ว เธอไม่ได้ไปจากสถานที่แห่งนี้ในทันที แต่ลองหยั่งเชิงถามไปประโยคหนึ่งว่า “คุณตำรวจคะ ฉันสามารถพบกับเป่หมิงโม่สักครู่ได้ไหมคะ ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบากค่ะ แค่สักครู่เดียวก็พอแล้ว”
เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนเก็บบันทึกสำนวนเรียบร้อยแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคำขอร้องนี้ของเธอก็ลังเลเล็กน้อย เพียงแต่สุดท้ายแล้วก็ยังพยักหน้า “ได้ครับ ให้พวกคุณพบกันได้ เพียงแต่ว่าไม่ใช่เวลานานนะครับ มีเวลาเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น ใช่แล้ว ขอแจ้งคุณอีกสักหน่อยว่า คุณต้องหาทนายความให้เขาด้วย”
“หาทนายความหรือคะ ฉันก็คือทนายความค่ะ ถ้าหากว่าเป็นไปได้แล้วล่ะก็ ฉันหวังว่าจะสามารถเป็นทนายความให้กับเขาได้” กู้ฮอนพูดแล้วรีบหยิบใบรับรองการเป็นทนายความของตัวเองออกมาจากในกระเป๋ายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคน
“คุณก็เป็นทนายความหรือ” เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนรับใบรับรองที่ยื่นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ หลังจากพลิกอ่านเล็กน้อย ยืนยันแล้วว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เพียงแต่คำพูดถัดมาของเขากลับทำลายความคิดนี้ของกู้ฮอนจนหมด “คุณกู้ คุณไม่สามารถเป็นทนายความให้เขาได้ครับ อย่างแรกคือ คุณเป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ ข้อสองคือคุณและเป่หมิงโม่ยังมีลูกด้วยไม่ใช่หรือ เพื่อที่จะให้ความรับผิดชอบในการสืบสวนคดีความนี้เป็นไปอย่างราบรื่นในภายภาคหน้า ผมคิดว่าคุณควรจะหาทนายความคนใหม่ให้กับเขาจะดีกว่า ในเมื่อพูดจนถึงตรงนี้แล้ว คุณก็พิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนสักหน่อยเถอะ คุณรออยู่ที่นี่สักครู่ ผมจะพาเป่หมิงโม่มาให้คุณได้พบหน้ากับเขา”
“ขอบคุณค่ะ ฉันจะจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว” กู้ฮอนเอ่ยขอบคุณอยู่หลายครั้งแล้ว ก็มองเขาจากไป
ช่วงระหว่างการรอนั้นในใจของกู้ฮอนก็รู้สึกไม่สงบตลอด เธอคิดว่าตอนที่เจอเป่หมิงโม่ ควรจะพูดอะไรกับเขาดี บางทีในตอนนี้ควรจะปลอบใจเขาสักหน่อยถึงจะถูก
พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังลอยมาจากข้างนอกห้อง เธอรู้ว่าเป่หมิงโม่มาแล้ว เหมือนกับว่าเป็นครั้งแรกที่ตัวเองรู้สึกอยากจะพบกับเขาแบบนี้
เธอหันหน้าไปมองที่ประตู เห็นเป่หมิงโม่ถูกตำรวจสองนายพาตัวเข้ามา เมื่อนัยน์ตาสี่ข้างของพวกเขาประสานกัน กู้ฮอนก็สามารถมองเห็นความรู้สึกเป็นห่วงตัวเองได้จากแววตาของเขา เช่นเดียวกันกับเป่หมิงโม่ที่สามารถอ่านความวิตกกังวลที่มีต่อตัวเองในสายตาเธอได้
“ให้เวลาพวกคุณเพียงแค่ห้านาที มีอะไรก็รีบพูดเถอะ” ตำรวจสองนายเอ่ยจบแล้วก็หมุนตัวจากไป พร้อมกับปิดประตูลง
ภายในห้องตอนนี้เหลือเพียงแค่เป่หมิงโม่กับกู้ฮอนเพียงสองคนเท่านั้น
***
เป่หมิงโม่และกู้ฮอนทั้งสองคนนั่งเผชิญหน้ากัน ระหว่างพวกเขามีโต๊ะตัวหนึ่งกั้นอยู่
นี่เกือบจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่กู้ฮอนสังเกตพิจารณาเป่หมิงโม่อย่างละเอียด ความรังเกียจที่มีอยู่ในแววตาก็ลดลงไม่น้อย แต่มีความเป็นห่วงเพิ่มขึ้นมา
เห็นท่าทางของเขาแล้วก็รู้ว่าเมื่อคืนเขาจะต้องไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แน่นอน ภายในนัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยตัดกันไปมา……
เช่นเดียวกันกับเป่หมิงโม่ที่สามารถมองเห็นความห่วงหาอาทรที่เธอมีให้กับตัวเองผ่านแววตาของเธอ นี่ทำให้ในใจของเขารู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมาชั่วครู่ และก็เชื่ออย่างไม่ลังเลว่าการกระทำแบบนี้ของตัวเองนั้นคุ้มค่าเป็นอย่างมาก
“ขอโทษด้วยจริงๆที่เรียกคุณมาให้ช่วงเวลาที่ยุ่งมากที่สุดขนาดนี้” มือทั้งสองข้างของเป่หมิงโม่วางอยู่บนโต๊ะ สิบนิ้วประสานกัน นิ้วโป้งยังคงขยับวนไปมาไม่หยุด